บทที่ 48 หลิวฉิงแปลกไป
เย่จื่อเฉินยิ้มร้าย ดวงตาจ้องตาตำรวจหลินโดยไม่มีหลบ
และทันใดนั้น สิ่งหนึ่งก็ดึงดูดสายตาของเย่จื่อเฉินจนต้องไล่มองต่ำลงไป...
เพียะ!
บอกตามตรงว่าฝ่ามือของตำรวจหลินไม่ได้ทำให้เย่จื่อเฉินเจ็บแสบได้เลย
เขาลูบแก้มเล็กน้อยแล้วจึงกลับไปนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ตามเดิม พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"ผมไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย มันเป็ไปตามสัญชาตญาณ คุณนั่นแหละผิด จะมาสอบปากคำทำไมถึงไม่ติดกระดุมคอเสื้อมาให้มิดชิดเล่า"
"นาย..."
"นายอะไร คุณไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นักศึกษาแล้วก็ยังอยู่ใน่วัยที่ยังไม่รู้เื่รู้ราว คุณมาทำแบบนี้มันบ่งบอกชัดเจนว่าคุณบังคับให้ผมทำผิดนะครับ" เย่จื่อเฉินหัวเราะเยาะกลับไป มุมปากยกยิ้มร้ายแล้วพูด "ผมเข้าใจแล้ว มิน่าล่ะทุกครั้งคุณถึงได้มาสอบปากคำด้วยตัวเอง แถมยังล็อกประตูแ่า คุณคิดจะทำมิดีมิร้ายผมใช่ไหม?"
"เส้าหยาง!"
เย่จื่อเฉินทำให้ตำรวจหลินโกรธจนปากซีดขาว เธอะโออกไปนอกห้อง ไม่นานประตูห้องสอบสวนก็ถูกผลักเข้ามา นายตำรวจคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้ารีบร้อน
"พาเขาออกไป!"
เส้าหยางปรายตามองเย่จื่อเฉินที่นั่งยกขาไขว่ห้างอย่างไม่สนใจอะไร แล้วจึงยื่นโทรศัพท์ในมือไปวางบนโต๊ะของตำรวจหลิน
"หัวหน้าครับ หัวหน้ารับโทรศัพท์ก่อนเถอะครับ ผู้การของเราโทรมา"
ตำรวจหลินมีสีหน้าเปลี่ยนไป ครั้งที่แล้วก็เพราะเธอรับโทรศัพท์ เย่จื่อเฉินถึงได้รอดไปได้
แต่ครั้งนี้เขาเป็คนก่อเื่เองทั้งหมด ถ้าเธอปล่อยให้เขาหนีไปละก็...
"เสี่ยวหลิน!"
เสียงคนในสายดังขึ้น ตำรวจหลินกัดปากถลึงตาใส่เย่จื่อเฉิน แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นไปฟัง
"ค่ะ เขาอยู่กับฉัน"
"ทำไมคะ?"
"เขาทำร้ายคนต่อหน้าฉันเลยนะคะ!"
"ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ"
ติ๊ด
พูดอยู่ไม่กี่ประโยค ตำรวจหลินก็วางสายโทรศัพท์ไปด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะเดินออกมาจากโต๊ะสอบสวนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่จื่อเฉิน
"ผมไปได้หรือยัง?"
เย่จื่อเฉินฉีกยิ้ม ก่อนจะบิดี้เีต่อหน้าตำรวจหลินอย่างถือดี
ในดวงตาของตำรวจหลินเต็มไปด้วยความเ็า ก่อนจะพูด
"นายนี่เก่งจังเลยนะ มีคนคอยคุ้มกะลาหัวอยู่ตลอด"
"ผมเก่งหรือไม่เก่งคุณจะรู้ได้ยังไง คุณยังไม่เคยลองเลย" เย่จื่อเฉินยิ้มกรุ้มกริ่ม ตำรวจหลินยกมือขึ้นจะตี
"เฮ้ เป็ตำรวจทำร้ายประชาชนไม่ได้นะ" พอยกมือขึ้นขวางการกระทำของตำรวจหลินเรียบร้อยแล้ว เย่จื่อเฉินก็ยักคิ้วเดินออกไปข้างนอก
ก่อนออกไป เขาก็หยุดนิ่งกะทันหัน สายตากวาดมองเรือนร่างของตำรวจหลินหนึ่งรอบ ในที่สุดก็หยุดนิ่งตรงจุดที่นูนเด่นออกมา
"ทีหลังอย่าโตแค่ตรงนั้นนะ สมองต้องโตด้วย"
หันหลังโบกมือให้ตำรวจหลิน ก่อนจะเดินออกไปจากห้องสอบสวนด้วยท่าทางไม่รีบร้อน
กรอด
ตำรวจหลินที่ยืนอยู่ภายในห้องสอบสวนกำหมัดแน่น นายตำรวจที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นภาพนี้ก็ได้แต่หดหัว แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องสอบสวน
"เย่จื่อเฉิน ฉันจะจำนายเอาไว้"
ในตอนที่เย่จื่อเฉินเดินออกมาจากห้องสอบสวน ซูเหยียนก็ยืนรออยู่หน้าประตูของสถานีตำรวจอย่างใจจดใจจ่อ
ข้างกายเธอก็มีคุณซูกับทีมตำรวจกลุ่มนั้นอยู่ด้วย ตรงจุดเดียวกันก็ยังมีผู้ชายหน้าตาจีนจ๋าคนหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ด้วย
ชายคนนั้นไม่มีความรู้สึกใดๆ บนใบหน้า มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนที่ชอบพูดหรือยิ้ม แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงไอขุ่นมัวจากตัวชายคนนี้ที่ทำให้เย่จื่อเฉินไม่เป็ตัวของตัวเอง
"เสี่ยวเย่ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม"
คุณซูเป็คนแรกที่ปรี่เข้ามาหา ซูเหยียนก็มีสีหน้าคลายกังวลลงเมื่อได้เห็นเย่จื่อเฉิน
ยกเว้นชายหน้าตาจีนจ๋าเพียงคนเดียวยังคงใช้สายตาเพ่งพินิจมองเขา
"คนนี้ใคร?"
เย่จื่อเฉินแอบเบ้ปากอยู่ในใจ แต่ว่าใบหน้านั้นกลับระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย
"พวกเขาจะกล้าทำอะไรผมล่ะ ผมไม่ทำอะไรพวกเขาก็ดีเท่าไรแล้ว"
"เย่จื่อเฉิน ดีจังที่เธอไม่เป็อะไร"
หลังจากที่ซูเหยียนมองดูสีหน้าของชายหน้าตาจีนจ๋าอยู่หลายครั้ง จึงได้ก้าวเข้าไปหา
ติ๊ง!
ระดับความรู้สึกดีของคุณกับซูเหยียนเพิ่มขึ้น 100 ระดับความรู้สึกดีปัจจุบัน 150
แม้ว่าเื่เล่าวีรบุรุษช่วยสาวงามจะเก่าไปแล้ว แต่คงไม่รู้กันสินะว่าเื่เล่าเก่าแก่แบบนี้สามารถเอาชนะใจของผู้หญิงมาได้หลายคนแล้ว
ซึ่งซูเหยียนเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
ในนาทีที่เย่จื่อเฉินออกตัวปกป้องเธอ เธอก็รู้สึกว่าทุกอย่างที่ไม่ดีของเขาก่อนหน้านี้มันได้กลายเป็สิ่งที่ดีไปหมดแล้ว
"เย่จื่อเฉินใช่ไหม ขอบใจเธอมากนะที่ช่วยลูกสาวกับพ่อของฉันไว้"
และทันใดนั้น ชายหน้าถมึงทึงไม่ยิ้มคนนั้นก็เปิดปากพูดขึ้น แต่ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วทำไมไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังขอบคุณอยู่เลย
แต่เย่จื่อเฉินกลับได้ยินอะไรบางอย่าง
ชายคนนี้คือพ่อของซูเหยียน!
ไม่ทันไรก็ได้เจอพ่อตาแล้วเหรอ เย่จื่อเฉินมีอาการลนลาน
เย่จื่อเฉินเกาหัวและพูดอย่างนอบน้อม "เื่เล็กน้อยครับ"
พ่อของซูเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก แต่ยกมือขึ้นเรียกรถ แล้วส่งสัญญาณเป็เชิงบอกให้ซูเหยียนกับชายชราขึ้นรถ
"พ่อคะ หนูจะกลับมหาลัย"
"ขึ้นรถ!"
ในน้ำเสียงของพ่อซูเหยียนแฝงไว้ด้วยคำสั่ง ซูเหยียนกัดปาก หลังจากที่ลังเลอยู่นานก็เดินขึ้นรถไปโดยไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ
"เย่จื่อเฉิน ระวังตัวด้วยนะ"
ก่อนที่รถจะขับออกไป ซูเหยียนก็ลดกระจกลงแล้วหันไปะโบอกเย่จื่อเฉิน
เย่จื่อเฉินยิ้มแล้วพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับโบกมือให้ แต่ภายในใจกลับหัวเราะขมขื่น
ดูเหมือนว่าพ่อตาคนนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
"คิกคิก ดูเหมือนว่าพ่อแฟนนายเขาจะไม่ชอบนายนะ"
หลิวฉิงลอยลงมาจากกลางอากาศด้วยรอยยิ้มขี้เล่น เย่จื่อเฉินมองค้อนเธอแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาผู้การหลิว
แต่เขากลับไม่ได้สังเกตว่าตอนที่เขาเลื่อนหาเบอร์โทรของผู้การหลิว หลิวฉิงที่ลอยอยู่กลางอากาศได้มีท่าทีเปลี่ยนไป
"พี่หลิว ขอบคุณมากนะครับ"
ก่อนจะมาที่สถานีตำรวจ เย่จื่อเฉินได้ส่งข้อความไปหาผู้การหลิวก่อนแล้ว
การที่สามารถหลุดพ้นจากเงื้อมมือของตำรวจหลินได้เร็วขนาดนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าผู้การหลิวเป็ผู้อยู่เื้ัเื่นี้
"ไม่ต้องเกรงใจ เื่เล็กน้อย ต่อให้ฉันไม่ลงมือเอง นายก็ไม่เป็อะไรอยู่ดี"
เย่จื่อเฉินเข้าใจดีว่าผู้การหลิวหมายถึงคุณซูที่อยู่กับเขา แต่อีกฝ่ายก็ออกแรงช่วยจริงๆ ก็ควรที่จะขอบคุณ
"ก็ยังต้องขอบคุณพี่หลิวอยู่ดีนะครับ"
"ไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนี้ก็ได้ จริงสิ พี่หลิวคนนี้มีเื่อยากขอร้องนายหน่อย"
"ว่ามาเลยครับ"
"ถ้าเธอพอจะมีเวลาว่างเมื่อไร มาที่บ้านฉันหน่อยสิ พี่สะใภ้นายมีอาการป่วยทางใจ ่นี้ร่างกายแย่ลงเรื่อยๆ ฉันอยากวานให้นายช่วยมาดูหน่อย"
"ไม่มีปัญหาครับ"
เมื่อคุยโทรศัพท์กับผู้การหลิวเสร็จแล้ว เย่จื่อเฉินก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า
เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นว่าหลิวฉิงที่ลอยอยู่กลางอากาศมีสีหน้าแปลกไป
"นี่ คิดอะไรอยู่?"
หลิวฉิงหันมาตามเสียง ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ไม่ค่อยเป็ธรรมชาติออกมา
"ไม่มีอะไร เมื่อกี้นายโทรหาใครเหรอ?"
"เพื่อน เป็พี่ชายคนหนึ่งนะ" เย่จื่อเฉินหัวเราะเบาๆ
"แล้วพวกนายคุยอะไรกันเหรอ?" ดวงตาของหลิวฉิงเป็ประกายบ่งบอกว่าสนใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่พูดประโยคนี้
"ก็คุยอะไรกันนิดหน่อย ก็โทรไปขอบคุณ แล้วพี่ใหญ่ก็บอกฉันว่าพี่สะใภ้ไม่ค่อยสบาย ถ้าฉันมีเวลาก็ให้ไปช่วยดูหน่อย" เย่จื่อเฉินก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย จึงเล่าเื่ที่คุยกันให้ฟัง จนเขาพูดจบ เขาถึงได้เลิกคิ้วถาม "แต่ก่อนเวลาที่ฉันโทรศัพท์ก็ไม่เห็นว่าเธอจะสนใจเลย แล้วทำไมครั้งนี้ถึงได้สนใจขนาดนี้ล่ะ"
"ไม่มีอะไรหรอก งั้นนายก็รีบไปช่วยเขาเถอะ ถึงยังไงเขาก็ช่วยนายเอาไว้"
"มีเวลาค่อยคุยก็แล้วกัน"
เย่จื่อเฉินไหวไหล่ เขาไม่ได้มีทักษะทางการแพทย์มากนัก แล้วก็ไม่ใช่จิตแพทย์ด้วย ที่ช่วยชีวิตคนได้ก็เพราะยาวิเศษที่มีในมือทั้งนั้น
ไท่ซางเหล่าจวินก็ไม่ได้โผล่ออกมาบ่อยๆ ที่มีอยู่ในมือตอนนี้ก็เป็อันที่แย่งมาจากส่วนเงินเดือนของนักรบ์
หนึ่งวันบน์ เท่ากับหนึ่งปีบนโลกมนุษย์
ใครจะรู้ว่าครั้งต่อไปที่จะส่งยาวิเศษมาอีกมันเป็ตอนไหน เขายังต้องเก็บเอาไว้ให้ตัวเองกับแม่ของเขาได้ใช้ในยามฉุกเฉินด้วย