ดวงตาของเย่เฟิงวาบประกายเยือกเย็น จากนั้นเขาปาหอกัเงินประกายออกไป รังสีหอกพลันกลายเป็ลำแสง ซึ่งสามารถทะลวงได้ทุกสิ่ง
รังสีหอกทะลวงแขนของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นจนเืพุ่งกระฉูด ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นต้องส่งเสียงกรีดร้องอย่างเ็ปแต่ก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาอึ้งทึ่ง เขาในเวลานี้ไร้ซึ่งความโอหังและความดูแคลนเฉกเช่นก่อนหน้านี้
“ตายซะเถอะ!” มีเสียงดังมาจากด้านซ้ายขึ้นฉับพลัน ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลหวังอีกคนเตรียมจะใช้ขวานั์ฟาดฟัน หมายแยกร่างกายของเย่เฟิงให้ขาดเป็สองส่วน
ทว่าเย่เฟิงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาส เขาปาหอกัเงินประกายออกไป มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ จนกระทั่งทะลวงลำคอของอีกฝ่าย
โจมตีสองครั้งต่อเนื่อง ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลหวังตายหนึ่งาเ็หนึ่ง พลังต่อสู้นี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก เฉินข่ายและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะแกร่งถึงเพียงนี้ แม้พวกเขาจะอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ก็ไม่มีทางคิดได้ว่าคนที่อยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 จะมีพลังมากขนาดนี้
“คนผู้นี้แข็งแกร่งใช่ย่อย ทุกคนบุกพร้อมกัน ฆ่าเขาซะ!” เฉินข่ายไม่กล้าประมาท จึงกล่าวเช่นนั้นกับผู้ฝึกยุทธ์สองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ คนเ่าั้ก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาล้อมกรอบเย่เฟิงพร้อมปลดปล่อยิญญาาหลากสีหลากประเภท พลังแพร่กระจายทั่วบริเวณ แสงสาดส่องอย่างสว่างไสว มีิญญาาของผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเป็เสือดาวขั้นเหลือง มันอ้าปากแยกเขี้ยวพร้อมกระโจนใส่เย่เฟิง
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ จากนั้นปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยเอกลักษณ์หอกออกไป ก่อนจะทำลายิญญาาเสือดาวของอีกฝ่ายได้ในชั่วพริบตา แต่ฝ่ามือไร้เทียมทานนั่นยังโจมตีไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย จนกระดูกบริเวณนั้นแตกหักและยุบเข้าไป เืทะลักออกจากปาก ก่อนจะสิ้นใจตาย
“ฟิ้ว!” มีเสียงสายลมดังขึ้น ก่อนจะเห็นเงาค้อนพุ่งมาโจมตีจากทางด้านหลังเย่เฟิง คนที่ลงมือคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 และการโจมตีนี้ทรงพลังกว่าคนก่อน ๆ หลายเท่า แม้แต่ิญญาเสือดาวก็ทัดเทียบมิได้
พลังดาราโคจรบนร่างเย่เฟิง เขาใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อเดินออกมาพร้อมปรากฏแผนที่ดาว จึงหลบการโจมตีของิญญาาค้อน์นั่นได้ในพริบตา ในขณะเดียวกันหอกที่อยู่ในมือก็แทงไปยังร่างอีกฝ่าย เืต้องสาดกระเซ็นไปทั่วอากาศ!
“นี่...” เย่เฟิงฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ต่อเนื่อง ทำให้เฉินข่ายเริ่มกระสับกระส่ายและคิดหาโอกาสหนี
แต่เย่เฟิงหันมามองเฉินข่ายด้วยท่าทีเหยียดหยามพร้อมกล่าวขึ้น “อยากไปตอนนี้ เ้าไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยหรือ?”
เสียงนี้ทำให้เฉินข่ายตัวสั่นสะท้านอย่างแรง และหันกลับไปมองที่เดิมด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
“นายน้อยอ้าวเทียนโปรดปรานข้า ถ้าเ้าฆ่าข้า นายน้อยอ้าวเทียนไม่ปล่อยเ้าไปแน่!” เฉินข่ายข่มขู่ เมื่อเื่เดินมาถึงจุดนี้เขาก็ทำได้เพียงยกเฉินอ้าวเทียนมาอ้าง แต่ขณะเดียวกันเฉินอ้าวเทียนและหนานกงหลิงซวงก็ปรากฏตัว เห็นชัดว่าไล่ตามเย่เฟิงมา
“มาบอกกับข้าแบบนี้คิดว่ามีประโยชน์หรือ? ข้ากำจัดพวกเ้าตระกูลเฉินไปหลายคน จะกำจัดเ้าอีกสักคนจะเป็อะไรไป?” เย่เฟิงเดินเข้าหาเฉินข่ายทีละก้าวขณะถือหอกัเงินประกาย พลางมีไอสังหารแพร่กระจายไปทั่วอากาศ
“นายน้อยอ้าวเทียน ช่วยข้าด้วย!” เฉินข่ายกล่าว แน่นอนว่าเขาเห็นเฉินอ้าวเทียนกับหนานกงหลิงซวงแล้ว เขาจึงรู้สึกดีใจมากและรู้ว่าตัวเองจะต้องรอดตาย
ทว่าสิ้นเสียงเฉินข่าย เขารู้สึกว่ามีลำแสงพาดผ่านร่างเขาไป เป็พลังสังหารที่หนาวเหน็บราวกับ่ชิงชีวิตของเขาได้ มันคือการโจมตีของเย่เฟิง แม้เฉินอ้าวเทียนกับหนานกงหลิงซวงจะอยู่ที่นี่ แต่เย่เฟิงก็ยังลงมืออย่างไม่ลังเล หอกโจมตีเฉินข่ายโดยไม่สนใจเฉินอ้าวเทียน
นาทีนี้เฉินข่ายต้องหน้าถอดสี เขารู้สึกว่าตัวเองหลบหอกนี้ไม่ทันแน่นอน ราวกับมีเพียงความตายที่รอเขาอยู่
“สวะ เ้ากล้าหรือ!” เฉินอ้าวเทียนอ่านสถานการณ์ด้านนี้ออกทันที จึงตวาดใส่เย่เฟิงเช่นนั้น และพยายามหยุดเย่เฟิงไม่ให้ฆ่าเฉินข่าย
ทว่าทุกอย่างสายไปแล้ว หอกนี้ของเย่เฟิงว่องไวเกินไป มันไม่ปล่อยให้เฉินอ้าวเทียนมีโอกาส รังสีหอกนั่นทะลวงผ่านตำแหน่งหน้าอกของเฉินข่าย ในขณะที่ทะลวงร่าง พลังหอกยังได้ทำลายอวัยวะภายในของเฉินข่ายทั้งหมด ชีวิตจึงหาไม่ทันที
เมื่อหอกัเงินประกายกลับมาอยู่ในมือของเย่เฟิง เฉินข่ายก็ล้มลงไปกองกับพื้นทั้งที่ตายังเบิกโพลง เฉินข่ายผู้เป็ทาสระดับสูงของตระกูลเฉินและเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 กลับตกตายด้วยการโจมตีเดียว!
ก่อนหน้านี้ซุนจิ้งยกเย่เฟิงกับเฉินข่ายมาเปรียบเทียบกัน บอกว่าเย่เฟิงไม่มีทางทัดเทียมกับเฉินข่ายได้ แต่บัดนี้เฉินข่ายที่นำพวกมาปิดล้อมเย่เฟิงหมายสังหาร กลับถูกเย่เฟิงผู้ถูกเรียกว่าเศษสวะสังหารจนเกลี้ยงในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป รวมทั้งเฉินข่ายด้วย แม้แต่จะต่อต้านก็ยังไม่มีโอกาส นี่สิการสังหารที่แท้จริง
เฉินข่ายผู้นี้นับเป็สิ่งใดกัน? ในสายตาเย่เฟิง เขาก็เป็เพียงคนต่ำต้อยคนหนึ่งเท่านั้นที่ไม่คุ้มค่าพอจะให้สนใจ ส่วนเื่ที่ซุนจิ้งยกเฉินข่ายมาเทียบกับเย่เฟิง ฟังดูแล้วก็ช่างน่าขำขันยิ่งนัก
“เ้าฆ่าพวกเขาหรือ?” เฉินอ้าวเทียนซักถามเย่เฟิงขณะมองศพคนของตระกูลเฉินที่นอนตายเกลื่อนพื้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“พวกเขาอยากฆ่าข้า ตัดแขนตัดขาและทำลายการบ่มเพาะของข้า เ้าว่าพวกเขาสมควรตายหรือไม่?” เย่เฟิงย้อนถามเฉินอ้าวเทียนพลางแสยะยิ้ม
“งั้นเ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเ้าหรือ?” เฉินอ้าวเทียนถามต่อโดยไร้ความรู้สึกใด ๆ
“เ้าที่กดการบ่มเพาะทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เ้าว่าข้าจำเป็ต้องหวาดกลัวด้วยหรือ?” เย่เฟิงกล่าวพลางเอาสองมือไพล่หลัง เขากำลังบอกว่าในการทดสอบของหุบเขาเทียนเสวียน หากเฉินอ้าวเทียนอยากลงมือฆ่าเย่เฟิง เช่นนั้นก็ต้องกดการบ่มเพาะของตัวเองให้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายา แต่ถึงเฉินอ้าวเทียนจะอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี
เฉินอ้าวเทียนเป็อัจฉริยะมากพร์ แม้จะกดการบ่มเพาะ แต่พลังก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะต่อกรด้วยได้ เขาสามารถกำราบผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ทั่ว ๆ ไปได้อย่างง่ายดาย
แต่ถึงอย่างนั้นเย่เฟิงก็ยังคงแน่วแน่ ต่อให้เฉินอ้าวเทียนกดการบ่มเพาะแล้ว อีกฝ่ายก็ฆ่าเขาไม่ได้อยู่ดี ความมั่นใจเช่นนี้ราวกับมีมาแต่เกิด
“ข้าอยากเห็นนักว่าวันนี้ข้าจะฆ่าเ้าได้ไหม!” เฉินอ้าวเทียนเผยสีหน้าอึมครึม และเขาไม่เคยอยากฆ่าใครเท่านี้มาก่อน
ฝ่ามือแห่งการทำลายล้างบุกโจมตีเย่เฟิงในทันทีทันใด และฝ่ามือนี้ก็อัดแน่นไปด้วยพลังที่น่าหวาดกลัว
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงแผดเสียงคำราม เขาปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตออกไปอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด ก่อนจะเข้าปะทะกับฝ่ามือของเฉินอ้าวเทียน
อย่างไรก็ตามเมื่อสองฝ่ามือเข้าปะทะกัน พลังฝ่ามือของเฉินอ้าวเทียนเปลี่ยนไปน่ากลัวขึ้นฉับพลัน พลังเช่นนั้นราวกับไม่ใช่สิ่งที่เย่เฟิงจะต่อต้านได้
เย่เฟิงชะงักไปเล็กน้อย มีหรือเขาจะััถึงพลังนั่นไม่ได้ แต่ว่าเขาปล่อยฝ่ามือออกไปแล้วนี่ทำให้ทุกอย่างสายเกินไป นี่ทำให้เฉินอ้าวเทียนแสยะยิ้ม
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อฝ่ามือภูผาพิฆาตของเย่เฟิงปะทะกับฝ่ามือของเฉินอ้าวเทียน คลื่นทำลายล้างก็ได้ปีนป่ายขึ้นตามแขน และแทรกซึมสู่ร่างกายของเย่เฟิง ทำให้เขาตัวสั่นสะท้าน อวัยวะภายในสั่นคลอนราวกับจะปริแตก จนต้องเซถอยหลังพร้อมเืไหลตรงมุมปาก
พลังเช่นนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก อยู่เหนือระดับขั้นบ่มเพาะกายา ใช่แล้ว เฉินอ้าวเทียนฝ่าฝืนกฎการทดสอบ วินาทีที่เขาโจมตีเย่เฟิง เขายกเลิกกดการบ่มเพาะและเปลี่ยนไปเป็ขั้นรวมชี่ที่ 6 แต่ยังถูกกดพลังอยู่ครึ่งหนึ่ง เทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 เขาคิดว่าด้วยพลังเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะฆ่าเย่เฟิงได้แล้ว ทว่าเย่เฟิงดวงแข็งมาก แม้แต่การโจมตีนี้ของเฉินอ้าวเทียนก็รับมือได้
“แบบนี้แล้วก็ยังไม่ตาย แต่การโจมตีนี้ เ้าไม่รอดแน่!” เฉินอ้าวเทียนกล่าว เพื่อที่จะฆ่าเย่เฟิงแล้ว เขาถึงกับแหกกฎการทดสอบ โดยการใช้พลังขั้นรวมชี่ลงมือจัดการเย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7
นี่ก็คือความโอหังของสามอันดับแรกแห่งรายนามขั้นรวมชี่ เขาทั้งยังมีฐานะสูงส่ง ต่อให้แหกกฎฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 คนเดียว ทางสำนักยุทธ์จะทำอะไรเขาได้?
เฉินอ้าวเทียนปล่อยฝ่ามือที่ทรงพลังกว่าเมื่อครู่นี้ และอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างออกไป พลังแห่งขั้นรวมชี่คำราม ฝ่ามือนี้หมายปลิดชีวิตเย่เฟิง
ดวงตาของเย่เฟิงวาบประกายเยือกเย็น ในโลกของผู้แข็งแกร่งก็เป็เช่นนี้แล เมื่อเ้ามีพลังก็ย่อมมีฐานะสูงส่ง อยากฆ่าก็ฆ่า ต่อให้ฝ่าฝืนกฎการทดสอบ ทางสำนักยุทธ์ก็ไม่มีทางทำอะไรเ้า แต่เมื่อเ้าอ่อนแอ ก็ทำได้เพียงตกเป็เหยื่อของผู้อื่น
“ัคำรามเก้าชั้นฟ้า!” เสียงเย็นดังจากปากของเย่เฟิง แม้จะเผชิญหน้ากับเฉินอ้าวเทียนที่อยู่ขั้นรวมชี่ แต่เย่เฟิงก็ไม่คิดถอยหนี
เคล็ดวิชาหอกเงินประกายถูกปลดปล่อย รังสีหอกพลันกลายเป็แสงทำลายล้างพร้อมอำนาจหอกโคจรในนั้นราวกับเชื่อมโยงกับฟ้าดิน
อย่างไรก็ตามเฉินอ้าวเทียนคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ มีข้อได้เปรียบมากกว่า ดังนั้นไม่ว่าจะปล่อยการโจมตีอะไรไปก็เสียเปล่า ฝ่ามือของเฉินอ้าวเทียนกลืนกินรังสีหอกของเย่เฟิง
ช่องว่างระหว่างขั้นรวมชี่กับชั้นบ่มเพาะกายาเปรียบเทียบได้กับแม่น้ำสายใหญ่ ต่อให้เย่เฟิงมีพลังต่อสู้แกร่งกล้า แต่ก็ไม่อาจเป็คู่ต่อสู้ของเฉินอ้าวเทียนได้ พลันเสียงะเิดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง การโจมตีของเย่เฟิงถูกทำลาย แต่ฝ่ามือของเฉินอ้าวเทียนยังคงพุ่งมาหาเย่เฟิงพร้อมด้วยพลังสังหารอันเย็นะเื
“อยากตายงั้นหรือ?” เย่เฟิงคิดในใจ ตอนนี้เขาััได้ว่าพลังฝ่ามือของเฉินอ้าวเทียนเข้าปกคลุมร่างเขาและมีพลังทำลายล้างกัดกร่อน
“วูบ!” ใน่เวลาวิกฤต พลันมีลำแสงสายหนึ่งที่แฝงด้วยพลังทำลายล้างพุ่งโจมตีเฉินอ้าวเทียน มันพุ่งมาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ก่อนจะมาเยือนเฉินอ้าวเทียนในชั่วพริบตา
เฉินอ้าวเทียนต้องตะลึงงัน เมื่อรู้ว่ามีอันตรายมาเยือน เขาจำต้องทิ้งการโจมตีเย่เฟิงและหลบลำแสงนั่น นาทีต่อมามีเงาร่างร้อนแรงปรากฏตัว ดวงตาคู่งามเหลือบมองเฉินอ้าวเทียนแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปพูดกับเย่เฟิงว่า “พวกเราไป!”
เย่เฟิงมองฉินเยียนหรานที่มาช่วยเขาด้วยความประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าทำไมหญิงผู้นี้ถึงมาช่วยเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้