หลงเซี่ยวอวี่มองมู่จื่อหลิงที่ตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรงทว่าหน้าอกขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง
มุมปากของเขาประดับรอยยิ้มที่เจือแววหยอกล้ออย่างบางๆ
ใบหน้าสดใสราวกับดวงดาว ทรงเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ราวกับปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกอันเบาบาง เลือนรางทว่าเปล่งประกายระยิบระยับจนทำให้ผู้อื่นตาพร่าเบลอ
นิ้วที่อุ่นนุ่มดั่งหยกของหลงเซี่ยวอวี่ลูบไล้ใบหูอ่อนนุ่มของมู่จื่อหลิงอย่างหยอกเย้า
ทำให้ในใจมู่จื่อหลิงสั่นไหวขึ้นมาพักหนึ่ง รู้สึกชาหนึบขึ้นมาโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า
มู่จื่อหลิงเบี่ยงศีรษะหลบออก ถลึงตาใส่หลงเซี่ยวอวี่อย่างโกรธเคือง หากมิใช่เพราะยามนี้ร่างกายไม่ฟังคำสั่ง นางไหนเลยจะนั่งอยู่ในอ้อมแขนหมอนี่แต่โดยดี ปล่อยให้เขาขูดรีด
แต่ว่า ฉีหวางเฟย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉีอ๋องที่เ้าเล่ห์หน้าเนื้อใจเสือแล้ว เ้าก็ไม่มีโอกาสจะต่อต้านโดยสิ้นเชิง ยิ่งมิต้องพูดถึงเวลาที่จะสมดั่งความปรารถนาในใจเ้าเลย
ทางด้านเล่อเทียนนั้น ในมือถือกล่องใสขนาดเล็กที่ว่างเปล่ากลับมาด้วย...ไปด้วยความฮึกเหิม กลับมาด้วยความผิดหวัง
แต่เดิมเขาอยากจะไปดูด้วยความลิงโลดนักว่าหนอนพิษชนิดใดที่สามารถเข้าไปในเส้นลมปราณทั้งหมดของร่างกายมนุษย์ คิดไม่ถึงว่าหาอยู่นานก็หากล่องเล็กที่มีหนอนพิษไม่เจอ ตอนนี้จึงได้แต่นำกล่องเปล่าบนโต๊ะมา
หลังจากเล่อเทียนก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาในห้องรับรองก็ไม่สังเกตเห็นเลยว่าบรรยากาศในห้องรับรองยามนี้นั้นไม่ค่อยถูกต้อง ยังคงเดินไปพลางมองกล่องเปล่าในมือไปด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ้าหาข้อเท็จจริงออกมา
เล่อเทียนยังไม่ทันเอ่ยปากก็ได้ยินเสียงข่มโทสะของมู่จื่อหลิงถามเขา
มู่จื่อหลิงพยายามควบคุมการขยับขึ้นลงของหน้าอกไว้ ปรับความสับสนวุ่นวายในใจอย่างเชื่องช้า และถามเสียงต่ำว่า “เล่อเทียน ไปห้องท่านแม่ข้าก็แค่ไม่กี่ก้าวมิใช่หรือ เหตุใดเ้าจึงไปนานเพียงนั้น”
เล่อเทียนสมควรตาย มาได้ ‘ถูกเวลา’ นัก
หากมิใช่เพราะเื่ในวันนี้เป็เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น นางคงสงสัยว่าหลงเซี่ยวอวี่รู้เห็นเป็ใจกับเล่อเทียนใช่หรือไม่
มู่จื่อหลิงกลับไม่รู้ว่า หลงเซี่ยวอวี่คาดเดาไว้แล้วว่าเล่อเทียนจะไม่กลับมาในเวลาเพียงครู่เดียว และเขาก็ได้ยินความเคลื่อนไหวจากด้านนอกจึงได้เก็บปากเก็บคำอย่างใจดี
หลงเซี่ยวอวี่มองมู่จื่อหลิงนิ่ง ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็รอยยิ้มอันเบาบางยากสังเกต
มือที่ทาบอยู่บนเอวมู่จื่อหลิงของหลงเซี่ยวอวี่ ก็ย้ายไปบริเวณหน้าอกที่สงบลงของนาง ทาบอย่างอ่อนโยน ราวกับกำลังรอสิ่งใด
ยามนี้มู่จื่อหลิงกำลังคิดว่าเหตุใดเล่อเทียนถึงได้มาช้าเพียงนี้ มิได้สังเกตเห็นการกระทำของหลงเซี่ยวอวี่แม้แต่น้อย
และความสนใจของเล่อเทียนก็อยู่ที่กล่องเปล่าใบนั้นทั้งหมด ย่อมไม่สังเกตเห็น
“หวางเฟย ข้าน้อยหารอบห้องแล้วเห็นเพียงแค่กล่องเปล่าใบนี้ หากล่องใบเล็กที่ใส่หนอนพิษดังท่านว่าไม่เห็นเจอ! ดังนั้นจึงได้ล่าช้า” เล่อเทียนยื่นกล่องในมือให้มู่จื่อหลิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างสับสนมึนงง
มู่จื่อหลิงไม่ได้รับกล่องใบเล็กในมือเล่อเทียนมา ตรงกันข้ามกลับขบเคี้ยวเขี้ยวฟันถลึงตาใส่เล่อเทียน ั์ตาแฝงไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชน ในใจก่นด่าเล่อเทียนเป็พันเป็หมื่นรอบ
มู่จื่อหลิงคิดว่าเล่อเทียนต้องเป็สุกรแน่ๆ ไม่สิ สุกรคงฉลาดยิ่งกว่าเขาอีก
ให้เขาไปนำกล่องใบเล็กมา ก็มิใช่สิ่งที่อยู่ในมือเขานี่หรือ เอามาั้แ่แรกก็จบเื่แล้ว
หมอนี่ยังอวดฉลาด้าหากล่องที่มีหนอนพิษ ต่อให้เขาพลิกห้องกลับหัวก็หากล่องที่มีลักษณะเช่นนี้ไม่เจอ และข้างในยังต้องมีหนอนพิษอีกด้วย
หรือว่านางพูดไม่ชัดเจนพอ?
ก็พูดไปแล้วว่าวางไว้บนโต๊ะ วางไว้บนโต๊ะแล้ว หมอนี่ยังจะโง่งมไปหาพระแสงอะไรอีก
ถ้ารู้แต่แรกว่าเล่อเทียนโง่งมเพียงนี้ก็คงมิให้เขาไปเอาแล้ว นางไม่มีเื่ไปเอาก็จริง แต่ต่อให้ต้องคลานไป นางก็จะคลานไปเอาด้วยตนเอง
หน้าอกของมู่จื่อหลิงที่อดกลั้นลงไปได้แล้ว เป็เพราะหายใจถี่ หัวใจจึงเต้นตึกๆๆ ขยับขึ้นลงอีกครั้ง
ฝ่ามืออบอุ่นใหญ่โตของหลงเซี่ยวอวี่ตบเบาๆ บนหน้าอกของมู่จื่อหลิงด้วยความอ่อนโยน ช่วยให้มู่จื่อหลิงหายใจสะดวกขึ้นอย่างมีน้ำใจ
สตรีโง่เขลา ดึงดันจะให้ตนเองมีน้ำโหให้ได้
เมื่อเล่อเทียนเห็นมู่จื่อหลิงจ้องเขาอย่างดุดัน ราวกับจะกลืนเขาลงท้องไป
เขาก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบร้อนโบกไม้โบกมือ “หวางเฟย ตอนที่ข้าน้อยเห็นกล่องใบเล็กนี่เป็กล่องเปล่า ข้างในจะต้องไม่มีหนอนพิษแล้ว ไม่มีทางที่ข้าน้อยจะทำหนอนพิษหาย ท่านอย่าได้ปรักปรำข้าน้อย”
ปรักปรำบ้านเ้าสิ!
“ยังจะพูดอีก” มู่จื่อหลิงถลึงตาใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย โมโหเล่อเทียนเป็อย่างมาก ระดับสติปัญญาของหมอนี่ช่างน่าเป็ห่วงนัก
เล่อเทียนนั้นมึนงงเป็ที่สุด สิ่งใดคือมิต้องพูดอีก?
หรือว่ามู่จื่อหลิงจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่ากล่องใบนี้ว่างเปล่า?
แต่เหตุใดนางจึงต้องขุ่นเคืองเพียงนี้ แล้วถลึงตาใส่เขาอย่างมีน้ำโห หมายความว่าอันใดกันแน่?
หลงเซี่ยวอวี่รับกล่องในมือเล่อเทียนมา ดวงตาอันลุ่มลึกก็หรี่ลงน้อยๆ สีหน้าเรียบเฉย “ข้างในนี้เป็กู่ควบคุมใจทั้งหมด เ้ามองออกสิถึงแปลก”
มู่จื่อหลิงเหลือบสายตาขึ้นมองหลงเซี่ยวอวี่ ด้วยสายตาที่มองหลงเซี่ยวอวี่ดั่งเทพเซียน หมอนี่อย่าได้ฉลาดถึงเพียงนี้ได้หรือไม่ เหตุใดอะไรก็รู้ไปหมด
เดิมนางคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่จะคิดว่ากล่องใบเล็กนี่เป็กล่องเปล่าเหมือนเล่อเทียน
มู่จื่อหลิงคิดพลางอยากร่ำไห้ไม่มีเสียง หากเล่อเทียนฉลาดคิดถึงกู่ควบคุมใจได้ โทษทัณฑ์ในเมื่อครู่นางก็มิต้องทนรับแล้ว
ทว่าก่อนที่นางจะสารภาพ หลงเซี่ยวอวี่รู้ได้อย่างไรว่าหนอนพิษที่นางจะใช้คือกู่ควบคุมใจ?
มู่จื่อหลิงคิดหาสาเหตุอย่างไรก็คิดไม่ออก
“อะ...อะไรนะ กู่ควบคุมใจ?” เล่อเทียนพลันกระสับกระส่ายขึ้นมา
ความจริงแล้วหนอนพิษที่มู่จื่อหลิงพูดถึงว่าเล็กอย่างมากนั้นก็คือกู่ควบคุมใจ นาง้าใช้กู่ควบคุมใจถอนพิษให้หลี่เอิน
มิน่าเล่า เขามองอยู่นาน แต่ไม่ว่ามองอย่างไรก็เป็แค่กล่องเล็กๆ ใบหนึ่ง
สายตาที่มู่จื่อหลิงมองเล่อเทียนเหมือนมองคนเบาปัญญา “มันก็แค่กู่ควบคุมใจ ต่อให้เ้าพลิกห้องท่านแม่ข้าหาก็หากล่องที่มีหนอนพิษไม่พบอยู่ดี”
“นี่คือกู่ควบคุมใจในรังนกเมื่อครั้งที่แล้ว?” เล่อเทียนมองกล่องใบเล็กในมือหลงเซี่ยวอวี่อย่างไม่อยากเชื่อ
มู่จื่อหลิงแค้นใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย “ถ้าไม่อย่างนั้น เ้าคิดว่าเป็เช่นใดเล่า?”
เล่อเทียนเปี่ยมไปด้วยความสงสัย ถามอย่างเคร่งขรึม “แต่ข้าน้อยมองไม่ออกจริงๆ หวางเฟยท่านนำกู่ควบคุมใจออกมาใส่ในนี้ได้อย่างไรกันแน่?”
นำกู่ควบคุมใจที่มิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าออกมาจากรังนก หลงเซี่ยวอวี่ก็อยากรู้เช่นกันว่ามู่จื่อหลิงใช้วิธีใด
“นี่! ใช้เ้าสิ่งนี้ถึงจะสามารถทำได้” มู่จื่อหลิงล้วงแว่นตาที่มีความคมชัดสูงออกมา เตรียมจะส่งให้เล่อเทียน แต่กลับถูกหลงเซี่ยวอวี่รับไป
“นี่คือสิ่งใด?” เล่อเทียนถามอย่างสงสัย สิ่งของแปลกประหลาดเช่นนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ในขณะที่มู่จื่อหลิงกำลังจะอ้าปากอธิบายกลับเห็นว่าหลงเซี่ยวอวี่คลี่ก้านแว่นตาออกอย่างชาญฉลาด สวมไปบนดวงตาอย่างแม่นยำไร้ที่ติ
มู่จื่อหลิงพลันพูดไม่ออกขึ้นมา หมอนี่จะเฉลียวฉลาดเกินไปแล้ว ยังรู้จักใส่ไปที่ดวงตา หากวันใดผู้ใดถูกเขาขายเข้า นอกจากไม่รู้แล้ว คงได้ช่วยเขานับเงินอย่างโง่งม [1]
หลงเซี่ยวอวี่มองกล่องขนาดเล็กในมือด้วยสีหน้านิ่งสงบ พูดอย่างเรียบเฉย “สวมใส่สิ่งนี้แล้วสายตาจะถูกขยายใหญ่เป็ร้อยเท่า สามารถมองเห็นสิ่งเล็กบางอย่างที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า”
มู่จื่อหลิงปฏิเสธมิได้เลยว่า หากเ้าคนหัวหมอผู้นี้อยู่ในยุคปัจจุบัน ต้องเป็ผู้ที่เยี่ยมยอดจนร่ำลือไปทั่วเป็แน่
“เมื่อใช้สิ่งนี้ก็จะมองเห็นกู่ควบคุมใจ?” เล่อเทียนยิ่งทวีความสงสัยขึ้นไปอีก แต่กลับมิกล้าแย่งสิ่งของมาจากมือของหลงเซี่ยวอวี่ ได้แต่รออย่างแห้งๆ
หลงเซี่ยวอวี่เพียงเหลือบมองก็โยนกล่องใบเล็กและแว่นตาความคมชัดสูงให้แก่เล่อเทียน
ในสายตาของหลงเซี่ยวอวี่ สิ่งใดก็ล้วนไม่จีรัง ต่อให้เป็สิ่งของแปลกประหลาดกว่านี้ก็ไม่แปลกประหลาดเท่าหญิงสาวในอ้อมแขนเขา
เล่อเทียนรับมาอย่างยินดี สวมแว่นตาตามโดยเลียนแบบท่าทางเมื่อครู่
“ที่แท้กู่ควบคุมใจก็มีลักษณะเช่นนี้” เล่อเทียนเปิดหูเปิดตายิ่งนัก
หลังจากสวมใส่สิ่งนี้แล้ว สามารถมองเห็นสิ่งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าจริงๆด้วย
มู่จื่อหลิงเป็คนเช่นใดกันแน่ เหตุใดสิ่งของบนตัวนางถึงได้แปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ
เล่อเทียนกลับไม่รู้ว่า หลังจากที่เขาเห็นเสี่ยวไตกู เมื่อมองมู่จื่อหลิงพลันมีความรู้สึกอยากกราบไหว้บูชาขึ้นมา
เล่อเทียนจ้องกู่ควบคุมใจอยู่นานแล้วจึงดึงแว่นสายตาที่มีความคมชัดสูงออก
“หวางเฟย สิ่งนี้...” สายตาของเล่อเทียนจับจ้องแว่นอย่างอึ้งตะลึง สิ่งนี้จะน่าอัศจรรย์ไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีความสามารถเช่นนี้
เล่อเทียนนั้นเปี่ยมไปด้วยความหวังว่ามู่จื่อหลิงจะมอบให้เขาด้วยความใจกว้างสักอัน ทว่าความหวังของเขาก็ถูกกำหนดให้มอดมลายเสียแล้ว
มู่จื่อหลิงมองเล่อเทียนที่ดวงตาเป็ประกายก็รู้สึกขบขันโดยไม่รู้ตัว “ของสิ่งนี้ข้าเรียกมันว่าแว่นตา บน์ใต้พื้นพิภพมีเพียงแค่อันเดียวเท่านั้น มิอาจมอบให้เ้าได้อีกแล้ว”
แว่นตาความคมชัดสูงเชื่อมต่อกับระบบซิงเฉิน ไม่มีการควบคุมจากระบบซิงเฉิน มันก็ธรรมดาเสียยิ่งกว่าแว่นตาทั่วไปเสียอีก
มู่จื่อหลิงยกมือขึ้นอย่างช้าๆ กระดิกนิ้วเรียวที่ขาวดังหิมะ แสดงท่าทีให้เล่อเทียนส่งแว่นตาคืนมาให้นาง
บน์ใต้พิภพมีเพียงอันเดียว?
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ใจเล่อเทียนก็ผิดหวังเกินกว่าจินตนาการ
เขาส่งแว่นตาความคมชัดสูงคืนให้มู่จื่อหลิงอย่างเสียดายเป็อย่างยิ่ง
“กู่ควบคุมใจยั้วเยี้ยกล่องนี้มีเพียงพอสำหรับเข้าไปในเส้นลมปราณของร่างกายมนุษย์แล้ว แต่เอาเข้าไปมากมายเพียงนี้ในคราเดียวกันจะไม่มีปัญหาจริงๆ หรือ?” เล่อเทียนมองกล่องใบเล็กในมือพลางถามงึมงำ
แม้ความเข้าใจที่เขามีต่อกู่ควบคุมใจจะไม่เยอะ และสิ่งที่เขารู้ทุกอย่างล้วนออกมาจากปากมู่จื่อหลิงก็ตาม
แต่ยายังมีสามส่วนที่เป็พิษ นับประสาอันใดกับใช้วิธีเช่นพิษต้านพิษนี้
กู่ควบคุมใจมีพิษในตัวมันเอง และสามารถควบคุมจิตใจมนุษย์ได้ การนำกู่ควบคุมใจทั้งหมดเข้าไปในเส้นลมปราณตลอดทั้งร่างในคราวเดียวกัน เขาไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลย
มู่จื่อหลิงรับแว่นตามา หาวอย่างเกียจคร้านพลางพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ข้าทดลองมาแล้ว นี่คือวิธีแก้พิษที่อันตรายที่สุดจริงๆ แต่ขอเพียงควบคุมเวลาให้ดี ลำเลียงกู่ควบคุมใจออกมาได้ทันเวลาก็ไม่มีปัญหา ตอนนี้มีเพียงแค่วิธีนี้ที่รักษาท่านแม่ของข้าได้”
มู่จื่อหลิงชะงักไป แล้วพูดขึ้นมาอย่างมึนเบลอ “ตอนนี้รอเพียงแค่ท่านพ่อข้านำคางคกม่วงกลับมา พวกเราก็ไปถอนพิษให้ท่านแม่ข้าได้แล้ว”
หากไม่มียาลูกกลอนที่สกัดมาจากลมหายใจของคางคกม่วงแล้วระหว่างการรักษาเกิดเื่ใดขึ้น นางก็คงจนปัญญากับกู่ควบคุมใจเช่นกัน
เื่ราวถูกถ่ายทอดออกมาหมดแล้ว ยามนี้ควรจะนอนดีๆ ได้แล้วกระมัง
“หรือว่าคางคกม่วงที่หวางเฟยเอ่ยถึงจะถอนกู่ได้?” วันนี้เล่อเทียนตอบกลับด้วยความเฉลียวฉลาดอย่างหาได้ยากยิ่ง
คางคกม่วงนอกจากจะถอนกู่ได้แล้ว เขาก็คิดประโยชน์อื่นใดไม่ออก
“อืม” ดวงตาของมู่จื่อหลิงหรี่ลงทั้งสองข้าง ขานรับอย่างสะลึมสะลือ
จากนั้น มู่จื่อหลิงก็ขดตัวนอนหลับสนิทไปในอ้อมแขนของหลงเซี่ยวอวี่
เกิดเื่ใดขึ้นหลังจากนั้นอีก นางก็ไม่รับรู้โดยสิ้นเชิง
แม้ในหัวของเล่อเทียนจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เมื่อเห็นมู่จื่อหลิงหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนก็รู้สึกว่าไม่เหมาะจะถามต่อ
ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เขายังได้เห็นหลงเซี่ยวอวี่ทุ่มเทเอาใจใส่มู่จื่อหลิงโดยละเอียดทั้งหมดแล้ว เขาไม่คิดจะหาโทษทัณฑ์ให้ตนเองในสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้อีก
พูดอีกอย่าง ฝ่ามือซื่อเสวียนที่ไหล่ของมู่จื่อหลิงกลับมากำเริบแล้ว พลังปราณเดือดพล่านในตอนนี้จะต้องโคจรลมปราณเพื่อช่วยนางนำออกไปจากร่างกาย
มิเช่นนั้นก็จะเป็ดังที่หลงเซี่ยวอวี่พูด มู่จื่อหลิงจะสูญเสียแขนข้างนั้น หลงเซี่ยวอวี่ช่วยมู่จื่อหลิงโคจรลมปราณขับพลังนั้นออก เขาก็ไม่ใจกล้าพอจะอยู่ต่อร่วมวงครึกครื้น
ดังนั้นเล่อเทียนจึงบอกลาหลงเซี่ยวอวี่อย่างไม่เต็มอกเต็มใจ ออกไปอย่างปลงๆ
-------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] หากวันใดผู้ใดถูกเขาขายเข้า นอกจากไม่รู้แล้ว คงได้ช่วยเขานับเงินอย่างโง่งม หมายถึง ถูกผู้อื่นหลอกใช้ก็ไม่รู้ตัวแล้วยังซาบซึ้งอีกด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้