ฟึ่บๆ
หลังจากเจียงหงหย่วนหลบได้สองสามท่าก็กลิ้งตัว ดึงกริชที่เหน็บไว้ข้างขาออกมาบังกระบี่ที่โจมตีเข้ามา อีกฝ่ายกดแรงลงมาเต็มที่ กระบี่และกริชเสียดสีกันจนเกิดประกายไฟ
จังหวะที่กระบี่กำลังจะเฉือนผ่านกริชลงมาที่คอเจียงหงหย่วน จู่ๆ เจียงหงหย่วนก็ะเิพลังผลักกระบี่ออก คนชุดดำกลิ้งตีลังกาไปด้านหลัง
เจียงหงหย่วนไล่ตามไป แต่คนชุดดำทะยานตัวขึ้นถีบกำแพงเหมือนนกไปยืนบนต้นไม้ใหญ่ด้านข้าง จากนั้นยกกระบี่ขึ้นแทงใส่เจียงหงหย่วนจาก้า
กระบี่ยาว
ยิ่งยาวยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งสั้นยิ่งอันตราย
ว่ากันด้วยอาวุธ กริชของเจียงหงหย่วนไม่มีข้อได้เปรียบเลย
กระบี่ของคนชุดดำแทงมาที่หน้าอกเจียงหงหย่วนตรงๆ เจียงหงหย่วนบิดตัวหลบ แต่คนชุดดำกลับเปลี่ยนทิศทางการโจมตีอย่างฉับพลัน ปลายกระบี่แทงเข้าที่ไหล่เจียงหงหย่วน
ทว่า
เขาตาพร่ามัว เจียงหงหย่วนหลบด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ เร็วจนเห็นแค่เศษเงา
ฉึก…
กว่าจะรู้ตัว คนชุดดำก็รู้สึกเจ็บที่แขนแล้ว เขารีบยกกระบี่ขึ้นขวาง ประกายกระบี่ดวงใหญ่ปะทุออกตรงหน้า
เจียงหงหย่วนชะงัก คนชุดดำถือโอกาสะโขึ้นต้นไม้แล้วะโหายเข้าไปในความมืด
คนผู้นี้ไม่มีทีท่าว่าจะสู้ติดพัน
แม้แต่กระบวนท่าก็ไม่ได้ใส่สุดกำลัง
อีกฝ่ายมาเพื่อทดสอบเขา
ผู้ใดกัน?
ชาติก่อนมีคนอยากฆ่าเขาเช่นกัน แต่การลอบฆ่าครั้งแรกเกิดขึ้นตอนเขาอายุประมาณสามสิบ ผิดกับการลอบฆ่าครั้งนี้ที่มาไวกว่าชาติก่อนสิบปีเต็มๆ!
เจียงหงหย่วนกลับบ้านด้วยความคิดเต็มอก
มุมหนึ่งของอำเภอ ภายในบ้านหลังเล็กไม่สะดุดตา ตู้ซิวจู๋ถอดเสื้อผ้าท่อนบนนั่งทำแผลใต้แสงตะเกียง
แผลบนแขนเขาลึกมากและมีเืไหล
แต่หลังจากโรยผงยาสีดำลงไป เืก็ไหลช้าลง
ตู้ซิวจู๋ทำแผลที่แขนด้วยมือข้างเดียวอย่างคล่องแคล่ว เขาเป่าตะเกียงแล้วขึ้นเตียง ทว่าดวงตากลับเปิดกว้าง ไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย
จริงตามที่เจียงหงหย่วนคาด ตู้ซิวจู๋มาเพื่อทดสอบเขา หรือบางทีอาจจะมีอารมณ์อย่างอื่นร่วมด้วย แต่ตู้ซิวจู๋ไม่ได้มีความตั้งใจจะเอาชีวิตเจียงหงหย่วนจริงๆ
แต่คิดไม่ถึงว่าราคาของการออมมือจะกลายเป็การาเ็ของเขาเสียเอง
เจียงหงหย่วน…ไม่มีทางเป็แค่นายพรานธรรมดาเป็แน่
บนโลกนี้มีแค่ไม่กี่คนที่สามารถทำเขาาเ็ได้ คนเ่าั้ต่างเป็ยอดฝีมือแห่งยุทธจักร
ส่วนเจียงหงหย่วน…เป็แค่นายพรานธรรมดาจะทำเขาาเ็ได้อย่างไร!
ความเร็วและประสาทััของอีกฝ่ายว่องไวมาก ไม่แปลกเลยที่ถงป่านไม่กล้าเข้าใกล้เขามากเกินไป
แต่ที่แปลกคือ ชาติกำเนิดของเจียงหงหย่วนธรรมดามาก ไม่มีช่องโหว่แม้แต่นิดเดียว สมบูรณ์แบบจนไม่กล้าเชื่อ
หรือเขาจะเข้าใจผิด?
เจียงหงหย่วนแค่เป็ผู้มีพร์ก็เท่านั้น?
ช่างเถิด ขอเพียงเจียงหงหย่วนไม่มาก้าวล่วงเขา เขาก็จะทำเป็ว่าความสงสัยพวกนี้ไม่เคยมีอยู่
เจียงหงหย่วน
เ้าต้องเป็คนธรรมดาเท่านั้น…
ชีวิตนี้ เ้าห้ามผิดต่อหลินหวั่นชิว
ตู้ซิวจู๋หลับตาอย่างอ่อนเพลีย ภาพที่โรงน้ำชาปรากฏในหัว
‘…เ้าอยากงดงามอย่างไรก็ย่อมได้ อย่ามาแย่งสามีข้าเป็พอ’ นางกล่าว
นางชอบเ้า…
คนที่นางชอบคือเ้า…
ตู้ซิวจู๋รู้สึกปวดตุบๆ ในใจ ไม่ถึงกับเจ็บ เป็ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
เพราะแม้จะร้องขออย่างไรก็มิอาจได้มา?
ความจริงเขาก็ไม่ได้ร้องขอ
เพียงแต่หัวใจ…เอาแต่ปรารถนาอยากเข้าใกล้นาง
เมื่อเจียงหงหย่วนกลับถึงบ้าน เขายืนอยู่หน้าห้องหลินหวั่นชิวสักพักจึงไปอาบน้ำแล้วกลับไปนอนที่ห้องตัวเอง
เช่นเดียวกับตู้ซิวจู๋ เจียงหงหย่วนพลิกตัวไปมาแต่ก็นอนไม่หลับ
เขากำลังคิดว่าวันข้างหน้าจะเดินอย่างไรดี
คนชุดดำที่เจอคืนนี้ทำให้เขาไม่สบายใจยิ่งนัก
เขาอยากไปสืบโจรูเาพวกนั้นดู
จำเป็ต้องไปสืบ
หากไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเหตุใดโจรูเาพวกนี้จึง้าฆ่าเขาเมื่อชาติก่อน ชีวิตนี้เขากับภรรยาตัวน้อยคงไม่มีทางได้อยู่อย่างสงบสุข
เดิมทีเขาซื้อภรรยาเพื่อสืบเชื้อสาย ต่อให้ตัวเองตายไปแล้วก็ยังทิ้งสายเืไว้บนโลก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
เขาอยากใช้ชีวิตสงบสุขร่วมกับภรรยาตัวน้อยไปตลอดชีวิต
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหงหย่วนนอนตื่นสายกว่าปกติ
หลินหวั่นชิวไม่ได้ปลุกเขา นางเข้าครัวไปทำโจ๊กหมูสับไข่เค็มที่เขาชอบ ทำขนมเปี๊ยะไส้หมูมาอบไว้ในเตา
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จก็แต่งตัวให้เรียบร้อย นำตั้นเกา[1]น้ำผึ้งที่ตั้งใจทำโดยเฉพาะไปบ้านผู้เฒ่า
ที่บ้านกำลังจะขึ้นบ้านใหม่แล้ว หากหงป๋อกลับไปได้คงจะดียิ่งนัก
แต่ถึงจะกลับไปไม่ได้ก็ควรให้เขารู้เื่นี้ไว้
เจียงไฉพานางมาส่ง คนเฝ้าประตูเห็นว่าเป็นางก็รีบพาไปนั่งที่ห้องรับรองและไปรายงานผู้เฒ่าฉู่
อันที่จริงั้แ่เจียงหงป๋อมาอยู่บ้านผู้เฒ่าฉู่ นี่เป็ครั้งแรกที่หลินหวั่นชิวมาเยี่ยม ไม่ใช่ว่านางลืมหงป๋อแล้ว แต่เพราะกลัวผู้เฒ่าฉู่มีกฎเยอะ หากนางมาเยี่ยมบ่อยจะทำให้เขาไม่พอใจ
“ท่านเป็พี่สะใภ้ของศิษย์น้อง?” หลินหวั่นชิวเพิ่งยกถ้วยชาขึ้นก็เห็นสาวน้อยอายุประมาณสิบขวบเลิกม่านเดินเข้ามามองนางจากประตู
สาวน้อยสวมเสื้อและกระโปรงแยกชุดกันสีแดงปักลายดอกเหมย ทำผมทรงมวยง่ามคู่[2] มวยผมปักปิ่นดอกเหมยที่ทำจากทับทิม เข้ากันกับเสื้อผ้านางยิ่งนัก
นางหน้าตาค่อนข้างดีเช่นกัน ตาโต ผิวขาว ริมฝีปากบาง
หากไม่ทำสีหน้าเย่อหยิ่งเช่นนี้…ก็น่าจะเป็สาวน้อยหน้าตาน่ารัก แต่ตอนนี้เหมือนสาวน้อยไร้มารยาทมากกว่า
“ท่านนำสิ่งใดมา? ตระกูลฉู่ของพวกเราไม่รับขยะมั่วๆ ซั่วๆ” สาวน้อยมองตะกร้าไม้ไผ่ที่มีผ้าคลุมบนโต๊ะ พูดอย่างไม่เกรงใจ
หลินหวั่นชิวไม่ตอบ แววตาเ็าเล็กน้อย
“หงซิ่ว เหตุใดเ้าเสียมารยาทเช่นนี้!” จังหวะนี้เองที่หมอฉู่เดินเข้ามาแล้ว เจียงหงป๋อที่สวมชุดคลุมผ้าฝ้ายสีเทาขาวตามมาด้านหลัง หมอฉู่ถูกหงป๋อเข็นเข้ามา
“ท่านปู่ ข้าแค่พูดความจริง” ฉู่หงซิ่วพูดอย่างรู้สึกไม่เป็ธรรม นางทำตาเขม็งใส่เจียงหงป๋อ ไม่ปิดบังความรังเกียจบนใบหน้าแม้แต่น้อย
หมอฉู่พูดด้วยความละอายใจ “ขออภัยจริงๆ หลานสาวคนนี้ถูกข้าตามใจจนเสียคนแล้ว”
“ท่านปู่ เหตุใดท่านต้องช่วยพูดแทนคนนอกด้วย ข้าไม่สนใจท่านแล้ว ฮึ่ม!” หงซิ่วกระทืบเท้าด้วยความโมโห ทำตาเขม็งใส่เจียงหงป๋ออีกครั้ง
เจียงหงป๋อเลือกที่จะไม่สนใจ เขาเดินมาหาหลินหวั่นชิว ประสานมือคารวะให้นาง “พี่สะใภ้…”
ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน เด็กคนนี้ก็นิ่งกว่าเดิมเสียแล้ว ตัวเหมือนจะสูงขึ้นด้วย
หลินหวั่นชิวคิดในใจพลางมองเจียงหงป๋ออย่างละเอียด ไม่ได้สนใจคำพูดของหลานสาวหมอฉู่
“สูงขึ้นแล้ว” หลินหวั่นชิวยิ้ม เก็บสีหน้าเอ็นดูเหมือนแม่ที่มองลูกชายไว้ไม่อยู่ “นี่เป็ตั้นเกาที่พี่สะใภ้ทำมาให้ เดิมทีจะแบ่งให้ท่านอาจารย์เ้าครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อครู่แม่นางคนนี้บอกว่าตระกูลฉู่ไม่รับขยะ… ถ้าเช่นนั้นเ้าก็เก็บไว้กินคนเดียวเถิด…”
เจียงหงป๋อได้ยินดังนั้นก็เดินไปเลิกผ้าคลุมบนตะกร้าออก จากนั้นหยิบตั้นเกาชิ้นหนึ่งออกมาเดินไปกินหน้าหมอฉู่ “อร่อยมาก ขอบคุณพี่สะใภ้ขอรับ”
กลิ่นหอมของตั้นเกาลอยเข้าจมูกหมอฉู่ สายตาจับจ้องที่ตั้นเกาในมือเจียงหงป๋อ
อยากชิมเหลือเกิน…
แต่เมื่อนึกถึงคำที่หลานสาวตัวเองพูดออกไปก็อึดอัดใจ หลานสาวคนนี้นี่…
เชิงอรรถ
[1] ตั้นเกา(蛋糕) หมายถึง ขนมเค้ก
[2] ทรงมวยง่ามคู่(双丫髻) ทรงผมยอดนิยมทำสำหรับสตรีที่อายุยังน้อย ลักษณะของผมทรงนี้คล้าย ๆ กับผมแกละ โดยแบ่งผมเป็สองข้าง แล้วหวีให้เป็มวยที่้าของศีรษะทั้ง 2 ข้าง อาจประดับด้วยเครื่องประดับ เช่น ปิ่นปักผม หรือดอกไม้