สวี่รั่วเฉินโกรธจัด “ถ้าเธอไม่แฉเยว่เยว่ สกุลลู่จะมาทวงเงินทวงของจากเราถึงบ้านเหรอ!”
สวี่ฮุ่ยโต้กลับทันควัน “ทำไมไม่พูดว่าถ้าสวี่เยว่ไม่แอบอ้างเอาความดีความชอบของฉันไป เื่มันจะวุ่นวายแบบนี้ไหม!”
เธอหัวเราะเยาะเชิงถากถาง “ฉันเป็ผู้เสียหายแท้ ๆ แต่ในสายตานาย ฉันกลับกลายเป็ตัวปัญหา นี่เหรอความยุติธรรมที่นายอวดอ้าง? อย่าให้ฉันขำกลิ้งไปหน่อยเลย!”
สวี่รั่วเฉินโกรธจนหน้าแดงก่ำ แต่เถียงไม่ออก ได้แต่จ้องมองสวี่ฮุ่ยด้วยความอับอายปนโกรธ
สวี่ต้าซานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฮุ่ยฮุ่ย เื่มันมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ตีเยว่เยว่จนตายก็ไม่มีประโยชน์ ลูกก็ทำความดี ช่วยครอบครัวหน่อยเถอะ”
สวี่ฮุ่ยพูดอย่างไม่ไยดี “พวกพ่อไม่เคยให้ความเป็ธรรมกับหนูเลยสักครั้ง แล้วทำไมหนูต้องทำความดีเพื่อพวกพ่อด้วย?”
“แล้วใครบอกว่าการตีสวี่เยว่จนตายไม่มีประโยชน์กัน? ถ้าพวกพ่อยอมตีสวี่เยว่ให้ตาย ต่อให้หนูต้องขายไต หนูก็จะช่วยพวกพ่อเอาเงินกับของขวัญไปคืนสกุลลู่ให้ได้!”
สวี่ต้าซานพูดด้วยความเ็ป “ฮุ่ยฮุ่ย ทำไมลูกถึงกลายเป็คนร้ายกาจแบบนี้ไปได้?”
สวี่ฮุ่ยพูดแทงใจดำ “ไม่ใช่หนูที่เปลี่ยนไป แต่หนูไม่ยอมก้มหัวให้พวกพ่ออีกแล้ว พวกพ่อเลยรับไม่ได้ต่างหาก!”
“พ่อบอกว่าหนูเปลี่ยนไป งั้นก็ยกตัวอย่างมาสิว่าหนูทำเื่เลวร้ายอะไรกับพวกพ่อบ้าง ให้เพื่อนบ้านมาตัดสินดูว่าหนูเปลี่ยนไปจริงหรือเปล่า”
สวี่ต้าซานพูดไม่ออก
จะบอกว่าสวี่ฮุ่ยไม่ควรเปิดโปงเื่ที่สวี่เยว่แอบอ้างเอาความดีความชอบของเธอไป? หรือจะบอกว่าสวี่ฮุ่ยไม่ยอมเอาเงินออกมาให้กู่ซิ่ว เพื่อจะได้เอาเงินไปรักษาสวี่เยว่ในอนาคต...
เอาเื่ไหนไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง คนที่ผิดก็คือพวกเขาเอง ไม่ใช่ลูกสาวคนโต
สวี่ฮุ่ยหัวเราะเยาะ “พ่อหาเื่ที่หนูทำผิดกับพวกพ่อไม่ได้ แต่กลับมาตำหนิหนู พ่อนี่ช่างดีกับหนูจริง ๆ!”
สวี่รั่วเฉินพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อย่านอกเื่สิ พ่ออยากให้เธอเอาเงินมาช่วยครอบครัวเรานะ”
“แม่มีเงินสามพันหยวนที่สกุลลู่ให้ เพิ่มอีกพันหยวน ก็สามารถคืนเงินให้สกุลลู่ได้แล้วนี่!”
“พวกนายมีเงินแท้ ๆ แต่ยังคิดจะเอาเงินของฉันอีก พวกนายมันน่ารังเกียจจริง ๆ !”
สวี่รั่วเฉินโกรธจนหน้าตาบิดเบี้ยว “เธอบอกว่าใครน่ารังเกียจนะ? เธอคิดว่าพวกเราไม่รู้หรือไงว่าเยว่เยว่ไม่ได้ขโมยเงินรางวัลสามพันหยวนของเธอน่ะ กลับกัน เป็เธอที่วางแผนแบ่งเงินสามพันหยวนของสกุลลู่กับย่าต่างหากที่น่ารังเกียจ ไร้ยางอาย!”
สวี่ฮุ่ยพูดด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันในใจ“คำพูดนี้สวี่เยว่พูดหรือแม่พูด? เมื่อกี้ตอนที่คุณย่าลู่พูดถึงเงินสามพันหยวน ดูจากท่าทีของพ่อกับนายแล้ว น่าจะไม่รู้อะไรกันเลยสินะ เงินจำนวนมากขนาดนี้ แม่กับสวี่เยว่สามารถปิดบังพวกนายได้ พวกเธอพูดโกหกเพื่อแก้ตัวให้ตัวเอง แล้วปัดความผิดมาให้ฉันก็ไม่ใช่เื่แปลกสักนิด คงมีแค่นายกับพ่อสองคนนี่แหละที่โง่เชื่อ!”
สวี่ฮุ่ยหัวเราะเยาะ “แม่กับสวี่เยว่โกหกมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว พวกพี่ยังเชื่อคำพูดของพวกเธออีก สมควรโดนหลอก!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงของแม่ของเสี่ยวเหลียนดังมาจากนอกประตู พร้อมกับเสียงทุบประตูด้วยความโกรธ “ผู้จัดการสวี่ อากาศร้อนขนาดนี้ ทำไมบ้านคุณถึงปิดประตูล่ะ?”
“สวี่เยว่ ลูกสาวคุณไปพูดเสี้ยมให้คนผิดใจกันที่บ้านฉัน คุณจะจัดการยังไง?”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของพ่อลูก สวี่ต้าซานกับสวี่รั่วเฉินก็เปลี่ยนเป็เคร่งขรึมอย่างเห็นได้ชัด
สวี่ต้าซานรีบก้าวไปเปิดประตู เห็นแม่ของเสี่ยวเหลียนยืนอยู่หน้าประตูบ้านเขาด้วยสีหน้าดำทะมึน
ข้าง ๆ เธอยังมีเสี่ยวเหลียนกับสวี่เยว่ยืนอยู่ด้วย
เสี่ยวเหลียนก็ทำหน้าบึ้ง จับสวี่เยว่แน่นราวกับกลัวว่าเธอจะวิ่งหนี
ส่วนสวี่เยว่มีท่าทางตื่นตระหนก ใบหน้าซีดเผือด
เพื่อนบ้านตามมายืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านหลังเต็มไปหมด
กู่ซิ่วทนเห็นสวี่เยว่ถูกรังแกไม่ได้ จึงรีบดึงสวี่เยว่ออกจากมือของเสี่ยวเหลียน
แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “แม่ของเสี่ยวเหลียน เยว่เยว่ลูกสาวฉันทำอะไรไม่ดี เธอก็บอกมาตรง ๆ ทำไมต้องให้เสี่ยวเหลียนจับตัวลูกฉันไว้แบบนี้?”
“เธอเป็โรคหัวใจนะ ถ้าใจนเกิดเื่ร้ายแรงขึ้น เธอรับผิดชอบไหวเหรอ?”
แม่ของเสี่ยวเหลียนโกรธมาก ไม่ได้ยินคำพูดแสดงความห่วงใยจากกู่ซิ่วแม้แต่คำเดียวแล้วยังโดนตำหนิกลับโครม ๆ ทำเอาเธอแทบจะะเิออกมาเดี๋ยวนั้น
แม่ของเสี่ยวเหลียนพูดด้วยความเดือดดาล “ถ้าไม่เห็นแก่ที่ลูกสาวคนเล็กของเธอป่วย ฉันตบหน้าหล่อนไปนานแล้ว! สวี่เยว่อาศัยว่าตัวเองร่างกายอ่อนแอ ก่อเื่วุ่นวายไปทั่ว เธอก่อเื่ที่บ้านเธอเอง ฉันไม่สนหรอกนะ แต่เอาเสี่ยวเหลียนลูกสาวฉันไปเป็เครื่องมือ ฉันไม่ยอม!”
สวี่เยว่โดนแม่ของเสี่ยวเหลียนพูดต่อหน้าธารกำนัลว่าอยากตบหน้าเธอ ใบหน้าพาลร้อนผ่าวด้วยความอับอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
สวี่ต้าซานถามอย่างปวดเศียรเวียนเกล้า “แม่ของเสี่ยวเหลียน สรุปเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
แม่ของเสี่ยวเหลียนพูดกับเสี่ยวเหลียน “เล่าเื่ทั้งหมดให้คุณอาสวี่ฟังซะ!”
เสี่ยวเหลียนพูด “เมื่อกี้สวี่เยว่มาเล่นที่บ้านฉัน ถามฉันว่าซื้อยางรัดผมดอกไม้มาจากไหน เธออยากซื้อบ้าง ฉันบอกว่าฉันให้พี่ฮุ่ยฮุ่ยยืมชุด พี่ฮุ่ยฮุ่ยเลยซื้อยางรัดผมมาคืน สวี่เยว่ก็บอกว่าอยากดูชุดของฉัน ฉันไม่ได้คิดอะไรมาก เลยเอาให้เธอดู ไม่คิดว่าหลังจากที่สวี่เยว่ดูเสร็จ เธอจะบอกว่าชุดของฉันเป็รู สวี่ฮุ่ยต้องทำขาดแน่ ๆ แล้วยุให้ฉันไปเอาเื่พี่ฮุ่ยฮุ่ย ฉันเอะใจ เพราะเคยตรวจดูชุดนี้แล้วตอนที่อยู่บ้านคุณอา ไม่พบปัญหาอะไร พอกลับมาให้แม่ตรวจดูให้อีกครั้ง ก็ไม่พบปัญหาอะไรเหมือนเดิม แล้วทำไมพออยู่ในมือสวี่เยว่ถึงขาดได้? ฉันเลยเรียกให้แม่มาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นสวี่เยว่ก็ลนลาน บอกว่าจะกลับบ้านไปกินข้าว ปรากฏว่าพอลุกขึ้นพวงกุญแจก็หล่นลงมาจากตัวเธอ บนพวงกุญแจมีกรรไกรพับได้อันหนึ่ง แม่ฉันจึงรู้ทันทีว่ารูเล็ก ๆ บนชุดนี้เป็ฝีมือของสวี่เยว่ เธอจงใจทำให้ฉันเข้าใจพี่ฮุ่ยฮุ่ยผิด แล้วใช้ฉันเป็เครื่องมือไปเอาเื่กับพี่ฮุ่ยฮุ่ย”
เพื่อนบ้านที่ยืนฟังเสี่ยวเหลียนเล่าอยู่ด้านหลังต่างพากันซุบซิบ
พูดพึมพำเบา ๆ ว่าต่อไปต้องอยู่ให้ห่าง ๆ สวี่เยว่ เด็กคนนี้ร้ายกาจเกินไป!
สวี่ต้าซานกับลูกชายถูกเพื่อนบ้านนินทาจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
กู่ซิ่วพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แม่ของเสี่ยวเหลียน เธออย่าใส่ร้ายป้ายสีเยว่เยว่ลูกสาวฉันได้ไหม? แค่พวงกุญแจที่มีกรรไกรพับได้อันหนึ่งหล่นลงมาจากตัวเยว่เยว่ เธอก็ตัดสินแล้วว่าเยว่เยว่เป็คนตัดชุดขาด แบบนี้มันไม่ด่วนสรุปเกินไปเหรอ?”
แม่ของเสี่ยวเหลียนโกรธจัด “มิน่าล่ะเยว่เยว่ของเธอถึงได้ทำเื่หลอกใช้คนอื่นเป็เครื่องมือแบบนี้ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ !”
กู่ซิ่วโกรธจนตาแดงก่ำ “เธอว่าใคร?!”
“ว่าเธอน่ะสิ ทำไม? ยังคิดทำร้ายคนอื่นอีกเหรอ!” แม่ของเสี่ยวเหลียนก็ไม่ใช่พวกยอมคน
เพื่อนบ้านพากันวิจารณ์ “กู่ซิ่วจะอาศัยที่สามีเป็ผู้จัดการโรงงาน รังแกคนอื่นเหรอ?”
“ผู้จัดการโรงงานแล้วไง? บริหารเกือบจะเจ๊งอยู่แล้ว ไม่เกินสามปีคงปิดกิจการแน่ ๆ ยังจะมาทำเป็อวดเบ่ง!”
สวี่ต้าซานอับอายจนหน้าเขียวคล้ำ ตะคอกใส่กู่ซิ่ว “กลับเข้าบ้านไป!”
จากนั้นก็ขอโทษแม่ของเสี่ยวเหลียน “ชุดนี้ราคาเท่าไหร่? ฉันจะชดใช้ให้”
สีหน้าของแม่ของเสี่ยวเหลียนถึงได้ดีขึ้น “ค่าผ้าบวกค่าแรงทั้งหมดสิบห้าหยวนกว่า ๆ คุณให้สิบห้าหยวนก็พอ ชุดนี้ยกให้คุณเลย”
สวี่ต้าซานไม่ได้รับชุดมา ให้เงินสิบห้าหยวนกับแม่ของเสี่ยวเหลียนอย่างเดียว
แม่ของเสี่ยวเหลียนถึงได้พาเสี่ยวเหลียนกลับไป
สวี่ฮุ่ยมองสวี่ต้าซานแล้วพูดประชดประชัน “โดนคนอื่นมาด่าถึงหน้าบ้าน รู้สึกยังไงบ้างคะ? รู้แล้วใช่ไหมว่าใครในบ้านที่เป็ตัวปัญหา? โอ๊ะ ลืมไปว่าคนจิตใจมืดบอดคงมองไม่เห็นหรอก!” พูดจบเธอก็เดินออกไป
ดึกขนาดนี้ เธอหิวจนไส้กิ่วแล้ว ต้องไปซื้อซาลาเปาที่ตำบลมากินรองท้องสองลูก
สวี่ต้าซานโกรธถึงขีดสุด ด่าสวี่เยว่ยกใหญ่ เกือบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จนเกือบจะตีสวี่เยว่
สวี่เยว่ร้องไห้ไม่หยุดด้วยความน้อยใจ แล้วก็แสร้งทำเป็อาการกำเริบเหมือนเคย
กู่ซิ่วร้อนใจจนร้องไห้ “ต้าซาน รั่วเฉิน รีบพาเยว่เยว่ไปโรงพยาบาลเร็วเข้า!”
ตอนนี้สวี่ต้าซานกำลังหัวร้อน พอเห็นสวี่เยว่ก็รู้สึกขยะแขยง
ในใจถึงขั้นเกิดความคิดว่าตาย ๆ ไปซะก็ดี! ถ้าไม่มีตัวซวยนี่ บางทีเขาอาจจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแล้ว
สวี่ต้าซานพูดด้วยน้ำเสียงเ็าเป็ครั้งแรก “บ้านเรายังมีเงินส่งเยว่เยว่ไปโรงพยาบาลอีกเหรอ?”
ถึงแม้สวี่รั่วเฉินจะช่วยสวี่ต้าซานบังคับให้สวี่ฮุ่ยเอาเงินออกมาใช้ยามฉุกเฉิน
แต่เขาก็โกรธสวี่เยว่เช่นกัน สวี่รั่วเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “พาเยว่เยว่ไปนอนบนเตียงเถอะ เดี๋ยวก็คงหายเอง คราวที่แล้วที่สถานีอนามัยตำบล เยว่เยว่ไม่ได้กินยาอะไร ก็ไม่เห็นเป็อะไรนี่?”
สวี่เยว่กัดฟันด้วยความแค้น
คำพูดของสวี่รั่วเฉินเหมือนกำลังสงสัยว่าเธอกำลังแกล้งป่วยเหมือนคราวที่แล้ว