“แย่แล้ว! องค์ชายเพคะ! แย่แล้ว!”
ท่ามกลางเสียงรถม้า มีเสียงะโอย่างรีบร้อนดังขึ้น
หรงซิวและอวิ๋นอี้มองหน้ากัน สั่งให้หยุดรถทันที ทั้งสองลงไปที่พื้นพลันเห็นเหลียนเหอเข้ามาใกล้
นางวิ่งเร็ว โซเซจนเกือบจะชนเข้ามา
โชคดีที่หรงซิวไหวพริบดี รีบดึงอวิ๋นอี้ไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันก็ก้าวไปข้างหน้ากั้นเหลียนเหอไว้
“มีกระไร? เกิดเื่กระไรขึ้น?”
หรงซิวมองเหลียนเหอและเหลือบไปมองรถม้าของหว่านฉือในทันที แล้วละสายตาราวกับมิมีกระไรเกิดขึ้น
เหลียนเหอหายใจหอบ นางใช้มือข้างหนึ่งตบหน้าอกของตนแล้วพูดเป็่ๆ “องค์ชายเพคะ! รีบไปช่วยคุณหนูของข้าทีเพคะ! นาง...นางอาการกำเริบอีกแล้ว!”
“กระไรนะ?” หรงซิวกับอวิ๋นอี้พูดพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ หลังจากได้สติก็วิ่งไปโดยไม่สนใจสิ่งใด
พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าหว่านฉือหมดสติไป
ใบหน้าของนางซีด หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ หลังของนางพิงกับผนังรถ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงโอนเอนลงมา
หรงซิวขมวดคิ้วและรีบปีนขึ้นไปบนรถม้า ผลักคนข้างๆ ออกโดยไม่สนใจว่าเป็ผู้ใด
เขารู้จักร่างกายของหว่านฉือดี ั้แ่เล็กนางมักจะใจสั่นเป็ลมหมดสติไป หากมาพบช้าอาจจะตายได้!
หรงซิวอุ้มหว่านฉือไว้ในอก กดริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของนางไม่หยุด ในขณะเดียวกันก็หันหน้าไปถามเหลียนเหอเสียงดังว่า “ยาของนางเล่า? ทั้งที่รู้ว่านางเป็เช่นนี้ เหตุใดออกมาจึงไม่พกยา?”
เหลียนเหอตัวสั่นด้วยความใ ตอบด้วยเสียงหวั่นว่า “ยา...ยากินหมดแล้วเพคะ!”
“กินหมดแล้วมิรู้จักเตรียมให้เยอะหน่อยหรือไร! เ้าเป็คนใช้ของนาง ปรนนิบัติเ้านายเช่นนี้หรือ?” น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ ทว่าทุกถ้อยคำนั้นจริงจังและกดดันเป็อย่างมาก
อวิ๋นอี้ลูบแขนที่ถูกเขาผลักจนเจ็บพลันก้มหน้าลง มุมปากตกลงอย่างไม่ตั้งใจ
มีความรู้สึกขมขื่นเกิดขึ้น รู้สึกแย่ยิ่งกว่าตอนที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเสียอีก
แม้ว่านางจะรู้ว่าในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ นางไม่ควรจะคิดเล็กคิดน้อย ทว่ายังอดมิได้ที่จะเปรียบเทียบตนเองกับหว่านฉือ
หรงซิวตระหนกมาก ร้อนรนจนมือสั่น ตอนที่เขาก้มหน้ามองหว่านฉือ นอกจากความวิตกกังวลแล้ว ยังแทรกซึมไปด้วยความรู้สึกเสียใจและสงสารอีกด้วย
อารมณ์ที่แท้จริงเช่นนี้ จะมิมีความรู้สึกใดๆ ระหว่างพวกเขาได้อย่างไร?
ดวงตาของอวิ๋นอี้ร้อนผ่าว นางหันหน้าออกไม่มองอีกเลย เสียงรอบๆ ตัวนางพร้อมกับลมยามเย็นไหลเข้ามาในหู
เพราะว่าสถานการณ์เช่นนี้ กู่ซือฝานและหรงหลินจึงรีบวิ่งเข้ามา ล้อมรอบรถม้า
หรงซิวบอกให้เหลียนเหอช่วยเขา ทำให้หว่านฉือนอนลงก่อน จากนั้นเขาก็หยิบเม็ดยาเข้าปากของนางอย่างระมัดระวัง
“ท่านพี่เพคะ จะมิมีปัญหาแล้วใช่หรือไม่เพคะ?” กู่ซือฝานกังวลมาก ถามคำถามอย่างระมัดระวัง กลัวจะพูดผิดนำความซวยมาให้
หรงซิวใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าผากหว่านฉือ เงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าของนางค่อยๆ กลับมาเป็ปกติก็พูดขึ้นว่า "มิน่าจะเป็กระไรแล้ว"
"ดีแล้วเพคะ ดีแล้ว" กู่ซือฝานพึมพำกับตนเอง “เมื่อครู่ข้ากลัวแทบตาย!”
ผู้ใดไม่กลัวบ้างเล่า
หว่านฉืออาการค่อยๆ ดีขึ้น แต่ไม่ตื่นขึ้นมาอยู่นาน
เื่นี้ทำให้การเดินทางล่าช้า เมื่อเห็นท้องฟ้าเริ่มมืด และอวิ๋นอี้เห็นว่าหรงซิวมิได้ตั้งใจจะลงจากรถ จึงเริ่มพูดว่า “พวกเรารีบกลับเมืองหลวงเถิด อาการของแม่หญิงหว่านฉือ กลับไปให้หมอวินิจฉัยรักษาดีกว่า ถึงจะสบายใจได้ ฝ่าา เพื่อป้องกันมิให้เกิดกระไรและเพื่อมิให้การรักษาล่าช้า เราต้องรีบออกเดินทาง ฝ่าาเฝ้าดูนางในรถคันนี้เถิดเพคะ หากมีเื่ใด ข้าเชื่อว่าท่านจะจัดการได้”
คำพูดที่สมเหตุสมผลนี้ทำให้หรงซิวสังเกตเห็นอวิ๋นอี้
มีคลื่นลูกเล็กในแววตาเขาและหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดปากพูด แววตาก็กลับมาสงบ "แล้วเ้าเล่า?"
"ข้าแข็งแรงดี แม่หญิงหว่านฉือ้าคนดูแล เอาเป็เช่นนี้เถิดเพคะ” นางยิ้มให้
อวิ๋นอี้ไม่รอให้หรงซิวตอบกลับ นางหันกลับแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว นางกลัวว่าหากอยู่ต่ออีกหน่อยจะควบคุมตนเองที่อยากจะทุบเขามิได้
ั้แ่เขาเข้าไปในรถคันนั้น บั้นท้ายของเขาดูเหมือนจะหยั่งราก มิอยากจะย้ายออก แม่หญิงหว่านฉือสกัดิญญาของเขา ดึงเท่าใดก็ดึงไม่ออก
อวิ๋นอี้พอจะมองออก แม้ว่าเขาจะกลับไปกับตน ทว่าในใจของเขาจะคิดถึงเพียงหว่านฉือ
เมื่อเป็เช่นนั้น ไม่เห็นเสียจะดีกว่า
เขาชอบอยู่ที่นั่น ก็ปล่อยให้อยู่ไป นางจะได้มิต้องรำคาญใจเมื่อเห็นเขา โกรธเคืองกันระหว่างทางกลับ
อวิ๋นอี้ครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามที่ว่าหรงซิวชอบนางหรือไม่ ในตลอดทางกลับ
ความอบอุ่นและความใส่ใจของเขามิได้ดูเหมือนเสแสร้งใดๆ ความปรารถนาและความรักของเขาทำให้นางรู้สึกมีความสุขเช่นกัน
เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่เคยฝ่าฟันและเจอความท้าทาย
ซูเมี่ยวเออร์กระโจนบนะโล่าง หาเื่ได้มากมาย ทว่าหรงซิวไม่แม้แต่แลตามองนางเลย ทุกอย่างเป็เพียงเื่ที่นางวาดคิดไปเอง
ทว่าหว่านฉือกลับไม่เหมือนกัน การปรากฏตัวของนางส่งผลต่อหรงซิว
นางเป็ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา
เมื่อหาปมปัญหาเจอ ความคิดพลันค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
าของสตรีเพียงเพราะบุรุษ บางครานั้นไร้ความหมาย ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือท่าทีของบุรุษ
หรงซิวท่าทีไม่ชัดเจน โอนเอน เขามีนางแท้ๆ กลับมิปิดบังความรู้สึกต่อหว่านฉือ เขาจะเหยียบเรือสองแคมหรือ?
อวิ๋นอี้เอนหัวพิงรถม้า กัดฟันพูดเบาๆ อย่าแม้แต่จะคิด กินอยู่ในชามกลับดูของในหม้อ[1] นางจะมิมีวันปล่อยให้เื่นี้เกิดขึ้น
นี่คือฟางเส้นสุดท้ายของนาง จะมิมีวันยอมแน่
เลือกหว่านฉือหรือเลือกนาง มิมีตัวเลือกตรงกลาง ไม่ประนีประนอม มิมีว่าจะได้ทั้งสองอย่าง
นางคิดว้าวุ่นจนกลับถึงจวนองค์ชาย ทว่าหรงซิวw,jแม้แต่จะโผล่หน้ามา เขาไปที่เรือนของหว่านฉือ ตามรถม้าไป
อวิ๋นอี้ยืนอยู่ที่ประตูจวน มองดูเขาจากไปไกล ความอบอุ่นในแววตาของนางพลันค่อยๆ เย็นลง
นางถอนหายใจ ผิดหวังเล็กน้อย
ผิดหวังก็ผิดหวัง ทว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป
อวิ๋นอี้ทานข้าวและล้างเนื้อล้างตัวอย่างใจเย็นแล้วไปนอนบนเตียง ครานี้นางลงกลอนทั้งประตูและหน้าต่าง
เดิมคิดว่าจะถูกปลุกให้ตื่นกลางดึก ทว่าผู้ใดจะคิดว่านางได้หลับจนถึงรุ่งเช้า
พออวิ๋นอี้ตื่นขึ้นก็ยังงงๆ อยู่นิดหน่อย นางชินกับการมีหรงซิวอยู่ข้างๆ จึงนั่งบนเตียงอยู่นาน
ออกไปถามเซียงเหอ ว่าองค์ชายนอนที่ใด เซียงเหอบอกว่าเขามิได้กลับมาทั้งคืน
อวิ๋นอี้กระตุกมุมปาก สูดหายใจลึกๆ พลันปล่อยออกช้าๆ
ดี
ดีมาก
นางทำหน้าบูดบึ้งเหมือนคนโง่อยู่ที่นี่ ทว่าผู้อื่นกลับอยู่ดี บุรุษสตรีสองต่อสองข้ามคืนด้วยกัน แค่ก็คิดแสนจะสุขใจ!
อวิ๋นอี้ยืนอยู่ที่ประตูเป็เวลาสิบห้านาทีเต็มๆ ก่อนจะก้าวออกไปข้างนอก
เซียงเหอถามตามมาจากด้านหลังอย่างงงๆ "พระชายาเพคะ พระชายาจะไปที่ใดเพคะ?"
"ข้าจะออกไปเดินผ่อนคลายจิตใจ" อวิ๋นอี้พูด "เ้าอยู่ที่นี่ไปเถิด"
อากาศตอนเช้า สดชื่นแจ่มใส พระอาทิตย์กำลังขึ้น สาดแสงทำให้อวิ๋นอี้ร่างกายอบอุ่น
มิมีผู้ใดรู้ว่า หัวใจของนางในขณะนี้ กำลังเดินอยู่ท่ามกลางพายุฝน
เชิงอรรรถ
[1] กินอยู่ในชาม กลับดูของในหม้อ 吃着碗里 看着锅里 หมายถึง ไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ไม่รู้จักพอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้