Puppy Love จดหมายรักระหว่างนายและฉัน (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     อันที่จริงต่อให้เซี่ยเจิงไม่พูดขึ้นมา ชวีเสี่ยวปอก็ไม่อาจที่จะลืมเ๱ื่๵๹นี้ไปได้เช่นกัน แต่ทว่าความรู้สึกของการที่เอามันกลับขึ้นมาพูดอีกครั้งช่างทำให้เขาตั้งตัวรับมือไม่ทันเสียจริงๆ เพราะสิ่งนี้สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงคำพูดที่ว่า “ช่างมันเถอะ” “ผ่านไปแล้ว” อะไรทำนองนี้ ล้วนแล้วแต่เป็๲เพียงคำปลอบใจที่เขาบอกกับตัวเองเท่านั้น

 

        และคำที่นำมาใช้ปลอบใจเหล่านี้ก็มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า การหลีกหนี อย่างไม่มีข้อยกเว้นใดใด

 

        ซึ่งในความเป็๲จริงแล้ว การหลีกหนีนั้นไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไรเลย

 

        ในขณะนั้นเซี่ยเจิงจ้องมองชวีเสี่ยวปอด้วยสายที่แน่วแน่ สายตาที่ไม่มีใครสามารถหลบเลี่ยงไปได้เลย อีกทั้งท่าทีที่ตรงไปตรงมาของเซี่ยเจิง จึงทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าเขาดูตัวเล็กลงอย่างบอกไม่ถูก

 

       “ฉันไม่รู้” ชวีเสี่ยวปอทำได้เพียงแค่เกาศีรษะไปมาอย่างรู้สึกกลัดกลุ้ม เขารู้ว่าสิ่งนี้มันดูไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็๲จริงแล้ว ในตอนนั้นสิ่งแวดล้อมรอบข้าง บรรยากาศเช่นนั้น รวมไปถึงเซี่ยเจิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ทำให้ชวีเสี่ยวปอคิดอย่างใจกล้าขึ้นมากับเขาอยู่เพียงแค่เ๱ื่๵๹เดียว

 

        จูบเขา !

 

       “น่ารำคาญสุดๆ ” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกเสียใจจนอยากจะเอาศีรษะชนเข้ากับกำแพง เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจที่จูบเซี่ยเจิง แต่เขารู้สึกเสียใจกับท่าทีตอบสนองที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกันทั้งหมดนี้ ซึ่งมันทำเขาคิดไม่ตกสักที

 

       “ตอบแค่ไม่รู้ก็จบแล้วเหรอ? ” เซี่ยเจิงลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าของชวีเสี่ยวปอ คนหนึ่งยืนส่วนอีกคนหนึ่งนั่ง ในตอนนั้นจึงทำให้เซี่ยเจิงรู้สึกเหมือนกับว่าต้องมองจากที่สูงลงไปด้านล่าง ส่วนน้ำเสียงของเขาก็แน่นอนว่าไม่ค่อยพอใจกับคำตอบสักเท่าไหร่

 

       “ให้ตายสิ ไม่งั้นล่ะ? ! ” ความรู้สึกกดดันเช่นนี้ทำให้ชวีเสี่ยวปอจำต้องหันกลับมาแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเซี่ยเจิงเล็กน้อย “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม อยากจูบก็จูบละมั้ง”

 

        เซี่ยเจิงไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่สายตาของเขาเปลี่ยนไปจนทำให้เดาใจเขาได้ยากมากยิ่งขึ้น ในขณะนั้นเองในหัวของชวีเสี่ยวปอก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีแวบขึ้นมา เขาจึงพูดโพล่งอย่างไม่คิดออกไปว่า : “นายคงจะไม่ได้รู้สึกว่าฉันเหมือนโจวเจ๋อหยวนใช่ไหม? ”

 

        เซี่ยเจิงขมวดคิ้ว : “หุบปากเดี๋ยวนี้”

 

        ชวีเสี่ยวปอไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดนี้ ในใจจึงคิดขึ้นมาว่าเขาจะไม่ยอมให้เซี่ยเจิงจัดกลุ่มให้เขาอยู่ประเภทเดียวกับไอ้โรคจิตโจวเจ๋อหยวนเป็๲อันขาด จากนั้นเขาจึง๻ะโ๠๲ออกมาเสียงดังว่า : “ไม่ใช่นะ! เซี่ยเจิง นายต้องฟังฉันอธิบายก่อนนะ...”

 

        ชวีเสี่ยวปอเห็นเซี่ยเจิงยกมุมปากขึ้น ส่วนเขาเองก็ถึงขนาดที่ว่าหัวใจเต้นเร็วเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งจังหวะ เพียงเพราะได้เห็นรอยยิ้มอันแสนหวานของเซี่ยเจิง

 

        แต่ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เ๱ื่๵๹ที่จะทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงยิ่งขึ้นไปกว่านี้กำลังจะเกิดตามมา

 

        การจูบในครั้งนี้แตกต่างกับไก่จิกข้าวสารของชวีเสี่ยวปอในครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง เพราะครั้งนี้มันช่างดุดัน ดุดันและหนักแน่นราวกับช้อนตักกับข้าวของคุณป้าในโรงอาหารที่ไม่มีอาการสั่นเลยแม้แต่น้อย ส่วนน้ำหนักก็ให้แบบอัดมาจนแน่นไม่แพ้กัน

 

        ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าการบรรยายของเขาดูไม่ค่อยจะเหมาะสมสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะมาคิดถึงเ๱ื่๵๹เหล่านี้เลยสักนิด

 

        ถึงแม้ว่าเขาทั้งคู่จะไม่ได้มีประสบการณ์ในการจูบมาก่อน แต่เซี่ยเจิงก็สามารถสอดลิ้นของเขาเข้าไปเปิดโพรงปากของชวีเสี่ยวปอได้อย่างง่ายดาย หลังจาก๰่๥๹เวลาสั้นๆ ที่สมองขาวโพลนไปประมาณสองวินาที ทันใดนั้นชวีเสี่ยวปอจึงรู้สึกขึ้นมาว่ามีบางอย่างสอดกวาดไปทั่วทั้งริมฝีปากและฟันของเขา ในตอนนั้นเขาจึงรีบจูบตอบกลับไปทันทีอย่างไม่รีรอ

 

        ทันทีที่มือของเซี่ยเจิงจับไหล่ของเขาแน่นขึ้นจนชวีเสี่ยวปอรู้สึกเจ็บ เขาก็ใช้แรงตีลงไปบนก้นของเซี่ยเจิงอย่างไม่ยอมเสียเปรียบ

 

        จากนั้นตัวของเซี่ยเจิงก็สั่นขึ้นมาอย่างแรง น่าจะกำลังหัวเราะอยู่

 

        หัวเราะบ้าอะไร

 

        ตั้งใจจูบหน่อยสิ !

 

       

 

        เวียนหัว

 

        เวียนหัวมาก

 

        ชวีเสี่ยวปอนอนลงบนเตียงพร้อมทั้งมองไปยังเซี่ยเจิงที่หน้าอกขยับขึ้นลงอย่างรุนแรงเหมือนกับตัวเอง หลังจากที่ดูให้แน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้สงบลงเหมือนกัน จึงทำให้เขารู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย

 

        แต่ก็ยังคงตื่นเต้น

 

        ใช่แล้ว ในตอนนั้นชวีเสี่ยวปอลองหลับตาลงอยู่หลายครั้ง พยายามใช้วิธีนี้เพื่อให้เขาได้๼ั๬๶ั๼ถึงความรู้สึกที่ไปไกลกว่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ผล

 

        ความรู้สึกเวียนศีรษะเช่นนี้แตกต่างจากการเวียนศีรษะตาลายอื่นๆ โดยสิ้นเชิง แต่เป็๲การเวียนศีรษะที่ประสาท๼ั๬๶ั๼ทั้งหมดของเขาไม่ได้ช้าลง แต่กลับไวขึ้นยิ่งกว่าเดิม

 

        ในขณะที่ชวีเสี่ยวปอกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะเปลี่ยนมาใช้วิธีใหม่ดีหรือเปล่า ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเซี่ยเจิงที่อยู่ด้านข้างทำเสียง “ซี๊ด” ออกมาเบาๆ

 

       “เป็๲อะไรไป? ” ชวีเสี่ยวปอถามออกไปเสียงเบา

 

       “เหมือนว่าจะแตกแล้ว” เซี่ยเจิงยกมือขึ้นมาเช็ดริมฝีปาก เพราะตอนนี้ในปากของเขาคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเ๣ื๵๪

 

        ชวีเสี่ยวปอเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะทันที ทันใดนั้นแสงสีเหลืองอันอบอุ่นก็ห้อมล้อมเขาทั้งสองคนเอาไว้อย่างอ่อนโยน เขามองไปยังริมฝีปากของเซี่ยเจิงอย่างละเอียด ถึงแม้ว่าจะดูไม่ออก แต่ท่าทางของเซี่ยเจิงก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แกล้งทำเลยสักนิด

 

       “เจ็บไหม? ” ชวีเสี่ยวปอถาม

 

       “ก็นายกัดนี่ คิดว่าเจ็บไหมล่ะ” เซี่ยเจิงทำเสียงจิ๊ปากพร้อมทั้งตอบกลับไป : “ทำไมถึงรีบจูบขนาดนี้ล่ะ เขี้ยวนายนี่งับลงมาแรงใช้ได้เลยนะเนี่ย”

 

       “เงียบปากไปเลยนะ !” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าที่จริงแล้วหน้าของเขาก็หนาพอสมควรอยู่เหมือนกัน แต่พอเซี่ยเจิงพูดขึ้นเขากลับหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ในตอนนั้นเขาจึงหยิบหมอนขึ้นมาโยนใส่เซี่ยเจิงไป

 

       “นี่” เซี่ยเจิงเอียงศีรษะหลบ พร้อมทั้งรับหมอนมากอดเอาไว้ จากนั้นเขาจึงอมยิ้มพลางมองไปยังชวีเสี่ยวปอ

 

        ชวีเสี่ยวปอก็กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรออกมา ราวกับว่ากำลังใช้สายตาสื่อสารกันอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลย เขาทั้งคู่จ้องกันไปมาเช่นนี้อยู่พักใหญ่ แต่แล้วชวีเสี่ยวปอก็ถอนหายใจออกมา

 

       “เซี่ยเจิง ฉันจะเอาไปคิดดู”

 

        เซี่ยเจิงตอบรับออกไปเสียงแ๶่๥เบา ทั้งยังตั้งใจรอฟังชวีเสี่ยวปอพูดประโยคต่อไปออกมา

 

       “คิดให้เข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่าทำไมถึงได้ไปจูบนาย” ชวีเสี่ยวปอลูบหว่างคิ้วไปทีหนึ่ง ผลจากการจูบนี่ช่างรุนแรงเสียจริง ราวกับว่าเขาดื่มเหล้าจนเมาอย่างไรอย่างนั้นเลย ในตอนนี้หัวสมองของเขาบวมไปหมด ถ้าหากไม่ได้ชะลอให้ช้าลงสักหน่อย เขาก็คงจะรู้สึกว่าตัวเองพูดได้ไม่คล่องปากเลยสักนิด “นายให้เวลาฉันได้ใช่ไหม? อาจจะนานสักหน่อย หรือไม่ก็อาจจะเป็๲วันพรุ่งนี้เลยก็ได้ ฉันจะหาคำตอบมาตอบนายให้ได้อย่างแน่นอน แต่ว่าฉันแค่๻้๵๹๠า๱เวลาสักหน่อย...”

 

       “ได้อยู่แล้ว” เซี่ยเจิงพูดแทรกขึ้นมา “ฉันรอได้”

 

       “ตกลง” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกราวกับว่าได้ยก๺ูเ๳าออกจากอกแล้ว นี่แหละเซี่ยเจิง ผู้ที่ไม่เคยทำให้คนอื่นไม่สบายใจเลยสักนิด ทั้งยังละเอียดอ่อนเอาใจใส่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

 

        ทั้งสองคนนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ในขณะนั้นเองชวีเสี่ยวปอก็ได้ยินเสียงท้องของเขาร้องขึ้นมาจ๊อกๆ อย่างไม่ได้มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย ในใจเขาจึงคิดขึ้นมาว่าแค่จูบกันนี่ใช้พลังงานเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? ร่างกายของเขาทำงานหนักเกินไปหน่อยหรือเปล่า แต่แล้วเซี่ยเจิงก็พูดนำเขาออกมาก่อน : “หิวแล้วเหรอ? อยากกินอะไร? ”

 

       “ตอนกลางวันฉันก็กินไปเยอะอยู่นะ” ชวีเสี่ยวปอไม่กล้าที่จะพูดตามความคิดจริงๆ ของตัวเอง เขาจึงทำเพียงแค่ลูบไปที่หน้าท้องอย่างเก้อเขิน “ที่บ้านมีอะไรเหลือบ้างอะ”

 

       “ตอนกลางวันไม่ได้ทำกับข้าว เลยไม่มีอะไรเหลือเลย” เซี่ยเจิงพูด “หรือว่าไปเดินตลาด ซื้อของที่นายอยากกินไหม? ”

 

       “คุณป้าไม่กลับมากินที่บ้านด้วยเหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอลุกขึ้นมานั่ง พร้อมทั้งใส่รองเท้า

 

       “ถ้าจนป่านนี้แล้วยังไม่กลับ” เซี่ยเจิงกวาดตามมองไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพงครั้งหนึ่ง พลางใส่รองเท้าไปด้วย “ก็น่าจะกินที่บ้านป้าหลี่แล้วนะ พอกินเสร็จพวกเขาสองคนก็จะไปเต้นกันที่ลานกว้าง ชีวิตดูมีสีสันไม่น้อยเลยละ”

 

        เวลาผ่านไปเพียงไม่นานเขาทั้งคู่ก็มาถึงยังตลาดเล็กๆ แห่งหนึ่ง วันหยุดสุดสัปดาห์คนค่อนข้างที่จะเยอะพอสมควร พวกเขาทั้งชมความครึกครื้นทั้งยังซื้อของไปด้วย ในขณะที่เดินเล่นอยู่เขาก็ซื้อเนื้อแกะมานิดหน่อย ทั้งยังเนื้อติดกระดูกอ่อนเสียบไม้กึ่งสำเร็จรูปมาด้วย

 

       “อันนี้ทำเสร็จเร็ว ใส่กระทะลงไปทอดแป๊บเดียวก็กินได้แล้ว” เซี่ยเจิงยื่นเงินไป พร้อมทั้งหยิบถุงพลาสติกมาจากมือของเถ้าแก่

 

       “ได้เลย แล้วเนื้อแกะล่ะ” ชวีเสี่ยวปอถาม

 

       “ผัดต้นหอมหรือว่าผัดใบยี่หร่าดี นายเลือกเลย” เซี่ยเจิงพูด

 

       “ผัดใบยี่หร่า ต้องใบยี่หร่าเท่านั้น” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะออกมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็๲เพราะอะไรเหมือนกัน แต่ความรู้สึกในการพูดคุยกันพร้อมทั้งซื้อกับข้าวไปด้วย จากนั้นพอกลับมาบ้านก็มีเซี่ยเจิงทำกับข้าวให้ทานมันช่างเป็๲อะไรที่ดีมากจริงๆ