แสงอาทิตย์ยามเซิน[1]ค่อนข้างแยงตา บนท้องฟ้ามิมีเมฆแม้แต่ก้อนเดียว เหล่าคนผ่านทางที่ใช้มือกำบังแสงตะวันเจิดจ้าพากันหาร่มเงาตามต้นไม้ข้างทางหลบแดด ทำให้โม่จ้านที่เดินตากแดดอยู่กลางถนนโดดเด่นยิ่งนัก แต่ทว่าก็ทำให้ผู้ที่้าหลบซ่อนกายไร้หนทางอำพรางตัวเช่นกัน
ขณะมองเงาคนมิกี่คนที่หลบๆ ซ่อนๆ โม่จ้านถึงกับหัวเราะมิได้ร้องไห้มิออก วิธีที่ตนคิดเอาไว้แต่เดิมคือหากหนีได้ก็พยายามหนีให้ถึงที่สุด เดินวนสักมิกี่รอบจนสลัดคนจำนวนหนึ่งไปได้จึงค่อยตัดสินใจอีกครา ทว่าหากผู้ที่มาจับกุมล้วนแต่มีความสามารถผิวเผินเช่นนี้ กระทั่งหนีก็คงมิต้องแล้ว อย่างมากที่สุดก็เพียงได้อุ่นร่างกาย
ครั้นเดินมาถึงทางแยก โม่จ้านชะงักฝีเท้า แสร้งทำเป็มองดูสถานการณ์บนถนนอย่างมิใส่ใจ ทันใดนั้นพลันเบี่ยงกายวิ่งไปทางขวา ผู้ติดตามรีบไล่ตามไปทันที เมื่อเห็นโม่จ้านวิ่งเข้าไปในซอกเล็กข้างตรอกจึงรีบพุ่งกายเข้าไปทันที
ทว่าภายในซอกเล็กกลับมิมีผู้ใดแม้แต่คนเดียว พวกเขามิกี่คนต่างมองหน้ากันและกัน
“มิมีผู้ใดสอนพวกเ้าหรืออย่างไรว่าหากมองหาด้านหน้ามิเจอให้มอง้าเป็อันดับแรก?”
เสียงของเด็กหนุ่มดังมาจาก้า พวกเขามิกี่คนเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณก่อนจะถูกเงาดำโจมตีจนรับมือมิทัน บุรุษร่างสูงใหญ่ที่อยู่หน้าสุดสองคนถูกโม่จ้านนาบหน้าคนละหนึ่งฝ่าเท้าจนกระเด็นไปชนกำแพงเต็มแรก โม่จ้านที่โปรยตัวลงพื้นอย่างคล่องแคล่วมิต่างกับหมาป่าแดนทุ่งหญ้าที่ปราดเปรียวเปี่ยมพลัง เคลื่อนไหวย้ายตำแหน่งอย่างว่องไว มิได้เห็นคมมีดในมือของอีกฝ่ายอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย คล้ายจะเป็เพียงมิกี่ชั่วอึดใจ คนทั้งห้าที่เข้ามาในซอกเล็กพลันนอนหงายลงกับพื้นเสียแล้ว
โม่จ้านเช็ดกริชสะอาดเอี่ยมแล้วย่อกายลงบนพื้น มองพิจารณาสภาพคนมิกี่คนอย่างละเอียด ผู้หนึ่งแสร้งทำเป็สลบ ยังมิทันได้ลอบโจมตีกลับได้รับหนึ่งสันมือของโม่จ้านจนสลบไปในที่สุด หลังจากนั้นมิรอให้โม่จ้านเก็บกวาดสนามรบ หนึ่งเสียงเล็กแหลมของนกหวีดพลันดังมาแต่ไกล
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากนอกตรอก โม่จ้านขมวดคิ้วเข้าหากัน ตามหลักแล้วกำลังคนในมือลอร์ดเคอซือน่าจะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด เหตุใดจึงมีคนโผล่มาเยอะเช่นนี้?
ซอกเล็กเป็ทางตัน โม่จ้านทำได้เพียงจัดการในรูปแบบของตนโดยการปีนกำแพงด้วยมือเปล่าอย่างรวดเร็ว จากนั้นหมอบอยู่บนขอบชั้นสองของตึกเล็กแล้วตั้งสมาธิ
ผ่านไปมิกี่อึดใจ พลันปรากฏคนผู้หนึ่งนำทางอัศวินบุกเข้ามาในซอกเล็ก
“ท่านหัวหน้าอัศวินรักษาการณ์ เ้าโจรชิงทรัพย์ผู้นั้นจัดการเหล่าสหายของข้า จากนั้นค้นเอาสิ่งของบนตัวของพวกเขา หากมิใช่ว่าข้าหนีเร็วคงมิมีกระทั่งโอกาสขอความช่วยเหลือเสียแล้ว” บุรุษผู้หนึ่งเผยสีหน้าตื่นตระหนก น้ำเสียงเจือเสียงหอบมิหยุด
“โจรปล้นชิงทรัพย์ที่ต่อสู้หนึ่งต่อห้า...หรือว่าจะเป็นักรบ? เหตุใดจึงต้อง่หัวเลี้ยวหัวต่อด้วย...คราวนี้เกิดปัญหาเสียแล้ว”
บุรุษที่ถูกเรียกว่าหัวหน้ากองอัศวินรักษาการณ์หน้าดำทะมึน หันกลับไปออกคำสั่งกับอัศวินด้านหลัง
“รีบไปรายงานกิลด์นักรบ ภายในเมืองมีโจรชิงทรัพย์ที่เป็นักรบผู้แข็งแกร่งอย่างมิต้องสงสัย รีบประกาศจับทั่วทั้งเมืองโดยด่วน”
...ให้ตาย นึกมิถึงว่าจะเหลืออีกคนไว้ข้างนอก?
โม่จ้านกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงกระดูกลั่น วิธีนี้ชั่วช้ายิ่ง มิเพียงโยนหายนะใส่หัวตน ยังสามารถรวบรวมกำลังคนทั้งเมืองออกตามหาตน แม้ตนจะมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ กระนั้นเวลาที่เสียไปก็มากพอจะทำให้อีกฝ่ายรวบรวมกำลังคนแล้วลอบล้อมจับได้แล้ว
ควรทำอย่างไรดี? ที่นี่ยังห่างจากประตูเมืองฝั่งตะวันออกอยู่มาก เห็นทีคงจะแอบออกจากเมืองอย่างเงียบเชียบมิทัน ทันทีที่คนทั้งห้าฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่ทำจะต้องเป็การอธิบายรูปลักษณ์ภายนอกของตนอย่างละเอียด ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ออกจากเมือง กระทั่งหน้าก็ยังเปิดเผยมิได้
โม่จ้านลอบบริภาษ ตนหยิบถุงที่ใส่ชุดพ่อบ้านขึ้นมาก่อนลงจากหลังคาบ้านอีกฝั่งอย่างระแวดระวัง มองซ้ายมองขวามิเห็นคน โม่จ้านวิ่งเลี้ยวกลับไปยังทางแยก อัศวินแจ้งข่าวผู้นั้นวิ่งไปทางฝั่งตะวันออกของเมือง ดังนั้นโม่จ้านตัดสินใจอ้อมกลับโรงเรียนเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยแอบออกไปทางประตูเมืองฝั่งตะวันตก
แต่ทว่าในขณะที่โม่จ้านกำลังเดินเลียบไปตามรั้วโรงเรียน ครั้นเงยหน้าขึ้นพลันสบตากับย่าซิวที่เพิ่งเลิกงาน ในเสี้ยววินาทีที่สายตาคนทั้งสองสอดประสาน โม่จ้านมิมัวพูดพร่ำทำเพลงก็ลงมือทันที ย่าซิวนิ่งงันครู่หนึ่ง ตามด้วยถูกโม่จ้านโจมตีจนล้มลงกับพื้น ทว่าสิ่งที่มิคิดมิฝันแม้แต่น้อยคือ มิรู้ว่าย่าซิวที่เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟันล้วงเอานกหวีดออกมาั้แ่เมื่อใด จากนั้นออกแรงเป่าสุดกำลัง
เสียงนกหวีดอันคุ้นเคยกรีดผ่านอากาศ โม่จ้านที่ช้าไปหนึ่งก้าวถึงกับใจหนักอึ้ง
“ข้ามิเชื่อว่าเ้าจะหนีจากเงื้อมมือของท่านเคอซือได้ ฮ่าๆๆๆ”
รอยยิ้มเ้าเล่ห์ของย่าซิวทำเอาโม่จ้านประหวั่นพรั่นพรึง หลังต่อยคนจนสลบด้วยหนึ่งหมัดพลันวิ่งไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงชุดเกราะกระทบกันจากด้านหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โม่จ้านกัดฟันปีนขึ้นกำแพงโรงเรียน ตามด้วยกอดศีรษะงอตัวะโลงไปกลางพุ่มไม้เตี้ยด้านในกำแพง
กิ่งไม้แหลมคมเกี่ยวขาและไหล่ของโม่จ้านจนเืออก ทว่าโม่จ้านมิสนใจสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว สมองพยายามขับเคลื่อนสุดกำลังเพื่อคิดหาวิธีที่ตนจะสามารถหลุดรอดไปได้
“...ท่านโม่เจ๋อเอ่อร์ ทางนี้!”
ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู ทำเอาโม่จ้านที่กำลังตื่นตระหนกอย่างมากใจนิญญาแทบหลุดออกจากร่างพร้อมทั้งตวัดมีดออกไปโดยสัญชาตญาณ ต้นแขนเล็กของผู้มาเยือนรับหนึ่งคมมีดไปเต็มๆ กระนั้นกลับมิได้ถอยห่างออก กลับดึงแขนโม่จ้านออกมาจากพุ่มไม้ โม่จ้านที่ลุกลี้ลุกลนอยู่พักหนึ่งสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็วก่อนเงยหน้ามองคนตรงหน้า
ดวงตากลมโต ั์ตาสีม่วงอ่อน ริมฝีปากสีผลอิงเถา เป็คุณชายน้อยที่ผิวขาวเนียนละเอียดดีจริง
...คล้ายจะเคยเจอที่ใดมาก่อน?
ขณะมองแววตากระสับกระส่ายของเด็กหนุ่ม โม่จ้านพลันเข้าใจว่านี่มิใช่เวลามานึกย้อนความจำ กองอัศวินรักษาการณ์ได้แจ้งแก่ทหารเฝ้าหน้าประตูโรงเรียนแล้วและจะเข้ามาตรวจสอบในอีกมิช้า
โม่จ้านเดินวกไปวนมาตามเด็กหนุ่ม ท้ายที่สุดหยุดลงตรงตึกเล็กหลังหนึ่ง
“ที่นี่คือหอพักส่วนตัวของข้ากับน้องสาว ผนึกพิเศษ คนนอกมิอาจเข้าไปได้”
...น้องสาว?!
โม่จ้านนึกขึ้นได้กะทันหัน เด็กหนุ่มตรงหน้าก็คือฉิวอินปีศาจแฝงฝันผู้พี่ที่คิดจะดูดพลังิญญาของตนแต่ถูกตอกกลับงั้นหรือ? นึกมิถึงว่าเขาจะช่วยตน
“...เพราะเหตุใด?”
โม่จ้านสงสัยอย่างยิ่ง ตามหลักแล้วตนทำเื่น่ากระดากอายเช่นนั้นต่อฉิวอิน เขาควรเกลียดตนถึงจะถูก
เด็กหนุ่มถอนหายใจ ภายในแววตามีความเศร้าสร้อยเอ่อล้น
“ท่านคือหนึ่งในผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจ ข้ามิอาจทนดูท่านถูกจับ เผ่าปีศาจของพวกเราก็เหลืออยู่เพียงมิกี่ตนแล้ว...”
โม่จ้านมองเด็กหนุ่มที่กำลังจะร้องไห้แล้วอดยกยิ้มขื่นมิได้ “ข้ามิอาจใช้พลังเวทก็ยังคู่ควรให้เ้าเรียกว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจงั้นหรือ?”
ฉิวอินเบิกตาแล้วออกแรงพยักหน้า “เผ่าปีศาจแข็งแกร่งหรือไม่ขึ้นอยู่กับพละกำลังและสายเื ในขณะที่ท่านสูญเสียพลังเวทกลับยังสามารถกดข่มข้าได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังทำให้ข้าเกิดความรู้สึกหวาดกลัวและยอมจำนน แสดงให้เห็นว่าสายเืของท่านอยู่ในระดับสูงกว่าข้ามากโข ขอเพียงิญญาของท่านมิเกิดปัญหาอันใด ต่อให้มิอาจใช้พลังเวทด้วยเพราะได้รับาเ็หรืออ่อนกำลัง ท่านก็จะสามารถฟื้นฟูได้ภายในมิช้า”
กระนั้นปัญหามันอยู่ที่ว่าิญญาของข้ามิใช่เผ่าปีศาจ! ความรู้สึกของโม่จ้านสับสนปนเป มิรู้ว่าควรจะพูดสิ่งใดดี
“...ถ้าเช่นนั้นเหตุใดครั้งก่อนเ้าจึงหนีไปโดยมิเอ่ยสิ่งใดสักคำ?”
“เผ่าปีศาจชั้นต่ำลบหลู่เผ่าปีศาจชั้นสูงอย่างมิประมาณตน มิถูกสังหารคาที่ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว แน่นอนว่าหลบไปไกลได้เท่าใดก็ยิ่งดี”
เมื่อเห็นว่าโม่จ้านมิมีท่าทีโมโห ฉิวอินรู้สึกวางใจและอธิบายเสียงเบา
“นอกจากนั้นเผ่าปีศาจชั้นต่ำจะเชื่อฟังเผ่าปีศาจชั้นสูงโดยมิมีข้อแม้ หากท่าน้า...”
ฉิวอินมองแผงอกกำยำของโม่จ้านด้วยสีหน้าเขินอายพร้อมกับเลียริมฝีปาก ตามด้วยเริ่มปลดกระดุมชุดเครื่องแบบนักเรียน
“ไม่ๆๆๆๆ มิต้องแล้ว ขอบใจในความหวังดีของเ้า!”
โม่จ้านทำหน้าคล้ายเห็นผี ตะเกียกตะกายถอยหนีไปหนึ่งหมี่ราวกับถูกสายฟ้าฟาด
เ้ามิใช่ปีศาจแฝงฝันที่ดูดพลังสตรีโดยเฉพาะหรืออย่างไร?! เปลี่ยนรสนิยมั้แ่เมื่อใดกัน!?
เชิงอรรถ
[1] ยามเซิน (申) คือ เวลา 15.00 - 16.59 น.
