สือจู่ปู้เก็บเงินเข้าแขนเสื้อตัวเองแล้วเงยหน้ามองเจียงหงหย่วน เกือบใตายกับภาพที่เห็น
หน้าตาบุรุษผู้นี้จะน่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง
แต่เขาก็สงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว ถึงหน้าตาจะน่ากลัวแล้วอย่างไร อีกฝ่ายมาที่นี่เพราะมีเื่ขอร้องเขา
สือจู่ปู้รีบสงบสติ ถามเสียงเรียบว่า “พวกเ้ามาซื้อที่ดินหรือ?”
เจียงหงหย่วนพยักหน้า “ขอรับ ข้า้าที่รกร้างของหมู่บ้านเค่าซานในตำบลจีกงเพื่อปลูกบ้านและเลี้ยงสัตว์ขอรับ”
“ที่รกร้างหรือ เ้ารอเดี๋ยวนะ ข้าขอตรวจสอบก่อน” ราชสำนักมีนโยบายสนับสนุนให้ประชาชนพัฒนาพื้นที่รกร้าง ราคาของที่รกร้างจึงถูกมาก ไร่ละแค่หนึ่งตำลึงเงิน
บุรุษผู้นี้มอบเงินให้เขาห้าตำลึง เงินห้าตำลึงนี้เพียงพอให้ซื้อที่นาคุณภาพต่ำในชนบทได้หนึ่งไร่เชียวนะ
สือจู่ปู้เป็คนมีหลักการ หากรับเงินมาแล้วย่อมช่วยจัดการให้อย่างดี
ถึงแม้ว่านี่จะเป็หน้าที่ของเขาอยู่แล้วก็เถิด แต่ผู้ใดใช้ให้อำนาจอยู่ในมือเขากันล่ะ
สือจู่ปู้ค้นหาบางสิ่งบนชั้นหนังสือ ในที่สุดก็ดึงแผนที่ของหมู่บ้านเค่าซานออกมา กางแผนที่ออกบนโต๊ะ มองแล้วชี้ไปยังที่ตามแนวูเา “ตรงนี้เป็ที่รกร้างทั้งหมด เ้าลองดูเถิดว่าจะซื้อตรงไหนและซื้อเท่าไร”
หลินหวั่นชิวขยับเข้าไปดูด้วย
เจียงหงหย่วนตัดสินใจมาแล้วจึงไม่ถามความเห็นจากหลินหวั่นชิว
เขาชี้ไปยังที่ดินข้างบ้านตัวเอง “ใต้เท้าจู่ปู้ ข้าซื้อตรงนี้ขอรับ เอาห้าไร่ ไม่ทราบว่าราคาเท่าไร แล้วอีกเื่ ป่าด้านหลังที่ผืนนี้ขายราคาไร่ละเท่าไรขอรับ?”
สือจู่ปู้มองแล้วพบว่าที่ผืนนี้ติดกับแม่น้ำสายเล็กๆ และแม่น้ำนี้ก็ไหลผ่านป่าที่เจียงหงหย่วนบอกว่าจะซื้อ
“นี่เป็ที่ราบลุ่มแม่น้ำ ไม่ถือเป็ที่รกร้าง…เอาเช่นนี้ ที่ดินกับป่าคิดสองไร่หนึ่งตำลึง แต่ห้ามเกินยี่สิบไร่”
รับสินบนมาจากอีกฝ่าย สือจู่ปู้ย่อมใจกว้างกับที่ของราชสำนักอยู่แล้ว รู้ว่าควรทำอย่างไร
แต่แน่นอนว่าเพราะที่ดินที่เจียงหงหย่วนจะซื้อไม่ใช่ที่ทำการเกษตรเช่นกัน หากเป็พื้นที่ทำการเกษตร ต่อให้ติดสินบนเขามากเพียงใดย่อมไม่กล้ากระทำสิ่งใดตุกติก
ซึ่งหมายความว่า พวกเขาสามารถซื้อที่รกร้างยี่สิบไร่ที่เดิมทีมีราคายี่สิบตำลึงได้ในราคาเพียงสิบตำลึงเท่านั้น
เจียงหงหย่วนโค้งตัวลงไปใต้โต๊ะอีกครั้ง “ใต้เท้าจู่ปู้ ท่านทำเงินตกอีกแล้วขอรับ”
เงินอีกห้าตำลึงถูกสือจู่ปู้เก็บเข้าแขนเสื้อด้วยสีหน้านิ่งเรียบ เขาแสร้งทำเป็ถอนหาย “แก่แล้วก็เป็เช่นนี้ ทำของตกอยู่เรื่อย ดูแล้วพวกเ้าคงลำบาก เอาเช่นนี้แล้วกัน หกสิบไร่ ไว้ข้าจะบอกคนวัดที่ให้ผ่อนมือ ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับที่ที่เป็แม่น้ำ”
ได้เงินมาตั้งสิบตำลึง จู่ปู้ดีใจมาก เขาไม่เจอคนรู้งานเช่นนี้มานานมากแล้ว
พอดีใจ มือก็คลายไปหมด
ความจริงแล้วที่รกร้างมีช่องโหว่สำหรับจัดการกว้างมาก ราชสำนักบอกว่าไร่ละหนึ่งตำลึงแต่ก็มีมาตรการลดราคาและสิทธิพิเศษต่างๆ เขาแค่ยกข้ออ้างพวกนี้ขึ้นมาก็ปิดบังได้แล้ว
ดังนั้นห้ามดูถูกข้าราชการระดับล่างเด็ดขาด เพราะอำนาจและความสามารถที่พวกเขามีกว้างใหญ่มาก มิเช่นนั้นจะมีคำกล่าวว่าแทนที่จะหาผู้นำระดับสูง สู้หาผู้รับผิดชอบระดับล่างย่อมดีกว่าได้อย่างไร?
“เช่นนั้นข้าต้องขอขอบคุณท่านใต้เท้ามากแล้วขอรับ ภรรยาจ๋า รีบจ่ายเงินให้ท่านใต้เท้าเร็ว”
ที่รกร้างหกสิบไร่ สามสิบตำลึงเงิน รวมกับเงินที่ติดสินบนอีกสิบตำลึงก็เป็สี่สิบตำลึง กระนั้นก็ยังถือว่าคุ้ม!
เพราะตามกฎของราชสำนัก จริงๆ แล้วต้องจ่ายอย่างน้อยหกสิบตำลึง
สือจู่ปู้กล่าวว่า “ที่นี่ไม่รับจ่ายเงิน พวกเ้ารอประเดี๋ยว…เด็กๆ พาสองคนนี้ไปจ่ายค่าที่รกร้าง…”
กระทั่งเมื่อทั้งคู่ถือโฉนดที่ดินออกมา หลินหวั่นชิวยังรู้สึกราวกับฝัน
“หย่วนเกอ พวกเราซื้อที่ไปหกสิบไร่!” หนึ่งไร่ประมาณหกร้อยตารางเมตร หกสิบไร่ก็เกือบสี่หมื่นตารางเมตร
“ยังเล็กไปเสียหน่อย ไว้วันหน้ามีเงินค่อยซื้อเพิ่ม” เจียงหงหย่วนพูด
“อีกเื่ ที่ที่พวกเราซื้อใช้ทำการเกษตรไม่ได้ ส่วนใหญ่เป็ป่าเขา ข้าอยากล้อมูเา วันหน้าล่าสัตว์แล้วจะได้พากลับมาแบบเป็ๆ ขายได้ราคามากกว่า”
มีป่าเป็ของตัวเอง วันหน้าล่าสัตว์กลับมาจะได้มีชีวิตต่ออีกสองสามวัน และการล้อมป่าก็มีประโยชน์อย่างอื่นเช่นกัน
เจียงหงหย่วนอธิบายให้หลินหวั่นชิวฟัง ภรรยาตัวน้อยเป็คนที่เขาจะใช้ดำเนินชีวิตมีลูกด้วย เขาไม่อยากให้ระหว่างสามีภรรยามีเื่บาดหมาง ดังนั้นต้องรีบอธิบายกับหลินหวั่นชิวให้ชัดเจน ภรรยาตัวน้อยจะได้ไม่คิดว่าเขาใช้เงินอย่างไม่คิด
เพราะพื้นที่ป่าเขาเป็ที่ไร้ราคาในสายตาคนทั่วไป โดยเฉพาะป่าเขาของหมู่บ้านเค่าซานที่พวกเขาอาศัยอยู่ หมู่บ้านเค่าซานทั้งห่างไกลทั้งกันดาร ไม่มีผู้ใดอยากได้
“พวกเราเชิญคนมาปลูกผลไม้ในป่าได้ด้วย ปลูกต้นองุ่น ออกผลแล้วหมักเป็เหล้าองุ่นขาย”
หลินหวั่นชิวไม่มีท่าทีไม่พอใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม นางนับถือในวิสัยทัศน์และการตัดสินใจของเจียงหงหย่วนเป็อย่างมาก
เจียงหงหย่วนเห็นภรรยาตัวน้อยมีความสุขก็โล่งใจ นี่หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าพวกเขาสองสามีภรรยาเป็น้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างไรล่ะ!
“เ้าหมักเหล้าองุ่นเป็หรือ?” เจียงหงหย่วนถาม
หลินหวั่นชิวหัวใจเต้นผิดจังหวะ…มารดามันเถิด เผลอดีใจจนลืมตัว
นางหมักเป็ที่ใดกัน แค่วางแผนว่าจะซื้อสูตรจากเสียนอวี๋ แต่ถึงจะหมักไม่เป็ก็ไม่กลัว…เสียนอวี๋พกพาของนางมีห้องหัตถกรรมอยู่!
“เป็ตำรับที่ซือไท่เคยให้ข้ามา” โชคดีที่สมองนางไว โยนให้ซือไท่ที่ตายไปแล้วอย่างรวดเร็ว “ไว้พวกเราค่อยลองทำดู ต้องสำเร็จเป็แน่”
“อืม แล้วแต่เ้าเลย!” เจียงหงหย่วนตอบตกลง ไม่ถามซักไซ้สิ่งใด
ทั้งคู่เดินไปที่ร้านหนังสือขณะคุยกัน หลินหวั่นชิวไม่มัวชักช้า ซื้อ ‘บันทึกชื่อสมุนไพร’ แบบมีภาพประกอบให้เจียงหงป๋อเสร็จก็รีบออกมา
‘บันทึกชื่อสมุนไพร’ เล่มเดียวสิบสองตำลึงเงิน หลินหวั่นชิวรู้สึกเสียดายเงินเล็กน้อย
ไม่แปลกเลยที่มีคนเรียนแพทย์น้อยมาก นี่คืออาชีพที่ต้องใช้เงินผลักดัน มีไม่กี่ครอบครัวที่จะสนับสนุนไหว
หลังจากออกมา นางตามเจียงหงหย่วนไปซื้อของอย่างอื่น นานๆ จะได้มาอำเภอสักครั้ง จะกลับไปมือเปล่าไม่ได้
ซื้ออาหาร ผ้า น้ำมัน เกลือและเครื่องปรุงต่างๆ กองโต จุเกวียนจนเกือบเต็ม
หลินหวั่นชิวชอบกินข้าวสวย ครั้งนี้เจียงหงหย่วนจึงซื้อข้าวสารเยอะเป็พิเศษ
เขาทำงานหาเงินก็เพื่อให้ภรรยาตัวน้อยอยู่อย่างมีความสุขไม่ใช่หรือ ในเมื่อนางชอบกินข้าว เช่นนั้นก็ให้มีกินทุกมื้อไปเสียเลย
อำเภออยู่ห่างจากหมู่บ้านค่อนข้างไกล เกวียนก็เคลื่อนที่ช้า ทั้งคู่ไม่กล้าเสียเวลาอยู่ในอำเภอนานนัก
เกวียนวัวส่ายโคลงเคลง แสงแดดอบอุ่นตกกระทบลงบนร่างนาง หลินหวั่นชิวเริ่มรู้สึกง่วง
ไม่นาน นางก็พิงกระสอบเสบียงหลับไป
เจียงหงหย่วนหยุดเกวียน ถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองมาห่มให้นาง จงใจหยุดมือที่หน้าอกนางตอนหดมือกลับ ลองััเบาๆ แล้วพบว่ามันนุ่มมาก
เจียงหงหย่วนยกมือขึ้นมาดมที่ปลายจมูก ในมือมีกลิ่นกายของนางอยู่ หอมมาก
เขาแอบหัวเราะ หันกลับไปขึ้นเกวียน ดวงตาลุ่มลึกส่องประกาย
สงสัยคงต้องซื้อรถม้าเสียแล้ว ต้องพยายามหาเงินมาจ้างคนขับด้วย เช่นนั้นเขาจะได้กอดภรรยาตัวน้อยนอนอยู่ด้านในตู้รถ
ถึงเวลานั้น พอภรรยาตัวน้อยหลับ เขาจะได้ทำเช่นนี้!
ความรู้สึกที่ภรรยาตัวน้อยตัวหอมนุ่มอยู่ในอ้อมอกช่างดีเหลือเกิน ทำให้เขารู้สึกว่าโลกนี้สมจริงอย่างยิ่ง รู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ทั้งยังอยู่ดีมากด้วย
ภรรยาตัวน้อยทำให้เขาคิดว่านอกจากการแก้แค้นแล้ว…เขายังมีสิ่งอื่นในอนาคตให้ตั้งตาคอย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้