สักพักใหญ่ก็ได้ยินเสียงล้อเกวียนดังแว่วมาแต่ไกล ฝีเท้าม้าดังก้องในบรรยากาศสงบของจวนราชครู ซูเหมยอิง ะโลงจากเก้าอี้ที่นางใช้ปีนหน้าต่าง ใบหน้ากลมเล็กฉายแววตื่นเต้น
“ท่านปู่! เขามาแล้วใช่ไหม?” นางถามเสียงใส ขณะวิ่งมาหยุดข้าง ซูเจิ้นเทียน ที่กำลังยืนรออยู่หน้าประตู
รถม้าที่วิ่งมาถูกออกแบบอย่างประณีตแต่เรียบง่าย ทว่าดูแข็งแกร่ง ทหารคุ้มกันเพียงไม่กี่นายขี่ม้าตามมาด้านหลัง เงียบขรึมและระมัดระวัง
ประตูรถม้าถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ก่อนที่ อู๋หลงเฉิน เด็กชายวัย 7 ขวบ จะก้าวลงจากรถม้าด้วยท่วงท่าสง่างามเกินวัย ร่างสูงโปร่งสำหรับเด็กในวัยเดียวกัน ผิวขาวผ่อง ผมดำขลับถูกจัดแต่งอย่างเรียบร้อย ใบหน้าหล่อเหลาเป็เอกลักษณ์ ดวงตาคมดุจเหยี่ยวฉายแววหยิ่งทะนง ริมฝีปากบางยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
เขาสวมชุดผ้าไหมสีดำเนื้อดี ตัดเย็บอย่างประณีต ลวดลายพยัคฆ์เงินบนชายเสื้อสะท้อนแสงแดด ชุดที่บ่งบอกถึงฐานะและความสูงส่งของเขา ทว่าสายตาของเขากลับเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์
หลงเฉินเหลือบตามองจวนราชครูที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะพ่นลมหายใจเบาๆ
“นี่หรือจวนราชครู?” หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชา แต่แฝงความเย่อหยิ่ง “ข้านึกว่าจะใหญ่โตกว่านี้เสียอีก”
คำพูดนั้นทำให้ ซูเหมยอิง ที่แอบมองอยู่หลังเสา หน้าบูดบึ้งทันที นางกำหมัดแน่น พลางกระซิบกับตัวเอง “ชิ! ตัวเองก็ไม่เห็นจะสูงใหญ่ตรงไหนเลย ยังจะมาว่าจวนข้าอีก!”
ซูเจิ้นเทียน ก้าวออกมาต้อนรับอย่างสงบ ดวงตาแฝงความนิ่งลึกซึ้ง “เ้าต้องเหนื่อยล้าจากการเดินทางมากแน่ ยินดีต้อนรับสู่จวนราชครู”
อู๋หลงเฉินปรายตามองอย่างไม่แยแส ก่อนจะค้อมศีรษะเบาๆ ตามมารยาท “ขอบคุณท่านราชครู” แต่ท่าทางของเขายังคงแฝงความเย่อหยิ่งไว้
ซูเหวินหยาง และ หลี่เหมยหลิน ที่ยืนอยู่ข้างซูเจิ้นเทียนต่างจับตาดูเด็กชายตรงหน้าอย่างพินิจ ซูเหวินหยางขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าทางของแขกผู้มาเยือน แต่ยังคงสงบนิ่ง
ในขณะนั้น ซูหยางอวี่ ก้าวมาข้างหน้า เขามองหลงเฉินอย่างสำรวจ แต่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร เสียงเล็กๆ ก็ดังขึ้น
“จวนข้าจะใหญ่โตไปทำไมกัน? จะให้ข้าสร้างกำแพงสูงถึงฟ้าหรืออย่างไร?”
เสียงใสดังขึ้นอย่างท้าทาย ทุกสายตาหันไปมอง ซูเหมยอิง ที่เดินออกมาจากมุมเสาด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ ดวงตากลมโตเปล่งประกายเอาเื่
อู๋หลงเฉินหันไปมองนางด้วยสายตาเ็า ก่อนจะเลิกคิ้วสูง “เ้าคือใคร?”
ซูเหมยอิงเชิดหน้าขึ้น “ข้าคือ ซูเหมยอิง หลานสาวท่านปู่ เ้าจะทำไม?”
อู๋หลงเฉินหรี่ตาลง มองสำรวจนางั้แ่หัวจรดเท้า ก่อนจะยิ้มเย้ยหยัน “ตัวเล็กนิดเดียว แถมยังปากกล้าอีก”
ซูเหมยอิงหน้าบูดทันที นางสะบัดหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ “แล้วเ้าตัวใหญ่กว่าข้ามากหรืออย่างไร ถึงมาพูดแบบนี้?”
อู๋หลงเฉินยักไหล่ “ข้าไม่ต้องพูดให้มากความ ใครๆ ก็รู้ว่าข้าคือใคร”
“แล้วข้าต้องรู้ด้วยหรือ?” ซูเหมยอิงตอบกลับทันควัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหมั่นไส้
บรรยากาศรอบตัวเริ่มตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย ซูเจิ้นเทียนไอเบาๆ เพื่อเตือนทั้งสองคน
“พอเถอะเหมยอิง เ้าต้องรู้จักต้อนรับแขก”
ซูเหมยอิงย่นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ “ก็ได้ ข้ายอมให้เขาอยู่...ถ้าเขาไม่วุ่นวายกับข้าก่อน”
อู๋หลงเฉินหัวเราะเบาๆ “ไม่ต้องห่วง ข้าเองก็ไม่มีเวลามาสนใจเด็กอย่างเ้าหรอก”
คำพูดนั้นยิ่งทำให้ซูเหมยอิงกัดฟันแน่น นางกำหมัดแน่นแต่ยังไม่กล้าตอบโต้เพราะเกรงใจท่านปู่
ซูเหวินหยางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น “หลงเฉิน เ้าคงเหนื่อยล้าจากการเดินทาง หยางอวี่ พาเขาไปยังเรือนพัก”
อู๋หลงเฉินค้อมศีรษะเล็กน้อย “ขอบคุณขอรับ” ก่อนจะเดินตามซูหยางอวี่เข้าไปในจวน แต่ก่อนเดินไป เขายังหันกลับไปเหลือบตามองเหมยอิง พร้อมรอยยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย
ซูเหมยอิงกัดฟันแน่นด้วยความแค้นใจ หน้าเล็กๆงอง้ำ ก่อนกระซิบกับ เสี่ยวไป๋ ที่ลอยอยู่ข้างๆ เบาๆ
“เ้าดูสิ! เ้านั่นหยิ่งนัก ข้าจะต้องหาโอกาสทำให้เขาต้องร้องไห้อยากกลับบ้านให้ได้!”
เสี่ยวไป๋หัวเราะคิกคัก “แล้วแต่เ้าเลย ข้าเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า ใครจะชนะ!”
ทั้งสองจ้องมองตามหลังเด็กชายที่เดินลับไปด้วยความท้าทาย การพบกันครั้งแรกของเด็กทั้งสองคน กลับเริ่มต้นด้วยไฟแห่งความหมั่นไส้อย่างไม่มีใครยอมใคร...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้