เรือนหลังเก่าของซีหย่วนเก่าซอมซ่อ บนผนังดินเหลืองมีรอยร้าวประปราย แผ่นกระเื้ัคาใหญ่ก็แตกร้าว
สองด้านของห้องโถงเป็ห้องปีกตะวันออกและตะวันตก ด้านซ้ายยังสถานที่ปลดทุกข์มุงจากอีกห้องหนึ่ง
ลานบ้านไม่เล็กเท่าไร มีต้นไม้ปลูกขนาบไว้ที่หัวมุม
"ครอบครัวของซีหย่วนย้ายไปอยู่เรือนหลังใหม่เมื่อปีกลาย เรือนเก่าเลยถูกทิ้งร้าง แต่ครอบครัวของซีหย่วนก็คอยมาเก็บกวาดทำความสะอาดบ้างเป็ครั้งคราว"
ซีมู่คุนช่วยเอากระบุงของนางไปวางในห้องข้างฝั่งตะวันออก ในนั้นนอกจากเตียงเก่าหลังหนึ่งกับโต๊ะขาผุตัวหนึ่ง ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว
ยามนี้เหลียนเซวียนนั่งอยู่บนเตียง ขาข้างที่าเ็วางอยู่บนพื้น
"แฮ่ม ข้าบอกมู่เซิงให้ไปเอาผ้าห่มมาให้พวกเ้าแล้ว อากาศยามค่ำคืนของที่นี่ยังค่อนข้างหนาวอยู่" ซีมู่คุนยิ้มอย่างจริงใจ
"ขอบคุณท่านมาก พี่ใหญ่ซี" เซวียเสี่ยวหรั่นวางกระบุงลง เหนื่อยจนอยากหาที่นั่ง แต่เหลียวซ้ายแลขวาดูแล้ว นอกจากเตียงหลังนี้ นางจะนั่งที่ไหนได้อีก
ต้าเหนียงจื่ออย่าได้เกรงใจ ข้าจะไปดูโรงครัวว่ามีฟืนบ้างหรือไม่" ซีมู่คุนลอบมองสีหน้าของเหลียนเซวียนปราดหนึ่ง นึกเสียวสันหลัง รีบหางานอย่างอื่นทำทันที
ทันทีที่เขาออกจากประตู เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่ฝืนอีกต่อไป เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วล้มตัวนอนบนเตียง
"โอ๊ย... ขาของข้าจะหักอยู่แล้ว"
เหลียนเซวียนเบนศีรษะไปด้านข้างเล็กน้อย เตียงไม่ใหญ่มาก ส่วนนางก็นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างกาย
เขาถอนหายใจเบาๆ เดินตามกลุ่มชายฉกรรจ์มาทั้งวัน ลำบากนางแล้วจริงๆ
"เฮ่อ... เหนื่อยยากมาสองวัน ข้าว่าเนื้อของข้าต้องหายไปราวสองชั่งแล้วล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นร้องโอดครวญต่อ เธอไม่อยากผอมไปมากกว่านี้อีกแล้ว "ถ้ายังผอมอย่างนี้ต่อไป ข้าคงเหี่ยวแห้งกว่าท่านแล้วล่ะ"
เธอพูดกับเหลียนเซวียน
คำกล่าวนี้ไม่ว่าจะฟังอย่างไรเขาก็รู้สึกขัดหู เหลียนเซวียนสีหน้าเมินเฉย
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยะโไปนอนข้างกระบุง ตลอดการเดินทาง แม้ว่ามันจะขึ้นไปนั่งบนแคร่ของเหลียนเซวียนบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เดินของมันเอง
"อาเหลย พักผ่อนก่อนนะ หิวก็รอหน่อย"
เซวียเสี่ยวหรั่นพูดกับอาเหลยอย่างหมดแรง
จนกระทั่งได้ยินความเคลื่อนไหวจากด้านนอก เธอถึงลุกขึ้นจากเตียง
ผู้มาไม่ใช่แค่ซีมู่เซิงยังมีซีหย่วนอีกคน
ซีมู่เซิงถือผ้าห่มมาให้ ส่วนซีหย่วนก็ยกถังไม้กับของใช้จุกจิกเข้ามา
"ต้าเหนียงจื่อ บ้านเดิมข้าหลังนี้ไม่มีอะไรสักอย่าง ข้าเลยเอาตะเกียง ถังไม้ อ่างล้างหน้า กาต้มน้ำแล้วก็ข้าวสารจำนวนหนึ่งมาให้ขอรับ" ซีหย่วนเห็นพวกเขาพกหม้อดินเผาและถ้วยชามตะเกียบติดตัวมาแล้ว จึงหาของใช้ในชีวิตประจำวันที่จำเป็อย่างอื่นมาให้
"โอ้โห ขอบใจเ้ามากเลยนะ ซีหย่วน เ้าเป็คนดีมากจริงๆ ของเหล่านี้เป็ของใช้จำเป็ทั้งนั้นเลย"
แค่ได้ยินว่าเขาเอาข้าวสารมาด้วย ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นพลันสว่างวาบ
"ต้าเหนียงจื่อ พ่อข้าบอกว่า เดิมทีควรเชิญพวกท่านมากินอาหารที่บ้านสักมื้อ แต่หลางจวินของท่านขาาเ็คงไม่สะดวก ดังนั้นอีกสักครู่หากอาหารค่ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราจะยกมาให้"
ซีต้าเฉียงเป็คนมีวุฒิภาวะเฉลียวฉลาดผ่านโลกมามาก พวกเขาได้รับผลตอบแทนมากมายจากหมีดำ ย่อมไม่ตระหนี่ถี่เหนียวในการสร้างสายสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานเหล่านี้
ยิ่งไปกว่านั้น มีดบินของเหลียนเซวียนเมื่อคืนนี้ยังตราตรึงในใจเขาอยู่ คนพิเศษเช่นนี้ไม่อาจล่วงเกิน และต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้ถึงจะถูกต้อง
"เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านลุงซีมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นนำผ้าห่มไปวางไว้บนเตียง
ซีมู่เซิงมองเหลียนเซวียนที่นั่งหน้านิ่งอยู่บนเตียงไม้ ก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
"เอ่อ... ซีมู่เซิง กลับไปช่วยขอบคุณท่านลุงซีแทนพวกเราด้วยนะ"
ซีมู่เซิงอายุน้อยกว่า เซวียเสี่ยวหรั่นจึงเรียกแค่ชื่อของเขา"
"ต้าเหนียงจื่อเกรงใจไปแล้ว" ซีมู่เซิงมีไหวพริบกว่าซีมู่คุนพี่ชาย "ต้าเหนียงจื่อ พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าเมืองเอาหมีดำไปขาย พวกท่าน้าอะไรเพิ่มเติมจากในเมืองรึเปล่า"
หมีตัวหนึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไป ลำพังแค่หนังหมี อุ้งตีนหมี และดีหมีอย่างน้อยก็ขายได้ถึงเจ็ดสิบแปดสิบตำลึงแล้ว
ถ้าขายให้หลี่หยวนไว่ ก็จะได้ราคาเพิ่มขึ้นสามส่วน
เงินเยอะขนาดนี้ พอซื้อของมาเพิ่มได้ทั้งบ้าน
เซวียเสี่ยวหรั่นฟังจบ ก็ปรบมือเสียงดัง จนซีมู่เซิงสะดุ้งโหยง
"เอาสิ ต้องเอาอยู่แล้ว ต้องเอาแน่นอน"
เซวียเสี่ยวหรั่นทอยิ้มจนมุมปากแทบจะทะยานขึ้นไป ของที่ต้องซื้อเพิ่มมีเต็มไปหมด
ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัวใจของเหลียนเซวียน เขาหลุบตาลงครุ่นคิด
"ซีมู่เซิง รอพวกเราเขียนรายการสิ่งของที่้าเพิ่มเติมเสร็จแล้วก็รบกวนพวกเ้าแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นยกนิ้วขึ้นมา อยากนับสิ่งของที่้าให้ชัดเจน "เฮ่อ ขืนนับอยู่แบบนี้ เดี๋ยวก็ลืมแล้ว ซีมู่เซิงบ้านเ้ามีกระดาษกับพู่กันไหม ขอยืมใช้หน่อยสิ"
ซีมู่เซิงรู้สึกใ สตรีผู้นี้รู้จักอักษรด้วยหรือ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ขู่หลิ่งถุนกว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่ครอบครัวที่สามารถศึกษาเล่าเรียนมีไม่ถึงสิบครัวเรือน
คนที่ได้ร่ำเรียนล้วนเป็บุรุษ ไม่มีบ้านไหนส่งบุตรสาวเข้าศึกษา
ครอบครัวของพวกเขามีเพียงซีเสียน บุตรชายคนโตของพี่ชาย หลานชายคนโตของเขาที่ได้เรียนหนังสือ
"ต้าเหนียงจื่อ บ้านข้ามีพู่กันกับกระดาษ อีกครู่หนึ่งตอนมาส่งอาหาร ข้าจะนำติดมือมาด้วยขอรับ" สายตาที่ซีมู่เซิงมองเธอแลดูเปลี่ยนไป
ที่หมู่บ้านนี้คนรู้หนังสือมีไม่มาก ทุกคนจึงเคารพยกย่องผู้มีความรู้และการศึกษา
ฟ้าเริ่มมืดทีละน้อย ซีมู่คุนกับซีหย่วนช่วยนำฟืนมาเพิ่มให้พวกเขา และตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม หลังจากนั้นก็จุดตะเกียง เสร็จธุระเหล่านี้แล้วพวกเขาก็กลับไป
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินไปส่งพวกเขาข้างนอก เรือนแห่งนี้มีรั้วล้อมรอบ มีวัชพืชขึ้นอยู่บนนั้นไม่น้อย เป็ทิวทัศน์งดงามที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
หลังปิดประตูเรือนเรียบร้อยแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็กระดี๊กระด๊ากลับไปห้อง เธอเข้าไปหาเหลียนเซวียน และกล่าวอย่างตื่นเต้น
"เหลียนเซวียนท่านลองคิดดูให้ดีว่าอยากซื้ออะไรบ้าง ข้าจะเข้าไปดูในครัวก่อน ต้มน้ำร้อนสักหน่อย เดินทางมาทั้งวัน หิวน้ำจะตายอยู่แล้ว"
พวกซีต้าเฉียงเร่งเดินทาง ประกอบกับไม่คุ้นชินกับการต้มน้ำดื่มอยู่แล้ว จึงดื่มน้ำที่ลำธารโดยตรง
แต่เซวียเสี่ยวหรั่นคุ้นเคยกับการดื่มน้ำต้ม และกลัวว่าหากปวดท้องเบาระหว่างเดินทางจะยิ่งยุ่ง ดังนั้นเธอจึงไม่ดื่มน้ำเลย
ทนมาจนถึงตอนนี้ คอแห้งแทบจะควันลุกอยู่แล้ว
เธอหยิบหินไฟกับมีด แล้วยกตะเกียงริบหรี่ออกไปด้วย
เหลียนเซวียนอยู่ในห้องมืด นั่งคิดอยู่เงียบๆ ว่า้าอะไรเพิ่มบ้าง
เตาในบ้านเก่ามากและดำปี๋ ผนังด้านหลังเตารมควันจนดำเมี่ยม
เซวียเสี่ยวหรั่นย่อมไม่แยแส ด้วยเงื่อนไขตอนนี้ แค่มีเตาใช้ก็พอแล้ว ไหนเลยจะคิดเล็กคิดน้อยมากมาย
ข้างเตาดินเผามีฟืนกองอยู่ไม่น้อย คงเป็ซีมู่คุนช่วยหามาให้เมื่อครู่
เซวียเสี่ยวหรั่นล้างหม้อที่ซีหย่วนเอามาให้ ก่อนใส่น้ำครึ่งหม้อแล้วเริ่มต้มน้ำ
ส่วนเตาดินเผาไม่ใช่ของแปลกสำหรับเซวียเสี่ยวหรั่น ตอนเด็กๆ บ้านของเธอเคยใช้มาก่อน ดังนั้นเซวียเสี่ยวหรั่นจึงต้มน้ำได้อย่างคล่องแคล่ว
ระหว่างรอน้ำเดือด เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไปยืนที่ประตูครัว เพ่งพิศเรือนหลังน้อยซึ่งเป็ที่พักชั่วคราวของเธอกับเหลียนเซวียนอย่างละเอียด
