Chapter 31
"มา! เรามาเริ่มคุยกันอย่างจริงจังกันเถอะ!" เป็เ้าครึ่งทางตัวน้อยที่เริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นมา
วงสนทนาที่ว่านี้คือ วงสนทนาสำหรับการคุยเื่ของตระกูลบัตเลอร์ ที่ในตอนแรกมีเป้าหมายเพียงแค่อยากจะพาป๋ายออกมาจากตระกูลนั้นแบบที่ไม่มีอะไรผูกมัดอีก แต่พอชั่งน้ำหนักทุกอย่างดูแล้ว พอจบเื่ป๋ายไป ทุกอย่างก็อาจจะกลับมาวนเวียนเหมือนกับที่เคยเป็มา ทุกคนในแผนการนี้เลยตัดสินใจที่จะเปิดโปงทุกอย่างเท่าที่รู้มา
แผนที่ยังคงเหมือนเดิมหนึ่งอย่างก็คือ การเปิดโปงโดยใช้กระแสจากประชาชนในเมือง เพราะทุกคนคิดว่าวิธีนี้คงจะเป็วิธีที่มีอำนาจมากที่สุดในตอนนี้แล้ว เพราะในเมื่อเ้าหน้าที่ทางกฎหมายส่วนใหญ่เป็พวกของบัตเลอร์ ถ้าหากใช้กฎหมายจัดการทางเดียวก็คงจะทำอะไรไม่ได้มาก เพราะฉะนั้นทุกคนจะไม่เริ่มจากการพุ่งไปที่การแจ้งเ้าหน้าที่ แต่จะเริ่มจากการปลุกปั่นเื่ให้มีกระแสขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นก็ต้องดูว่าการพูดถึงในเื่นี้จะเอนเอียงไปทางไหน แต่จากที่ดูทุกอย่างประกอบกันแล้ว ทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า เื่นี้จะต้องเป็ที่พูดถึงมากพอสมควร เนื่องจากบัตเลอร์สร้างกระแสให้ตัวเองกับทุก่วัย ไม่ว่าจะเป็การทำบุญให้คนเห็น ความประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจที่เื้ัเน่าเฟะ หรือคำพูดสวยหรูที่มักจะได้ตีพิมพ์ออกหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งอยู่บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าบัตเลอร์ในตอนนี้แทบจะเป็ที่รู้จักของคนทั้งเมือง No Land เลยก็ว่าได้ ฉะนั้นแล้วถ้าเื่นี้เป็กระแสออกไป ไม่ว่าจะเป็ประชาชนวัยไหนก็จะต้องให้ความสนใจอย่างแน่นอน
"อย่างแรกเลยนะทุกคน มันใกล้จะถึงการตรวจสุขภาพของครึ่งทางและสัตว์เลี้ยงประจำปีแล้ว จังหวะนี้แหละ ที่เ้าหน้าที่จะรู้ว่าป๋ายหายออกมาจากบ้านบัตเลอร์ เพราะว่าไม่ได้เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี"
มิเกลพูดขึ้นถึงการตรวจสุขภาพประจำปีของครึ่งทางและเหล่าแมวในเมือง การตรวจสุขภาพประจำปี เป็สวัสดิการของทางรัฐบาลที่จัดขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สวัสดิการนี้ก็คือการบริการตรวจสุขภาพให้แก่ครึ่งทางหรือสัตว์เลี้ยงในเมืองนั่นเอง สวัสดิการนี้จะถูกจัดขึ้นแค่ปีละ 1 ครั้ง ซึ่งเป็การบังคับให้เ้าของพาครึ่งทางหรือสัตว์เลี้ยงมาตรวจสุขภาพ แล้วจะต้องมาตามกำหนดการที่ทางการส่งให้เท่านั้น ถ้าหากมีเหตุฉุกเฉินหรือมีเหตุจำเป็ ที่ทำให้ไม่สามารถไปตรวจสุขภาพตามกำหนดการที่แจ้งได้ ก็จะต้องไปทำเื่กับทางการอย่างเป็ทางการ
สวัสดิการการตรวจสุขภาพประจำปี มีข้อบังคับว่าผู้ที่จะพาครึ่งทางหรือสัตว์เลี้ยงไปตรวจได้นั้นต้องเป็เ้าของที่มีชื่อตรงตามบันทึกของศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยงประจำเมืองเท่านั้น ครึ่งทางหรือสัตว์เลี้ยงไม่สามารถเดินทางไปเองได้ และถ้าหากว่าประชาชนคนใดที่มีครึ่งทางหรือสัตว์เลี้ยงไว้ในทะเบียนบ้าน แต่ถึงวันตรวจสุขภาพประจำปีไม่ได้พาสัตว์เลี้ยงมาตรวจ โดยที่ไม่ได้แจ้งถึงเหตุจำเป็ที่ไม่สามารถมาตามกำหนดการได้ จะต้องถูกตรวจสอบโดยเ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
และตามที่มิเกลได้บอก ทางการจะรู้ตัวตอนนั้นว่ามีสัตว์เลี้ยงหรือครึ่งทางหายออกไปจากบ้านของบัตเลอร์ แน่นอนว่าบัตเลอร์จะไม่ได้พาป๋ายไปตรวจสุขภาพ เพราะตอนนี้ป๋ายไม่ได้อยู่กับเขา และถ้าหากถามว่าบัตเลอร์สามารถใช้อำนาจในการปกปิดได้หรือไม่ ว่าไม่ได้พาครึ่งทางหรือสัตว์เลี้ยงไปตรวจ คำตอบก็คือไม่ได้ เพราะสวัสดิการการตรวจสุขภาพประจำปีเป็โครงการที่จัดขึ้นในองค์กรที่ร่วมมือกันระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะใช้อำนาจทางการเงินหรืออำนาจทางชื่อเสียงใด ๆ ก็ตามแต่ คงจะไม่ได้รับการยกเว้นจากใครทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นแล้ว พอถึงวันตรวจสุขภาพประจำปี เ้าหน้าที่ก็จะทราบว่ามีครึ่งทางในบ้านของบัตเลอร์ไม่ได้ไปตรวจสุขภาพ และพอถึงเวลานั้น เมื่อทางการตรวจสอบได้ว่า ป๋ายไม่ได้อยู่กับบัตเลอร์ ป๋ายก็จะโดนถูกตามตัวทันที
"แล้วแบบนี้พี่กรีนจะโดนอะไร?" คนตัวเล็กถามขึ้นเสียงแ่
"อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ทางการพิจารณาตอนนั้น กรณีนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ เราคาดการณ์ไม่ได้หรอกว่าทางการจะตัดสินแบบไหน" หลังจากที่ฟังเวย์พูดจบ คนถามคำถามก็ยิ่งใจเต้น
อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ทั้งกรีนและป๋ายกังวลใจเป็อย่างมาก ก็คงจะเป็บทลงโทษที่กรีนจะได้รับหลังจากที่เื่ทุกอย่างจบ แน่นอน อย่างที่กรีนรู้ตัวดี ว่าสิ่งที่กำลังทำมันผิดต่อกฎของเมือง ถ้าทางการรู้ เขาก็คงจะต้องได้รับโทษตามที่ทางการได้พิจารณา
แต่ก็คงต้องยอมรับ ว่ากรีนกลัว ตัวเขาที่ไม่เคยทำผิดกฎของเมืองเลยสักข้อเดียว ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับมันยังไง ถ้าถามว่าก่อนที่จะตัดสินใจพาป๋ายกลับมาได้คิดเื่นี้แล้วหรือยัง กรีนคิดเพียงแค่ว่าจะต้องได้รับโทษ แต่ก็ไม่ได้เตรียมตัวหรือเตรียมใจที่จะเผชิญกับมัน สำหรับกรีนแล้วมันน่ากลัว เขาไม่เคยเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มันผิดกฎ แต่ ณ ่เวลานั้น เขาคิดแค่ว่าจะพาป๋ายออกมา แค่นั้นจริง ๆ ถ้าถามว่ามันเป็ผลดีต่อสภาพจิตใจของเขาหรือเปล่า ่เวลาที่ผ่านมามันใช่ แต่ตอนนี้ก็คงจะไม่
"ไม่เป็ไรครับ ให้มันเป็ไปตามที่จะเป็นั่นแหละ เธอไม่ต้องคิดมากเื่นี้" กรีนตอบกลับคนน้องไปยิ้ม ๆ
"ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ รู้ว่ากังวลเหมือนกัน" คนตัวเล็กหันไปพูดกับกรีน
ตัวป๋ายเองก็รู้ดีว่ากรีนกังวลเอามาก ๆ ยิ่งหลายวันมานี้ป๋ายเห็นกรีนค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบทลงโทษของคนที่ทำผิดกฎในเมืองอยู่บ่อย ๆ พอป๋ายทำท่าจะเดินเข้าไปหา กรีนก็ปิดมันทันที เจตนาก็ไม่ได้มีอะไรนอกเป็ห่วงความรู้สึกของอีกคน ไม่อยากให้ต้องมานั่งกังวลด้วย แต่ในเมื่อตัวป๋ายเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เป็ห่วงความรู้ของกรีนเหมือนกัน เลยไม่อยากให้คนพี่ต้องเก็บอะไรที่มันน่ากังวลใจไว้คนเดียว
"เอาเป็ว่านับถอยหลังรอได้เลยนะ หลังจากที่ผ่านการผ่านตรวจสุขภาพประจำปีไปแล้ว ไม่เกิน 7 วัน เ้าหน้าที่คงจะหาป๋ายเจอ" มิเกลพูดสรุปออกมา
"ตอนนี้หลักฐานเท่าที่เราจะหาได้ แบบไม่ให้มันรู้ตัวก็ได้มาหมดแล้ว รอให้ถึงเวลาอย่างเดียวแล้วแหละ"
สำหรับหลักฐานที่จะรวบรวมเพื่อเอาผิดบัตเลอร์ ทั้งกรีน เวย์ และมิเกลเองก็หากันจนสุดความสามารถ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็พยานบุคคล มีหลายคนที่ยอมเสี่ยงเล่าสิ่งที่เจอให้ฟัง แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ยอมเสี่ยงเพราะความกลัว ซึ่งกรีนก็เข้าใจพวกเขาเป็อย่างดี นอกจากพยานบุคคลแล้ว หลักฐานที่เป็ชิ้นเป็อัน ก็ได้มาแค่ส่วนที่มาจากพยานบุคคลเ่าั้เท่านั้น เช่น คลิปเสียงสนทนา รูปภาพาแจากการทำร้ายร่างกาย ข้อความที่ถูกขู่ ซึ่งหลักฐานพวกนี้มันก็น้อยลงไปจากพยานบุคคลอีก บางคนก็กล้าที่เก็บไว้เผื่อจะเอามาเป็ประโยชน์ในอนาคต ส่วนบางคนก็ลบทิ้งั้แ่แรก เพราะกลัวจะพาปัญหามาให้ ถึงแม้ว่าหลักฐานมันจะน้อยเกินกว่าที่กรีน้า แต่กรีนเองก็ไม่อยากจะโทษใคร เพราะทุกคนคือเหยื่อ เหยื่อไม่ควรถูกรุมประนามในสิ่งที่พวกเขาเจอ แค่ความรู้สึกที่ต้องมาเจอเื่แบบนี้ก็แย่มากพอแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำได้เพื่อที่จะเซฟความรู้สึกของตัวเอง พวกเขาก็แค่ทำมัน
"ส่วนพวกคลิปเสียง รูป หรือหลักฐานอื่น ๆ พวกผมแบ่งเก็บไว้หลาย ๆ ที่นะครับคุณมิเกล จะได้ไม่หาย" มิเกลพยักหน้าตอบรับกรีน
วิธีการเก็บหลักฐานของกรีนและเวย์ ก็คือเซฟมันเก็บไว้ในหลาย ๆ ที่ ทั้งคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คทุกเครื่องที่ทั้งสองคนมี ทรัมไดร์ฟหรือยูเอสบี เมมโมรี่การ์ด หรือแม้กระทั่งในโทรศัพท์มือถือของทุกคน มีการแชร์ไฟล์ที่อนุญาตให้เข้าถึงเฉพาะคนที่เกี่ยวข้อง กรีนและเวย์ทำให้มันรัดกุมเข้าไปถึงขั้นที่เก็บหลักฐานไว้ในที่ที่มีแต่ตัวเองที่รู้ คือคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค ยูเอสบี หรือเมมโมรี่การ์ด อะไรพวกนี้จะเป็ที่ที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่จะมีที่ที่เรียกว่าที่ลับอยู่คนละหนึ่งที่ เก็บไว้โดยที่ไม่ต้องบอกกันและกัน เพื่อความปลอดภัยของอีกฝ่าย เพราะถ้าหากบัตเลอร์รู้ตัวและตามหามัน ก็จะมีหลักฐานเก็บไว้ในที่ที่ตัวพวกเขาเองไม่ได้บอกใครอยู่คนละหนึ่งที่
"ไม่รู้ว่ามันจะกระทบจิตใจของป๋ายเกินไปหรือเปล่านะ แต่ตอนนี้ประเด็นที่เกลอยากให้เล่นมากที่สุดก็คือเื่ของครึ่งทาง เพราะมันเป็เื่ทั่วไปที่ทุกคนเข้าถึงได้ เพราะทุกบ้านในเมืองเลี้ยงแมวหรือดูแลครึ่งทางกันหมด ถ้าได้ยินเื่นี้ก็คงเอาไปพูดถึงกันได้เยอะกว่าเื่อื่น ๆ เพราะว่าเื่อื่นที่แต่ละคนเจอมันค่อนข้างที่จะเป็ปัญหาส่วนบุคคล ทุกคนไม่ได้เจอเื่พวกนั้น อาจจะทำให้ไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็เื่ของครึ่งทางหรือแมวที่ทุก ๆ บ้านเข้าถึงอยู่แล้ว เกลว่ามันน่าจะเป็กระแสได้ง่ายนะ ทุกคนคิดว่ายังไงบ้างครับ?" มิเกลเสนอแนวทางออกมา
"เค้ายังไงก็ได้ ขอให้เื่นี้มันจบก็พอ" ป๋ายพูดออกมา
"เอาให้แน่ใจนะป๋าย เื่นี้มันเกี่ยวกับป๋ายโดยเฉพาะ ถ้าเราเผยแพร่เื่ของป๋ายออกไป คนทั้งเมืองก็จะพูดถึงมัน ป๋ายรับความรู้สึกพวกนั้นไหวจริง ๆ ใช่ไหม?" มิเกลถามย้ำขึ้นมาด้วยความเป็ห่วง
"เค้าโอเคหมดเลยตอนนี้ เค้าเหนื่อยแล้ว อยากให้มันรีบ ๆ จบไปสักที" หลังจากที่คุณน้องพูดจบ กรีนก็โอบไหล่น้องแน่นขึ้นทันที
"เท่าที่ไหวนะตัวเล็ก พี่ไม่อยากให้เธอรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้แล้ว"
"ถ้ามันจะแย่ก็ให้มันแย่ให้ถึงที่สุดนี่แหละ ได้มาเจอทุกคนที่อยู่กับเค้าตอนนี้มันก็หักลบความรู้สึกพวกนั้นได้เยอะมาก ๆ แล้ว เค้าก็ไม่รู้ว่าต่อจากนี้มันจะเป็ยังไง แต่เค้าว่าเค้าต้องยอมรับความจริงได้แล้ว ไม่แน่ ถ้าเื่ทุกอย่างมันจบ เค้าอาจจะมีความสุขมากกว่านี้ก็ได้ วันนึงเค้าอาจจะรู้สึกว่ามันคุ้มมาก ๆ ที่ยอมให้วันนี้มันแย่"
การได้รับความรักมากมายขนาดนี้
มันคุ้มแล้วสำหรับป๋าย
ไม่ว่าต่อจากนี้จะเป็ยังไง
อย่างน้อย่สั้น ๆ นี้ก็ได้ใช้ชีวิตได้คุ้มค่าที่สุดแล้ว
่เย็น
หลังจากที่คุยรายละเอียดทุกอย่างจนเกือบเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน กรีนและป๋ายเองก็เช่นกัน รถจอดสนิทที่โรงจอดรถของบ้านกรีน คนตัวเล็กกดรีโมทเพื่อปิดประตูรั้ว จากนั้นก็ล่วงหน้าไปเปิดประตูบ้านรอกรีนที่กำลังหยิบของจากหลังรถ
"หิวไหมครับตัวเล็ก?" กรีนถามขึ้นเมื่อทั้งคู่เข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว ป๋ายวางของลงบนโซฟา ไม่ได้ตอบอะไรกรีนกลับไป หลังจากนั้นสักพักเดินไปสวมกอดกรีนเอาไว้
"ป๋ายป๋าย" ััที่เปียกชื้นบริเวณไหล่ทำให้กรีนขมวดคิ้วออกมาทันที
"ฮึก พี่กรีน"
"คนเก่ง ชู่ว ไม่เป็ไรครับ" กรีนค่อย ๆ ลูบหัวและหลังป๋ายช้า ๆ และเรื่อย ๆ
"ไม่ชอบเลยที่มิเกลบอกให้นับถอยหลัง อึก เราอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยไม่ได้เหรอ?" พอพูดจบป๋ายก็ปล่อยโฮออกมาทันที
นั่นสิ อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยไม่ได้เหรอ?
กรีนเองก็รู้สึกแย่จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เขาเองก็ไม่รู้จะโทษอะไรเลย ที่ทำให้เื่มันกลายเป็แบบนี้ โลกไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเขาสองคนเลยสักนิด ถ้าจะให้เจอกัน ทำไมต้องทำให้ทุกอย่างมันยากไปหมด ทำไมถึงต้องมีเงื่อนไข 108 ที่ทำให้มีปัญหา แล้วถ้ามันจะมีปัญหามากขนาดนี้ จะพาให้มาเจอกันทำไม
ทำไมต้องลิขิตให้ผ่านมาเจอกัน
ผูกพันกัน
รู้สึกดีต่อกันมากขนาดนี้
"เราทำอะไรไม่ได้เลยใช่ไหมพี่กรีน?"
นั่นสิ ทำไมล่ะ? ทำอะไรสักอย่างก็ไม่ได้เลยเหรอ?
"ป๋ายป๋าย พี่รักเธอนะครับ"
"เค้าก็รักพี่กรีน"
"ระยะเวลาเกือบ ๆ 4 เดือนที่เราใช้ชีวิตโดยที่มีกันและกันมา มันมีค่าในชีวิตพี่มาก ๆ เลยนะครับ ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้น มาใช้เวลาให้มันคุ้มค่าจนถึงวันนั้นด้วยกันนะป๋ายป๋าย"
"เค้าไม่อยากนับวันรอเลย"
"ถ้าเธอไม่อยากนับมัน ไม่ต้องนับก็ได้ครับ ตอนนี้เราแค่มาใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ ดีกว่า อย่างที่เธอบอกว่าถึงเวลาต้องยอมรับความจริงได้แล้ว อะไรมันจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดไปดีกว่าเนอะ อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมามันจะเป็ของปลอมนี่ครับ เราได้เจอกันจริง ๆ ได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ ได้กินข้าวด้วยกันจริง ๆ ได้มีความสุขด้วยกันจริง ๆ ทุกอย่างที่ผ่านมามันเป็ของจริงหมดเลย ถึงแม้ว่าวันพรุ่งนี้มันอาจจะผ่านไป แต่อยากให้เธอได้รับรู้ไว้ ว่าที่ผ่านมาพี่กับเธอมีความสุขกันขนาดไหน"
กรีนปรารถนาให้น้องคิดเช่นนั้น ตัวเขาเองในตอนนี้ ไม่มีอะไรที่จะกล้าการันตีได้เลยว่าพอจบเื่ทุกอย่างนี้แล้ว เขากับน้องจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ถึงแม้จะปรารถนาเช่นนั้น แต่ก็คงจะไม่จมอยู่กับความคิดที่ว่าจะได้อยู่ด้วยกัน เผื่อถ้าหากว่ามันเป็ไปไม่ได้ จะได้ไม่ต้องอยู่กับความผิดหวังไปตลอด
กรีนอยากให้ป๋ายคิดว่าที่ผ่านมาที่เราได้อยู่ด้วยกันมันคุ้มค่ามากพอแล้ว มันเป็สิ่งที่รับรู้ได้จริง ๆ วันที่ผ่านมาเรามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่ด้วยกัน ถ้าในอนาคตเราจะไม่ได้สานต่อสิ่งนี้ ก็ไม่อยากให้น้องมาจมหรือโหยหามัน ถึงแม้ว่ามันจะทำใจยาก อาจจะมีน้ำตาตอนที่นึกย้อนกลับมา แต่กรีนเชื่อว่ามันจะสามารถเปลี่ยนเป็รอยยิ้มได้ มีความสุขที่ได้นึกถึง ถ้าเป็ความสุข่หนึ่งที่สามารถนึกถึงได้โดยที่ไม่ต้องโหยหามันอีกต่อไป
"ถ้างั้นทุกวันต่อจากนี้ พี่กรีนทำต้มปลาให้เค้ากินทุกวันเลยได้หรือเปล่า?"
"ได้สิครับ" กรีนปล่อยน้องออกจากอ้อมกอด
"จุ๊บ ๆ เค้าหน่อยสิ" คนพี่ยกยิ้มมุมปากที่เห็นน้องอ้อน
"จุ๊บได้ครับ แต่คืนนี้ต้องนอนเป็เหมียวนะ คิดมากมาทั้งวัน แถมยังร้องไห้ด้วย พลังงานหมด"
"เค้านอนเป็เหมียวก็ได้ แต่ต้องจุ๊บ 10 ทีนะ"
"ตัวแสบ พี่กรีนให้ 20 เลยครับ"
หลังจากที่เคลียร์ความรู้สึกกันได้คงที่แล้ว กรีนและป๋ายก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ ลงมากินข้าว ใช้ชีวิต่เย็นเหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา ปล่อยให้เวลามันผ่านไปโดยที่ไม่ต้องไปคิดอะไรถึงอนาคตแล้ว เพราะยังไง ณ วินาทีนี้ก็ยังมีอีกคนอยู่
วันถัดมา
"ป๋ายป๋าย วันนี้พี่จะไปซื้อของตกแต่งร้านวันคริสต์มาส เธออยากไปด้วยกันหรือเปล่าครับ?"
"เค้าไป ๆ ๆ"
"งั้นก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาเลยนะ"
"เหมียวรับทราบ!"
ในเช้าวันถัดมาก็เป็เช้าที่แสนจะปกติสำหรับทั้งคู่อีกเช่นเคย หลังจากตื่นนอนก็ลงมากินข้าวเช้าด้วยกัน จากนั้นกรีนก็เอ่ยชวนป๋ายไปซื้อของเพื่อตกแต่งร้านในเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง ในตอนแรก กรีนไม่ได้แพลนไว้ว่าจะไปซื้อของวันนี้ และถึงแม้ว่าจะไม่อยากคิดถึงวันที่ป๋ายจะต้องออกไป แต่ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้วที่จะถึงการตรวจสุขภาพประจำปี และกรีนก็ไม่รู้ว่าป๋ายจะอยู่กับเขาได้ถึงวันไหน การซื้อของเพื่อตกแต่งเลยเลื่อนเข้ามา
มันคือสิ่งที่กรีนคิดอยากจะทำร่วมกันกับน้องมานานมากแล้ว นั่นก็คืออยู่ด้วยกันหรือได้ทำกิจกรรมร่วมกันในเทศกาลนี้ แต่ดูเหมือนว่าเป็ไปได้ยากมาก ๆ ที่จะมีโอกาส เลยเลือกกิจกรรมที่ยังพอเป็ไปได้ และเป็สิ่งที่ทำได้เลยทันที เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ใกล้เทศกาลคริสต์มาสมากขนาดนั้น แต่ในห้างหรือในตลาดที่ต่าง ๆ ในเมือง ก็เริ่มมีของของเทศกาลนี้ขายมากขึ้นแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นลง กรีนคิดว่ามันอาจจะพอทดแทน่คริสต์มาสจริง ๆ ได้
"ไปกัน!" ป๋ายะโออกมาอย่างตื่นเต้น
ตอนนี้ทั้งคนพี่และคนน้องเองต่างก็นั่งอยู่ในรถเป็ที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง เป็เหมือนทุกครั้งที่ทั้งคู่รอให้ประตูรั้วปิดสนิทก่อนถึงจะออกรถได้ แล้วพอมันปิดสนิท กรีนก็เหยียบคันเร่งทันที
"อ้าว ไม่ได้ไปทางนั้นเหรอพี่กรีน?" คนตัวเล็กเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองไปทางที่เคยไปอยู่เป็ประจำ เพราะมันจะมุ่งหน้าเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าที่ทั้งคู่ไปด้วยกันบ่อย ๆ
"ไม่ครับ วันนี้เราจะไปตลาดคริสต์มาสกัน"
"โอ๊ะ มีตลาดคริสต์มาสด้วยเหรอ?" ป๋ายถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น
"มีครับ จริง ๆ ก็ตั้งใจจะพาเธอไปอยู่แล้ว แต่รีบมาตอนที่ยังไม่ถึง่คริสต์มาสก็ดี เพราะ่นั้นคนจะเยอะมาก"
"เค้าชอบวันคริสต์มาสมาก ๆ เลยพี่กรีน"
"พี่ก็เหมือนกันครับ ไหนลองเล่าวันคริสต์มาสปีที่ผ่านมาของเธอให้พี่ฟังหน่อยสิ มันเป็ยังไงบ้าง?"
"อืม ปีที่ผ่านมาเหรอ? ปีที่แล้วเคธให้ของขวัญเค้าด้วย ให้มาเป็หนังสือเื่เล่า ตอนอยู่ที่ศูนย์ดูแลเค้าอ่านมันทุกวันเลย แต่เคธบอกว่าเอาออกมาจากศูนย์ไม่ได้ เค้าก็ต้องเอาไว้ที่นั่น เค้าใส่หมวกคริสต์มาสทุกปี แล้วที่ศูนย์ก็จะมีต้นคริสต์มาสที่ใหญ่มาก ๆ เค้าไปปีนเล่นทุกปีเลยนะ มีปีนึงเค้าไปปีนเล่น แล้วเล็บเหมียวเค้าเกี่ยวกับต้นไม้ ดึงยังไงก็เอาไม่ออก ต้นคริสต์มาสเกือบจะล้ม เคธมาช่วยเอาออก แล้วเค้าก็โดนบ่นเยอะเลย ตลกมาก ๆ" ป๋ายเล่ามันออกมาด้วยรอยยิ้ม กรีนเองก็ฟังมันด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
"ปกติที่ศูนย์ดูแลทำอะไรกันครับ?"
"มีจับฉลากแลกของขวัญกันทุกปีเลยแหละ สนุกมาก ๆ"
"พวกเธอเอาของขวัญจากที่ไหนมาจับกัน?"
"เป็เงินของทางศูนย์นะ เขากำหนดมาให้ว่าปีไหนได้คนละเท่าไหร่ แล้วทีนี้พี่ ๆ ก็จะให้เลือกว่าเราอยากซื้ออะไร แล้วก็จะซื้อมาให้ ให้เราห่อของขวัญกันเอง แล้วก็เอามาจับฉลากแลกกัน"
"แล้วเธอเคยซื้ออะไรไปจับฉลากบ้างครับ?" กรีนที่กำลังขับรถก็คอยฟังและส่งคำถามไปเรื่อย ๆ
"เค้าเหรอ? เค้าซื้อเยอะมากจนจำไม่ได้เลยแหละ ทุก ๆ ปีเค้าจะซื้อของหลายอย่างใส่ลงในกล่องเลย คนที่จับได้ของเค้าจะได้ได้เยอะ ๆ ขนมก็เคยนะ มีเขียน ๆ การ์ดด้วย ให้สมุดวาดรูป ใช่ ๆ เค้าเคยพับคุณนกให้ด้วย"
"เธอพับนกได้ด้วยเหรอ?"
"ได้ซี่ เค้าเซียนมาก ๆ เพื่อนในศูนย์ให้เค้าเป็คุณครูสอนพับด้วยนะ ก่อนเค้าออกมาเค้าให้นกเพื่อน ๆ ไปคนละตัว แต่เค้าให้เคธ 2 ตัว เพราะเค้ารักเคธมาก ๆ"
"แล้วถ้าพับให้พี่ล่ะครับ จะได้กี่ตัว?"
"เค้าให้พี่กรีน 100 ตัว เพราะเค้ารักพี่กรีนมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"
"เข้าใจพูดจริง ๆ ถ้างั้นวันนี้พับให้พี่หน่อยแล้วกันนะ"
"ได้! เค้าพับให้ 100 ตัว"
ความสุขของป๋ายที่กรีนได้รับรู้มันมักจะเป็ความสุขง่าย ๆ เสมอ
กรีนก็อยากจะให้มันเป็แบบนั้นไปอีกนาน ๆ เลย
ขอให้ป๋ายได้วาดรูปอีกเยอะ ๆ
ขอให้ป๋ายได้กินต้มปลาของผมไปอีกนาน ๆ
ขอให้ป๋ายได้พับนกไปอีกพัน ๆ ตัว