“สำหรับกระบวนท่าเอกากัลป์เบิกขุนเขาความเร็วและพละกำลังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดแต่คือการโจมตีให้สำเร็จภายในครึ่งวินาทีต่างหากจึงจะเรียกว่าเอกากัลป์เบิกขุนเขาที่แท้จริง”
ด้านหน้ากระท่อมเฉิ่นปู้หยุนกำลังยืนกอดอกพิจารณาเพลงขาของข้าอย่างละเอียด “กระบวนท่าเอกากัลป์เบิกขุนเขาของเ้ายังเป็ความสำเร็จในขั้นเล็กๆ เพราะยังเข้าไม่ถึงแก่นแท้ของวิชาฉะนั้นเ้าจะต้องหมั่นฝึกฝน และเมื่อใดที่โจมตีข้าได้สำเร็จนั่นแหละจะถือว่าเ้าบรรลุขั้นสมบูรณ์แล้ว”
“ขอรับอาจารย์”
ข้ายืนสงบนิ่งแม้ในใจจะผิดหวังก่อนจะแผดเสียงแล้วใช้พลังที่อัดแน่นเหวี่ยงขาซ้ายออกไปเปลวเพลิงสาดซัดจนสว่างวาบกลางอากาศ
สวบ!
สะเก็ดไฟจากแรงะเิแผดเผาทุกสิ่งรอบตัวโดยมีเฉิ่นปู้หยุนเข้าจัดการกับเปลวไฟนั้นทันที ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น“ยังช้าเกินไป ต้องเร็วกว่านี้อีก ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะาเ็เพราะข้ามีเกราะหลอมศิลาปกป้องอยู่ เ้าทำร้ายข้าไม่ได้หรอก”
“อืม”
เกราะหลอมศิลาของเฉิ่นปู้หยุนเป็ที่เลื่องลือเื่ความแข็งแกร่ง เพราะกว่าที่เขาจะได้มาเขาต้องข้ามเทือกเขาแห่งิญญาและใช้พลังความสามารถต่อสู้กับสัตว์ิญญาระดับสูงมากมายฉะนั้นเสื้อเกราะจึงมีอานุภาพการป้องกันที่แข็งกล้าสมแล้วที่ข้าได้รับโอกาสร่ำเรียนวิชาจากเขา
พลังของวิชาลมหายใจัและพลังิญญากำลังเพิ่มความเร็วให้แก่ข้า!
เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นการเคลื่อนไหวก็พัฒนาได้คล่องแคล่วเช่นกัน
“ตูม!”
ข้าเตะขึ้นไปกลางอากาศเป็ครั้งที่สองแรงสะท้อนจากพลังทำให้ต้นไม้เล็กๆ ปริแตก ช่างเป็พลังที่น่าอัศจรรย์เหลือเกิน
ครั้งนี้เฉิ่นปู้หยุนแสดงสีหน้าพอใจอย่างเห็นได้ชัด“ความเร็วเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย แต่สำหรับคนที่สูญเสียปราณิญญาอย่างเ้าพละกำลังเท่านี้ถือว่าเพียงพอแล้วล่ะ ฝึกซ้อมต่อไปเถอะ คืนนี้...ฝึกเพลงขาและการเคลื่อนไหวอย่างละห้าสิบรอบแล้วค่อยกลับไปพักผ่อน จำไว้ว่าห้ามอู้และห้ามผ่อนแรงเด็ดขาด!”
“ขอรับแล้วท่านจะทำอะไรต่อ?”
เฉิ่นปู้หยุนอ้าปากหาวหวอดใหญ่“เมื่อวานข้าไม่ได้นอน วันนี้ตั้งใจจะเข้านอนเร็วหน่อย ฝึกเสร็จก็กลับได้เลยนะไม่ต้องลา”
“ขอรับ”
...
ข้ายังคงฝึกซ้อมต่อไปดังคำกล่าวที่ว่า ฝึกฝนจนครบร้อยครั้งก็จะบรรลุเป้าหมายซึ่งทุกการฝึกฝนจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกใหม่ๆและความรุนแรงของเพลงขาเมฆาหมอกที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์หลังจากซ้อมจนครบทั้งห้าสิบรอบ เหงื่อกาฬก็เปียกชุ่มไปทั้งตัวถึงตอนนี้จึงรู้ว่าที่เฉิ่นปู้หยุน้าให้ฝึกเพลงขาเมฆาหมอกด้วยตัวเองเป็สิ่งที่ถูกต้องแล้วเพราะต่อให้มีพร์การดูดกลืนวิชาของผู้อื่นได้แต่ก็เป็วิชาของผู้อื่นอยู่วันยังค่ำดังนั้นการฝึกฝนด้วยตัวเองจึงจะได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนและน่าพอใจที่สุด
เมื่อเสร็จจากการฝึกซ้อมร่างกายก็เริ่มอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า แต่จู่ๆก็นึกได้ว่ามีนัดประลองกับสามปราชญจากสำนักจวี๋ฉี ก่อนรีบลงเขาอย่างรีบร้อน
กลับมาถึงโรงเกลากระบี่ตอนเก้าโมงกว่าจึงรีบอาบน้ำและงดการฝึกฝน เพราะ้าเก็บแรงไว้ใช้ประลองคืนนี้
...
เวลาผ่านไปจวนใกล้จะเที่ยงคืนข้าเปลี่ยนมาสวมชุดตัวเก่า และเดินออกไปรอเงียบๆ ที่ถนนด้านหน้าโรงเกลากระบี่
ผ่านไปครู่หนึ่งเสียงฝีเท้าก็เริ่มดังเข้ามาใกล้พร้อมกับเสียงพูดคุยที่ดังแทรกมาเป็ระยะ
“วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนให้เ้าสมองทึ่มได้รู้จักว่าความแตกต่างของพลังมันหน้าตาเป็อย่างไร”
“พี่ซิ่งพวกเราสามคนสู้พร้อมกันเลยเหรอ?”
“แล้วแต่สถานการณ์แล้วกัน!”
“ได้!”
พวกเขามากันแล้ว!
ข้ากวาดสายตามองไปรอบๆด้านหน้าไม่ไกลจากโรงเกลากระบี่เป็ฝ่ายจัดการท่อระบายน้ำด้านหลังมีที่ดินรกร้างเต็มไปด้วยพุ่มไม้และสิ่งปฏิกูลงานหลักของฝ่ายจัดการท่อระบายน้ำคือการขุดลอกท่อ ฉะนั้นจะต้องมีถังเก็บสิ่งปฏิกูลอยู่ไม่น้อยแสงสว่างจากดวงจันทร์เผยให้เห็นถังที่ว่าราวยี่สิบถึงสามสิบถังตั้งเรียงรายราวกับตารางหมากรุก
ช่างเป็ที่ที่เหมาะเจาะจริงๆเพราะข้ารู้ดีว่าตรงไหนมีพุ่มไม้ และจุดไหนมีร่องน้ำซึ่งเหมาะเป็ลานประลองในค่ำคืนนี้ที่สุด!
“โอ้เ้าคนไร้ประโยชน์มายืนรออยู่แล้วเหรอเนี่ย!”
จวงเหิงซิ่งยิ้มเย้ยหยันพร้อมกับเรียกกระบี่ไร้อริออกมากระบี่เล่มใหญ่ถูกยกขึ้นท่ามกลางแสงสีเื เขายิ้มมุมปากพลางพูดข่ม“เ้าเตรียมตัวตายแล้วใช่ไหม?”
ข้าไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบเรียกกระบี่คมจันทราทันทีก่อนจะเรียกใช้พลังวิชาลมหายใจัทันใดนั้นร่างกายก็เหมือนตกอยู่ในเหวลึกที่เงียบสงัด
“ปัง!”
จวงเหิงซิ่งย่ำเท้าลงในโคลนก่อนจะปรี่เข้ามาจนเกิดแสงสีขาววูบวาบขึ้นทั้งตัวแน่นอนว่าความสนุกของการต่อสู้มาจากการบาดหมางส่วนตัวดังนั้นใครเริ่มก่อนถือว่าได้เปรียบ!
ถึงอย่างไรเขาก็เป็ถึงผู้ฝึกฝนิญญาในขั้น์หากข้าสู้กับจวงเหิงซิ่งซึ่งหน้า เกรงว่าจะพ่ายแพ้ราบคาบั้แ่รอบที่สามเพราะพลังของเขามากกว่าข้าถึงสามเท่า ทว่าความเร็วนั้นกลับใกล้เคียงกัน
“เปรี้ยง!”
ความร้อนจากแสงของกระบี่ไร้อริตัดผ่าลงมาจากฟากฟ้าแม้เพลงกระบี่ของจวงเหิงซิ่งจะไม่มีพิษสงที่น่ากลัวแต่แฝงไปด้วยเจตนาที่้าฆ่าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
พอเริ่มตั้งกระบวนท่าเพลงขาเมฆาัร่างกายก็เบาหวิวดุจปุยเมฆจนสามารถหลบหลีกเพลงกระบี่ของจวงเหิงซิ่งได้อย่างง่ายดายเมื่อสบโอกาสจึงใช้กระบี่คมจันทราฟันลงที่ขาของเขา ‘เต๊ง!’ เสียงสะท้อนกลับเมื่อกระทบเกราะรบคู่กายถึงครั้งนี้จะพลาดแต่คงไม่เสมอไป เมื่อร่างกายของเขาเริ่มเสียสมดุลข้าจึงโจมตีกลับด้วยแรงเตะไปที่ข้างลำตัวเพียงเสี้ยววินาทีเขาก็ปลิวตกลงแอ่งน้ำแบบหมดสภาพ
“เฮ้ย...”
“จัดการมัน” จวงเหิงซิ่งร้องบอกพรรคพวกทั้งที่ยังเปรอะเปื้อนสิ่งปฏิกูล
“พี่ซิ่ง!”
หวินยู่และเฉิ่นลั้งะโเรียกอาวุธิญญาออกมาพร้อมกันฝีมือของหวินยู่นับว่าไม่เลว เขาคำรามเสียงต่ำแล้วยื่นกระบี่เล่มยาวมาข้างหน้าแสงสีขาวก่อตัวเป็ลูกคลื่รหมุนวนอยู่รอบตัวตามมาด้วยเสียงะเิและรอยลากเป็ทางยาวเกือบสี่เมตร
กระบี่วายุสังหารขั้นที่สี่!
เ้าเด็กนี่เก่งกาจไม่เบามิน่าล่ะถึงสามารถเข้าสำนักจวี๋ฉีได้!
แต่ที่นี่คือถิ่นของข้าข้าถอยหลังแล้วยกเท้าเตะถังปฏิกูลใส่หวินยู่จากเพลงกระบี่วายุสังหารกลายเป็เพลงกระบี่ถังปฏิกูลแทนเนื้อตัวแปดเปื้อนสิ่งสกปรก ก่อนที่เขาจะะโขึ้น “นึกไม่ถึงเลยว่าเ้าจะใช้อาวุธลับแถมเป็อาวุธลับที่เหม็นมากอีกต่างหาก!”
“ข้าจะสั่งสอนให้เ้ารู้เอง!” เฉิ่นลั้งคำราม
น่าเสียดายที่การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าเกินไปจึงถูกโจมตีถึงสามครั้งติดด้วยถังปฏิกูล
จวงเหิงซิ่งที่อยู่ด้านหลังซึ่งแข็งแกร่งที่สุดเขาพุ่งเข้ามาด้วยเนื้อตัวและกระบี่ที่ยังมีคราบของเสีย ก่อนจะหันปลายดาบมาที่ข้า“เ้ามันรนหาที่ตาย!”
พลังของเขากำลังปั่นป่วนการโจมตีครั้งนี้จึงส่งพลังได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
นี่จึงเป็โอกาสดีที่เราจะได้สู้กันซึ่งหน้า
ข้าใช้เพลงขาเมฆาหมอกในการเคลื่อนไหวยิ่งทำให้ระยะห่างของข้ากับเขาลดลงไปอีกสองเมตร ข้าวาดกระบี่ออกไปสุดแรง ‘ป้าง’พลังวิชาลมหายใจัปะทะเข้ากับกระบี่ของจวงเหิงซิ่ง เมื่อเห็นว่าเข้าทางจึงรวบรวมพลังแล้วปล่อยหมัดเข้าที่ตาของเขาเต็มแรงซึ่งมันคือเพลงหมัดสายฟ้านั่นเอง
“ตูม!อ๊าก...”
พลังจากหมัดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เขาลอยกระเด็นไปไกลแต่ร่างยังถูกพันรัดด้วยสายฟ้าก่อนจะปลิวไปกระแทกกับถังอีกสองถึงสามใบ
อีกด้านหนึ่งเฉิ่นลั้งและหวินยู่ต่างพยายามดิ้นรนเพื่อออกจากกองปฏิกูลแต่ก็ถูกข้าจัดการกลับไปอีกคนละหนึ่งกระบี่ตามด้วยเพลงขาเมฆาหมอกแบบซ้ายเตะขวาถีบจนล้มพับไม่เป็ท่า
ใบหน้าของทั้งสามคนเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำแม้แต่ตายังบวมตุ่ยจนลืมไม่ขึ้น จะอ้าปากก็ทำไม่ได้ ซ้ำร้ายน้ำปฏิกูลจะไหลลงคออีกถ้าเป็อย่างนั้นพวกเขาคงยอมฆ่าตัวตายดีกว่า
“กลับวันนี้ไม่นับ! เพราะเ้าสวะนี่มันใช้วิธีสกปรก...แหวะ...”จวงเหิงซิ่งน้ำเสียงเกรี้ยวกราด แต่ดันพลาดท่ากลืนเข้าไปอึกใหญ่ก่อนจะพาอีกสองคนหนีเตลิดออกไป
ข้ามองพวกเขาที่เดินจากไปแล้วค่อยๆ สลายกระบี่คมจันทราในมือ และหันหลังเดินกลับเข้าโรงเกลากระบี่จัดการอาบน้ำแล้วนำเสื้อผ้าเก่าทิ้งไปเพราะสกปรกขนาดนั้นต่อให้ซักก็คงไม่สะอาดเหมือนเก่า
...
ผลที่ได้หลังจากต่อสู้คือความผ่อนคลายและระดับพลังคงที่ ข้าจึงรีบเข้าฌานฝึกพลังวิชาลมหายใจัต่อและเมื่อถึงขั้นที่หกอย่างสมบูรณ์ ข้าจะได้บอกพี่ปู้เสวียนยินสักที
ข้าฝึกซ้อมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนรุ่งสางและผล็อยหลับไปในที่สุด
ยังไม่ทันได้ลืมตาตื่นเสียงเคาะประตูจากด้านนอกก็ดังลอยเข้ามา
เขาคืออาจารย์ท่านหนึ่งสีหน้าดูตระหนกอยู่ไม่น้อย “เ้าคือศิษย์ตัวสำรองที่ชื่อปู้อี้เชวียนใช่ไหม?”
“ใช่ขอรับ มีเื่อะไรหรือเปล่า?”
“ไปฝ่ายปกครองกับข้า” “ฮะ? เกิดเื่อะไรขึ้น?”
“ข้าก็ไม่แน่ใจ บอกให้ไปก็ไปสิ”
“ขอรับ”
พอเปลี่ยนชุดได้จึงรีบเดินตามอาจารย์ไปยังฝ่ายปกครองแต่ยังไม่ทันได้เข้าไปก็เห็นสามปราชญ์จวี๋ฉียืนอยู่หน้าห้องพร้อมใบหน้าที่บอบช้ำจนมิอาจปิดบังได้
เมื่อจวงเหิงซิ่งเห็นหน้าข้าสีหน้าก็เปลี่ยนในทันที ในใจคงอยากจะพุ่งเข้ามาสู้แต่กระนั้นก็ยังข่มอารมณ์ไว้ได้อยู่
หัวหน้าฝ่ายปกครองปู้เฟิงอยู่ในอาการโกรธเกรี้ยวที่ใครก็ไม่กล้าหือหรือเข้าใกล้
“เข้ามาให้หมด!”ปู้เฟิงตวาด สีหน้าคร่ำเครียด
หลังจากเข้ามาในห้องปู้เฟิงนำรูปจากสำนักหนังสือพิมพ์วางไว้บนโต๊ะ“พวกเ้าดูเอาเองแล้วกันว่าสิ่งที่ทำมันนำความเสียหายให้สำนักมากแค่ไหน!”
พาดหัวข่าวสีดำเป็แถวเด่นและชัดเจน‘ค่ำคืนามูล ศิษย์ตัวสำรองปู้อี้เชวียนได้รับชัยชนะจากสามปราชญ์จวี๋ฉี!’
้ามีรูปของจวงเหิงซิ่งที่เปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งปฏิกูลมืดขนาดนั้นนึกไม่ถึงเลยว่าจะถ่ายได้ชัดขนาดนี้ สีหน้าของเขาซีดเผือดลงพลางพูดอย่างเฉยชา “สมองนักข่าวถูกอูฐเตะไปแล้วหรือไงถึงได้กล้าเอาเื่แบบนี้มาลง?”
“สมองของเ้าน่ะสิที่ถูกเตะ!”
ปู้เฟิงพูดสีหน้านิ่งเฉย“จวงเหิงซิ่ง หวินยู่ เฉิ่นลั้งพวกเ้าทั้งสามคนรู้ไหมว่าการทะเลาะวิวาทกันในสำนักมันร้ายแรงแค่ไหน?”
“รู้ขอรับ...” ทั้งสามพยักหน้า
“ออกไปให้พ้น! แล้วเขียนรายงานการสำนึกผิดมาห้าร้อยตัว!”
“ขอรับ!”
เมื่อข้ากำลังจะหันหลังกลับปู้เฟิงก็เรียกดักไว้ “ปู้อี้เชวียนเ้าอยู่ก่อน”
“ฮ่าๆ...” จวงเหิงซิ่งกับพวกหัวเราะสะใจ
ข้าหันกลับไปอย่างว่าง่าย“มีเื่อะไรหรือเปล่าขอรับ?”
“มี”
ปู้เฟิงหน้าตาเคร่งขรึมก่อนจะร่ายยาว“ข้ารู้ว่าเ้ากับรองเ้าสำนักมีความสัมพันธ์บางอย่างต่อกันแต่ด้วยสถานะศิษย์ตัวสำรองเมื่อเกิดเื่ทะเลาะวิวาทในสำนักบทลงโทษคือการไล่ออกทันที นี่เป็ใบแจ้งการไล่ออกของเ้า เ้าดูเอาเองแล้วกัน”
“ไล่ออก?” ข้าอึ้งจนพูดไม่ออก
ใบแจ้งไล่ออกพร้อมตราประทับของหัวหน้าฝ่ายปกครองอย่าบอกนะว่าจะไล่ข้าออกจริงๆ?