หนีเจียเอ๋อร์มองซ้ายทีขวาที ก่อนย้ายสายตาไปที่โจวชิงหวา หลังพิจารณาเล็กน้อยแล้วจึงตอบ “ตกลง”
“ดี” โจวชิงหวาแทบอยากจะยกสิ่งของมีค่าหายากทั้งหมดที่ตนมีให้กับนาง “คืนนี้ยามไฮ่[1] ข้าจะมารับเ้า”
เมื่อได้ในสิ่งที่้าแล้ว หญิงสาวก็ฮัมเพลงอย่างมีความสุข
โจวชิงหวาลูบศีรษะนางอย่างแ่เบา หลังจากนี้ หนีเจียเอ๋อร์อาจจะกลายเป็ที่ครหา แต่นี่ก็เพื่อปกป้องนาง มิให้ตกไปเป็สนมของฝ่าา หรือสมรสกับมู่หรงจิ่งหลีได้ และเขาเชื่อว่าหญิงสาวย่อมต้องรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของตนเป็แน่ ด้วยทั้งสองต่างก็รู้ใจกันดี
พอชายหนุ่มหันหลังผละจากไป หนีเจียเอ๋อร์ก็พาเสี่ยวเสวียนไปยังร้านขายยา เพื่อซื้อสมุนไพรมากมายหลายสิบชนิดกลับมาเตรียมทำยาที่ลานบ้าน แล้วผลัดกันเฝ้าดู จนปรุงยาอายุวัฒนะออกมาได้สำเร็จ
...
ยามไฮ่
โจวชิงหวาไปรอนางที่ลานบ้าน เพื่อรับหนีเจียเอ๋อร์มายังจวนสกุลโจว ซึ่งมีสตรีผู้หนึ่งรออยู่
ก่อนเริ่มเรียน สตรีผู้นั้นพลันถามขึ้นมาว่า “เหตุใดท่านจึงอยากเรียนร่ายรำ?”
หนีเจียเอ๋อร์ตอบเบาๆ “ข้าก็แค่รู้สึกอยากเรียนเท่านั้น”
โจวชิงหวาที่เดินออกไปนอกประตูแล้ว บังเอิญมาได้ยินบทสนทนาในห้องเข้า ก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น พลางถอนหายใจอย่างเงียบงัน ขณะมองขึ้นไปยังท้องฟ้าในยามค่ำคืน ซึ่งมีเพียงแสงสลัวราง
...
ยามค่ำคืน ณ ห้องรับรองขนาดใหญ่ ในงานเลี้ยงวันเกิดปีที่ห้าสิบของนายท่านสกุลหนี
แขกที่ได้รับเชิญต่างก็มาถึงกันแล้ว โดยมีองค์ชายสามมู่หรงจิ่งหลีนั่งอยู่้าสุด ซึ่งแขกส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานวันนี้ ล้วนเป็ขุนนางในราชสำนักทั้งสิ้น
เพื่อประจบเอาใจองค์ชายสามแห่งแคว้นจิวอวี่ พวกเขาจึงรีบเข้าไปทักทาย โดยมิได้ใส่ใจว่านายท่านหนีผู้เป็เ้าของวันเกิด จะถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวเพียงใด
เมื่อมู่หรงจิ่งหลีสังเกตเห็นรอยยิ้มอันฝืดฝืนของเ้าของวันเกิด เขาที่หมายมั่นปั้นมือว่าวันนี้จะเอาชนะใจอีกฝ่ายให้ได้ จึงเป็คนแรกที่ออกมามอบของขวัญ
นายท่านหนีเปิดดูด้วยความคาดหวัง แต่พอเห็นภาพอักษรจางเฉ่า สีหน้าพลันแข็งค้าง พยายามระงับคำพูด แล้วส่งของขวัญให้บ่าวรับใช้ ก่อนหันกลับมายิ้มอย่างเสียมิได้ แล้วพูดว่า “ขอบพระทัยองค์ชายสาม”
พอมู่หรงจิ่งหลีเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม ก็ได้แต่นึกสงสัย นายท่านหนีดูจะไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้อย่างเห็นได้ชัด แต่กู่อวี่เสวียนบอกว่านี่คือสิ่งที่เขาโปรดปรานมากที่สุด มิใช่หรือ?
เมื่อเห็นท่าทีของนายท่านหนี มู่หรงจิ่งหลีก็รู้ตัวว่าตนคงจะตัดสินใจผิดพลาดไปเสียแล้ว ทั้งยังตระหนักได้ทันที ว่ากู่อวี่เสวียนหาได้ตั้งใจจะช่วยเหลือ แต่จงใจหลอกเขาต่างหาก พอคิดเช่นนั้น ใบหน้าขององค์ชายสามก็มืดครึ้มจนดูไม่ได้ ในใจก็คิดหาวิธีว่าจะเอาคืนอย่างไรดี
ส่วนของขวัญที่สวีเพ่ยหรานมอบให้ เป็ภาพอักษรขนาดใหญ่สี่ตัว ที่เขียนว่า ‘ต้าเผิง สยายปีก’ แต่หลังจากได้รับของขวัญ สีหน้าของนายท่านสกุลหนีก็มิได้ดูดีขึ้นมาเลย
ของขวัญชิ้นสุดท้ายมาจากโจวชิงหวา พอชายหนุ่มคารวะ แววตาของนายท่านหนีก็อ่อนลง รู้สึกพึงพอใจกับภาพอักษรหลิ่วเป็อย่างยิ่ง
ด้านสวีเพ่ยหราน ก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บใจ เ้าบ้านสกุลหนีไม่แม้แต่จะชายตามองของขวัญ ซึ่งเป็ผลงานที่ตนทุ่มเทฝึกฝนมาแม้แต่น้อย
ในครานั้น หากโจวชิงหวาไม่โผล่พรวดพราดมากล่าวหา ว่าตนเป็ผู้ทำร้ายคนในครอบครัวของนายท่านหนี คืนนี้คงจะเป็คืนที่เขามีความสุขที่สุด
โจวชิงหวารู้สึกได้ถึงสายตาซึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ที่ทิ่มแทงมาทางตน จึงหันไปมองสวีเพ่ยหราน แล้วคลี่ยิ้ม “ยอมแพ้เถอะ!”
ใบหน้าของสวีเพ่ยหรานดำคล้ำเสียยิ่งกว่าน้ำหมึก
เมื่อหนีจวิ้นหว่านสังเกตเห็นท่าทีของบุรุษในดวงใจ ที่จับจ้องโจวชิงหวาอย่างจงเกลียดจงชัง นางก็พาลชิงชังโจวชิงหวาไปด้วย พลางคิดในใจว่า ‘ข้าจะกู้หน้าพี่หรานกลับมาให้ได้ คอยดู’
พอนายท่านหนีกลับมายังห้องหนังสือ หนีจวิ้นหว่านจึงมอบโอสถที่นางใช้เงินเก็บมากถึงหนึ่งในสาม เพื่อหาซื้อมาเป็ของขวัญ “ขอให้ท่านพ่อมีโชคลาภมากวาสนา อายุยืนยาวนับร้อยปี นี่คือสมุนไพรหลายร้อยชนิดที่ถูกคัดสรรมาเป็อย่างดี ซึ่งข้าเสาะหามาจากทั่วเมืองหลวง ท่านพ่อต้องดื่มวันละสามครั้งต่อเนื่องกันครึ่งปี ร่างกายจึงจะแข็งแรงตลอดไป”
ต้องดื่มยาวันละสามครั้ง? ช่างทรมานนัก! หากไม่เจ็บป่วยหรือาเ็สาหัสจริงๆ จะทนดื่มโอสถสามครั้งต่อวันได้หรือ?
แค่นึกถึงความขมของยาต้ม นายท่านหนีก็ทำหน้านิ่วโดยไม่รู้ตัว จึงโบกมือให้ใครบางคนนำสมุนไพรออกไป เมื่อเห็นท่าทีของบิดา หนีจวิ้นหว่านก็อดผิดหวังมิได้
สวีซื่อกล่าวเสียงต่ำที่ข้างๆ หูบุตรสาว “ไม่ต้องห่วง หากนายท่านไม่ชอบสมุนไพรเหล่านี้ เขาย่อมไม่พึงใจของขวัญที่หนีเจียเอ๋อร์จะมอบให้เช่นกัน เพราะนางก็ซื้อสมุนไพรมาหลายสิบชนิดไม่ต่างกับเ้า”
คำพูดของสวีซื่อทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง จะดีจะร้าย ตนก็ซื้อสมุนไพรมามากกว่าหนีเจียเอ๋อร์หลายสิบเท่า ดังนั้น บิดาน่าจะคิดว่านางกตัญญูมากกว่าอีกฝ่าย
จากนั้นก็เป็ของขวัญจากหนีเจียเฮ่อ เขานำโอสถขวดเล็กที่มิได้มีสรรพคุณพิสดารอันใด แต่สามารถใช้ได้จริงๆ มามอบให้
ส่วนเสื้อผ้าจากเว่ยอี๋เหนียงนั้น นางได้มอบให้นายท่านหนีไปก่อนเป็การส่วนตัวแล้ว เพื่อมิให้เป็ที่ครหา หรือตกเป็เป้าสายตาของสวีซื่อ
หลังจากทุกคนมอบของขวัญแล้ว ก็มาถึงคราวของหนีเจียเอ๋อร์ หญิงสาวก้าวไปข้างหน้า เพียงเปิดกล่องยาในมือ ผู้คนทั่วห้องก็ได้กลิ่นหอม ทำให้พวกเขาเกิดความสนใจใคร่รู้ ว่าของในกล่องคือสิ่งใด
นายท่านหนียกกล่องขึ้นมาจ่อใต้จมูก ลองสูดดมดู ฉับพลันนั้น เขาก็รู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน จนอดถามอย่างประหลาดใจมิได้ “เสี่ยวเอ๋อร์ นี่คือสิ่งใด?”
หนีเจียเอ๋อร์ทำความเคารพบิดา แล้วตอบว่า “ท่านพ่อ นี่คือยาอายุวัฒนะ ซึ่งสามารถช่วยยืดอายุขัยให้ยืนยาว ปรุงจากบัวหิมะ ที่ลูกมอบหมายให้กองคาราวานของชิงหวา นำกลับมาจากเกาะเป่ยหาน ทั้งยังมีส่วนประกอบเป็สมุนไพรที่ช่วยชะลอวัยอีกหลายสิบชนิด เพียงรับประทานหนึ่งเม็ดก่อนนอนทุกวัน ก็จะให้ท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเ้าค่ะ”
แม่ทัพหวังสืบเท้าไปข้างหน้า พลางกล่าว “ข้าได้ยินมาว่า บัวหิมะจากเกาะเป่ยหาน เป็วัตถุดิบหายากในการทำยา ซึ่งจะบานเพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี นับเป็สิ่งที่ประเมินค่ามิได้ นายท่านหนีมีบุตรสาวที่กตัญญูเช่นนี้ ช่างน่าอิจฉานัก!”
แม่ทัพฉินเสริมว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าเคยได้ยินบุตรสาวพูดถึงฝีมือของคุณชายโจว จากที่เห็นในวันนี้ให้นับถือยิ่งนัก เขาช่างเก่งกาจมากความสามารถ แม้แต่บัวหิมะก็ยังสรรหามาได้”
จากนั้นเสียงของคนอื่นๆ ก็ตามมา สักพัก เสียงชื่นชมหนีเจียเอ๋อร์กับโจวชิงหวา ก็ดังกระหึ่มไปทั่วงาน
มีเพียงมู่หรงจิ่งหลี สวีเพ่ยหราน หนีจวิ้นหว่าน และสวีซื่อเท่านั้น ที่มีสีหน้ามึนตึง
เมื่อได้ยินคำชื่นชมจากสหาย นายท่านหนีก็มองไปที่หนีเจียเอ๋อร์ด้วยสายตาภาคภูมิใจ... บุตรสาวผู้นี้ ช่างเกินความคาดหมายนัก!
คราแรกในงานเลี้ยงชมบุปผา ตอนนางได้รับรางวัลพระราชทานจากฮ่องเต้กู่หังจิ่น ก็นับเป็เกียรติอย่างสูงแก่ผู้คนและจวนสกุลหนีแล้ว
มาวันนี้ หนีเจียเอ๋อร์ยังแสดงให้เห็นถึงคุณค่า ที่เกินกว่าจะครองคู่กับสวีเพ่ยหราน...
แท้จริงแล้ว โจวชิงหวาก็ไม่เลว เพียงแต่มีภูมิหลังอันต่ำต้อย หากเขาไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน ก็คงไม่อาจสร้างชื่อให้ตัวเองมาจนถึงบัดนี้
ความคิดของนายท่านหนี ล่องลอยไปไกลขึ้นเรื่อยๆ...
แต่แล้วจู่ๆ โจวชิงหวาก็เดินเข้ามาหา “นายท่าน ข้ามีของขวัญอีกหนึ่งอย่างจะมอบให้”
เมื่อได้ยินว่ายังมีของขวัญจะมอบให้ ผู้คนจึงนิ่งเงียบและรอดูด้วยความสนใจใคร่รู้ ว่าจะมีสิ่งของหายากอันใดมาให้ชมอีก
พอโจวชิงหวาตบมือสองครั้ง เสี่ยวเสวียนก็ยกกู่ฉินขึ้นมา ทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่าเขาจะบรรเลงกู่ฉิน จึงแสดงสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
แต่ชายหนุ่มมิได้ใส่ใจความคิดเห็นของผู้อื่น เพียงนั่งลงตรงหน้ากู่ฉิน เสื้อคลุมสีม่วงซึ่งทอประกายจางๆ ใต้แสงเทียน ทำให้เขาดูสง่างามมากยิ่งขึ้น
-----------------------------------
[1] ยามไฮ่ เป็เวลาประมาณ 21:00 – 22:59 น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้