ดวงตาหนานเป่ยเฉาส่องประกายแสงสีแดงขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ในตอนนี้เหล่าอัจฉริยะจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ได้ถอนแรงกดดันกลับ พวกเขาตระหนักได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขานั้นจะต้องทำการบ่มเพาะทักษะลับที่สามารถทำให้เขาต้านแทนแรงกดดันใดๆได้ ดังนั้นถึงปล่อยแรงกดดันต่อไปก็ไร้ความหมาย
ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะให้เขาขึ้นก้าวสุดท้ายได้ หากมีคนที่ได้รับอนุญาตให้เดินขึ้นมาเคียงข้างกับพวกเขา ชื่อเสียงของพวกเขาคงป่นปี้
"เ้าหนุ่ม หากเ้ากล้าที่จะก้าวขึ้นมาอีกเพียงก้าวเดียว เ้าคงจะรู้ถึงผลที่ตามมาสินะ"
เหลียงเซียวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้าย
"คิกๆ น้องชายผู้นี้ช่างมีความสามารถที่ไม่ธรรมดานัก เ้าสามารถที่จะตัดสินใจเข้าร่วมหุบเขาสุขสันต์ของพวกเราได้นะ! พี่สาวคนนี้จะดูแลเ้าอย่างดีเอง!"
ไป๋ฮัวเตี๋ยหัวเราะคิกคักออกมาดั่งดอกไม้บาน เหล่าผู้ที่มาจากหุบเขาสุขสันต์ไม่ได้สนใจถึงเกียรติแม้แต่น้อย
"หากข้าไม่ยอมลงล่ะ? พวกเ้าจะใช้กำลังบังคับให้ข้าลงไป?"
เจียงเฉินยิ้ม เขาเผชิญกับสายตาของหนานเป่ยเฉาและเหลียงเซียวโดยไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ใช้กำลังบังคับให้เขาลงไป?
มันเป็ไปไม่ได้ หากพวกเขาทำเช่นนั้น ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะสูญเสียหน้าและเกียรติทั้งหมด การแข่งขันประจำแคว้นฉีเป็ที่รู้จักกันในความโปร่งใสและตรงไปตรงมา มันเป็การแข่งขันอย่างยุติธรรม มีผู้ชมหลายร้อยหลายพันที่กำลังยืนอยู่ที่ลานกว้างเมืองเซียงหยาง หากทั้งสี่กล้าที่จะบังคับเขาลงไป มันจะทำให้ฝูงชนเกิดการบ้าคลั่งได้และการแข่งขันประจำแคว้นฉีจะไม่สามารถจัดขึ้นได้อีก
ท่าทางสงบเยือกเย็นของเจียงเฉินได้สร้างความตกตะลึงแก่เหล่าอัจฉริยะทั้งสี่ โดยทั่วไปแล้วศิษย์แก่นแท้มนุษย์ได้พบพวกเขา มักจะมีท่าทางเคารพและมีมารยาทที่ดี และสำหรับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาดูไม่แยแสและสงบ นั้นทำให้อัจฉริยะทั้งสี่ประหลาดใจและกลิ่นอายอันโดดเด่นของชายหนุ่มนั้นเปล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว มันทำให้พวกเขารู้สึกใและรู้สึกถึงความทรงอำนาจ
เขาเป็เพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์แต่พวกเขารู้สึกเหมือนผู้ที่อยู่เหนือกว่าพวกเขา นี่มันเหลวไหลชัดๆ
"เ้ามีนามว่าอะไร?"
หนานเป่ยเฉาถามออกมาพร้อมยิ้มเย็น
"เจียงเฉิน"
เจียงเฉินหรี่ตาลง ดวงตาที่เปล่งประกายสดใสและเฉียบคมดั่งคมมีดของเขาได้จ้องหนานเป่ยเฉากลับ ตัวเขาเป็เพียงรุ่นเยาว์อัจฉริยะ แต่คิดจะกดข่มเจียงเฉินด้วยพลังปราณ หนานเป่ยเฉาหวังที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความหวาดกลัวไว้ในจิตใจของเจียงเฉิน แต่ดูท่าแล้วมันยังคงห่างไกลจากที่เขาหวัง
เจียงเฉินไม่เคยรู้ว่าความหวาดกลัวคืออะไร
"หากเ้ายอมถอนตัวตอนนี้ ข้าจะให้เ้าเข้านิกายอัคคีผลาญฟ้า"
หนานเป่ยเฉาพูดอย่างไม่แยแส
"ขออภัย แต่ข้าไม่สนใจ"
หลังจากคำพูดนี้ออกจากปาก เจียงเฉินได้ขึ้นตรงไปอีกขั้นและอยู่บนชั้นที่หนึ่งร้อยของเส้นทางสู่์ ตอนนี้เขาได้เผชิญหน้ากับหนานเป่ยเฉาและอัจฉริยะอีกสามคน
ปัง!
ในตอนนั้นเอง ท่าทีของหนานเป่ยเฉาเปลี่ยนไปในทันใด ความโกรธได้ปะทุออกจากร่างของเขา ดวงตาของเขาเผยประกายเย็นเยียบ ทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งนัก
เหลียงเซียวเองที่อยู่ข้างๆเองก็ปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ได้ฉีกหน้าพวกเขาทั้งสี่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามไป่ฮัวเตี๋ยแสดงท่าทียั่วยวนออกมา ดวงตาเซ็กซี่คู่นี้มองประเมินเจียงเฉินแสดงอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงว่าสนใจอย่างมาก สำหรับนางนั้นศักดิ์ศรี ไม่ได้มีค่ามากนัก
กวนอี้หยุนยังคงมีท่าทางอย่างเยือกเย็น เขาเป็คนที่มีเกียรติ เขาเชื่อว่าเจียงเฉินมาถึงพวกเขาได้ด้วยความสามารถของเขาเอง
ตอนนี้ฝูงชนในลานกว้างของเมืองเซียงหยางแตกตื่น ไม่มีผู้ใดคิดว่าเจียงเฉินจะก้าวขึ้นสู่ขั้นสุดท้ายและยืนเคียงข้างสี่อัจฉริยะได้จริงๆ
"์! เขาสามารถไปยังจุดสูงสุดของเส้นทางสู่์ได้จริงๆ! การแข่งขันประจำปีแคว้นฉีได้จัดขึ้นมาหลายปีแล้ว และวันนี้เป็ครั้งแรกที่มีคนขึ้นไปยังจุดสูงสุดได้!"
"ชายหนุ่มผู้นี้มาจากแห่งใดกัน? เขามีนามว่าอะไร? ข้าชื่นชมเขานัก ไม่ใช่แค่เขามีฝีมือ เขายังกล้าหาญมากอีกด้วย"
"ปาฏิหารย์ชัดๆ! ชายหนุ่มผู้นี้ได้สร้างปาฏิหารย์ใหม่ขึ้นมา! นี่เป็ประวัติศาสตร์ครั้งแรกในการแข่งขันประจำแคว้นฉี ผู้ที่ไม่ใช่คนของสี่นิกายใหญ่ได้อันดับหนึ่งและเป็ผู้ที่สามารถขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเส้นทางสู่์! การเดินทางมาครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว! นามของเขาจะต้องจารึกในประวัติศาสตตร์ของการแข่งขันอย่างแน่นอน"
"บรรยากาศตอนนี้มีอะไรผิดปกติ....ชายหนุ่มผู้นั้นหาญกล้าที่ขึ้นขั้นสุดท้าย ขึ้นสู่จุดสูงสุดและยืนเคียงข้างเหล่าสี่อัจฉริยะ! เขาได้ฉีกหน้าสี่ยอดอัจฉริยะ! ดูท่าทางที่น่าเกลียดของหนานเป่ยเฉาสิ เหมือนคนที่กำลังจะฆ่าคนได้!"
"ใช่แล้ว ชายหนุ่มผู้นี้ทั้งบ้าบิ่นเกินไป แม้ว่าเขาจะสร้างปาฏิหารย์ขึ้นมา เขาก็ได้ล่วงเกินหนานเป่ยเฉา นี่ไม่ใช่เื่ล้อเล่น หลังจากนี้เขาจะต้องซวยแน่ๆ!"
ทุกๆคนต่างพูดคุยกันเื่การถือกำเนิดของปาฏิหารย์และปรากฏตัวของม้ามืด แน่นอนว่าเื่นี้จะต้องจารึกลงไปในประวัติศาสตร์การแข่งขันประจำแคว้นฉี
ขณะที่ผู้คนต่างชื่นชมความสามารถของเจียงเฉิน พวกเขาชื่นชมความกล้าหาญของเจียงเฉินมากกว่า มันหายากที่จะมีคนกล้าฉีกหน้าของเหล่าสี่อัจฉริยะ โดยเฉพาะหนานเป่ยเฉาผู้ที่มีชื่อเสียงตอนนี้
หลายๆคนอดไม่ได้ที่จะเป็ห่วงความปลอดภัยของเจียงเฉิน
้าของเส้นทางสู่์ เมื่อเจียงเฉินขึ้นขั้นสุดท้ายถึงจุดสูงสุด เป้าหมายของเขาได้บรรลุแล้ว การโคจรทักษะร่างแปลงัได้เพิ่มขึ้นเป็เท่าตัวทันทีและตราประทับัได้กำลังก่อตัวขึ้นในทะเลปราณของเขา
นี่เป็การรู้แจ้งอย่างฉับพลัน โอกาสและประโยชน์ที่ได้รับมันมหาศาลอย่างมาก โดยการใช้โอกาสนี้ เขามีโอกาสที่เขาจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง
ในเพียงเสี้ยววินาที มีตราประทับัหกดวงได้ถูกสร้างขึ้นในทะเลปราณของเขา และที่มีอยู่แล้วสิบเก้าดวง ตอนนี้เจียงเฉินได้สร้างตราประทับัไปแล้วยี่สิบห้าดวงแล้ว เขา้าที่จะสร้างตราประทับัสามสิบดวงในการที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง
อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินเลือกที่จะไม่ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางในตอนนี้ สถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้ไม่เหมาะสำหรับที่เขาจะทำ นอกจากนี้ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการรู้แจ้งครั้งนี้ไม่ใช่สามารถเก็บเกี่ยวได้เพียงครั้งเดียว ยังมีเวลาอีก่เวลาหนึ่งที่จะ้าที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้มากที่สุด
นอกจากนี้การได้ตราประทับัเพิ่มขึ้นมาหกดวงก็ค่อนข้างดี หลังจากนั้น อย่างน้อยที่สุดมันทำให้พละกำลังการต่อสู้ของเจียงเฉินเลื่อนขึ้นอีกระดับ และการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลางนั้นเขาเอาไว้ทำภายหลัง
"เจียงเฉิน ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะปฏิเสธข้า ไม่เคย! เ้ามันรนหาที่ตาย!"
จิตสังหารของหนานเป่ยเฉาพวยพุ่งออกมา ดวงตาของเขาดั่งอสรพิษร้าย ทุกคนที่มองเขาต่างหวาดกลัว อัจฉริยะอันดับหนึ่งของแคว้นฉีตอนนี้กำลังกราดเกรี้ยว! เขาเป็บุตรแห่งทวยเทพและปกติเขาได้อยู่เหนือผู้ใด เขาได้กำเนิดมาพร้อมสิทธิพิเศษ ทุกสิ่งในโลกต้องก้มหัวต่อหน้าเขา
การตระหนักว่าได้กำเนิดมาพร้อมสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ได้หยั่งรากลึกเข้าไปในความคิดของหนานเป่ยเฉา แม้เขาจะรู้สึกถึงกลิ่นอายที่คล้ายคลึงมาจากเจียงเฉิน เขายังคิดว่าตัวเองนั้นอยู่ระดับสูงกว่าเจียงเฉิน
ในความคิดของหนานเป่ยเฉา ตัวเขานั้นเป็าาเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะตั้งคำถามกับคำถามของเขา ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ขัดขืนคำสั่งเขา ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงโกรธเกรี้ยวมาก
"ฮ่าฮ่า หนานเป่ยเฉา เ้ารู้ดีจริงๆในการคิดเองเออเองนี่ คนอย่างเ้าไม่มีคุณค่าพอที่จะทำให้ข้าปฏิเสธเ้า"
เจียงเฉินหัวเราะออกมา กลิ่นอายของผู้สูงส่งที่หนานเป่ยเฉาปล่อยออกมานั้นเป็เพียงแค่มุกตลกต่อหน้าเจียงเฉิน
"รนหาที่ตาย!"
แววตาของหนาเป่ยเฉาเ็ายิ่งขึ้น และจิตสังหารของเขารุนแรงขึ้น
"หนานเป่ยเฉา คิดถึงสถานะของตัวเองด้วย นี่เป็การแข่งขันประจำแคว้นฉีและเ้าเป็ถึงเ้าภาพที่สำคัญที่สุดของการแข่งขัน คำพูดของเ้าและท่าทางของเ้าเป็หน้าตาของนิกายอัคคีผลาญฟ้า และก็ไม่ได้มีกฏข้อไหนที่ห้ามมิให้มีผู้ใดสามารถขึ้นบนจุดสูงสุดของเส้นทางสู่์ เจียงเฉินได้เข้าเป็อันดับหนึ่งในการแข่งขัน เ้าแน่ใจแล้วรึที่จะลงมือใส่เขาต่อหน้าคนจำนวนมาก?"
กวนอี้หยุนเอ่ยขึ้น เขาไม่ได้ช่วยเจียงเฉิน เขา้าทำให้มันแน่ชัดว่าการแข่งขันนั้นยุติธรรม เจียงเฉินสามารถที่จะฉีกหน้าพวกเขาได้ แต่พวกเขาต้องรักษาเกียรติของนิกายใหญ่ทั้งสี่
"ฮึ่ม! กวนอี้หยุน เ้ากำลังสอนข้าว่าควรทำเช่นไรงั้นรึ? ข้า หนานเป่ยเฉาสามารถทำสิ่งใดก็ได้ที่ข้า้า ไม่ใช่ธุระของพวกขี้แพ้ อย่าลืมเ้าได้พ่ายแพ้แก่ข้า โดยที่ไม่สามารถที่จะทนต่อการโจมตีมากกว่าสามกระบวนท่า หากเ้าไม่ได้ยอมแพ้ตอนนั้น เ้าได้ตายไปแล้ว!"
หนานเป่ยเฉาแค่นเสียงเ็าและจ้องกวนอี้หยุน กลิ่นอายของความหยิ่งยโสอย่างที่สุดได้แผ่ออกมา
"ฮึ่ม!"
กวนอี้หยุนแค่นเสียงอย่างเ็า ความกราดเกรี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่ที่หนานเป่ยเฉาพูดนั้นถูกต้อง เขาได้ยอมแพ้จริงๆในการแข่งขันครั้งก่อน
การแข่งขันประจำแคว้นฉีปกติแล้วจะเป็การแข่งขันระหว่างนิกายใหญ่ทั้งสี่ และเมื่อพวกเขาได้ลงสนามประลอง มันได้กลายเป็การแข่งขันเป็ตาย เว้นแต่ว่าฝ่ายหนึ่งขอยอมแพ้ เป็หนทางเดียวที่จะรอดพ้นความตายได้ เงื่อนไขในการได้รับชัยชนะนั้นคือจะต้องสังหารคู่ต่อสู้หรือทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้
ดังนั้น เมื่อหนานเป่ยเฉาเอ่ยถึงเื่นี้ ท่าทางของกวนอี้หยุนนั้นดูไม่ได้ทันที
หลังจากที่กวนอี้หยุนได้เตือน หนานเป่ยเฉาตัดสินใจที่จะไม่สังหารเจียงเฉิน หากเป็เวลาอื่นหนานเป่ยเฉาก็คงจะสังหารเจียงเฉินที่นั่นตรงที่ได้ฉีกหน้าเขา แต่สถานการณ์ในตอนนี้นั้นแตกต่าง แม้หนานเป่ยเฉาจะหยิ่งยโส เขายังไม่้าที่จะเสี่ยงถึงเกียรติยศของนิกายอัคคีผลาญฟ้า
"เจียงเฉิน.... เ้ายอดเยี่ยมมาก"
หนานเป่ยเฉาพูดอย่างไม่แยแส
เจียงเฉินจ้องไปที่หนานเป่ยเฉา เขาหันกลับและะโลงไปจากเส้นทางสู่์ เมื่อมาถึงจุดนี้ใน่เวลานี้การแข่งขันในรอบแรกได้จบลงแล้ว บรรดาศิษย์จากนิกายใหญ่ทั้งสี่ต่างะโลงจากเส้นทางสู่์
าาปีศาจน้อยเดินมาหาเจียงเฉินและเอามือวางบนบ่าของเขา เขายกนิ้วโป้งให้เจียงเฉินและพูดว่า
"การเคลื่อนไหวของน้องเจียงสุดยอดนัก! นับถือๆ"
"พี่ฮันพูดเกรงใจไปแล้ว เื่ที่เ้าได้ช่วยเหลือข้าที่เมืองหยินเยว่ ข้าเจียงเฉินย่อมไม่มีวันลืม"
เจียงเฉินตอบ เขามีความประทับใจที่ดีต่อาาปีศาจน้อยฮันหยาน นอกจากนี้ เมื่อตอนที่เขาได้อยู่จุดสูงสุดของเส้นทางสู่์ กวนอี้หยุนเองก็มีความประทับใจที่ดีต่อเขาเช่นกัน นี่ทำให้เขามีความประทับใจที่ดีต่อนิกายเซวียนอี้
เหล่าศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนต่างจ้องมองเจียงเฉิน มีเปลวเพลิงพวยพุ่งออกจากดวงตาพวกเขา ตอนนี้พวกเขาได้รู้เื่ที่เจียงเฉินได้สังหารศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนและพวกเขาได้ถือว่าเจียงเฉินเป็ศัตรูของพวกเขา ั้แ่ที่เจียงเฉินได้ขึ้นอันดับหนึ่งของการแข่งขันในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจผลที่ออกมา
"ศิษย์พี่หลี่ ชายคนนี้ได้สังหารศิษย์นอกของพวกเราไปสองสามคนขอรับ!"
หลายคนเดินมาหาหลี่หวู่ซวงและกระซิบเขา
"อะไรนะ!"
ท่าทางของหลี่หวู่ซวงเปลี่ยนไป
"เป็แค่ผู้ฝึกตนพเนจร มันกล้าดีอย่างไรที่มาสังหารศิษย์นิกายเทียนเจี้ยน?! มันยังไม่รู้ว่ามันกำลังล้อเล่นกับใคร ฮึ่ม! หากข้าได้เจอมันในรอบสองของการแข่งขัน ข้าจะฉีกมันเป็ชิ้นๆ ให้มันได้รับรู้ผลของการล่วงเกินนิกายเทียนเจี้ยน!"
"เยี่ยมเลย งั้นฆ่ามัน! ไม่เพียงแค่มันสังหารคนของพวกเรา เขายังไม่แสดงความเคารพต่อศิษย์พี่เหลียงเซียว! มันสมควรตายพันครั้ง!"
จางหลินพูดออกมาอย่างไม่ลดละ เมื่อเขาคิดถึงตอนที่โดนบังคับให้คุกเข่าต่อหน้าเจียงเฉินที่เขาต้นกำเนิด เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก เขา้าที่จะเห็นการตายของเจียงเฉินด้วยตาของเขาเอง เพียงเท่านี้ถึงสามารถบรรเทาความเกลียดชังของเขาได้
"น้องเจียง ข้าไม่เคยคาดเลยว่าท่านได้สังหารศิษย์นิกายเทียนเจี้ยน! ดูจากหน้าพวกเขาแล้ว มันดูเหมือนกับ้าที่จะกินเ้าทั้งเป็! ข้าคิดว่าวันนี้เ้าคงลำบากเป็แน่!"
ฮันหยานหัวเราะและพูดออกมา
เจียงเฉินจ้องมองเหล่าศิษย์นิกายเทียนเจี้ยน เขามีปฏิกิริยาเพียงแค่ยิ้มตอบ ไม่มีคำพูดใดๆ แต่ดวงตาที่เย็นะเืของเขานั้นแสดงออกถึงความปรปักษ์ หากศิษย์นิกายเทียนเจี้ยน้าที่จะสังหารเขาบนสังเวียนต่อสู้แล้วเขาก็รู้สึกเสียใจต่อพวกเขา เพราะพวกเขาจะต้องผิดหวังเป็แน่
