“ท่านปู่ไป๋ ชิงเสวี่ยมาร่วมอวยพรวันเกิดให้ท่าน ขอให้ท่านมีโชคลาภมากมายดั่งทะเลตงไห่ มีอายุมั่นขวัญยืนดั่งูเาหนานซาน ระดับเขตแดนเหนือล้ำขึ้นอีกขั้น” จีชิงเสวี่ยที่งดงามดุจนางเซียนเดินเข้าไปหาไป๋ซีซานผู้มีใบหน้าอิ่มเอมเปี่ยมสุข นางยื่นม้วนภาพวาดทิวทัศน์ให้ถึงมืออีกฝ่ายพร้อมกล่าวอวยพรเสียงหวาน
“ชิงเสวี่ยเ้ามาที่เมืองไป๋ตี้ั้แ่เมื่อใดกัน เหตุใดจึงไม่มาทักทายปู่คนนี้บ้าง เ้าเห็นปู่เป็คนนอกไปแล้วใช่หรือไม่” ไป๋ซีซานกวักมือเรียกจีชิงเสวี่ยที่แต่งกายงดงามเข้ามาใกล้ๆ เอ่ยดุเด็กสาวอย่างไม่จริงจังนัก
“ท่านปู่ไป๋ ข้าเพียงอยากทำให้ท่านใเล่นเท่านั้นเอง” จีชิงเสวี่ยกอดแขนของไป๋ซีซานหลวมๆ พลางพูดจาออดอ้อน “อีกอย่าง วันนี้ข้าพาใครบางคนมาแนะนำให้ท่านรู้จักด้วย”
“เฉินเฟิงขออวยพรให้ผู้เฒ่าไป๋มีอายุยืนนานกว่าแผ่นฟ้า วาสนาล้ำลึกกว่ามหาสมุทร”
เยี่ยเฉินเฟิงรู้ดีว่าจีชิงเสวี่ยทำเช่นนี้เพื่ออะไร เขาเห็นสายตาอ้อนวอนของนางมองมา เขาจึงก้าวออกไปข้างหน้า มองไป๋ซีซานที่ตัวเองเคยช่วยให้พ้นจากประตูปรโลกมาได้ และกล่าวอวยพรอีกฝ่ายเสียงแ่เบา
“ชิงเสวี่ย เขาคือ?” ไป๋ซีซานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ยถาม
“ท่านปู๋ไป๋ เขามีนามว่าเยี่ยเฉินเฟิงเป็คู่หมั้นในวัยเด็กของข้า ที่ข้าแอบหนีมาเมืองไป๋ตี้เมื่อไม่กี่วันก่อนก็เพราะเขานี่แหละ ตอนนี้พวกเราแอบตกลงปลงใจพักอาศัยอยู่ด้วยกันแล้ว” ใบหน้างามวิจิตรของจีชิงเสวี่ยปรากฏจ้ำสีแดงจางๆ สองแห่ง นางเล่าให้ผู้อื่นฟังอย่างขวยเขิน
“ตกลงปลงใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันรึ” ไป๋ซีซานเคยได้ยินเื่ของเยี่ยเฉินเฟิงมาบ้าง พอจะรู้ว่าเขาไม่สามารถก่อร่างจิตอสูรได้ จึงถูกตระกูลเยี่ยทอดทิ้ง แต่เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมจีชิงสวี่ยถึงยังอยากแต่งงานกับเด็กหนุ่มคนนี้อยู่
“ชิงเสวี่ย ปู่ของเ้าทราบเื่หรือยัง?” ไป๋ซีซานรู้สึกว่าเื่นี้ค่อนข้างใหญ่โตและสำคัญมากจึงเอ่ยถามเด็กสาวอย่างจริงจังหนักแน่น
“ข้าส่งคนไปแจ้งข่าวแก่ท่านปู่แล้ว คิดว่าท่านปู่จะได้รับข่าวอย่างช้าที่สุดภายในสามวัน” จีชิงเสวี่ยตอบ
“เฮ้อ ในเมื่อเ้าคิดมาดีแล้วปู่ก็ไม่คิดจะเกลี้ยกล่อมอะไรเ้าหรอก หวังว่าพวกเ้าจะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไปนะ” ไป๋ซีซานลอบถอนหายใจเบาๆ
“ขอบคุณท่านปู่ไป๋ พวกเราขอตัวออกไปด้านนอกก่อน”
เมื่อบรรลุเป้าหมายที่้าแล้ว จีชิงเสวี่ยก็ไม่คิดจะรั้งอยู่ต่อให้มากความ นางจูงมือของเยี่ยเฉินเฟิงเดินออกจากโถงหลักที่มีบรรยากาศมงคลรื่นเริงออกไปยังด้านนอก
“จีชิงเสวี่ย แค่นี้ใช่ไหมที่เ้า้า”
หลังออกมาจากโถงหลักแล้ว เยี่ยเฉินเฟิงจึงสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของจีชิงเสวี่ยเบาๆ มองนางด้วยสายตาเ็าและกล่าวอย่างไร้อารมณ์
“เ้าอย่าโกรธกันเลยนะเยี่ยเฉินเฟิง ข้าสัญญาว่าหลังจากจบเื่นี้แล้ว ข้าจะไม่ใช้เ้ามาเป็ข้ออ้างอีก”
ไม่รู้ทำไม ตอนที่จีชิงเสวี่ยเห็นสายตาเ็าของอีกฝ่าย ภายในใจถึงเกิดกระวนกระวายขึ้นมา นางจึงกล่าวสัญญากับเขา
“เฉินเฟิง ชิงเสวี่ย พวกเ้าหิวกันหรือยัง ข้าพาพวกเ้าไปกินอะไรสักหน่อยดีกว่า” ในตอนนั้นร่างสูงเพรียวขาเรียวยาวของไป๋ซีหย่าก็เดินนวยนาดเข้ามาหาพวกเขา เอ่ยปากเสนอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ดีเลย เมื่อครู่นี้เฉินเฟิงเพิ่งจะบ่นกับข้าว่าหิวอยู่พอดี” จีชิงเสวี่ยกลัวไป๋ซีหย่าจะเห็นพิรุธจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวาน
“นั่นสิ ข้าหิวจนท้องไส้กิ่วหมดแล้ว”
เยี่ยเฉินเฟิงเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยแอบแฝง พร้อมยื่นมือไปคว้าหมับเข้าที่เอวเล็กนวลเนียนดุจกิ่งหลิวของจีชิงเสวี่ย กระตุกร่างของนางที่แสดงสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อยเข้าสู่อ้อมอก
“เป็อะไรไปชิงเสวี่ย เ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ทำไมถึงได้ตัวสั่นเช่นนี้ล่ะ”
เยี่ยเฉินเฟิงลอบมองสีหน้าเหยเกของจีชิงเสวี่ย เสแสร้งถามอย่างเป็ห่วงเป็ใย
“ไม่ ไม่เป็ไร ข้าสบายดี”
จีชิงเสวี่ยรู้ดีแก่ใจว่าเยี่ยเฉินเฟิงทำเช่นนี้เพราะ้าแก้เผ็ดเอาคืนนาง แต่นางก็ไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรออกไปเพราะไม่อยากให้แผนทุกอย่างพังครืน ได้แต่ปล่อยให้เยี่ยเฉินเฟิงโอบเอวตัวเองแน่น หลอกกินเต้าหู้นางไปทั้งอย่างนั้น
“เฉินเฟิง ชิงเสวี่ย พวกเ้าดูรักกันมากเลยนะ”
เมื่อเห็นทั้งสองอิงแอบแนบชิดกัน ไป๋ซีหย่าก็เอ่ยปากแซวด้วยความอิจฉา
“ซีหย่า เ้าต้องหาคนที่เป็ดั่งความสุขของเ้าได้แน่นอน” จีชิงเสวี่ยพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง และกล่าวบอกอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มชวนหลงใหล
“หวังว่าอย่างนั้น” ไป๋ซีหย่าพูดขึ้นอย่างเหม่อลอยคล้ายจมอยู่กับความคิด ในห้วงสมองปรากฏภาพของเยี่ยเฉินเฟิงที่ปลอมตัวด้วยหน้ากากหนังมนุษย์
ไป๋ซีซานเป็บุคคลสูงส่งเป็ที่นับหน้าถือตาในแคว้นจื่อจิน แล้วยังเป็บิดาของเ้าเมืองไป๋ตี้อีกต่างหาก ดังนั้นในงานวันเกิดครบเจ็ดสิบปีของเขา คนจากทุกตระกูลในเมืองไป๋ตี้ก็แทบจะแห่มาแสดงความยินดีกันหมดเมือง เพื่อดูแลต้อนรับคนเหล่านี้ให้ดี ตระกูลไป๋จึงเตรียมโต๊ะจัดเลี้ยงและอาหารรสเลิศไว้อย่างเหลือเฟือ
ระหว่างที่พวกเยี่ยเฉินเฟิงเดินไปทางโถงจัดเลี้ยงอาหาร กลุ่มของเหลียนซานจวินก็เดินสวนเข้ามาหาพวกเขาทันที
แต่เยี่ยเฉินเฟิงไม่อยากจะสนใจคนพวกนั้น เขาจึงใช้มือขวาโอบเอวของจีชิงเสวี่ยที่ทำท่าระแวงให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ คิดจะเดินอ้อมหลบคนกลุ่มนั้นไปอีกทาง
ทว่าตอนที่คนทั้งสองกลุ่มเดินสวนไหล่ชนไหล่กันนั้น สาวสวยที่อยู่ข้างกายเหลียนซานจวินก็กรีดร้องดังลั่น นางสวมใส่ชุดกระโปรงดำรัดรูปขับเน้นเรือนกายที่อวบอัดไปทุกสัดส่วน ใบหน้าพอกเครื่องประทินโฉมมาอย่างหนาแน่น
เสียงกรีดร้องของนางดึงดูดทุกสายตาของคนในงานให้หันมารวมกันได้ในเสี้ยวพริบตา แต่ละคนต่างมองมาอย่างงุนงงสงสัย
“หงอวิ้น เกิดอะไรขึ้นหรือ”
เหลียนซานจวินที่อยู่ข้างกายของหญิงสาวนางนั้นลอบแสยะยิ้มเ็าโดยไม่มีใครจับสังเกตได้ เขาจงใจพูดเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน
“เขา...เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจะล่วงเกินข้า” สาวสวยยั่วยวนคนนั้นชี้นิ้วเรียวยาวมาทางเยี่ยเฉินเฟิง พลางเอ่ยตอบอย่างกล้ำกลืนฝืนใจ
“เยี่ยเฉินเฟิง ข้าว่าเ้าคงไปกินดีหมีหัวใจเสือมาสินะแม้แต่เพื่อนของข้าเ้ายังกล้าล่วงเกินนางได้ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะจัดการเ้าให้สิ้นซาก” เหลียนซานจวินมองเยี่ยเฉินเฟิงด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม เอ่ยข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ล่วงเกินนาง?” เมื่อจับพิรุธจากสายตาเ้าเล่ห์ของพวกเหลียนซานจวินได้ เยี่ยเฉินเฟิงก็เดาออกทันทีว่าพวกเขาจงใจสร้างเื่ มุมปากพลันยกโค้ง ตอกหน้ากลับอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ “ขอโทษนะ แต่รสนิยมของข้าไม่ย่ำแย่ถึงเพียงนั้น สตรีเช่นนางต่อให้ประเคนถึงธรณีประตู ข้าก็ไม่คิดจะไปแตะต้องหรอก”
“เ้า!” สาวสวยยั่วยวนนางนั้นเห็นว่านอกจากเยี่ยเฉินเฟิงจะไม่หวาดกลัวความผิดแล้ว อีกฝ่ายยังกล้าหยามเกียรตินางต่อหน้าธารกำนัลอีก จึงโกรธจนหน้าเขียวคล้ำออกแรงเขย่าแขนเหลียนซานจวินพลางกล่าว “ซานจวิน เขาล่วงเกินข้าแล้วยังรังแกข้าซ้ำอีก เ้าจะต้องแก้แค้นให้ข้านะ”
“เยี่ยเฉินเฟิง วิญญูชนเช่นพวกเราไม่ทำอะไรลับหลังผู้อื่น เ้ากล้าที่จะทำแต่กลับไม่กล้ายอมรับอย่างนั้นหรือ?” เหลียนซานจวินเผยสีหน้าดุร้าย ใช้คำพูดซักไซ้กดดัน
“พวกเ้านี่มันน่าเบื่อชะมัด” เยี่ยเฉินเฟิงส่ายศีรษะ
“เ้า เ้ามันต่ำช้าไร้ยางอาย”
เมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มมุงดูกันมากขึ้นเรื่อยๆ สตรีผู้งดงามยั่วยวนนางนั้นก็งัดเอาพร์ด้านการแสดงออกมาใช้อย่างเต็มที่ ดวงตากลมโตเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อคลอ นางเอ่ยประณามอีกฝ่ายเสียงดังลั่นเพื่อเรียกความสงสารและเห็นใจจากทุกคน
“ตอนที่พวกเราเดินเฉียดกันเมื่อครู่เ้ากล่าวหาว่าข้าจับก้นของเ้า เช่นนั้นข้าขอถามเ้าหน่อยว่าเ้าใช้ดวงตาข้างไหนมองล่ะ อย่าบอกนะว่าเ้าใช้ข้างที่อยู่บนก้นมอง เพราะข้าสามารถยืนยันกับเ้าได้เลยว่าตาดวงที่สามไม่มีทางมองเห็นได้”
“อีกอย่าง เ้าคิดว่าตัวเองสวยได้เท่าคู่หมั้นของข้าไหม? ว่ากันตามจริงนะ สตรีเช่นเ้าต่อให้ถอดเสื้อผ้าเปลือยกายยืนอยู่ตรงหน้า ข้าก็ไม่คิดจะสนใจหรอก”
เห็นสตรีนางนั้นทำท่าทางน่าสงสารเรียกร้องความเห็นใจ เยี่ยเฉินเฟิงจึงตอกหน้ากลับอีกครั้งอย่างมีเหตุมีผล
“นี่เ้า...”
หญิงสาวโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม ความอัปยศและโกรธเกรี้ยวที่นางไม่เคยประสบพบเจอแผ่กระจายไปทั่วจิตใจ
“เยี่ยเฉินเฟิง เ้าคิดว่าข้าไม่กล้าลงมือกับเ้าสินะ” เหลียนซานจวินจ้องเยี่ยเฉินเฟิงด้วยความโกรธ กลิ่นอายชั่วร้ายรุนแรงขุมหนึ่งฟุ้งออกมาจากร่างของเขา
“ข้าคิดว่านี่คงเป็เป้าหมายที่แท้จริงของเ้ามากกว่า” เยี่ยเฉินเฟิงยกยิ้มมุมปากเอ่ยอย่างไม่แยแส “แต่ข้าจะสนองให้ตามที่เ้า้า”
“ย่อมได้ คนที่แพ้จะต้องไสหัวออกไปจากที่นี่”
