การคัดเลือกศิษย์ก้นกุฏิของสำนักในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เซียวหลิงอวิ๋นได้รับการยอมรับว่าเป็อัจฉริยะในรอบหมื่นปีจริง แต่ยังทำให้ศิษย์สำนักหลักอีกห้าคนที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนจนได้เก้าอี้มานั้นต้องมัวหมองลงไปเลย
ดังนั้นเมื่อเซวียนหยวนฉินหลง หม่าิหย่วน หวังฮั่น ชื่อเหิงเฟิง และทั้งห้าคนได้รับเลือกเป็ศิษย์ก้นกุฏินั้น ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ได้รับเสียงโห่ร้องและเสียงเชียร์ตามที่คาดหวังเอาไว้ แม้แต่ความยินดีและความชื่นชมให้พวกเขาก็ยังมีไม่มากเลย
สิ่งที่ทำให้เซวียนหยวนฉินหลงและอีกสามคนต้องรู้สึกหงุดหงิดมากที่สุดก็คือ เ้าหนุ่มน้อย เ้าก็ได้แสดงตัวจนเป็ที่ประจักษ์แล้ว และยังรักษาเก้าอี้ศิษย์ก้นกุฏิของเ้าเอาไว้ได้อย่างถูกต้อง ทำไมถึงยังไม่เข้าไปอยู่ในเสี่ยวหลิงเจี้ยนอีก กลับบอกว่าต้องรอจนกว่าจะเปิดเส้นลมปราณิญญาได้สำเร็จก่อนแล้วจึงค่อยเข้าไป แล้วทำไมทีสาวน้อยหยางลู่คนนั้นถึงเข้าไปอยู่ได้ทันทีล่ะ
นั่นก็เพราะจริงๆ แล้วเ้าอยากจะดึงดูดความสนใจด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อดึงดูดสายตาของผู้าุโสูงสุดและเหล่าผู้าุโไม่ใช่หรือ กว่าจะเปิดเส้นลมปราณิญญาสำเร็จแล้วค่อยเข้าไปอยู่ได้นั้น ต้องรออีกนานแค่ไหน ครึ่งปี หนึ่งปี หรือสองปี
ซึ่งนอกจากหม่าิหย่วนแล้ว คนอื่นๆ อีกสี่คนที่เหลือต่างก็รู้สึกไม่ดีกับเซียวหลิงอวิ๋นอย่างมาก
จนเมื่อการคัดเลือกศิษย์ก้นกุฏิสิ้นสุดลง สำนักที่เคยคึกคักก็กลับมาเงียบสงบ และทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง
เซียวหลิงอวิ๋นยังคงอาศัยอยู่ที่หอยาวิเศษของสำนักชั้นนอกชั่วคราว และทุกเช้าก็จะปีนขึ้นไปบนูเาเพื่อยืนอยู่บนยอดเขาและ ‘อาบ’ แสงอาทิตย์ยามเช้า ทุกเที่ยงคืนก็จะเปลือยท่อนบนเพื่อ ‘อาบ’ แสงดาวอันหนาวเย็น!
วันเวลาก็ผ่านไปอย่างเงียบสงบ
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เซียวหลิงอวิ๋นเข้ามาอยู่ในสำนักหลักได้เกือบสองเดือนแล้ว
บนก้อนหินก้อนใหญ่บนยอดเขา เซียวหลิงอวิ๋นนั่งสมาธิและหลับตาลง มีเสียงฟ้าร้องดังก้องอยู่ในท้องของเขา พลังิญญาจากธรรมชาติรอบๆ ตัวในรัศมีหนึ่งพันหมี่ก็ราวกับถูกดึงดูดด้วยมือที่มองไม่เห็นจากทุกทิศทุกทาง หลั่งไหลเข้ามาในกายของเซียวหลิงอวิ๋นด้วยความเร็วที่น่าใ
หลังจากการบำเพ็ญเพียรอย่างหนักเป็เวลาเกือบสี่เดือน วิชาบำเพ็ญเพียรระดับมหาเทพสูงสุด ‘เคล็ดวิชามหาเทพโกลาหล’ ขั้นแรกของการสร้างรากฐานร้อยวันในที่สุดก็เบ่งบานและออกผลแล้ว พลังมหาศาลที่สั่งสมมาเป็เวลาหนึ่งร้อยวัน ในเวลานี้ได้ก่อตัวกลายเป็พลังงานมหาศาลที่ไหลเชี่ยวราวกับน้ำป่าเชี่ยวกรากอยู่ภายในกายของเซียวหลิงอวิ๋น เปิดเส้นลมปราณในกายและหล่อหลอมจนกลายเป็วังปราณ!
ใช่แล้ว นับั้แ่มีมนุษย์อยู่ในอาณาจักรซินโยว เมื่อก้าวเข้าสู่ระดับผู้ใช้พลังิญญา ก็ล้วนแล้วแต่เปิดเส้นลมปราณ และหล่อหลอมจนกลายเป็ขดพลังิญญา ซึ่งแม้แต่ฉินหรูเยียนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ของเซียวหลิงอวิ๋นหล่อหลอมจนกลายเป็วังปราณซึ่งไม่เหมือนกับขัดพลังิญญา
แม้ทั้งสองจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างมาก หากพูดกันตรงๆ วังปราณนั้นเหนือกว่าขดพลังิญญานัก
ปริมาณิญญาที่รองรับได้ก็มากกว่า!
และแน่นอนว่าจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก บรรลุขึ้นไปยังระดับที่สูงขึ้น
เคล็ดวิชามหาเทพโกลาหลนอกจากจะไม่มีคอขวดในการฝึกวิชาเมื่อถึงขั้นตอนการขึ้นเป็ผู้ใช้พลังิญญาแล้ว ยังมีความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดอีกอย่างคือ รากฐาน! การสร้างรากฐานในหนึ่งร้อยวันจะทำให้หล่อหลอมพลังกลายเป็วังปราณที่มีระดับเหนือกว่า
จนเมื่อเสียงฟ้าร้องในท้องดังขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วในการหลอมรวมพลังิญญาที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเซียวหลิงอวิ๋นก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งความเร็วในการหลั่งไหลเข้ามานั้นยิ่งเร็วมากเท่าไร พลังิญญาโดยรอบก็จะยิ่งถูกดูดจนเบาบางเร็วขึ้นเท่านั้น จนเกิดเป็หลุมดูดขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นขึ้นมา ในตอนแรกมีเพียงพลังิญญาในรัศมีสองลี้เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ก่อนจะเริ่มขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็สองพันหมี่ สามพันหมี่ ห้าพันหมี่ และไม่นานก็แผ่ขยายไปถึงรัศมีหนึ่งหมื่นหมี่โดยรอบ การเคลื่อนไหวของพลังิญญาเป็วงกว้างเช่นนี้ย่อมทำให้ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกตัวในทันที
เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า!
แน่นอนว่าผู้ที่ััได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของพลังิญญาเป็กลุ่มแรกๆ ย่อมเป็ผู้ที่ทรงพลังอย่างผู้าุโสูงสุดทั้งสี่
จนเมื่อผู้าุโทั้งสี่ปรากฏตัว พวกเขาก็พบเซียวหลิงอวิ๋นที่เป็ตัวตั้งต้นของการเปลี่ยนแปลงของพลังิญญาในครั้งนี้
“ซื้ด! เ้าหนุ่มคนนี้เปิดเส้นลมปราณหล่อหลอมขดพลังิญญา แต่กลับดึงเอาพลังิญญาในธรรมชาติมากมายขนาดนี้เข้าไปได้อย่างไร!” แววตาของเสิ่นเยาเยวี่ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ!
อย่างที่รู้กัน แม้ว่าอาณาจักรซินโยวจะเป็เพียงอาณาจักรเล็กๆ ที่มีพลังิญญาค่อนข้างขาดแคลนเมื่อเทียบกับบรรดาอาณาจักรต่างๆ แต่ในฐานที่ตั้งของสำนักิญญาเมฆา ซึ่งเป็หนึ่งในห้าสำนักใหญ่ ูเาเจี้ยนหลิงซานของสำนักิญญาเมฆาก็เป็หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการฝึกวิชาที่มีพลังิญญาหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งในอาณาจักรซินโยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับการช่วยเหลือและดูดซับพลังิญญาเข้ามาผ่านอาคมป้องกันสำนัก พลังิญญาจึงเข้มข้นกว่าในเมืองหลวงของแคว้นมู่อวิ๋นอย่างเมืองมู่อวิ๋นเฉิงในทางโลกถึงหกเจ็ดเท่า!
การดูดเอาพลังิญญาในรัศมีหนึ่งหมื่นหมี่ ปริมาณมากขนาดนี้จึงถือว่าน่าทึ่งมาก
“ยอดเยี่ยม เวลาผ่านไปได้ไม่นานเท่าไร นับั้แ่การคัดเลือกศิษย์ก้นกุฏิน่าจะไม่ถึงสองเดือนดีเลย เ้าหนุ่มคนนี้ก็บรรลุแล้ว!” แม้แต่คนที่จิตใจมั่นคงอย่างเ้าสำนักฉินว่านซานก็ยังต้องรู้สึกใกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า
“สมแล้วที่เป็คนที่มีตัวตนเช่นนั้น ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรเช่นนี้ ช่างน่าทึ่ง น่าทึ่งจริงๆ!” ดวงตาเล็กๆ ของิ่ชางไห่เป็ประกาย
“หากการบำเพ็ญเพียรในภายหลังยังรวดเร็วเช่นนี้ อาจเติบโตขึ้นจนกลายเป็เสาหลักของสำนักยามที่เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นก็เป็ได้!” ตี๋จั๋วรื่อยังไม่สามารถขจัดความกังวลอันยิ่งใหญ่ออกจากใจได้!
...
“ศิษย์พี่ท่านใดกำลังบรรลุชั้นอยู่อย่างนั้นหรือ? น่าจะก้าวขึ้นสู่ชั้นมหาปรมาจารย์ิญญาใช่หรือไม่? เมื่อสามปีก่อนตอนที่ศิษย์พี่เซวียนหยวนบรรลุชั้น ก็ยังไม่เกิดปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยนะ!”
“แต่คนที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ิญญาขั้นสูงในสำนักชั้นนอก นอกจากหัวหน้าหรือผู้ช่วยของบ้านและหอต่างๆ แล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในระดับผู้ใช้พลังิญญาเอง และส่วนใหญ่ก็อยู่ในวัยห้าสิบไม่ก็หกสิบปี ปรากฏการณ์ของการบรรลุขึ้นชั้นมหาปรมาจารย์ิญญาระดับสูงของผู้ระดับสูงในวัยนี้จะไปยิ่งใหญ่กว่าของศิษย์พี่เซวียนหยวนที่เป็อันดับหนึ่งในรายชื่อัของสำนักชั้นในได้อย่างไร?”
“หากไม่ใช่การบรรลุขึ้นสู่ชั้นมหาปรมาจารย์ิญญา งั้นเป็การบรรลุขึ้นสู่ชั้นบรรพชนิญญาอย่างนั้นหรือ? ขอข้าลองนึกดูหน่อย มีหัวหน้าบ้านของสำนักชั้นนอกคนไหนที่มีพลังยุทธ์อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นสูงสุดบ้าง ไม่น่าใช่ เพราะนอกเหนือจากผู้ช่วยฟางและหัวหน้าหอวิชาแล้ว ก็ไม่มีใครที่อยู่ในชั้นมหาปรมาจารย์ิญญาขั้นสูงสุดเลย
ทั้งสองท่านล้วนอยู่ในขั้นมหาปรมาจารย์ิญญามานานหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้บรรลุชั้นมานานกว่ายี่สิบถึงสามสิบปี หรือว่าการสั่งสมมาเป็เวลานานจะเพิ่งมาผลิดอกออกผลตอนนี้ คนใดคนหนึ่งในทั้งสองท่านนั้นกำลังจะบรรลุขึ้นชั้นบรรพชนิญญาได้จริงๆ?”
“เป็ไปไม่ได้หรอก! ผู้ช่วยฟางแก่ขนาดนั้นแล้ว ทั้งเนื้อหนังและเส้นเืก็บ่งบอกถึงความชราภาพแล้ว จะเป็ไปได้อย่างไร ส่วนท่านหัวหน้าหอวิชาก็ได้รับาเ็ที่ทะเลสาบิญญาั้แ่เมื่อหลายปีก่อน แม้แต่เหล่าผู้าุโสูงสุดก็ยังช่วยท่านไม่ได้ ยิ่งเป็ไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ที่จะบรรลุขั้นสู่ชั้นบรรพชนิญญา!”
ในเมื่อไม่ใช่ทั้งสองท่านนี้แล้ว และไม่ใช่การบรรลุขึ้นสู่มหาปรมาจารย์ิญญา ก็เหลือแค่การบรรลุขึ้นสู่ขั้นปรมาจารย์ิญญาแล้ว แต่การบรรลุขึ้นสู่ชั้นปรมาจารย์ิญญาแต่กลับก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ขึ้น เช่นนั้นแล้วอัจฉริยะคนนั้นคือใครกันแน่? บรรดาศิษย์สำนักชั้นนอกต่างก็ลืมตาโพลง มองไปยังท้องฟ้าที่เกิดการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
หากพวกเขารู้ว่าการเปิดเส้นลมปราณและขึ้นเป็ผู้ใช้พลังิญญาของเซียวหลิงอวิ๋นนั้น ยิ่งใหญ่กว่าตอนบรรลุขึ้นสู่ชั้นมหาปรมาจารย์ิญญาของอัจฉริยะที่เป็อันดับหนึ่งในรายชื่อัของสำนักชั้นในก่อนหน้านี้ หรือก็คือเซวียนหยวนฉินหลงที่ปัจจุบันเป็ศิษย์ก้นกุฏิไปแล้วนั้น คางของพวกเขาคงจะร่วงตกจากใบหน้าเป็แน่แท้!
พลังิญญาจำนวนมากไหลเข้าสู่กายของเซียวหลิงอวิ๋น ภายใต้การบีบอัดซ้ำไปซ้ำมา พลังิญญาเหล่านี้จะถูกทำให้เข้มข้นขึ้นด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง แต่ก็ยังต้องบีบอัดต่อไปเรื่อยๆ จนแม้แต่ร่างกายของเซียวหลิงอวิ๋นก็ยังแดงก่ำ กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก ทันใดนั้นก็เปล่งเสียงดั่งฟ้าร้องออกมา “จงเปิด!”
‘เปรี้ยง!’ เสียงหนึ่งที่ไม่ดังมากดังขึ้น
ร่างกายของเซียวหลิงอวิ๋นกระตุกไปทั้งตัว!
จากนั้นสีหน้าที่บิดเบี้ยวก็กลายเป็สีหน้าใบหน้าผ่อนคลายลงทันที!
วังปราณเปิดออกแล้ว!
พลังจิติญญาที่ถูกบีบอัด กลายเป็เหมือนดั่งลำธารที่ไหลเชี่ยวบนูเา และในที่สุดก็ได้พบหนทางกลับสู่ทะเลและไหลเข้าสู่วังปราณอย่างต่อเนื่อง
หลายร้อยสายธารไหลลงทะเล พลังิญญาไหลเข้าสู่วังปราณ!
ภายใต้การหล่อเลี้ยงของพลังิญญาอย่างต่อเนื่อง วังปราณก็ขยายตัวออกอย่างเห็นได้ชัด
ชั้นที่หนึ่ง ชั้นที่สอง และชั้นที่สาม!
วังปราณนั้นก็เปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาสามชั้น
แววตาของเซียวหลิงอวิ๋นก็ฉายความประหลาดใจออกมา
เคล็ดวิชามหาเทพโกลาหลนี้ คู่ควรกับการวิชาบำเพ็ญเพียรระดับมหาเทพจริงๆ แค่การสร้างรากฐานหนึ่งร้อยวันในขั้นแรก สามารถหล่อหลอมวังปราณได้ถึงสามชั้นเลย!
จะบอกว่ามันเหมือนกับหงส์เพลิงกู่ร้องสามครั้งของฉินหรูเยียนเลยก็ว่าได้ ไม่สิ เป็ฉบับปรับปรุงด้วยซ้ำ! เพราะของตัวเขาเป็วังปราณสามชั้น เหนือกว่าขดพลังิญญาสามขดถึงหนึ่งระดับ
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินหรูเยียนยังต้องใช้เวลาถึงสิบแปดวันเต็มในการเรียกเสียงหงส์เพลิงมาร้องสามครั้ง ขณะที่ตัวเองสร้างวังปราณทั้งสามชั้นได้ในทันที ประหยัดเวลาไปตั้งสิบกว่าวัน!
ฮ่าฮ่าฮ่า!
ในขณะที่เซียวหลิงอวิ๋นกำลังจะะเิเสียงหัวเราะออกมา
จากนั้นพร้อมด้วยเสียงดังสนั่น ราวกับมีเสียงะเิดังก้องขึ้นในหัวของเซียวหลิงอวิ๋น! จิตใต้สำนึกของเขาพร่ามัวไปชั่วขณะ จนในชั่วขณะต่อมา เซียวหลิงอวิ๋นที่ฟื้นคืนสติได้ถึงรู้สึกประหลาดใจเมื่อทุกสิ่งรอบตัวเขาแปรเปลี่ยนไป!
