เมิ่งเจียนเจียร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างกาย “ซวี่ซวี! ข้าไม่เชื่อว่าเ้าจะทำเช่นนั้น หากพวกเขาตีเ้าจนตาย คนร้ายตัวจริงก็จะลอยนวล! หรือเ้าปิดบังบางอย่างที่พวกเราไม่รู้ บอกออกมาเถิด!”
เมื่อเมิ่งซวี่ซวีที่กำลังดิ้นรนอยู่บนพื้นดั่งมดปลวก ได้ยินคำพูดของเมิ่งเจียนเจีย พลันได้สติกลับคืนมา
ในที่สุดเมิ่งซวี่ซวีก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง นางจ้องเมิ่งอู่ด้วยสายตาเคียดแค้น กล่าวเสียงดังท่ามกลางความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา “ข้าไม่ได้ทำร้ายชาวบ้าน ข้าไม่ได้ทำ! เป็นาง ข้ารู้แล้ว ทุกอย่างล้วนเป็แผนการของนาง! อ๊ากๆ!”
ในไม่ช้าแผ่นหลังของเมิ่งซวี่ซวีก็มีเืไหลรินออกมา
เมิ่งซวี่ซวีกัดริมฝีปากจนหลั่งเื ร้องไห้คร่ำครวญอย่างเ็ป “ข้าไม่ได้ใส่ยาพิษลงในบ่อน้ำ! ข้าแค่ใส่ยาพิษลงไปในถังน้ำของมารดานางเท่านั้น! ต้องเป็เมิ่งอู่ เป็เมิ่งอู่ที่เทยาพิษลงบ่อน้ำ! ต้องเป็นาง!”
ต่อให้นางต้องตาย นางก็จะไม่ยอมให้เมิ่งอู่มีชีวิตที่ดี! ยาพิษในบ่อน้ำนั้นต้องเป็ฝีมือของเมิ่งอู่แน่ๆ เมิ่งอู่จงใจใส่ร้ายตน!
เมื่อถ้อยคำนี้หลุดออกมา เดิมทีก็ไม่มีผู้ใดเชื่อ
แต่เมิ่งเจียนเจียกลับกล่าวอย่างร้อนรน “มิน่าเล่า ข้าถึงบอกว่าไฉนพิษที่ท่านอาสะใภ้รองกับคุณชายเฉินฟางได้รับจึงแตกต่างจากพิษที่ชาวบ้านในหมู่บ้านได้รับ อาการของท่านอาสะใภ้รองกับคุณชายเฉินฟางรุนแรงกว่ามาก ขณะที่พวกชาวบ้านเพียงวิงเวียนศีรษะและอาเจียน ที่แท้ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน แต่เกิดขึ้นก่อนและหลังอย่างนั้นหรือ?”
ดังนั้นไม้ที่ตีเมิ่งซวี่ซวีจึงหยุดชะงัก สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องเมิ่งอู่
เมื่อพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ดูคล้ายจะเป็เช่นนั้นจริง ยามที่บรรดาชาวบ้านได้รับพิษ พวกเขาไปขอรับการรักษาที่เรือนของเมิ่งอู่ นางเซี่ยกับซวี่เฉินฟางได้รับพิษก่อนแล้ว
เมิ่งอู่เลิกคิ้วพลางกล่าวว่า “ระดับความรุนแรงของพิษขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน และย่อมมีอาการที่แตกต่างกัน เฉินฟางกับชาวบ้านอาการดีขึ้นมาก ส่วนท่านแม่ของข้ามีร่างกายอ่อนแอเป็ทุนเดิม นางจึงเกือบเอาชีวิตไม่รอด และเป็ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เหตุใดยามนี้จึงกลับกลายเป็ความผิดของพวกเราไปได้เล่า?”
ทุกคนล้วนรู้สึกว่าถ้อยคำของเมิ่งอู่สมเหตุสมผล
เมิ่งอู่ชายตามองเมิ่งซวี่ซวี กล่าวต่อ “ทว่าในที่สุดเ้าก็ยอมรับแล้วสินะว่าเ้าใส่ยาพิษลงในถังน้ำของท่านแม่ข้า วันนี้เพียงเพราะไม่พอใจท่านแม่ข้า เ้าก็คิดจะวางยาพิษ หากปล่อยเ้าไปเช่นนี้ วันพรุ่งหากเ้าไม่พอใจชาวบ้านคนอื่นๆ เ้ามิต้องวางยาพิษพวกเขาอีกหรือ? ไม่ว่าจะเป็ชีวิตเดียว สิบชีวิต หรือร้อยชีวิต ในเมื่อเ้ากล้าฆ่าคนก็ต้องเตรียมตัวชดใช้ด้วยชีวิต!”
เมิ่งซวี่ซวีที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นกล่าวว่า “เป็เ้า… ต้องเป็เ้าแน่ๆ!” นางร่ำไห้เป็สายเือย่างทุกข์ระทม “เมิ่งอู่้าแก้แค้นข้าแน่ๆ จึงทำให้เื่ราวใหญ่โตขึ้น ทำให้ชาวบ้านต้องพลอยได้รับพิษไปด้วย! นางก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้า ยังร้ายกาจกว่าข้าเสียอีก!”
ชาวบ้านล้วนกังขา
เมิ่งเจียนเจียแสร้งทำเป็สับสน “ในเมื่อซวี่ซวียอมรับแล้วว่าใส่ยาเบื่อหนูลงไปในถังน้ำของท่านอาสะใภ้รอง หากน้ำที่มีพิษไม่ได้ไหลย้อนกลับลงบ่อน้ำ แล้วยาพิษในบ่อน้ำจะมาจากที่ใด…”
เพราะทั้งหมู่บ้านมีเพียงยาเบื่อหนูของเมิ่งเจียนเจียที่หายไป ต้นเหตุของหายนะมีเพียงที่เดียว หากเมิ่งซวี่ซวีโยนใส่ถังน้ำของบ้านเมิ่งอู่จริง ยาพิษในบ่อน้ำก็น่าจะมาจากเรือนของเมิ่งอู่
เมื่อครอบครัวของเมิ่งต้าเห็นสถานการณ์เยี่ยงนี้ก็รีบหันหอกพุ่งเป้าไปที่เมิ่งอู่ทันควัน เขาตะคอกว่า “ที่แท้เป็เ้า เมิ่งอู่! เ้าอยากแก้แค้นซวี่ซวี ถึงกับไม่ลังเลที่จะแลกด้วยชีวิตของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน! ไยเ้าช่างใจร้ายนัก!”
หัวหน้าหมู่บ้านมีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยถาม “เมิ่งอู่ ที่นางกล่าวเป็ความจริงหรือไม่?”
เมิ่งอู่มองเมิ่งซวี่ซวี ก่อนยิ้มอย่างน่าครั่นคร้าม ตอบว่า “ขออภัยหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดถึงอันใด”
เมิ่งซวี่ซวีกล่าว “สิ่งที่ข้ากล่าวล้วนเป็ความจริง หากพูดเท็จแม้แต่ครึ่งคำขอให้ฟ้าผ่า!”
เมิ่งอู่กล่าว “การกล่าวโทษผู้อื่นสิ่งสำคัญคือต้องมีหลักฐาน เช่นเดียวกับยามที่ทุกคนกล่าวโทษเ้า หนึ่งคือ มีหลักฐานว่าเมิ่งเจียนเจียซื้อยาเบื่อหนู สองคือ พวกเ้าไม่สามารถนำยาเบื่อหนูที่เหลือมามอบให้ได้ สามคือ มีคนเห็นเ้าไปที่ริมบ่อน้ำด้วยตาของพวกเขาเอง เช่นนั้นยามนี้เ้ากล่าวโทษข้า ขอถามว่าเ้ามีหลักฐานใดบ้าง? เ้าเห็นข้าเทน้ำที่มียาพิษลงไปในบ่อน้ำด้วยตาตนเองหรือ? หรือเพียงเ้าพูดปากเดียว ทุกคนก็สมควรเชื่อคำพูดของคนร้ายที่วางยาพิษผู้อื่น ทั้งยังป้ายความผิดให้ผู้อื่นอีก?”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกคนล้วนเงียบกริบ
เมิ่งซวี่ซวีอึดอัดหายใจไม่ออกจนพูดไม่ออก กัดฟันหลั่งเื “เมิ่งอู่ นอกจากเ้าแล้ว ยังจะมีผู้ใดอีก!”
จากนั้นชาวบ้านก็ถาม “เมิ่งซวี่ซวี เ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
เมิ่งเจียนเจียน้ำตาไหลริน “เป็ไปไม่ได้ ซวี่ซวีไม่มีทางทำร้ายทุกคน ยามนี้นางก็เป็แบบนี้แล้ว ยังมีเหตุผลใดที่จะโกหกอีกเล่า…”
ดูคล้ายเมิ่งอู่ก็ซับหางตา พูดเลียนน้ำเสียงของเมิ่งเจียนเจีย “ยามนี้ท่านแม่ข้ายังนอนป่วยอยู่บนเตียง ทั้งๆ ที่ครอบครัวของพวกเราตกเป็เหยื่อ เหตุใดถึงต้องถูกใส่ร้าย ์ช่างอยุติธรรมจริงๆ…” นางมองเมิ่งเจียนเจียด้วยสายตาเย้ยหยัน ก่อนกล่าวต่อ “เพียงแค่น้ำตาไม่กี่หยดแลกกับความเห็นอกเห็นใจ ก็ลบล้างความผิดทั้งหมดได้หรือ? เ้าคิดว่าตนเองเป็แม่พระหรือไร?”
ใบหน้าของเมิ่งเจียนเจียประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวขาว
ชาวบ้านหันไปถามหัวหน้าหมู่บ้าน “ยังจะตีเมิ่งซวี่ซวีผู้นี้จนตายอีกหรือไม่?”
หัวหน้าหมู่บ้านใคร่ครวญ ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งมาทางนี้อย่างเร่งรีบ กล่าวกระหืดกระหอบว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน พบสถานการณ์ใหม่ที่บ่อน้ำขอรับ!”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็พาเมิ่งซวี่ซวีที่ได้รับาเ็สาหัสไปที่ข้างบ่อน้ำทันควัน
ข้างบ่อน้ำมีชาวบ้านสองสามคนล้อมอยู่ กำลังสนทนากับคนในบ่อ ดูคล้ายจะมีคนอยู่ในบ่อน้ำ
ด้านข้างมีสิ่งมีชีวิตสีดำสนิทเปียกโชกวางอยู่สองสามตัว… เมื่ออากาศร้อนขึ้นจึงส่งกลิ่นเหม็นโชยออกมาจางๆ
ชาวบ้านล้วนตกตะลึงพรึงเพริด “นี่… นี่ไม่ใช่หนูหรอกหรือ เอาขึ้นมาจากบ่อน้ำหรือ?”
ชาวบ้านที่ยืนอยู่ริมบ่อไม่สนใจตอบ เตือนผู้ที่อยู่ในบ่อ “ระวังตัวด้วย!”
ในขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำ เหยียบบันไดหินเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำทีละขั้น
บันไดหินที่ทั้งเล็กทั้งลื่นถูกแกะสลักไว้ั้แ่สมัยโบราณ คนส่วนใหญ่มิกล้าลงไป เพราะหากพลาดท่าลื่นล้ม จะต้องจมน้ำตายอยู่ในบ่อน้ำเป็แน่ ยิ่งกว่านั้นในยามนี้น้ำในบ่อยังมีพิษ
เมื่อชายหนุ่มในบ่อน้ำค่อยๆ ปรากฏกายทีละน้อย ก็เห็นเรือนผมดำขลับดั่งหมึก ชุดสีแดงเข้มดั่งเพลิง ผิวขาวซีดเล็กน้อยใต้ระลอกน้ำในบ่อไร้ที่ติดั่งหยก
แน่นอนว่านั่นคือซวี่เฉินฟาง
ยามที่เขาปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำ เขายังใช้แผ่นไม้คีบหนูที่ตายแล้วอีกหนึ่งตัว ก่อนวางเรียงรายต่อจากซากหนูตัวอื่นๆ ที่ตายแล้ว
ซวี่เฉินฟางกล่าว “โชคดีที่เวลานี้ชาวบ้านไม่ได้ดื่มน้ำจากบ่อน้ำนี่ มิเช่นนั้นการได้รับพิษเป็เื่เล็ก หากติดโรคระบาดต้องยุ่งยากเป็แน่”
เมื่อทุกคนมองดูซากหนูหลายตัวต่างก็รู้สึกสะพรึงกลัว
จากนั้นชาวบ้านที่ยืนอยู่ริมบ่อจึงเล่าสถานการณ์ให้ฟัง
ที่แท้พวกเขากำลังจะไปดูการลงโทษเมิ่งซวี่ซวี บังเอิญเดินผ่านบ่อน้ำแล้วได้กลิ่นเหม็น ก่อนเหลือบไปเห็นว่ามีบางอย่างลอยอยู่ในบ่อน้ำ เมื่อเพ่งดูก็พบว่าเป็หนูตาย!
เวลานั้นเดิมทีซวี่เฉินฟางออกมาพร้อมกับเมิ่งอู่ ส่วนอินเหิงอยู่ที่เรือน เมื่อเห็นว่าเกิดเื่ขึ้นที่บ่อน้ำ ทั้งสองคนจึงแยกทางกัน เมิ่งอู่ไปดูการลงโทษก่อน ส่วนซวี่เฉินฟางไปดูที่บ่อน้ำ
ชาวบ้านคนอื่นๆ มิกล้าลงไปในบ่อ จึงเป็ซวี่เฉินฟางที่ลงไปเก็บซากหนูขึ้นมา มีหนูตายทั้งหมดสี่ตัว
ชาวบ้านคนหนึ่งได้สติก่อน กล่าวว่า “หนูพวกนี้คงกินยาเบื่อหนูเข้าไปแล้วรอดมาได้สักพักจึงวิ่งพล่านมาหาน้ำดื่ม ก่อนตกลงไปในบ่อน้ำ!”
“ดังนั้นพิษในบ่อน้ำจึงส่งผ่านมาจากหนูพวกนี้!”
ชาวบ้านทุกคนแจ่มแจ้งรู้โดยพลัน “ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง!”
ซวี่เฉินฟางยังป่วยอยู่ แต่ก็ยอมลงไปเก็บซากหนูที่ตายแล้วให้โดยไม่รังเกียจความสกปรกหรือกลิ่นเหม็น ยิ่งเสี่ยงที่จะตกน้ำและได้รับพิษซ้ำอีกครั้ง ทำให้ชาวบ้านรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันใจยิ่งยวด
ครอบครัวของเมิ่งต้าอึ้งงันไปแล้ว
เมิ่งซวี่ซวีจะยินยอมที่ไหนกัน นางกัดฟันกล่าว “ในเมื่อยาพิษมาจากหนู ไฉนก่อนหน้านี้ถึงไม่พบหนูตาย เพิ่งมาพบยามนี้เล่า!”
ชาวบ้านที่มีประสบการณ์เอ่ย “เมื่อสิ่งมีชีวิตตกลงไปในน้ำจะจมลงก่อน รอให้ผ่านไประยะหนึ่งถึงจะลอยขึ้นมา จึงไม่มีทางพบเห็นได้ทันที”
เมิ่งซวี่ซวีจนมุม ใส่ร้ายเมิ่งอู่ไม่สำเร็จ กลับยิ่งทำให้ชาวบ้านคิดว่านางเป็คนใจร้าย!
แม้ว่ายาพิษในบ่อน้ำไม่ใช่ฝีมือของเมิ่งซวี่ซวี แต่นางก็ยอมรับกับปากของตนเองว่า ใส่ยาพิษลงไปในถังน้ำของนางเซี่ย
นี่ก็นับว่าเป็การทำร้ายผู้อื่นจนอาจถึงแก่ชีวิต มิอาจปล่อยไปได้
เมิ่งอู่หันกลับไปมองเมิ่งซวี่ซวีที่มีใบหน้าเปื้อนฝุ่นดินผ่านฝูงชน กล่าวว่า “เื่ของข้ากระจ่างแล้ว ยามนี้ถึงเวลาชำระหนี้ของเ้าแล้ว”
เมิ่งซวี่ซวีหน้าซีดเผือดร่างกายสั่นเทา นางมองเมิ่งเจียนเจีย เมิ่งต้ากับภรรยา และนางเหอด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
เมิ่งเจียนเจียรู้ดีว่ามิอาจช่วยเหลืออันใดนางได้อีกแล้ว จึงค่อยๆ หลบไปด้านหลังเมิ่งต้ากับภรรยา ส่วนเมิ่งต้ากับภรรยาในยามนี้ต่อให้้าปกป้องเมิ่งซวี่ซวีก็ทำไม่ได้แล้ว
จากนั้นชาวบ้านจึงพาเมิ่งซวี่ซวีไปริมบ่อ แล้วลงโทษนางด้วยการโบยตี เมิ่งซวี่ซวีกรีดร้องโหยหวนด้วยความเ็ป “ท่านพ่อท่านแม่ช่วยข้าด้วย!”
บนแผ่นหลังของนางมีแต่เื ลมหายใจรวยริน หลังจากนั้นแม้แต่เรี่ยวแรงจะร้องก็ไม่มีแล้ว
นางเย่ทรุดตัวลงกับพื้น คุกเข่าต่อหน้าหัวหน้าหมู่บ้าน ร้องไห้คร่ำครวญ “ขอความเมตตา ไว้ชีวิตนางด้วยเถิด! นี่เป็ความผิดครั้งแรก ต่อไปนางมิกล้าอีกแล้วเ้าค่ะ!”
ลุงสองคนของเมิ่งซวี่ซวีทนไม่ไหวจึงก้าวออกมาพูดแทนหลานสาว “หัวหน้าหมู่บ้าน แม้ซวี่ซวีทำผิด แต่สุดท้ายภรรยาของเมิ่งเอ้อร์ก็ไม่เป็อันใด…”
เมิ่งอู่ไม่พูดอันใด เพียงตักน้ำจากบ่อน้ำมาหนึ่งกระบวย แล้วเดินไปยื่นให้ลุงสองคนนั้น
ลุงสองคนรีบถอยหลังพลางถามว่า “เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เมิ่งอู่เลิกคิ้ว “ดื่มสิ หลังพวกเ้าดื่มแล้ว ที่นี่ข้ามียาช่วยรักษาพวกเ้าได้ ถึงอย่างไรสุดท้ายก็ไม่เป็อันใดมิใช่หรือ”