แผนการของเจิ้งหยวนอันที่จริงง่ายมาก แค่แกล้งแต่งเป็ผีเท่านั้นเอง
คนยุคสมัยนี้ยังคงเรียบง่ายไม่ซับซ้อน แม้ผู้นำขบวนการจะเรียกร้องให้เชื่อวิทยาศาสตร์ และพยายามล้มล้างความเชื่อสมัยยุคศักดินาอยู่ตลอด แต่ความจริงในใจคนส่วนใหญ่ยังยำเกรงผีสางเทวดาอยู่ดี อย่างในยุคศตวรรษที่ 21 แม้ทุกคนจะทราบว่าฮวงจุ้ย การทำนายทายทักดวงชะตาเป็เื่งมงาย แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังเลื่อมใสศรัทธาอยู่ดีไม่ใช่หรือ? พวกคนถ่ายทำหนัง
สร้างบ้าน ทำธุรกิจ ใครไม่เชื่อสิ่งลี้ลับนี้บ้างล่ะ? กระทั่งเจิ้งหยวนเมื่อก่อนยังตั้งเครื่องประดับปี่เซียะไว้บนโต๊ะทำงานเลย
ในเมื่อเชื่อกัน ก็จัดการง่ายแล้ว
เธอไม่กลัวตัวเองแต่งผีไม่เหมือนหรอก อย่างไรเสีย คนยุคสมัยนี้ก็ยังไม่เคยดูเหลียวไจ [1] กับริง คำสาปมรณะ [2] กัน เธอจำเหลียวไจที่เคยดู่ทศวรรษที่แปดสิบในชาติก่อนได้ เมื่อมองด้วยสายตาคนยุคหลัง เทคนิค เอฟเฟ็กต์พิเศษของหนังเื่นี้ปลอมมากจริงๆ แต่ตอนที่ดูกลับน่ากลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก ถึงขั้นนอนหลับฝันร้ายเสียด้วยซ้ำ
หลังตัดสินใจแล้ว เจิ้งหยวนก็ลอบเข้าไปในมิติ เธอต้องหาอุปกรณ์มาแต่งเป็ผี
อันดับแรกคือเสื้อผ้า ต้องเป็ชุดกระโปรงยาวสีขาวพลิ้วไหว ลมพัดมาทีชายเสื้อผ้าจะได้ลอยขึ้น ส่วนผมต้องยาวเฟื้อย ก่อนหน้านี้เธอตัดผมสั้นเท่าติ่งหูตามกระแส ดีที่ตัดมาเกือบปีแล้ว ปีนี้เลยยาวขึ้นมาก ปัจจุบันถือว่ายาวประบ่าได้ แต่ความยาวระดับนี้ไม่พอหรอก โชคดีที่เธอเจอวิกผมยาวตรงสีดำตอนค้นมิติ ไม่รู้แขกคนไหนทิ้งไว้ สะดวกให้เธอใช้แต่งผีพอดี
เธอจำได้ว่ามันอยู่ชั้นหก เจิ้งหยวนยืนตรงกลางโถงทางเดินที่ปูพรมผืนหนาไว้ ต่อให้เดินย่ำมากแค่ไหน เสียงก็ไม่ดังสักนิด เธอจำรายละเอียดไม่ได้ว่าอยู่ห้องไหน จึงค้นหาไปทีละห้องๆ
ห้องที่หนึ่งไม่มี
ห้องที่สองก็ไม่มี
ห้องที่สามยังไม่มี
ห้องที่สี่ ห้องที่ห้า ห้องที่หก…
โชคดีที่เจิ้งหยวนมีความอดทนสูง ค้นหาจนถึงห้องสุดท้ายของชั้นนี้ และหาวิกผมนั้นพบในที่สุด
คราวนั้นวิกผมถูกเธอโยนลงบนเตียงแบบส่งๆ เธอเลยหยิบขึ้นมาจัดทรงให้เรียบร้อย จากนั้นลองสวมลงบนหัวตัวเองแล้วส่องกระจกดู ผมยาวจรดเอวพอดีและหนามาก แม้จะไม่ใช่ผมจริง แต่ก็อ่อนนุ่ม สมจริงสุดๆ เธอมองตัวเองในกระจก พบว่าใบหน้าตนค่อนข้างเหมาะกับผมทรงนี้ ดวงตากลมโต คางเรียวแหลม จมูกโด่ง ถือเป็ใบหน้าพิมพ์นิยมเน็ตไอดอลในยุคศตวรรษที่ 21 เลยด้วยซ้ำ
“คิก...” พอคิดแบบนั้น เจิ้งหยวนก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เธอถอดวิกผมออกแล้วหันหลังไปหาชุดกระโปรงยาวสีขาวต่อ
ชุดกระโปรงสีขาวในมิติมีอยู่ไม่น้อย แต่กลับใช้ไม่ได้เสียส่วนใหญ่ เพราะแต่ละตัวล้วนแฟชั่นจ๋า ข้างบนไม่ติดลูกไม้ ก็มีการตัดเย็บเป็เอกลักษณ์ หรือไม่ผ้าก็หนักเกินไป เจิ้งหยวนจึงต้องค่อยๆ หาอย่างละเอียด ยังดีที่เธอคิดไว้แล้ว หากหาไม่เจอ จะนำผ้าม่านของโรงแรมมาทำใส่เองสักตัวเสียเลย
เจิ้งหยวนเงยหน้าขึ้น สายตาจับจ้องม่านหน้าต่างสักพักแล้วส่ายหัวหันหลังไปหากระโปรงของเธอต่อ
เนื้อผ้าค่อนข้างดี แต่มันยุ่งยากเกินไป และที่สำคัญกว่าก็คือ เธอทำชุดไม่เป็!
โชคดีที่ความพยายามไม่เคยทรยศใคร เธอหาชุดกระโปรงที่เหมาะสมตัวหนึ่งได้จากในห้องสวีตของโรงแรมอีกครั้ง น่าบังเอิญที่ในห้องนี้ยังมีเครื่องสำอางกองเบ้อเริ่มอยู่ด้วย
คนพักในห้องน่าจะเป็ดาราสาวคนหนึ่ง ดีไม่ดีอาจจะเป็เ้าแม่แฟชั่นด้วยเพราะภายในห้องมีชุดเดรสกองพะเนินแทบทุกแบบอยู่ ไม่ต่างจากเครื่องสำอางที่มีทั้งรองพื้น แป้งทาหน้าหลากหลายเฉดสี หวีสำหรับแปรงผมทุกขนาด อายแชโดว์สีต่างๆ รวมถึงลิปสติกมากมาย เรียกได้ว่ามีครบเลย
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและอุปกรณ์อาบน้ำที่เจิ้งหยวนใช้ก่อนหน้านี้ล้วนนำมาจากโรงแรม เพราะเป็โรงแรมห้าดาว ดังนั้นผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อุปกรณ์อาบน้ำเลยใช้ดีอย่างยิ่ง ของจำพวกครีมกันแดดหยิบจากในห้องเสริมความงามที่ติดมากับโรงแรมได้ แต่เครื่องสำอาง จำพวกลิปสติก หรืออายแชโดว์ โรงแรมย่อมไม่มีให้ ต้องหาตามห้องพักแขกดูว่ามีแขกคนไหนทิ้งไว้หรือเปล่าเท่านั้น
เธอปลอมเป็ผี จำเป็ต้องแต่งหน้าผัดแป้งให้ขาววอก ปากแดงก่ำ เครื่องสำอางในห้องเอามาใช้ประโยชน์ได้พอดี
นอกเหนือจากของปลอมตัวพวกนี้แล้ว เจิ้งหยวนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เธอรู้สึกว่าหากทำหมอกเพิ่มออกมาสักนิด ฉายแสงจากล่างขึ้นบนสักหน่อย ผลลัพธ์ต้องยอดเยี่ยมแน่นอน โชคดีที่โรงแรมมีน้ำแข็งแห้ง เจิ้งหยวนเจอตอนค้นห้องครัวก่อนหน้านี้ น่าจะมีไว้สำหรับตกแต่งอาหารบางชนิด โดยหั่นเป็ชิ้นเล็กๆ โรยให้มีควันออกมา
เธอย้ายเครื่องสำอาง กระโปรง และวิกผมไปไว้ที่ห้องครัว แล้วไปกระท่อมมุงหญ้าล่วงหน้า ก่อนจะหาสถานที่ที่เหมาะสมเข้าไปในมิติ แต่งตัวให้เรียบร้อย กะว่าพอถึงเวลานำน้ำแข็งแห้งออกมาพร้อมกับปรากฏตัวก็พอแล้ว แถมเธอยังเก็บสเกตช์บอร์ดไฟฟ้าเครื่องหนึ่งได้จากในมิติ หากพื้นกระท่อมมุงหญ้าค่อนข้างเรียบละก็ บางทีอาจจะสร้างเอฟเฟ็กต์ให้ดูเหมือนสามารถลอยได้
และยังมีข้าวของยิบย่อยอีกมาก เจิ้งหยวนไล่ดูทีละอย่างอีกครั้ง และรวบรวมทั้งหมดกองไว้ด้วยกัน
เมื่อมองข้าวของตรงปลายเท้า เจิ้งหยวนก็เท้าเอว มุมปากยกสูงขึ้นอย่างมีเลศนัย
เตรียมทุกอย่างพร้อมสรรพ ตอนนี้เหลือแค่รอนักแสดงขึ้นเวทีเท่านั้น
ไม่นาน เจิ้งเทียนหู่ก็มาพบเฝิงิเยว่
คราวนี้เฝิงิเยว่ไม่หลีกเลี่ยงอีก หากแต่ว่าใช้ถ้อยคำที่เจิ้งหยวนสอนแทน ความจริงการแสดงของเธอไม่ดีเลย ตอนพูดไม่กล้าสบตาเจิ้งเทียนหู่สักนิด แถมยังพูดตะกุกตะกัก หากเป็คนสายตาเฉียบแหลมมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเธอมีแผนร้าย โชคดีที่มันไม่ถูกเปิดเผย และเจิ้งเทียนหู่ดีอกดีใจเสียจนไม่ได้สังเกตท่าทีผิดปกติของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
นัดพบยามวิกาลแล้วยังเป็ในกระท่อมโทรมๆ ตรงตีนเขา อันที่จริงเจิ้งเทียนหู่เองก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก เขาว่า “เธอไปมุดพงหญ้ากับฉันก็ได้นี่ ต้องไปกระท่อมมุงหญ้าด้วยเหรอ”
“ไม่ได้!” เฝิงิเยว่กำชายเสื้อแน่น
“กะ... กลางวันแสกๆ ฉะ... ฉัน… ยังไงก็ไม่ได้!”
“เฮ้อ ตกลงๆๆ เธอว่าที่ไหนก็เอาที่นั่นแหละ พอใจหรือยัง!” ขอแค่ได้กินเข้าปาก
ตรงไหนจะมีปัญหาอะไรล่ะ? เจิ้งเทียนหู่ที่คิดว่าตัวเองกำลังจะได้ในสิ่งที่้าพลันย่ามใจ
เขาก้าวเข้ามาหมายจะจับแขนเฝิงิเยว่ ทว่าเฝิงิเยว่รีบหลบทันที
“นายจะทำอะไร!”
“เธอตกลงนอนกับฉันแล้วนี่ ให้ฉันดมหน่อยจะเป็ไรไป” เจิ้งเทียนหู่แสยะยิ้ม
เฝิงิเยว่ตื่นใไม่น้อย เธอมองไปรอบๆ โชคดีที่ไม่มีใคร แต่ก็โกรธจนหน้าซีด “นายบ้าไปแล้วเหรอ คนเห็นเข้าจะทำยังไง!”
เธอกัดฟันกรอด
ประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ฉันเตือนไว้เลยนะ หากจับมือถือแขนกันอีก
ฉันกรี๊ดแน่!”
“เฮ้ เธออย่า—” ไม่ทันจบประโยคดี แต่เจิ้งเทียนหู่ลดมือลงแล้วหัวเราะในลำคอเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ “งั้นรอตอนกลางคืน พวกเราค่อยมาจูบกัน!”
เฝิงิเยว่ไม่อยากสนใจเขาอีก เธอเดินอ้อมเขา และวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
คนที่บ้านกำลังกินข้าวกันอยู่ เจิ้งเฉวียนกังเห็นลูกสะใภ้ใหญ่กลับมา พลันรู้สึกประหลาดใจ “ทำไมกลับมาแล้วล่ะ ไม่ได้ไปโรงพยาบาลเหรอ”
เฝิงิเยว่มองคุณพ่อสามีด้วยสีหน้าที่ยังติดซีดเซียว จำใจฉีกยิ้มแห้งให้
สีหน้าเธอย่ำแย่เกินไปจนเจิ้งเฉวียนกังเข้าใจผิด เขาวางชามตะเกียบลงทันที “เกิดอะไรขึ้น?
ขาของเทียนิมีปัญหาหรือเปล่า?”
เชิงอรรถ
[1] เหลียวไจ หมายถึง นิทานประหลาดจากห้องหนังสือ รวมเื่สั้นภูตผี 431 เื่ ประพันธ์โดย ผูซงหลิง ซึ่งในที่นี้หมายถึงภาพยนตร์โปเยโปโลเย
[2] ริง คำสาปมรณะ หมายถึง ภาพยนตร์สยองขวัญที่ถูกผลิตในปี 1998 ซึ่งทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่น และในปีต่อมา หลังจากเข้าฉายในฮ่องกง ภาพยนตร์เื่นี้ก็กลายเป็ภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ทำรายได้สูงสุดในฮ่องกง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้