เหล่าพวกแมงป่องทั้งหลายต่างหยุดการโจมตีของพวกมันลงเพื่อที่จะทำการต้อนรับราชันของพวกมัน
นั่นจะต้องเป็าาแมงป่องอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่ามันจะพิเศษอย่างไรหลินลั่วหรานกำด้ามดาบในมือไว้แน่น ก่อนที่จะถามเหวินกวนจิ่งขึ้นว่า “สมัยนี้ยังมีสัตว์ประหลาดอีกเหรอ?”
เหวินกวนจิ่งหน้าเสียราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น “รุ่นพี่หลิน กฎธรรมชาติต่างก็พังทลาย พลังเองก็กระจัดกระจายไปหมดกลุ่มคนถูกจำกัดในการใช้วิทยายุทธ พวกสัตว์ฝึกศาสตร์ต่างก็ใช้วิธีการดูดซึมโดยตรงโดยไม่ผ่านการสกัดกลั่นใดๆ แล้วมันยังจะสามารถอยู่ได้อย่างไร?” สิ่งที่ทำให้ความคิดเห็นของหลินลั่วหรานนั้นเริ่มลังเลขึ้นก็คือเขาไม่ได้เรียกว่าพวกมันว่าสัตว์ประหลาด...แต่กลับบอกว่ามันคือสัตว์ฝึกศาสตร์แทน
หลินลั่วหรานมองพิจารณาไปยังสัตว์ตัวใหญ่ หากไม่นับว่าเป็สัตว์ฝึกศาสตร์มันก็น่าจะเป็พวกสัตว์ประหลาดทั่วไป ความจริงแล้วสัตว์ที่มีความสามารถจากธรรมชาติและร่างกายที่แข็งแรงผิดไปจากธรรมดาเสียหน่อยแม้ว่าจะเป็โลกที่เต็มไปด้วยพลังที่กระจัดกระจายอย่างในทุกวันนี้มันก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายๆ ไม่ใช่เหรอ? อย่างเช่นเสี่ยวจินที่ถูกพาออกมาจากสถานที่ลึกลับหรือเต่าทะเลตัวใหญ่ในทะเลลึกกว่าหมื่นเมตรใต้ท้องทะเลเบอร์มิวดาอีกทั้งยังมีแมงป่องั์ที่อยู่ต่อหน้าเธอในตอนนี้อีก
แมงป่องั์เบิกดวงตาสีแดงก่ำราวกับโคมไฟของมันขึ้นก่อนจะมองมายังทั้งสองที่ถูกขังอยู่ในบาเรีย หลินลั่วหรานยกดาบของเธอขึ้นพร้อมที่จะฟันตรงไปที่มันอยู่ตลอด หากว่ามันโจมตีเข้ามา
แต่สิ่งที่ผิดไปจากที่หลินลั่วหรานได้คาดการณ์เอาไว้ก็คือหลังจากที่าาแมงป่องปรากฏตัวขึ้น มันก็ไม่ได้เข้ามาโจมตีพวกเธอแต่กลับสั่งหยุดการโจมตีของกองทัพแมงป่องแทน
หลินลั่วหรานไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นมาด้วยเหตุผลนี้เลย เมื่อคิดดูแล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้น
ราชันแมงป่องตัวนี้ดูเหมือนว่าจะมีสติปัญญามากพอสมควรการที่มันดึงดันอยู่กับพวกเขาแบบนี้ ตัวของมันนั้นอยู่ที่ด้านของนอกกำแพงไฟของเหวินกวนจิ่งนั้นเผาไหม้อยู่ตลอดและก็กำลังผลาญพลังของเขาไปด้วยเช่นกัน...มันเป็แผนที่แมงป่องตัวนั้นคิดเอาไว้อยู่แล้ว!หลินลั่วหรานส่งเสียง ‘ฮึ’ ออกมาจากลำคอเหล่าแมงป่อง้าถ่วงเวลาพวกเธอเอาไว้แต่พวกเธอนั้นไม่สามารถที่จะยื้ออะไรต่อไปได้พวกเธอจะต้องรีบจัดการเ้าตัวใหญ่นี่เสีย
เธอโยนก้อนหยกส่งให้กับเหวินกวนจิ่ง เมื่อเขารับมันมาไว้ในมือตอนแรกเขาก็ได้แต่รู้สึกสงสัย ก่อนที่มันจะเปลี่ยนไปเป็ความดีใจ เื่ยาหรืออะไรเธอก็ยังมีอยู่มากมาย!
หลินลั่วหรานเก็บเจาเจี้ยนลงไปก่อนที่มือขวาของเธอจะร่ายเวทออกมาด้วยความว่องไวแมงป่องพวกนี้ไม่กลัวไฟใช่ไหม...ถ้าแบบนั้นก็ลองอย่างอื่นดูก็แล้วกัน!
ในท้องทะเลทรายนั้น พลังธาตุไม้และพลังธาตุน้ำต่างก็หาพบได้ยากแต่ว่านอกจากธาตุไฟแล้ว...ก็ยังมีธาตุดิน! แสงสีน้ำตาลรวมตัวกันขึ้นาาแห่งแมงป่องเองก็ไม่สามารถจะคาดการณ์อะไรได้นักมันสั่งให้พวกกองทัพแมงป่องพากันถอยหลัง แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้วเมื่อได้รับมวลพลังเป็วัตถุดิบ เหล่าพลังธาตุดินต่างก็ค่อยๆเปล่งประกายแสงสว่างขึ้นมา
“เวทสมบูรณ์! ไป!”
เหล่าเศษเม็ดทรายต่างก็ปลิวขึ้นมา ราชันแมงป่องยกก้ามใหญ่ั์ของมันขึ้นขยับไปมาหางของมันตั้งตรงขึ้น ก่อนที่จะปล่อยลำแสงสีดำมืดเข้ามาโจมตีที่ตัวของหลินลั่วหรานในขณะเดียวกันนั้น ด้วยมนต์ของหลินหลานก็เริ่มสร้างความเสียหายขึ้นมา อยู่ๆเนินทรายที่นิ่งสงบก็เกิดน้ำวนขึ้นมันนำพาเหล่ากองทัพแมงป่องลงไปใต้ดินด้วยความรวดเร็วอีกทั้งยังมีไม่น้อยที่ถูกแรงกำลังนี้ฉีกขาดร่างของพวกมันออก!
เวทนี้เป็เวทที่ระดับพื้นฐานเท่านั้นถึงจะสามารถใช้ได้มันใช้ธาตุดินเป็หลักและใช้ธาตุทองเป็ตัวเสริม มันมีชื่อเรียกว่า ‘พายุหมุนะเิ’ มันใช้การควบคุมพลังของทั้งสองธาตุทำให้เกิดกับดักดินที่มีพลังการโจมตีที่น่าใอีกทั้งยังสร้างพายุหมุนที่มีพลังในการทำลายขึ้นด้วย ข้อดีของมันก็คือมีพลังในการโจมตีสูงมากไม่เพียงแค่ทำให้พวกแมงป่องส่วนมากหายไปเท่านั้น แม้แต่ตัวราชันแมงป่องเองก็ดูเหมือนว่ากำลังลำบากอยู่เช่นกันอย่างน้อยร่างของมันกว่าครึ่งก็ถูกฝังลงไปภายใต้ทรายสีทอง
ส่วนข้อเสียของมันก็คือ...หลินลั่วหรานสามารถหลบออกมาจากลำแสงมืดมิดนั่นได้อย่างเฉียดฉิวตัวของเธอนั้นอ่อนล้าและเริ่มไร้ซึ่งกำลัง นี่ก็คือข้อเสียของมันแม้แต่มวลพลังของระดับพื้นฐานต่างก็ถูกใช้จนหมดสิ้น เวทมนตร์ที่ใช้โจมตีในระยะกว้างนั้นจำเป็ที่จะต้องใช้พลังปล่อยออกไปสูงเช่นกัน
สายตาของปาหนีและย่าจีที่มองมายังหลินลั่วหรานดูไม่ได้ต่างจากสายตาที่ใช้มองไปยังแมงป่องั์ตัวนั้นเสียเท่าไรคนที่จะทำอะไรน่าใได้ขนาดนี้ ต่างก็จะต้องเป็พวกปีศาจเท่านั้นแหละ
แต่ว่าในสายตาของเหวินกวนจิ่งกลับเป็ประกายขึ้นมาการที่จะได้เห็นนักปราชญ์ระดับพื้นฐานลงมือแบบนี้ สำหรับเหวินกวนจิ่งแล้วมันก็ไม่ใช่เื่ที่จะพบเห็นได้ง่ายๆทุกสิ่งที่หลินลั่วหรานทำต่างก็กลายเป็แรงผลักดันให้เขาอยู่ไม่น้อย
เมื่อเห็นว่ากองทัพของมันถูกหลินลั่วหรานจัดการไปกว่าครึ่งอีกทั้งการโจมตีของมันก็ถูกเธอหลบผ่านไปได้ ราชันแมงป่องจึงดิ้นรนออกมาจากกองทราย ดูเหมือนว่าขาข้างหนึ่งของมันจะได้รับาเ็มันจึงเดินไปมาด้วยความโซซัดโซเซ
ไม่นานนักมันก็เดินมาถึงด้านหน้าของกำแพงไฟ มันมองข้ามทั้งคนไปแววตาของมันมองตรงนิ่งไปยังหลินลั่วหราน ราวกับว่า้าจะกินเธอเข้าไปเสียให้ได้
หลินลั่วหรานไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลยแม้แต่น้อยในตอนนั้นเธอยังไม่ถึงระดับพื้นฐานด้วยซ้ำ แต่ก็ยังสามารถจับเสี่ยวจินเอาไว้ได้เ้าแมงป่องตัวนี้ก็เพียงแค่หนังหยาบเนื้อหนาก็เท่านั้นแม้ว่าท่าทางของมันจะดูน่ากลัว แต่ถ้าหากว่าพวกเขาไม่ได้ถูกขังเอาไว้ภายในนี้ และทำให้ไม่สามารถที่จะหลบหลีกอะไรได้ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยแม้แต่น้อย
หลินลั่วหรานไม่รู้ว่ามีการแบ่งระดับสัตว์ประหลาดเหล่านี้หรือเปล่า...หลินลั่วหรานทำการรับมือกับพวกมันเธอก็ใช้เพียงการคาดคะเนของตัวเองในการตัดสินว่า เธอจะสามารถรับมือได้หรือรับมือกับมันไม่ได้มันเป็เพียงความรู้สึกหนึ่งในใจเท่านั้น หากจะให้เธอระบุระดับของคู่ต่อสู้ออกมาเธอก็คงไม่รู้ว่าจะบอกออกไปอย่างไร เนื้อหาที่ท่านเทพป๋ายให้มานั้นก็ไม่ได้ระบุพูดถึงอะไรแบบนี้เอาไว้เช่นกัน...
หางของราชันแมงป่องขยับสะบัดขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แสงสีดำที่ถูกปล่อยออกมาแต่มันสะบัดให้หางของมันนั้นผ่านข้ามกำแพงไฟเข้ามาและสะบัดมาทางหลินลั่วหราน...แม้จะพูดว่าสะบัดมาทางเธอ แต่ความจริงแล้วเธอกลับรู้สึกราวกับว่ามีงูั์ตัวใหญ่กำลังทับร่างของเธอเอาไว้
เจาเจี้ยนปรากฎ ขึ้นในมือของเธอในทันทีหลินลั่วหรานพยายามใช้กำลังทั้งหมดในการตวัดปลายดาบลงเสียงปะทะของโลหะดังขึ้นก่อนที่เปลวไฟจะกระจายไปทั่วทิศ ราชันแมงป่องโอดโอยขึ้นมามันดึงหางกลับไป หลินลั่วหรานเห็นว่า้านั้นมีเพียงรอยสีขาวปรากฏขึ้นแม้ว่าจะถูกดาบเจาเจี้ยนฟาดฟันลงไปแล้ว แต่หางของแมงป่องนั้นก็ไม่ได้ขาดออกราวกับว่าตัวของมันนั้นกำลังสวมชุดเกราะอยู่จริงๆ!
ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่าาแมงป่องเดินข้ามกำแพงไฟเข้ามามันก็ไม่ได้รับาเ็เลยแม้แต่น้อยคนที่ดูดซับพลังมาจากด้านในของก้อนหยกอย่างเหวินกวนจิ่ง ก็อดที่จะสงสัยในพลังของกำแพงไฟของตัวเองขึ้นมาไม่ได้
กำแพงไฟไม่อาจที่จะขวางกั้นแมงป่องได้ทำอย่างไรดี...หยาดเหงื่อไหลรินลงมาเต็มฝ่ามือของหลินลั่วหรานเธอสามารถโจมตีได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าหากว่าไม่โดนและแมงป่องนั่นสามารถที่จะก้าวเข้ามาในบริเวณของด้านในกำแพงไฟได้พวกเขาจะถูกกักขังเอาไว้ในพื้นที่แห่งนี้ ไม่สามารถขยับไปไหนดังนั้นก็เป็ราวกับเหยื่อที่มีชีวิตรอความตายบางทีเธอและเหวินกวนจิ่งอาจจะไม่เป็อะไรแต่ว่าพวกเขาก็คงไม่อาจจะปกป้องอะไรไกด์นำทางของพวกเขาได้อีก
มีอะไรที่จะสามารถผ่าเปลือกนอกของาาแมงป่องเข้าไปได้บ้างหลินลั่วหรานหรี่ตาลง เธอนึกถึงเวทที่เธอสามารถใช้ได้ขึ้นมาอย่างรวดเร็วแต่ว่าเวทที่สามารถใช้อาวุธระดับห้าโจมตีอย่าง ‘เจาเสวี่ย’ ได้นั้น ก็มีเพียงน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยแถมสถานที่แห่งนี้ก็ยังไม่เหมาะสมกับมันอีกด้วย
เมื่อเห็นว่าาาแมงป่องกำลังยกก้ามใหญ่ของมันขึ้นหลินลั่วหรานก็คิดขึ้นมาได้ ใช่แล้ว ทำไมถึงจะต้องโจมตีเปลือกนอกของมันด้วยล่ะเห็นได้ชัดว่าส่วนของข้อต่อทั้งหลายนั้น เป็บริเวณที่อ่อนแอที่สุดของมันต่างหาก!
เหวินกวนจิ่งนั้นกำลังควบคุมกำแพงไฟ เพื่อใช้ในการขัดขวางกองทัพแมงป่องส่วนที่เหลือในขณะเดียวกันเขาก็ได้พบกับจุดอ่อนนี้เช่นกัน “รุ่นพี่โจมตีที่ข้อต่อของมัน!”
ข้อต่อเหรอ...หลินลั่วหรานเผยรอยยิ้มขึ้นความจริงแล้วยังมีอีกที่หนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะเหมาะสมเสียยิ่งกว่า แสงไฟประกายขึ้นรวมขึ้นเป็รูปร่างธนูขึ้นที่ด้านหน้าของตัวเธอมือขวาของหลินลั่วหรานวางลงไปยังเส้นเอ็นของธนูลูกธนูไฟสีแดงก่อขึ้นเป็รูปร่างด้วยความรวดเร็วที่แท้เวลาที่นักปราชญ์ระดับพื้นฐานใช้พลังเวทของระดับฝึกลมปราณนั้นก็เป็อะไรที่ทำได้อย่างง่ายดาย
ก้ามใหญ่ของแมงป่องถูกยกขึ้นสูง ธนูไฟในมือของหลินหลานก็ถูกปล่อยพุ่งออกไปในขณะเดียวกันเธอก็ะโลงมาจากก้อนหินร้าว พร้อมกับะโออกมาว่า “ทุกคนก้มลง!”
ย่าจีและปาหนีนั้นเดิมทีก็ถูกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำเอาใจนกอดกันแน่นเป็ก้อน มีเพียงเหวินกวนจิ่งเท่านั้นที่ยังยืนปล่อยพลังอยู่ หลินลั่วหรานะโลงมาพร้อมกับกดตัวของเขาลงก้ามใหญ่ของาาแมงป่องตวัดผ่านหัวของทั้งสองไป
ระยะห่างมีไม่ถึงครึ่งฟุตด้วยซ้ำ ช่างอันตรายเสียจริง
การเสี่ยงอันตรายครั้งนี้ได้รับผลที่ดีกลับมา!หลินลั่วหรานเตรียมที่จะยิงธนูไฟเข้าไปในปาก ที่กำลังส่งกลิ่นคาวออกมาของาาแมงป่องตลอดทางที่ลูกธนูพุ่งทะลวงเข้าไปมันทำลายอวัยวะภายในให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง
ร่างกายของาาแมงป่องขยับสั่นไหว ก้ามใหญ่ของมันหมุนวนไปทั่วหลินลั่วหรานรู้สึกไม่ดีนัก เธอจึงสร้างเกราะป้องกันขึ้นมาด้วยดินทรายก้ามใหญ่ของาาแมงป่องตวัดฟาดลงมา ราวกับมีฟ้าผ่าลงมาบนเกราะป้องกัน
หากเป็เพียงแค่นั้นก็คงไม่เป็ไรแต่สิ่งที่ฟาดลงมานั้นคือกล้ามใหญ่ที่เต็มไปด้วยพละกำลังของมันเกราะของหลินลั่วหรานถูกกางออกกว้าง ทำให้มันมีการป้องกันเพียงเบาบางเท่านั้นเธอไม่สามารถที่จะรับแรงปะทะทั้งหมดได้จึงกระอักเืออกมาจนเลอะไปที่ชายเสื้อของเหวิกวนจิ่ง
“รุ่นพี่หลิน!” เหวินกวนจิ่งไม่รู้ถึงอาการาเ็ของเธอในใจของเขาจึงรู้สึกร้อนรนขึ้นมา ราวกับไฟที่กำลังเผาไหม้อยู่ด้านใน
หลินลั่วหรานเช็ดรอยเืออกจากมุมปากในตอนที่เธอกำลังตั้งใจจะหันไปฝืนส่งยิ้มให้กับเขา บริเวณโดยรอบที่พวกเขาอยู่ก็ขยับสั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรง...
“ไม่ดีแน่” อะไรไม่ดีนั้นต่างก็ไม่ต้องให้เหวินกวนจิ่งต้องบอกทุกคนต่างก็สามารถััได้ถึงมันในทันที
อยู่ๆ ก้อนหินที่อยู่ด้านล่างก็ตกลงไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัวทรายดูดเริ่มเข้าโจมตี ในขณะที่หลุมทรายดูดก็ก่อตัวขึ้น ทั้งสี่ต่างก็ถูกดูดลงไปรวมทั้งาาแมงป่องที่กำลังดิ้นรนก็ยากที่จะหนีออกจากหลุมทรายนั้นได้ก่อนที่ทั้งหมดจะหายไปจากสถานที่แห่งนั้น
เมื่อผ่านไปสักพัก สายลมก็สงบลงที่แห่งนั้นเหลืออยู่เพียงเหล่าแมงป่องตัวน้อย ที่กำลังสับสนมึนงงและซากปรักหักพังพวกหลินลั่วหรานรวมทั้งาาแมงป่องต่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยที่นี่เป็เพียงผืนทะเลทรายที่เงียบสงบผู้คนที่ต่อสู้กันและสัตว์ประหลาดนั้นเหมือนไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
เหล่าแมงป่องรุมล้อมเข้ามาหากันสักพัก ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
ในขณะเดียวกันนั้น ผืนทรายที่เงียบสงบก็ค่อยๆ ปรากฏก้อนหินก้อนหนึ่งขึ้นมามันปรากฏขึ้นโดยไร้สุ้มเสียง ภาพวาดประติมากรรมฝาผนังที่สวยงามหลากสีปรากฏขึ้นความงดงามที่ดึงดูดใจคนอย่างน่าประหลาดภายใต้แสงอาทิตย์สวยงาม...
