หลังจากออกไปข้างนอกมาครู่หนึ่ง เดิมทีเขาควรจะผ่านบทสนทนานี้ไปอย่างแเี แต่ส่วนลึกในใจกลับมีเสียงหนึ่งคอยยั่วยุให้เขาถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
ซ่งอวี้หัวเราะในลำคอ "รออยู่แล้ว ข้ายังคิดที่จะฟังเหตุผล อยากจะรู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาจากไปโดยไม่ลา"
หากเหตุผลในการจากไปผิดต่อการรอคอยของนางเช่นนั้นก็ลาก่อน นางที่เป็หญิงสาวในยุคสมัยใหม่มีหรือที่จะถูกชายชั่วควบคุมได้ตาม้า?
ฝันไปเถอะ!
ชายสวมหน้ากากตัวเซเล็กน้อย เขากระแอมไอสองครั้งแล้วพูดกลบเกลื่อน "เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว แม่นางรีบพักผ่อนเถอะ มิเช่นนั้นพรุ่งนี้จะไม่มีเรี่ยวแรงเอาได้"
ช่างเถอะ บทสนทนานี้อันตรายเกินไป เขาไม่กล้าถามอะไรต่อแล้ว
ซ่งอวี้จ้องมองชายสวมหน้ากาก จู่ๆ นางก็ยกยิ้มมุมปาก "ได้ ข้าไปพักก่อน ท่านเองก็รีบพักผ่อนเถอะ"
แรกเริ่มนางแค่รู้สึกว่าบางการกระทำของชายสวมหน้ากากน่าสงสัยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าเวลานี้ไม่ใช่เพียงเล็กน้อยแล้ว แต่น่าสงสัยมากอย่างเห็นได้ชัด!
แต่นางก็กลัวว่าความน่าสงสัยทั้งหมดนี้จะเป็เพราะตัวเองหวาดระแวงเกินไป หากนางผลีผลามเปิดหน้ากากของเขาแล้วพบว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากเป็คนที่ไม่รู้จัก เช่นนั้นคงกระอักกระอ่วนมากไม่ใช่หรือ?
อีกอย่าง หมอกที่เกิดขึ้นกลางป่านี้ก็เป็เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน การที่พวกนางมาหลบอยู่ในเรือนหลังเล็กนี้ก็เป็การตัดสินใจอย่างฉุกละหุก หากชายสวมหน้ากากคือหลี่เฉิงจริงๆ เขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพวกนางจะมาที่เรือนหลังนี้?
เพราะคำนึงถึงเื่เหล่านี้ ดังนั้นตอนแรกที่เจอกัน ซ่งอวี้จึงไม่ได้ถามว่าเขาเป็ใคร นางตั้งใจว่าจะรอถามชายสวมหน้ากากเพื่อยืนยันตัวตนของเขาตอนเช้าวันพรุ่งนี้
น่าเสียดายที่ซ่งอวี้ลืมไปว่าถึงแม้ในยุคโบราณจะไม่มีพยากรณ์อากาศแต่ใครบางคนก็เก่งกาจยิ่งนัก เพียงแค่มองทิศทางของดวงดาวในตอนกลางคืนก็รู้แล้วว่าสภาพอากาศจะเป็เช่นไร แม่นยำยิ่งกว่าพยากรณ์อากาศเสียอีก
ซ่งอวี้เดินกลับไปนอนบนเตียงทั้งที่ภายในใจเต็มไปด้วยคำถาม เสี่ยวหมานที่อยู่ข้างๆ นอนหลับสนิทไปแล้ว นางเผยอปากเล็กน้อยคงจะฝันถึงอาหารรสเลิศกระมัง
ซ่งอวี้ส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ เสี่ยวหมาน เดิมทีคิดว่าตนคงจะนอนไม่หลับเพราะภายในใจเต็มไปด้วยคำถาม ทว่าสุดท้ายเพียงครู่เดียวนางก็ผล็อยหลับไป
ชายสวมหน้ากากฟังเสียงในห้องอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของซ่งอวี้เขาก็ยิ้มแล้วถอดหน้ากากออก
ใบหน้าภายใต้หน้ากากคือเฟิงเฉิง
เขาตบมือ ทิ้งธูปหอมที่เหลือเข้าไปในกองไฟแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้ซ่งอวี้ ตอนที่นางยังไม่หลับ เพื่อซ่อนเร้นตัวตนของตัวเอง เขาไม่กล้าจ้องมองนางนานๆ กลัวว่านางจะเห็นความผิดปกติ
แต่ซ่งอวี้ก็ฉลาดยิ่งนัก คล้ายว่าเมื่อครู่นางจะรับรู้อะไรบางอย่างแล้ว เฟิงเฉิงจนปัญญาทำได้เพียงจุดธูปหอมเพื่อให้นางหลับเร็วขึ้น
"เดิมทีข้าอยากจะอยู่สักสองวัน อยากจะจ้องมองเ้า แต่เ้าฉลาดเกินไปแล้ว" เฟิงเฉิงมองซ่งอวี้ที่นอนหลับสนิทด้วยความรักใคร่ น้ำเสียงของเขาเคล้าไปด้วยความจนปัญญาและเปี่ยมล้นไปด้วยความรักในคราวเดียวกัน
สมกับเป็ภรรยาของเฟิงเฉิงจริงๆ
"รอข้ากลับมา สิ่งที่ข้าจะทำอันตรายยิ่งนัก หากเ้ารู้ เ้าไม่มีวันยอมให้ข้าสู้ตามลำพังแน่นอน แต่ข้าก็เหมือนกับเ้า ไม่อยากให้เ้าเผชิญหน้ากับอันตราย หวังว่าเ้าจะเข้าใจข้า"
หากไม่ใช่เพราะเป็ห่วงซ่งอวี้ ใน่เวลาสำคัญของการแผนการเช่นนี้ เขาไม่มีวันเสียเวลาเดินทางไกลกลับมาเพียงเพื่อมาดูด้วยตาตนเองว่านางสบายดีหรือไม่
่เวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเสี่ยวหนิว ไม่มีการชิงดีชิงเด่น ไม่มีการวางกลอุบาย ยิ่งไม่มีการใช้อำนาจ มีเพียงความรักของคนสองคน คล้ายแสงสว่างส่องเข้ามาในใจของเขาทำให้เขามีศรัทธาที่จะใช้ชีวิตต่อไป
แต่ว่าหลังจากได้มาเจอซ่งอวี้คราวนี้ เขาก็เริ่มรู้สึกเกลียดชีวิตในอดีตของตนเอง
เมื่อความรู้สึกนี้ก่อตัวขึ้นแล้วก็ยากที่จะกำจัดออกไป แม้กระทั่งเฟิงเฉิงเองก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าวินาทีนั้นตนอยากจะยืนตรงหน้าซ่งอวี้ แล้วบอกนางด้วยตนเองมากเพียงใดว่า 'ข้ากลับมาแล้ว ไม่จากไปที่ใดอีกแล้ว"
แต่ว่าเขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้ หากครั้งนี้เขาไม่สามารถหยุดยั้งเื่ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นได้ ชีวิตนี้คงจมอยู่กับความรู้สึกผิด ์รู้ เมื่อถึงเวลานั้นจะมีผู้บริสุทธิ์ต้องตายมากเพียงใด เขาไม่อาจทนเห็นคนเ่าั้ตายต่อหน้าต่อตาโดยไม่ทำอะไรได้
"ข้าสาบาน ข้าจะกลับมาแน่นอน ข้าสาบาน!” เฟิงเฉิงกล่าวคำสัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทว่าคล้ายว่ากำลังบอกตนเองมากกว่า
ค่ำคืนนี้ เฟิงเฉิงนั่งข้างๆ ซ่งอวี้ตลอดทั้งคืน กระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นแสงแดดสาดส่องลงมา ซ่งอวี้และเสี่ยวหมานคล้ายกำลังจะตื่นนอน เขาจึงค่อยจากไป
"นายท่าน มีข่าวแล้วขอรับ" ในขณะที่เฟิงเฉิงค้างคืนที่เรือนนายพราน เยี่ยสุยก็เฝ้าอยู่ไกลๆ เมื่อเห็นเฟิงเฉิงออกมาแล้ว เขาก็รีบรายงานทันที
"คนของเราสืบพบว่านายน้อยของร้านยาถงอันหายตัวไประหว่างเก็บสมุนไพรขอรับ ที่ที่ปรากฏตัวครั้งสุดท้ายน่าจะเป็ในป่าละแวกนี้ หากอีกฝ่ายไม่ได้จับตัวเขาไป เช่นนั้นเขาน่าจะถูกชาวบ้านแถวนี้ช่วยเอาไว้ขอรับ"
นายน้อยของร้านยาถงอันสำคัญกับเขามาก ไม่ว่าจะเป็อีกฝ่ายหรือว่าเฟิงเฉิงต่างก็ทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาเขาให้เจอ
"ส่งคนทั้งหมดออกไป หากมีชีวิตอยู่ต้องเจอตัว หากตายต้องเจอศพ เข้าใจหรือไม่?" เฟิงเฉิงพูดเสียงเรียบ
เยี่ยสุยขานตอบก่อนจะเป่าปาก ไม่นานก็มีนกพิราบสีขาวบินมา เยี่ยสุยนำกระดาษที่เขียนคำสั่งของเฟิงเฉิงเอาไว้มัดที่ขาของนกพิราบ แล้วปล่อยให้นกพิราบบินจากไป
พอจะมีเบาะแสแล้ว เฟิงเฉิงก็ไม่มีเหตุผลที่จะเที่ยวเล่นอีกต่อไป
เขาหันหน้ากลับไป มองเรือนหลังเล็กด้วยความอาลัยอาวรณ์ เท้าที่ก้าวขึ้นมาไม่อาจย่ำลงพื้น ครั้งนี้เขาอ้างเื่นายน้อยร้านยาถงอันมาหานางครู่หนึ่ง ทว่าคราวหน้าไม่รู้ว่าเมื่อใดกว่าจะได้กลับมา
รอข้า ข้าจะกลับมาแน่นอน!
ตอนที่ซ่งอวี้ตื่นขึ้นมา กองไฟดับมอดลง ชายสวมหน้ากากก็หายไปแล้ว
นางเดินเข้าเดินออกเรือนหลังนั้นสามรอบ หัวใจของนางหล่นวูบ หากชายสวมหน้ากากคือหลี่เฉิงจริงๆ เมื่อนับรวมกับครั้งนี้ก็ถือว่าเขาไปจากนางโดยไม่ลาเป็ครั้งที่สองแล้ว
อาจจะเป็เพราะนางปักใจเชื่อไปแล้วว่าชายชุดดำคือหลี่เฉิง ดังนั้นเวลานี้เมื่อไม่เจอตัวเขาภายในใจของนางจึงรู้สึกเ็ปอย่างยากจะอธิบาย หลังจากนั้นนางก็เห็นแผ่นกระดาษวางอยู่บนโต๊ะ บนกระดาษเขียนข้อความสั้นๆ ด้วยลายมือฉวัดเฉวียน สองพยางค์ 'ห้ามอ่าน'
"คุณหนูเ้าคะ คุณหนูไม่สบายหรือเ้าคะ พวกเรากลับเรือนแล้วไปหาหมอกันเถอะเ้าค่ะ!" เสี่ยวหมานมองซ่งอวี้ด้วยความกังวล คล้ายอยากจะแบกนางขึ้นหลัง แล้วกลับบ้านทันทีอย่างไรอย่างนั้น
ซ่งอวี้ฝืนยิ้ม แต่เพราะสีหน้าของนางซีดขาวยิ่งนักรอยยิ้มนั้นจึงดูน่าเกลียดเล็กน้อย หลังจากนั้นสีหน้าของเสี่ยวหมานก็ฉายความกังวลมากกว่าเดิม "คุณหนูเ้าคะ พวกเรากลับเรือนกันเถอะเ้าค่ะ อาจารย์ของคุณหนูเก่งกาจ ต้องรักษาคุณหนูให้หายดีแน่นอน พวกเรากลับเรือนกันเถอะเ้าค่ะ!"
หลังจากนั้น ซ่งอวี้ก็ได้พบกับพละกำลังของเสี่ยวหมาน เสี่ยวหมานแบกนางขึ้นหลัง เก็บข้าวของ แล้วมุ่งหน้ากลับหมู่บ้านเสี่ยวหนิวอย่างรวดเร็ว
ซ่งอวี้ขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าเสี่ยวหมานกลับไม่สะทกสะท้าน ความเร็วในการเดินก็ไม่ลดน้อยลงแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้นางจึงหยุดขัดขืนจะได้ไม่เพิ่มความลำบากให้เสี่ยวหมานทั้งที่ช่วยอะไรไม่ได้
เมื่อไม่มีซ่งอวี้คอยเดินๆ หยุดๆ เสี่ยวหมานก็เดินอย่างรวดเร็ว พวกนางจึงกลับไปถึงหมู่บ้านเสี่ยวหนิว กลับถึงเรือนเร็วกว่าปกติ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้