เกิดอะไรขึ้นกับไป๋อวิ๋นจงตอนอยู่ที่ลัทธิพันไหมกันแน่ เื่นี้ไม่ได้มีแค่หลงอวี้ที่อยากรู้ เหล่าผู้าุโทั้งหลายเองก็เช่นกัน
“ท่านประมุข ด้วยความเคารพ”
ผู้เฒ่าขาวถามตรงๆ
“ตามหลักแล้ว ประมุขของลัทธิพันไหมไม่น่าจะใช่คู่ต่อสู้ของท่าน แล้วทำไมท่านถึง...”
“ลัทธิพันไหมตอนนี้ไม่ได้มีแค่ประมุขของลัทธิพันไหมเท่านั้น ยังมี... ท่านผู้นั้นอยู่ด้วย”
ไป๋อวิ๋นจงพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเหลือบมองหลงอวี้ราวกับมีอะไรบางอย่าง
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น พริบตานั้นเหล่าผู้าุโก็เข้าใจเื่ราวทันที อย่างนี้นี่เอง!
เพียงแต่หลงอวี้และหลิงหานยังไม่รู้ว่า ‘ท่านผู้นั้น’ ที่ไป๋อวิ๋นพูดถึงคือใคร
หลงอวี้เห็นสายตาของไป๋อวิ๋นจงที่มองเขาแล้วพูดคำนี้ ก็อดคิดไม่ได้ว่า หรือท่านผู้นั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับเขาด้วย?
“คนของตระกูลหลง?”
หลงอวี้ขมวดคิ้ว หรือตระกูลหลงจะร้ายกาจจนแม้แต่ประมุขของลัทธิสยบฟ้าอย่างไป๋อวิ๋นจงยังถูกทำร้ายจนาเ็?
ไป๋อวิ๋นจงไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาพูดต่อไป
“ข้าและเ้าสำนักน้ำแข็งเยือกเดินทางไปพร้อมกัน ทว่าถูกทำร้ายกลับมา ไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังถูกท่านผู้นั้นข่มขู่ให้มอบเคล็ดสยบฟ้าให้ด้วย”
“อะไรนะ? มอบเคล็ดสยบฟ้า?”
ผู้าุโทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นก็หน้าถอดสี
เคล็ดสยบฟ้าเป็วิชาฝึกพลังที่บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งลัทธิสยบฟ้าคิดค้นขึ้น เป็รากฐานสำคัญของลัทธิสยบฟ้า! แต่ท่านผู้นั้นกลับข่มขู่ให้ส่งมอบเคล็ดสยบฟ้าให้ หรือว่าขุมอำนาจในอาณาจักรต้าถังกำลังจะเปลี่ยนไป!
ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็คนฉลาด แค่คิดก็เข้าใจเื่ราวส่วนใหญ่ได้ เจ็ดสำนักลัทธิใหญ่ตอนนี้ทรงอำนาจมากเกินไป ท่านผู้นั้นเลยคิดจะสะกดเอาไว้!
“แล้วเ้าสำนักน้ำแข็งเยือกว่าอย่างไรบ้าง?”
มีผู้าุโคนหนึ่งเอ่ยถาม เวลาแบบนี้ลองดูท่าทีของสำนักลัทธิอื่นๆ ก่อนดีกว่า
“เพื่อช่วยเหลือลูกศิษย์ของสำนักน้ำแข็งเยือก ทางนั้นจึงมอบวิชาหทัยเยือกแข็งไปแล้ว”
ไป๋อวิ๋นจงพูดเสียงเครียด
คำพูดของเขาก็ทำให้ผู้คนทั้งหลายตื่นตะลึงอีกครั้ง เ้าสำนักน้ำแข็งเยือกยอมทำขนาดนี้เลยหรือ เพื่อช่วยเหลือลูกศิษย์ในสำนัก ถึงกับยอมมอบวิชาหทัยเยือกแข็งให้!
“แน่นอนว่าให้ไปแค่ครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะรอให้ถึงเวลาก่อนค่อยใคร่ครวญดูว่าจะให้ไปด้วยดีหรือไม่”
ไป๋อวิ๋นจงกล่าวต่อ
“เวลาที่ว่า คืองานประลองเจ็ดสำนัก!”
งานประลองเจ็ดสำนัก
หลงอวี้เคยได้ยินมาก่อน ว่ามันคืองานใหญ่ที่รวบรวมเหล่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์ของเจ็ดสำนักลัทธิใหญ่ในอาณาจักรต้าถังมาประลองกัน แค่ได้เข้าร่วมก็จะเป็ที่เลื่องลือไปทั้งอาณาจักรต้าถังแล้ว!
“เคล็ดวิชาฝึกพลังจะอยู่หรือไป ใช้ผลของงานประลองเจ็ดสำนักเป็ตัวตัดสิน”
ไป๋อวิ๋นจงกล่าว
“สงสัยท่านผู้นั้นคงกลัวว่าจะบีบคั้นเรามากเกินไป ก็เลยกำหนดเงื่อนไขแบบนี้ ถึงอย่างไร ลูกสาวของเขาที่เติบโตที่ลัทธิพันไหมก็มีพร์สูงล้ำ เกรงว่าพอถึงวันงานประลองเจ็ดสำนัก จะไม่มีใครเป็คู่ต่อสู้ของนางได้”
“อวี่เชียนหนิง”
ผู้าุโหลายคนพูดด้วยเสียงเครียด
“ใช่แล้ว”
ไป๋อวิ๋นจงพยักหน้า
หลงอวี้และหลิงหานได้ยินเช่นนั้นก็หันมาสบตากัน เห็นความรู้สึกเหลือเชื่อในสายตาอีกฝ่าย เ้าหญิงพันไหมอวี่เชียนหนิง ถูกประเมินความสามารถไว้สูงขนาดนั้นเลยหรือ?
ตอนเข้าป่าโสมโบราณนางมีวรยุทธ์เพียงขั้นแปดอยู่เลย แม้จะบรรลุถึงขั้นเก้าได้ ก็ยังยากที่จะเป็คู่ต่อสู้ของยอดฝีมือที่สร้างิญญาแท้ได้อย่างปู้สิงหรือฮวาปู๋เซี่ยอยู่ดี!
ในบรรดาเจ็ดสำนักลัทธิใหญ่ทั้งหลาย เหล่าลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับต้นๆ ของสำนักลัทธิเ่าั้ย่อมต้องเป็ยอดฝีมือขนาดสร้างิญญาแท้ได้แล้วทั้งสิ้น ยากที่จะต่อกร
คนที่ยังอยู่ในวิถียุทธ์ทั้งเก้าขั้น เมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือิญญาแท้ก็ทำได้แค่แหงนมองจากเบื้องล่าง
ตามหลักแล้ว แค่อวี่เชียนหนิงคนเดียว ไม่คู่ควรให้สนใจถึงจะถูก
“ส่วนอวี้สุ่ยอวิ๋นนั้นถูกกฎเกณฑ์แห่งเงามืดทำร้ายจนาเ็ เกรงว่าต้องพักฟื้นอีกนานกว่าจะฟื้น”
ไป๋อวิ๋นจงขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยพูดต่อ
“หอวิทยายุทธ์ตอนนี้ไม่มีคนดูแลชั่วคราว ให้ผู้าุโหลี่ดูแลแทนก่อน เป็อย่างไร?”
เมื่อสิ้นเสียงแล้ว ชายหนุ่มรูปงามชุดเขียวที่อายุเพียงยี่สิบกว่าปีก็พยักหน้ารับ
“น้อมรับคำสั่งท่านประมุข”
ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวอย่างนอบน้อม
หลงอวี้เห็นเช่นนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย ั้แ่ที่ก้าวเข้ามาในนี้เขาก็สังเกตเห็นชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นแล้ว แต่ไม่ทราบว่าท่านผู้นั้นเป็ใคร ที่แท้ก็เป็ผู้าุโเหมือนกันหรือนี่!
ดูท่าในลัทธิสยบฟ้าจะมียอดฝีมือมากพร์อยู่ไม่น้อย ถึงกับมีผู้าุโที่ยังหนุ่มขนาดนี้ด้วย
ผู้าุโหลี่ หลี่ปู้ฝาน จะดูแลหอวิทยายุทธ์แทนผู้าุโอวี้นับจากวันนี้ไป ส่วนผู้าุโอวี้ตอนนี้ยังหมดสติ ไม่รู้ว่าจะได้สติเมื่อใด
“พวกเ้าสองคน รับตราประจำตัวไป”
พอไป๋อวิ๋นจงมอบหมายงานในลัทธิเสร็จ ถึงหันมาพยักหน้าให้หลงอวี้และหลิงหาน จากนั้นโยนแผ่นหยกมาให้คนละชิ้น
“ข้าจะไม่พูดให้มากความ แต่ในงานประลองเจ็ดสำนัก พวกเ้าต้องแสดงผลงานให้ดี!”
“ขอรับ”
หลงอวี้และหลิงหานตอบรับพร้อมกัน
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปีก่อนถึงวันจัดงานประลองเจ็ดสำนัก ่เวลาครึ่งปีนี้ พวกเขาต้องพยายามให้หนักกว่านี้ เพราะในงานประลองเจ็ดสำนักนั้น วรยุทธ์ขั้นแปดเป็มาตรฐานต่ำสุด
หากไม่เพิ่มระดับพลังให้มากกว่านี้ เมื่อถึงงานประลองแล้วคงเป็ได้แค่ตัวตนที่ต่ำต้อยที่สุดแน่!
“นี่คือโอสถระดับสูง โอสถอวี้ซาน พวกเ้าเก็บไว้ให้ดี แล้วไปเลือกวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษมาฝึกสักวิชาเถิด”
ไป๋อวิ๋นจงโยนขวดยาขนาดเล็กมาทางหลงอวี้และหลิงหานสองขวด
โอสถอวี้ซาน เป็โอสถระดับสูง มีผลในการยกระดับพลังสูงมาก!
“ขอบพระคุณท่านประมุข”
แม้ว่าการได้เลื่อนขั้นเป็ลูกศิษย์ระดับพิเศษจะได้รับโอสถระดับสูงเป็รางวัลอยู่แล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังคงซาบซึ้งอยู่ดี ถึงอย่างไร โอสถระดับสูงแต่ละเม็ดก็ล้วนมีมูลค่ามหาศาล!
เพื่อบ่มเพาะเหล่าลูกศิษย์มากพร์ทั้งหลาย ลัทธิก็ยอมลงทุนอย่างไม่เสียดาย เพื่อที่วันหน้าเหล่าลูกศิษย์จะได้พยายามทำงานตอบแทนลัทธิอย่างแท้จริง
“ไปเถิด”
ไป๋อวิ๋นจงโบกมือ
หลงอวี้และหลิงหานพากันหันหลังกลับเดินจากไป
หลังจากทั้งสองคนจากไปแล้ว ไป๋อวิ๋นจงก็ยังคงมองไปทางประตูอยู่นานโดยไม่พูดอะไร
“ท่านประมุข ท่านว่าเ้าหลงอวี้ผู้นี้ เป็อย่างไร?”
พอผ่านไปพักหนึ่ง ผู้เฒ่าขาวก็เอ่ยถาม
“บุตรของขุนพลต้องไม่ธรรมดา เพียงแต่ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าิญญาแท้ล้วนเป็มดปลวก”
ไป๋อวิ๋นจงพูดเสียงเรียบ
“ก่อนจะสร้างิญญาแท้ได้ หากฐานะของเขาถูกเปิดเผย เกรงว่าคงยากที่จะรอดชีวิตไปได้แน่!”
“ข้าได้เตรียมการไว้แล้ว หลงอวี้ของลัทธิเราผู้นี้ อาศัยอยู่บนูเาตระกูลหลิงั้แ่วัยเยาว์ ไม่ใช่คนของพวกตระกูลหลงแต่อย่างใด!”
ผู้เฒ่าขาวกระแทกเสียงเบาๆ
“เช่นนั้นก็ดี”
ไป๋อวิ๋นจงแย้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นกล่าว
“แยกย้ายได้แล้วล่ะ ่ครึ่งปีนี้พวกเ้าทั้งหลายจงสั่งสอนเหล่าลูกศิษย์ในลัทธิให้ตั้งใจฝึกฝน หากชนะลัทธิพันไหมในงานประลองเจ็ดสำนักได้ นอกจากจะไม่ต้องมอบเคล็ดสยบฟ้าให้ผู้อื่นแล้ว ยังจะได้เคล็ดพันไหมบัญชาเงามาด้วย!”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ทุกคนล้วนทราบดีว่า การจะทำให้ลูกศิษย์ในลัทธิเอาชนะเ้าอวี่เชียนหนิงได้เป็เื่ยากเย็นเพียงใด!
อวี่เชียนหนิง เป็บุตรีของประมุขลัทธิพันไหมกับท่านผู้นั้น ด้วยสาเหตุนี้เอง ทำให้นางกล้าเรียกขานตัวเองว่า ‘เ้าหญิงพันไหม’!
ตอนอยู่ที่ป่าโสมโบราณ อวี่เชียนหนิงใช้แค่วิทยายุทธ์ของลัทธิพันไหมเพียงอย่างเดียว แต่คนที่รู้เื่เบื้องลึกจะรู้ว่า ความสามารถที่แท้จริงที่อวี่เชียนหนิงเก็บซ่อนไว้ไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน!
......
หลงอวี้และหลิงหานออกจากหอผู้าุโแล้ว มุ่งหน้าไปทางหอวิทยายุทธ์
“สหายหลง เ้าคิดไว้หรือยังว่าจะเลือกฝึกวิชาอะไร?”
หลิงหานที่เดินอยู่ข้างๆ เอ่ยถาม ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนคำเรียกหลงอวี้แล้ว
พอได้ยินคำว่า ‘สหายหลง’ แล้ว หลงอวี้ก็รู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เพียงตอบกลับไปว่า
“ก้าวประชิดขอบฟ้าที่หยางเทียนชั่วฝึกนั่นดูไม่เลว”
“นั่นมันวิชาท่าร่างนะ”
หลิงหานประหลาดใจเล็กน้อย
“ก้าวประชิดขอบฟ้าแม้จะใช้งานได้ดี แต่ถ้าต้องเข้าร่วมประลองในงานประลองเจ็ดสำนัก ประโยชน์ที่ได้จากวิชาก้าวประชิดขอบฟ้าไม่มีทางเทียบวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษวิชาอื่นได้แน่ หากเ้าเจอพวกที่แข็งแกร่งเหมือนเต่าอย่างถานเจียนอีกเ้าจะทำอย่างไร?”
หากไม่มีวิชาโจมตีที่ทรงพลังมากพอ ไม่ว่าจะมีความเร็วสูงขนาดไหนก็ไร้ประโยชน์!
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้บนเวทีอย่างงานประลองเจ็ดสำนัก
“หากตอนนี้ข้าได้เจอกับถานเจียนอีก ข้าสามารถโค่นมันลงได้ในพริบตา”
หลงอวี้แสยะยิ้มออกมาอย่างลึกลับ
อานุภาพของหมัดัปรภพไม่ใช่เื่เล่นๆ แม้จะยังไม่เคยใช้งานจริง แต่ตอนฝึกเขาก็ััได้ว่าไม่ธรรมดา!
“แล้วแต่เ้าก็แล้วกัน”
หลิงหานพยักหน้า หลงอวี้คิดจะฝึกอะไร เขาย่อมไม่อาจขวางได้อยู่แล้ว
“วิทยายุทธ์ขั้นพิเศษของลัทธิสยบฟ้ามีทั้งหมดเก้าวิชา พวกเราเคยเห็นแล้วสองวิชา คือก้าวประชิดขอบฟ้าและคลื่น์ทะลวง แต่ทั้งสองวิชานี้ข้าคิดว่ามันไม่เท่าไร”
“ท่านรู้ไม่น้อยเลยนี่ อย่างนั้นท่านจะฝึกวิชาอะไรล่ะ?”
หลงอวี้เอ่ยถาม
“ปราณขาวไพศาล”
หลิงหานตาเป็ประกายคาดหวัง
“ข้าเข้าร่วมลัทธิสยบฟ้ามาก็เพื่อวิชานี้แหละ! ในที่สุดก็สามารถทำให้เป็จริงได้แล้ว!”
“ปราณขาวไพศาล?”
หลงอวี้ประหลาดใจ
“มันเป็วิทยายุทธ์ที่ทำได้ทั้งรุกและรับในวิชาเดียว ลักษณะคล้ายวิชาคลื่น์ทะลวง แต่อานุภาพสูงกว่าประมาณหนึ่ง สะกดข่มพวกภูตผีปีศาจหรือสิ่งชั่วร้ายโดยเฉพาะได้ด้วย”
หลิงหานอธิบาย
. “ูเาตระกูลหลิงมักมีพลังหยินมารบกวนเสมอ หากฝึกวิชาปราณขาวไพศาลสำเร็จ ก็จะป้องกันได้อย่างง่ายดาย”
“อย่างนี้นี่เอง”
หลงอวี้พยักหน้า ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม
“จริงสิสหายหลง หลังจากเ้าฝึกวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษได้ระดับหนึ่งแล้ว เ้ากลับไปทีู่เาตระกูลหลิงกับข้าดูเป็อย่างไร?”
หลิงหานเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อเ้าบอกว่าเติบโตทีู่เาตระกูลหลิง แต่จะไม่เคยไปเลยสักครั้งก็ไม่ได้จริงไหม! ถ้าคนอื่นถามเกี่ยวกับูเาเ้าจะทำอย่างไรล่ะ?”
“แต่ว่า งานชุมนุมตระกูลเฟิงที่เมืองอวี้กวนใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว”
หลงอวี้ตอบกลับพร้อมขมวดคิ้ว
“เช่นนั้นเ้ากลับไปจัดการเื่ของเ้าก่อนค่อยมาทีู่เาตระกูลหลิงก็ได้!”
หลิงหานตอบกลับอย่างไม่คิดมาก
“อืม”
หลงอวี้พยักหน้า คิดในใจว่าการเดินทางไปยังูเาตระกูลหลิงถือเป็เื่จำเป็เหมือนกัน ถึงอย่างไรที่งานประลองเจ็ดสำนักก็มีคนมามากมาย ถ้าไม่แสดงละครให้เนียนก็อาจถูกสงสัยได้ง่าย
หลังผ่านไปได้ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงด้านนอกของหอวิทยายุทธ์แล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปในหอ เพียงควักตราประจำตัวของลูกศิษย์ระดับพิเศษออกมา จากนั้นก็มุ่งหน้าเข้าสู่หุบเขาที่อยู่ด้านหลังของหอวิทยายุทธ์
วิทยายุทธ์ขั้นพิเศษทั้งเก้าวิชาของลัทธิสยบฟ้า ล้วนสลักอยู่บนหน้าผาของหุบเขาที่อยู่ด้านหลังหอวิทยายุทธ์ทั้งสิ้น
“เข้าไปเถิด”
ชายหนุ่มรูปงามในชุดเขียวผู้หนึ่งนั้นมาถึงที่ปากทางเข้าของหุบเขาด้านหลังหอวิทยายุทธ์ก่อนแล้ว เขาคือผู้าุโที่จะมาดูแลหอวิทยายุทธ์ชั่วคราว หลี่ปู้ฝาน หรือผู้าุโหลี่นั่นเอง!
เขาไม่ได้ตรวจตราประจำตัวของทั้งสองเลยด้วยซ้ำ ปล่อยให้เข้าไปในหุบเขาทันที
ทั้งสองคนนี้เพิ่งได้รับตราประจำตัวมาจากมือของประมุขไป๋อวิ๋นจง หลี่ปู้ฝานย่อมไม่ขัดขวางอยู่แล้ว
“ความเร็วของผู้าุโหลี่ช่างสูงล้ำจริงๆ”
หลังจากเข้าไปในหุบเขา หลิงหานก็พูดด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อย
“ยอดฝีมือที่สร้างิญญาแท้ได้แล้ว ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย!”
“เป็เช่นนั้นอยู่แล้ว พวกเราเองก็ต้องพยายามเช่นกัน”
หลงอวี้พยักหน้าและแย้มยิ้ม แล้วกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นภาพวาดและตัวอักษรมากมายที่สลักอยู่บนหน้าผารอบหุบเขา ถูกแบ่งออกเป็เก้าส่วน แต่ละส่วนบันทึกวิทยายุทธ์ขั้นพิเศษทั้งเก้าวิชาเอาไว้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้