บรรยากาศเงียบเชียบ เย่เฟิงและนักดาบแขนเดียวยืนแยกกันอยู่คนละทิศ เพียงยืนอยู่ตรงนั้นก็ราวกับเป็รูปปั้นก็ไม่ปาน
“นี่...” ผู้คนต่างตะลึงงัน ดาบเมื่อครู่ของนักดาบแขนเดียวน่าทึ่งมาก ทำให้หัวใจของพวกเขาบีบรัดเล็กน้อยด้วยความใ
“ใครชนะกันแน่?” ผู้คนเกิดคำถามขึ้นในใจขณะมองสองเงาร่างไม่ขยับเขยื้อนบนเวทีประลอง
“ทักษะดาบของนักดาบแขนเดียวแม่นยำมาก เขาต้องเป็ฝ่ายชนะ เย่เฟิงไม่มีทางหลบดาบของเขาทันแน่” เหล่าผู้คนต่างมีคำตอบอยู่ในใจของตนว่าใครคือผู้ชนะ
ครู่ต่อมา สายลมพัดผ่านบนเวทีประลอง เสื้อคลุมของทั้งสองกระพือ จากนั้นผู้คนเห็นคนหนึ่งขยับตัว ซึ่งเย่เฟิงยังยืนอยู่ที่เดิม แต่มือของนักดาบแขนเดียวจับที่คอของตน เพราะตรงนั้นมีเืไหลออกมา
“ดาบของเ้ารวดเร็วมาก” เย่เฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“แล้วอย่างไรเล่า? ผู้ชนะก็ยังคงเป็เ้า” นักดาบแขนเดียวเก็บดาบ และกล่าวต่อ “ข้าติดค้างเ้า”
เมื่อกล่าวจบ เห็นเขาะโลงจากเวทีประลอง ก่อนจะออกไปโดยไร้ความอาวรณ์ใด ๆ
“อะไรเนี่ย?” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องตกตะลึง
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น? ดาบนั่นน่าทึ่งมาก แต่นักดาบแขนเดียวเป็ฝ่ายแพ้! เย่เฟิงเอาชนะนักดาบแขนเดียวในหนึ่งกระบวนท่า เขาทำได้อย่างไรกัน” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว แต่มีหลายคนยังไม่หายใ พวกเขามองเงาร่างบนเวทีประลองด้วยสายตานิ่งงัน
คำพูดนั้นก่อนที่นักดาบแขนเดียวจะออกไป เป็การพิสูจน์แล้วว่าใครเป็ผู้ชนะในการประลองนี้
เย่เฟิงเผชิญหน้ากับดาบพรากชีวิตของนักดาบแขนเดียว แต่นักดาบแขนเดียวกลับเป็ฝ่ายแพ้ นี่เป็เื่ที่น่าใอย่างมาก ผลลัพธ์เช่นนี้เกินความคาดหมายของใครหลาย ๆ คน
ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นความแข็งแกร่งของนักดาบแขนเดียวกับตาตัวเอง ไม่ว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเพียงใด เขาก็มักจะฆ่าอีกฝ่ายได้ในหนึ่งกระบวนท่า ทว่าบัดนี้สถิติของนักดาบแขนเดียวถูกทำลาย ซ้ำยังพ่ายแพ้ให้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายา
บนอัฒจันทร์ ตู๋กูหลงเผยสีหน้าอึมครึม เขานึกไม่ถึงว่าแม้แต่นักดาบแขนเดียวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิง แต่ด้วยวิชาเนตรของเขา เห็นชัดว่าดัชนีของเย่เฟิงแปรเปลี่ยนเป็รังสีหอก ทั้งยังผสานกับพลังแห่งฟ้าดิน เมื่อหาโอกาสได้แล้ว พลังดัชนีถูกปล่อย รังสีดาบอันตรธาน คนตกตาย แต่ว่าเย่เฟิงยั้งมือในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ไม่เช่นนั้นนักดาบแขนเดียวคงตายคาเวทีประลองไปแล้ว
เซี่ยเชียนชิวกะพริบตาปริบ ๆ เย่เฟิงทำนางทึ่งครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้นางรู้สึกชินชา บัดนี้ไม่ว่าเย่เฟิงจะสร้างเื่น่าใเพียงใด นางก็ไม่มีปฏิกิริยาเฉกเช่นเมื่อก่อน
สีหน้าของโจวมู่เจี๋ยผันผวน เดิมทีเขาคิดว่าเย่เฟิงไปท้าทายนักดาบแขนเดียวเป็การแกว่งเท้าหาเสี้ยน แต่คิดไม่ถึงว่านักดาบแขนเดียว ผู้เชี่ยวชาญทักษะดาบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิง เห็นทีวันนี้เขาคงฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้แล้ว
หลังจากนักดาบแขนเดียวพ่ายแพ้ คะแนนก็ตกเป็ของเย่เฟิงทันที ทำให้คะแนนของเย่เฟิงเพิ่มขึ้นเป็ 250,000 แต้ม เหลืออีก 50,000 แต้มเย่เฟิงก็จะแลกกระดูกปีศาจัได้แล้ว เมื่อเย่เฟิงคิดว่ากระดูกปีศาจัใกล้มาอยู่ในมือของตนก็รู้สึกดีใจ ถึงเวลานั้นเขาจะบดกระดูกปีศาจั สร้างเกราะเทพา ครองกายาทองคำไร้เทียมทาน และฝึกทักษะสุดท้ายของคัมภีร์หล่อกายาเทพา
“250,000 แต้มแล้วงั้นหรือ สวะนี่ทำข้าประหลาดใจมาก!” บนเวทีประลองใกล้ ๆ ดวงตากระหายเืคู่นั้นของซื่อหุนมองมาที่เย่เฟิง พลางกล่าวด้วยความไม่ชอบใจ
เย่เฟิงหันไปมอง ก่อนจะสบตากับซื่อหุนพร้อมแสงคมกริบปะทุออกจากดวงตา เขาไม่เคยยั่วยุซื่อหุน แต่อีกฝ่ายกลับด่าเขาว่าเป็สวะ แม้เย่เฟิงไม่ได้ยั่วยุอีกฝ่ายก่อน แต่เขาไม่ชอบให้ใครมาหยาม
“เ้านับเป็สิ่งใด มีสิทธิ์อะไรมาพูดกับข้า?”
แววตาของเย่เฟิงเผยประกายเยือกเย็น เขานั้นเข้าใจนิสัยของซื่อหุนดี คนผู้นี้บ้าระห่ำ กระหายเื และโเี้อำมหิต บนเวทีประลองมีหลายคนที่ต้องตายในน้ำมือของคนผู้นี้ด้วยวิธีโหดร้าย อาจกล่าวได้ว่าเย่เฟิงไม่มีความประทับใจอะไรในตัวซื่อหุนเลยั้แ่เริ่ม ทว่าในเมื่อซื่อหุนเป็ฝ่ายยั่วยุก่อน เช่นนั้นเย่เฟิงจะถอยทำไมเล่า หากเอาชนะอีกฝ่าย คะแนนของเขาก็จะทะลุ 300,000 แต้ม
“สวะ เ้ากล้าด่าข้างั้นเหรอ?” ซื่อหุนได้ยินเช่นนั้นก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ ประหนึ่งกริชเล่มหนึ่งที่้าแทงดวงตาของเย่เฟิง
ทันใดนั้นลมปราณปะทุออกจากร่างซื่อหุน ก่อนจะเข้ากดดันเย่เฟิง พร้อมกับพลังิญญาเข้าห้อมล้อมร่างเย่เฟิง
“หึ!” เย่เฟิงแค่นเสียงเ็าพร้อมกับเจตจำนงหอกพวยพุ่งออกจากร่าง รังสีหอกสะบั้นทุกสิ่ง จากนั้นเข้าทำลายพลังกดดันและพลังิญญาของซื่อหุน
“สวะ ทางที่ดีเ้าอย่าบีบข้า หาไม่แล้วถ้าข้าพลั้งมือฆ่าเ้า ตระกูลตู๋กูก็ไม่มีทางตำหนิข้า ส่วนเ้าก็จะสละชีวิตไปอย่างเสียเปล่า น่าเสียดายออก!” ซื่อหุนกล่าวเสียงเย็นพลางแสยะยิ้ม พร้อมกลิ่นอายกระหายเืแผ่ออกจากร่างกาย นี่ทำให้ผู้คนตาเป็ประกาย ซื่อหุนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 หากลงมือจัดการเย่เฟิงก็จะถือว่าผิดกฎของเวทีประลอง แต่ก่อนหน้านี้เย่เฟิงล่วงเกินตระกูลตู๋กู หากเขาซื่อหุนลงมือจัดการเย่เฟิง ทางตระกูลตู๋กูคงไม่มีทางหยุดซื่อหุน เช่นนั้นเย่เฟิงคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว หากถูกซื่อหุนเล็งเป้า เย่เฟิงจะต่อต้านได้อย่างไร?
“หน้าไม่อาย!” เย่เฟิงเหยียดยิ้ม และกล่าวต่อ “อยากจัดการข้าแต่พูดไร้สาระแบบนี้หรือ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าหนังหน้าเ้าหนาแค่ไหน เกรงว่าคงพอ ๆ กับคนของตระกูลตู๋กู”
คำพูดนั่นทำให้สีหน้าของคนตระกูลตู๋กูเปลี่ยนไปจนดูไม่ดี พวกเขามองเย่เฟิงด้วยสายตาคมกริบแฝงไว้ด้วยจิตสังหารอันเยือกเย็น
เพียงแค่สามคำสั้น ๆ ของเย่เฟิง ทั้งด่าซื่อหุนและตระกูลตู๋กูในเวลาเดียวกัน นี่เป็การรนหาที่ตายชัด ๆ และมีโอกาสสูงที่การกระทำผลีผลามของเย่เฟิงจะทำให้ซื่อหุนโกรธขึ้นมาจริง ๆ ถึงเวลานั้นเขาจะทำอย่างไร?
“พลั้งมือฆ่าข้า เ้าสำคัญตัวเองมากเกินไปแล้ว ในเมื่อเ้าซื่อหุนอยากสู้ เช่นนั้นข้าเย่เฟิงก็จะให้โอกาสเ้า!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น จากนั้นผู้คนเห็นเขาทะยานร่างขึ้นฟ้าไปเยือนเวทีประลองที่ซื่อหุนอยู่ พลันดวงตาของเขาเผยประกายคมกริบ แทงหอกัเงินประกายออกไป พร้อมพลังหอกแพร่กระจายทั่วฟ้าดิน ทั้งยังมีอำนาจหอกแฝงอยู่ในนั้น ราวกับทะลวงได้ทุกสิ่ง
ซื่อหุนยั่วยุเย่เฟิง เช่นนั้นเย่เฟิงก็ใช้พลังอันแกร่งกล้าเข้ากำราบอีกฝ่าย บนเวทีประลองที่โหดร้ายนี้ ความแข็งแกร่งคือตัวแทนทุกสิ่งทุกอย่าง
“สวะ เ้ากล้าลงมือตรง ๆ เลยหรือ อย่าคิดว่าเ้าเอาชนะนักดาบแขนเดียวแล้วจะต่อต้านข้าได้ เ้ายังอ่อนหัดเกินไป!”
ซื่อหุนกล่าวพร้อมมีดยาวเล่มหนึ่งปรากฏในมือ ตัวมีดเป็สีเืแฝงด้วยกลิ่นอายกระหายเืที่รุนแรง ทั้งยังมีแสงโลหิตรายล้อมตัวมีด แม้จะอยู่ไกล แต่ตอนนี้ผู้คนต่างััได้ถึงกลิ่นอายของมีดยาวสีเืนั่น
“ชิ้ง!” ซื่อหุนตวัดมีดยาวสีเืเข้าปะทะกับรังสีหอกของเย่เฟิง ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น คลื่นทำลายล้างแพร่กระจาย ด้วยคลื่นนั่นทำให้ทั้งสองคนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“เย่เฟิงผู้นี้บ้าไปแล้วจริง ๆ ไม่นึกว่าจะท้าซื่อหุน คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
“พลังของซื่อหุนแข็งแกร่งมาก แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 หลาย ๆ คนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ทั้งยังถูกฆ่าบนเวทีประลองแห่งนี้อีก แล้วเย่เฟิงผู้นี้มีความสามารถอะไร ไม่เจียมกะลาหัว เขากับซื่อหุนอยู่คนละชั้นกัน ข้าว่าไม่เกินสามกระบวนท่าก็ถูกซื่อหุนฆ่าตายแล้ว!”
ผู้คนต่างตกตะลึง เมื่อเห็นความใจกล้าและความวู่วามของเย่เฟิง พวกเขาก็วิพากษ์วิจารณ์
“แกว่งเท้าหาเสี้ยน ครั้งนี้เ้าต้องตายอย่างน่าอนาถแน่!”
ตู๋กูหลงและโจวมู่เจี๋ยต่างคิดเหมือนกัน แม้เย่เฟิงจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็เป็แค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาเท่านั้น จะเทียบชั้นกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 ได้อย่างไร
“ตายซะเถอะ!” ซื่อหุนแผดเสียงะโ ก่อนจะปล่อยรังสีหมัดโจมตีเย่เฟิง ซึ่งรังสีหมัดยังมีิญญาอาฆาตอัดแน่นอยู่ในนั้น ราวกับ้าเขมือบกินจิติญญาของเย่เฟิง!
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงปล่อยฝ่ามือที่ผสานด้วยเอกลักษณ์หอกออกไป จึงทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นหลายเท่า รังสีหอกตัดทุกสิ่ง ก่อนจะเข้าทำลายิญญาอาฆาตที่อัดแน่นอยู่ในรังสีหมัดของซื่อหุน
“ตูม!” จากนั้นได้เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว ฝ่ามือและหมัดเข้าปะทะกัน เพียงพริบตาเย่เฟิงรู้สึกถึงกลิ่นอายกระหายเื และพลังบางอย่างบุกรุกร่างกายเขา ราวกับ้า่ชิงจิติญญาของเขา ทำให้เย่เฟิงสูญเสียสติในเวลาอันสั้น
ในวินาทีที่เย่เฟิงสูญเสียสติ ลำแสงสีเืกะพริบที่ด้านหน้าเย่เฟิง สว่างจ้าในดวงตาของเย่เฟิง ทำให้เย่เฟิงตื่นตระหนกเล็กน้อยและถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แต่ลำแสงนั่นว่องไวมาก เชือดเฉือนเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของเย่เฟิงพร้อมทิ้งาแไว้บนผิวกาย ทั้งยังมีเืไหลออกจากาแจนทำให้เสื้อผ้าเปื้อนเื
“แกร่งมาก ซื่อหุนสมกับเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 ไม่ใช่คนที่เย่เฟิงจะเทียบเคียงได้ การต่อสู้เพิ่งจะเริ่ม เย่เฟิงผู้นี้คงจบเห่แล้ว!” ผู้คนเบิกตาโพลงด้วยความใขณะมองเย่เฟิงที่ถูกรังสีมีดสีเืโจมตี
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายา อย่างไรเสียก็ไม่มีวันเอาชนะซื่อหุนผู้อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 2 ได้
“ในเมื่อกล้าท้าข้า เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้าเห็นถึงความแตกต่างระหว่างเ้ากับข้า!” ซื่อหุนกล่าวด้วยสายตาดูถูก เขาไม่เห็นเย่เฟิงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
จากนั้นซื่อหุนปล่อยรังสีมีดสีเืที่แฝงด้วยิญญาอาฆาตเข้าโจมตีเย่เฟิงอีกครั้ง และกลิ่นอายกระหายเืเช่นนั้นยังทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกขนพอง
ตอนนั้นเองเย่เฟิงยกมือปล่อยรังสีหอกออกไป ทั้งยังแฝงด้วยอำนาจหอกอันแกร่งกล้า ทั้งสองการโจมตีเข้าปะทะกัน ตามมาด้วยเสียงปะทะดังสนั่นหวั่นไหวทั่วฟ้าดิน