‘ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดอะไรมากมายแล้ว ขอเพียงยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง สักวันหนึ่งข้าต้องคลี่คลายปริศนาทั้งหมดได้แน่นอน...’
สำหรับหลงอวี้แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็การใช้พลังสายฟ้ามาหลอมกายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
หลังจากที่เขาได้สติกลับมาแล้ว เขาก็เริ่มชักนำพลังสายฟ้าสายออกมาจากสัญลักษณ์ัปรภพต่ออีกครั้ง นำพลังสายฟ้ามาหล่อหลอมกระดูกและเส้นเอ็นของตัวเอง
ตอนที่เขาฝึกวิชากายาพิชิตมารนั้น เขาก็เริ่มจากการหล่อหลอมเส้นลมปราณก่อน ตามด้วยเส้นเอ็นและกระดูก ต่อจากนั้นก็เป็ิัและกล้ามเนื้อ ก่อนจะเป็ตันเถียนและอวัยวะภายใน
หากเขาสามารถหล่อหลอมเส้นเืได้ จะเท่ากับว่าเขาฝึกวิชากายาพิชิตมารสำเร็จถึงขึ้นเหนือธรรมชาติ
น่าเสียดายที่หลงอวี้ไม่เคยมีเวลาว่างมาฝึกวิชากายาพิชิตมารให้บรรลุขั้นเหนือธรรมชาติเลย
แต่ตอนนี้เขามีโอกาสได้ใช้พลังสายฟ้ามาฝึกฝนร่างกายแล้ว เขาจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด
เขาใช้เวลาราวๆ หนึ่งวันหนึ่งคืนในการหล่อหลอมเส้นลมปราณด้วยพลังสายฟ้า
จากนั้นเขาก็ใช้เวลาอีกสามวันสามคืนในการหล่อหลอมกระดูกเส้นเอ็น จนสามารถหลอมพลังสายฟ้าเสี้ยวหนึ่งเข้าไปในกระดูกเส้นเอ็นทั่วร่างได้ในท้ายที่สุด พลังสายฟ้านี้ สัญลักษณ์ัปรภพได้แอบบอกเขาว่า มันชื่อ “กฎเกณฑ์อัสนีซ่อน”!
กฎเกณฑ์อัสนีซ่อน เป็กฎเกณฑ์ที่บรรจุอยู่ในแผ่น์เช่นกัน ถูกจัดอยู่ในระดับลัญจกรดิน
แผ่น์ทั้งหมดนั้นล้วนเป็สมบัติล้ำค่าที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากการควบแน่นของกฎเกณฑ์ฟ้าดินตามธรรมชาติ มันคือสุดยอดสมบัติที่หาได้ยากยิ่งไม่ว่าสำหรับใครก็ตาม
เพียงแต่ตำแหน่งของแผ่น์ทั้งหมดนั้นเร้นลับพิศวงเป็อย่างมาก แม้พลังกฎเกณฑ์ที่บรรจุอยู่ในนั้นจะสามารถชักนำให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติรูปแบบต่างๆ ได้ อย่างเช่นที่แหล่งแร่จันทรากับบึงอัสนีซ่อนฟ้าเป็ต้น แต่การจะได้มันมานั้นกลับเป็เื่ที่ยากเย็นแสนเข็ญ
ระดับของผู้ฝึกยุทธ์ในอาณาจักรต้าถังนั้น แค่ได้เศษชิ้นส่วนของแผ่น์ที่นานๆ จะปรากฏสักครั้งก็นับเป็บุญวาสนาอย่างหาที่สุดไม่ได้
แต่ตอนนี้ หลงอวี้คนเดียวกลับมีพลังของแผ่น์สองชนิดอยู่ใน
แผ่น์จันทราครึ่งชิ้นทำให้เขาเริ่มบรรลุกฎเกณฑ์จันทราได้แล้ว ส่วนตอนนี้เขาก็ได้ใช้พลังสายฟ้ามาฝึกฝนหล่อหลอมร่างกาย พลังสายฟ้าที่ดูดกลืนมาทั้งหมดล้วนเป็พลังของแผ่น์อัสนีซ่อนทั้งสิ้น
บางที หลังจากที่หลงอวี้ฝึกฝนร่างกายสำเร็จแล้ว พลังของแผ่น์อัสนีซ่อนก็อาจจะเหลือเพียงน้อยนิดแล้วก็เป็ได้
หล่อหลอมิักล้ามเนื้อ ใช้เวลาทั้งหมดเจ็ดวัน
ทุกครั้งที่หลงอวี้เริ่มฝึกฝนร่างกายในขั้นต่อไป เวลาที่ใช้ในการหล่อหลอมก็จะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน
........
หลังจากผ่านไปสองเดือนเต็มๆ แล้ว
องค์ชายน้อยแห่งกู่เิก็ได้ส่งทหารมากมายไปเดินลาดตระเวนรอบๆ บึงอัสนีซ่อนฟ้า แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นหลงอวี้ออกมาจากบึงอัสนีเลย
ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกโล่งอก เท่านี้เขาก็มั่นใจได้แล้วว่าเ้าหลงอวี้นั่นได้ตายอยู่ในบึงอัสนีไปแล้ว
เพียงแต่เศษชิ้นส่วนอัสนีซ่อนที่เขาเฝ้ารอมาโดยตลอดนั้น ตามหลักแล้วน่าจะปรากฏั้แ่เมื่อสองเดือนก่อนแล้วถึงจะถูก แต่ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปสองเดือนแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นเศษชิ้นส่วนเลยแม้แต่เงา!
‘หรือว่าจะเกิดอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้น?’
องค์ชายน้อยแห่งกู่เหมินครุ่นคิดในใจ เสียงฟ้าผ่าภายในบึงอัสนีตรงหน้าเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ เขาจึงพอเดาได้แล้วว่าครั้งนี้คงไม่มีหวังแล้ว
เมื่อเศษชิ้นส่วนอัสนีซ่อนปรากฏ อัสนีบาตรย่อมต้องรุนแรงมากขึ้น แต่ตอนนี้มันกลับเริ่มเบาบางลงเสียอย่างนั้น!
ใกล้ๆ กับบึงอัสนีซ่อนฟ้านั้น โม่เฟิงิ อวี่เชียนหนิง และยอดฝีมือคนอื่นๆ อีกมากมายที่ซ่อนตัวอยู่เริ่มพากันแยกย้ายกลับไปแล้วเช่นกัน
ดูไม่มีหวังอย่างเห็นได้ชัด รอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เอาเวลากลับไปฝึกฝนต่อยังจะดีกว่า!
องค์ชายน้อยแห่งกู่เินั้นหลังจากปักหลักเฝ้ารอนานนับสองเดือนแล้ว สุดท้ายก็ได้แต่ต้องถอนตัวกลับเช่นกัน
แต่ก่อนจะกลับไป เขาก็ยังคงทิ้งทหารเอาไว้อีกหนึ่งหมื่นนายคอยลาดตระเวนรอบๆ บึงอัสนีซ่อนฟ้า เขายังคงรู้สึกไม่วางใจเ้าหลงอวี้ที่บุกฝ่าเข้าไปในบึงอัสนีอยู่ ทิ้งคนเฝ้าสักหน่อยน่าจะดีกว่า
หลังจากที่องค์ชายน้อยแห่งกู่เินำทัพทหารเรือนแสนกลับไปแล้ว รอบๆ บึงอัสนีซ่อนฟ้าก็ดูโล่งขึ้นมาทันตาเห็น
เสียงฟ้าผ่าในบึงอัสนีตอนนี้มันอ่อนลงกว่าเมื่อสองเดือนก่อนไม่รู้กี่เท่าตัว
ตอนนี้อาจต้องรอนานถึงหนึ่งชั่วยามถึงจะเห็นสายฟ้าแลบขึ้นไม่กี่สาย เหมือนกับบึงอัสนีซ่อนฟ้าตอนปกติเลย
แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่า จำนวนครั้งที่ฟ้าผ่าลงมานั้นค่อยๆ ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง!
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ในบึงอัสนีก็แทบจะไม่มีฟ้าผ่าลงมาอีกเลย ทำให้เหล่าทหารที่ลาดตระเวนอยู่นั้นต่างก็รู้สึกประหลาดใจ จึงส่งคนกลับไปแจ้งข่าวให้กับองค์ชายน้อยแห่งกู่เิ
ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มในยุทธภัณฑ์ชุดเกราะสัมฤทธิ์ของทัพกู่เิผู้หนึ่งก็ได้เดินออกมาจากในบึงอัสนีซ่อนฟ้า ทั่วร่างของเขานั้นก็ราวกับมีประกายสายฟ้าสว่างวาปขึ้นก็ไม่ปาน
ชายผู้นี้ก็คือหลงอวี้นั่นเอง!
่เวลาสามวันที่ผ่านมานั้นเขาได้ใช้พลังสายฟ้าฝึกฝนร่างกายจนสำเร็จเป็กายาอัสนีซ่อน บัดนี้ แค่กายเนื้อของเขาเพียงอย่างเดียวก็สามารถต้านรับการโจมตีอย่างเต็มกำลังของผู้ที่มีพลังระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่งได้แล้ว!
แม้จะเป็การโจมตีแบบเต็มกำลังของยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่สองเหมือนกับเขา ก็ไม่สามารถสร้างาแอะไรให้เขาได้
ไม่เพียงแค่นั้น ใน่เวลาที่ผ่านมาเขายังได้ใช้พลังสายฟ้าแทนอาหาร ใช้พลังของกฎเกณฑ์อัสนีซ่อนมาทดแทนพลังงานที่ร่างกายใช้ไป จึงสามารถบรรลุจินตภาพของกฎเกณฑ์อัสนีซ่อนได้นานแล้ว
ซึ่งบัดนี้เขาสามารถยกระดับขึ้นเป็แก่นของกฎเกณฑ์อัสนีซ่อนได้แล้วด้วย สามารถเสริมลงไปบนร่างกาย ทำให้การโจมตีของศัตรูถูกหลอมรวมเข้ากับกฎเกณฑ์ซ่อนอัคคีก่อนจะสะท้อนกลับไป!
เขายังไม่เคยต่อสู้กับยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ ผู้ที่สามารถเปลี่ยนิญญาแท้ให้กลายเป็รูปธรรมได้แบบซึ่งๆ หน้ามาก่อน
แต่เขาก็รู้สึกได้ว่า ต่อให้ตัวเขาในตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับอวี่เชียนหนิงอีกครั้งก็ไม่จำเป็ต้องหนีเอาชีวิตรอดอย่างอนาถเหมือนก่อนหน้านี้อีก
ขอเพียงสามารถยกระดับวิถียุทธ์ได้อีกหนึ่งขั้นล่ะก็ เขาจะสามารถเอาชนะอวี่เชียนหนิงได้อย่างแน่นอน!
ต่อให้อวี่เชียนหนิงจะเปลี่ยนิญญาแท้ให้กลายเป็รูปธรรมได้แล้วก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลงอวี้อยู่ดี
ด้วยเหตุนี้เอง ทิศทางที่หลงอวี้กำลังมุ่งหน้าไปในตอนนี้จึงไม่ใช่อาณาจักรต้าถัง แต่เป็หุบเขาปีศาจิญญา์ที่อยู่ตรงชายแดนของทั้งสามอาณาจักร!
เขาจะมุ่งหน้าไปล่าสัตว์อสูรที่นั่นเพื่อหาเน่ยตานมายกระดับพลังของตัวเอง ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนเริ่มงานประลองเจ็ดสำนักลัทธิ ่เวลานี้ เขาจำเป็ต้องยกระดับตัวเองขึ้นสู่ระดับิญญาแท้ขั้นที่สามให้ได้
เขาวิ่งออกจากบึงอัสนีซ่อนฟ้า ก้าวเข้าสู่พื้นหิมะอันกว้างใหญ่ มุ่งหน้าไปทางหุบเขาปีศาจิญญาอสูรด้วยความเร็วสูง
ก่อนจากไปเขาได้หันไปมองทางบึงอัสนีเป็ครั้งสุดท้าย ตอนนี้มันแทบจะไม่มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกแล้ว เขารู้ดีว่า พลังของแผ่น์อัสนีซ่อนได้ถูกเขานำมาใช้ฝึกฝนหล่อหลอมร่างกายทั้งหมดแล้ว
นับจากนี้ไป บึงอัสนีซ่อนฟ้าจะกลายเป็เหมือนกับแหล่งแร่จันทรา หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย!
แม้ว่าหลงอวี้จะไม่ได้แผ่น์อัสนีซ่อนมา แต่พลังทั้งหมดของแผ่น์อัสนีซ่อนกลับถูกเขาใช้สร้างเป็กายาอัสนีซ่อนไปแล้ว
เขาสามารถอ้อมเหล่าทหารลาดตระเวนของกู่เิจำนวนมากไปได้อย่างง่ายดาย เพียงไม่นานก็หายไปจากูเาหิมอันกว้างใหญ่แห่งนี้
.......
เช้าวันถัดมา
หลงอวี้ได้ออกจากอาณาเขตของูเาหิมะแล้ว กำลังวิ่งตะบึงอยู่บนทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
ที่นี่ยังคงเป็อาณาเขตของอาณาจักรกู่เิ ในจุดที่ห่างออกไปพันลี้ทางด้านหน้าของหลงอวี้นั้นเป็ที่ตั้งของหุบเขาปีศาจิญญา์นั่นเอง
ระหว่างทางมีหมู่บ้านของคนในอาณาจักรกู่เิตั้งอยู่จำนวนไม่น้อย มีควันที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอาหารลอยคลุ้งอยู่หลายจุด เป็ทิวทัศน์ที่ดูสงบสุขยิ่งนัก
แต่หลงอวี้รู้ดีว่า แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ เช่นนี้ก็ยังให้ความสำคัญกับวรยุทธ์เหนือทุกสิ่งเช่นกัน ผู้คนทั้งหมดในแผ่นดินเทียนอวี้นั้น ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ล้วนบูชาวรยุทธ์ทั้งสิ้น!
เพียงแต่ไม่รู้ว่าโลกเทพยุทธ์ที่ชนเผ่าปรภพอาศัยอยู่นั้นมันใช่ที่เดียวกับแผ่นดินเทียนอวี้หรือเปล่า?
หลงอวี้ส่ายหน้า คำถามนี้อย่างน้อยก็ต้องรอให้เขาก้าวขึ้นสู่ขอบเขตระดับคนผสานฟ้าไปก่อนถึงจะได้คำตอบ
เขาลองสรุปความสามารถทั้งหมดที่ตนเองมีอยู่อีกครั้ง
ตัวเขาในตอนนี้มีขอบเขตวิถียุทธ์ระดับิญญาแท้ขั้นที่สอง มีพลังพื้นฐานทั้งหมดสองจวินหรือสองพันแรงม้าพยศ เมื่อกระตุ้นสัญลักษณ์ัปรภพขึ้นมาแล้วก็จะมีพลังเพิ่มอีกหนึ่งจวิน เท่ากับมีพลังทั้งหมดสามจวิน หรือก็คือสามพันแรงม้าพยศนั่นเอง
ยุทธภัณฑ์ของเขาตอนนี้หลักๆ คือ หอกัปรภพและปีกจันทรา นอกจากนี้ยังมีติดตัวอยู่อีกสามชิ้นคือ รองเท้าเหมันต์คลั่ง ถุงมือิญญาเลื่อนลอย และยันต์หยกะเิอัคคี
ยุทธภัณฑ์สามชิ้นหลังนั้นสำหรับเขาตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว แต่ถึงอย่างไรยันต์หยกะเิอัคคีก็เป็ถึงยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นสูง ส่วนรองเท้าเหมันต์คลั่งก็เป็ยุทธภัณฑ์ที่เสริมความเร็วได้ มูลค่าไม่ธรรมดา บางทีอาจใช้แลกกับโอสถระดับเดียวกันได้บ้าง
ส่วนวิทยายุทธ์ที่เขาฝึกฝนนั้น วิชาที่ทรงพลังที่สุดคือหมัดัปรภพ ส่วนวิชาที่ใช้งานค่อนข้างบ่อยคือหมื่นสังหาร เคล็ดหอกสยบฟ้า และวิทยายุทธ์ที่ได้มาจากหอกัปรภพอย่างวิชาัปรภพทะยานฟ้าและแตะเกล็ดั
วิชาท่าร่างมีวิชาิญญาเคลื่อนที่บางครั้งก็ใช้หลบการโจมตีของศัตรูได้ไม่เลว ส่วนกายาพิชิตมารนั้นเขาก็ได้เปลี่ยนเป็กายาอัสนีซ่อนไปแล้ว เทียบเท่าได้กับวิทยายุทธ์ประเภทฝึกกายระดับิญญาชั้นยอดเลยทีเดียว
ส่วนวิชาท่าร่างที่เขาฝึกเป็วิชาแรกอย่างวายุก้าวพริบตานั้น ตอนนี้เขาก็แทบจะไม่ได้ใช้อีกแล้ว ถึงอย่างไรตัวเขาในตอนนี้ที่มีปีกจันทราอยู่ก็สามารถเคลื่อนตัวได้เร็วยิ่งกว่าการใช้วายุก้าวพริบตาที่ก้าวสามจ้างในพริบตาได้แล้ว
นอกจากวิทยายุทธ์และยุทธภัณฑ์แล้ว ยังมีิญญาแท้กับกฎเกณฑ์
เขาสามารถบรรลุเขตแดนสยบฟ้าที่เป็กฎเกณฑ์ระดับศิลาเหลืองได้ และยังบรรลุจินตภาพจันทรากับแก่นอัสนีซ่อนที่เป็กฎเกณฑ์ระดับลัญจกรได้ด้วย นอกจากนี้ยังบรรลุจินตภาพบึงแล้งที่เป็กฎเกณฑ์ระดับหยกวิเศษได้จากการสังหารงูสมุนไพรพิสดารตัวหนึ่ง
หลงอวี้ตอนนี้รู้แล้วว่า ิญญาแท้เป็เพียงแค่ตัวแทนของกฎเกณฑ์ที่แสดงออกมาให้เห็นเป็รูปร่างเท่านั้น
อย่างเช่นิญญาแท้สุริยะสยบฟ้าของเขานั้นเกิดขึ้นมาจากการอัดแน่นของกฎเกณฑ์สยบฟ้า หากปล่อยมันออกมาแล้ว จะสามารถทำให้แรงกดทับสยบฟ้าของเขาทรงพลังมากขึ้นกว่าการที่เขาปล่อยเขตแดนสยบฟ้าออกมาเฉยๆ ถึงสองเท่า!
ซึ่งก็หมายความว่า กฎเกณฑ์จันทราและกฎเกณฑ์อัสนีซ่อนเองก็สามารถสร้างิญญาแท้ขึ้นมาได้เช่นกัน ทำให้ทรงอานุภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เพียงแต่หากสร้างิญญาแท้ตนที่สองหรือสามเพิ่มขึ้นมาอีก ความยากในการยกระดับพลังของผู้ฝึกยุทธ์จะสูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
พลังฟ้าดินที่จำเป็ต้องใช้ก็จะมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า!
ทำให้การเปลี่ยนิญญาแท้กลายเป็รูปธรรม การผสานเป็หนึ่งเดียวกับิญญาแท้กลายเป็่คอขวดที่ผ่านไปได้ยากกว่าปกติหลายเท่า
โดยกฎเกณฑ์ทั้งหมดที่หลงอวี้บรรลุได้มีดังนี้ กฎเกณฑ์สยบฟ้าที่มีพลังแห่งการกดทับ กฎเกณฑ์บึงแล้งที่มีพลังแห่งการพัวพัน กฎเกณฑ์จันทราที่มีพลังแห่งการแช่แข็งอันมหาศาล ส่วนกฎเกณฑ์อัสนีซ่อนนั้นแฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้างอันไร้ที่สิ้นสุด
แม้ว่ากฎเกณฑ์อัสนีซ่อนเขาเพิ่งจะบรรลุถึงขั้นแก่นเท่านั้น แต่อานุภาพของมันทรงพลังยิ่งกว่าเขตแดนสยบฟ้าอย่างแน่นอน
‘หากได้ฝึกฝนวิทยายุทธ์ที่ควบคุมสายฟ้าได้สักหนึ่งวิชาล่ะก็ จะสามารถแสดงอานุภาพของกฎเกณฑ์อัสนีซ่อนได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่น่าเสียดายที่วิทยายุทธ์แบบนี้คงหาไม่ได้ง่ายๆ...’
หลงอวี้ครุ่นคิดในใจ
เมื่อสรุปดูแล้วก็พบว่า หลงอวี้ในตอนนี้อยู่เหนือผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกันมากเหลือเกิน
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปที่มีระดับิญญาแท้ขั้นที่สองนั้น ต่อให้จะเป็เพียงกฎเกณฑ์ระดับศิลาเหลืองเกรงว่าก็ยังไม่สามารถบรรลุถึงขั้นเขตแดนได้เลย!
ตัวเขาได้วิ่งตะบึงอยู่บนทุ่งหญ้าโล่งไร้ขอบเขตแห่งนี้ไปยังหุบเขาปีศาจิญญา์ด้วยความเร็วสูงจนเป็เป็ประกายแสง
แต่อยู่ๆ เขาก็มองเห็นผู้ฝึกยุทธ์สองคนตรงหน้ากะทันหัน พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังหุบเขาปีศาจิญญา์เช่นกัน หนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็ฉือเสียวเสว่ที่ก้าวขึ้นสู่ระดับิญญาแท้ขั้นที่สามได้แล้วนั่นเอง!
‘ฉือเสียวเสว่ มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?’
หลงอวี้ขมวดคิ้ว
อันที่จริงแล้วระหว่างเขากับฉือเสียวเสว่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไรฉือเสียวเสว่ก็เป็คนที่ไดู้เาตระกูลหลิงเป็รางวัล
หลงอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมุ่งหน้าไปหาอีกฝ่าย
เขาอยากรู้ว่าใน่สามเดือนที่ผ่านมาูเาตระกูลหลิงเป็อย่างไรแล้วบ้าง
