ลู่ฉี่เสียนมองไปที่สวี่ฮุ่ย “เธอบอกว่าเธอเป็ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตคุณย่าฉัน งั้นลองเล่าหน่อยสิว่าเธอช่วยชีวิตคุณย่าฉันได้อย่างไร?”
สวี่ฮุ่ยเล่ารายละเอียดทั้งหมด ั้แ่่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนถึงวิธีการช่วยเหลือของเธอ
แม้กระทั่งเสื้อผ้าที่คุณย่าลู่สวมใส่ในวันนั้น รวมถึงทรงผม เธอก็บอกได้อย่างชัดเจน
จากนั้นจึงกล่าวว่า “วันนั้นหนูโชคดีที่หาจุดห้ามเืเจอ ไม่อย่างนั้นคงเกิดเื่ร้ายแรงขึ้นแน่ การช่วยชีวิตคุณนายไม่ใช่ความดีความชอบของหนูเพียงคนเดียว ยังมีคนใจดีอีกหลายคนร่วมด้วยค่ะ”
ทุกคนในครอบครัวลู่ฟังแล้วก็อมยิ้ม
เหตุการณ์ที่สวี่ฮุ่ยเล่าตรงกับสิ่งที่พวกเขารู้ทุกอย่าง แถมยังบรรยายรายละเอียดเสื้อผ้าหน้าผมของคุณย่าได้อย่างถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยน
“เกือบจะจำผู้มีพระคุณผิดเสียแล้ว” คุณย่าลู่ยิ้มแล้วกวักมือเรียกสวี่ฮุ่ยไปนั่งข้าง ๆ
สวี่ฮุ่ยลังเลสักพัก ก่อนจะถือถังน้ำเดินไปนั่งข้าง ๆ คุณย่าลู่อย่างสง่าผ่าเผย
คุณย่าลู่ก้มลงมองตะพาบในถังน้ำของสวี่ฮุ่ยแล้วอุทาน “หนูมาบ้านฉันยังเอาตะพาบมาด้วยหรือ?”
ลู่ฉี่โหย่วรีบอธิบาย “ผมบอกกับเธอเองว่าถ้าตกตะพาบได้ให้นำมาขายที่บ้านเรา คุณย่าเสียเืมากจากอุบัติเหตุ ต้องบำรุงให้ดีๆ ”
คุณย่าลู่กล่าวอย่างยินดี “แกตัญญูนัก!”
ทุกคนในครอบครัวห้าคนต่างรุมดูตะพาบที่สวี่ฮุ่ยนำมา แล้วพูดคุยหารือกันว่าจะทำอะไรกินกันดี
บางคนบอกว่าย่าง บางคนบอกว่าให้ตุ๋น
สองแม่ลูกกู่ซิ่วกับสวี่เยว่นั่งเหมือนกองขยะไร้ค่า ไม่มีใครสนใจ น่าอับอายยิ่งนัก
คุณย่าลู่เงยหน้าขึ้นถามสวี่ฮุ่ยอย่างอ่อนโยน “แม่หนู เธออยากกินแบบไหน?”
สวี่ฮุ่ยชะงักไป ท่าทางมึนงงของเธอน่ารักน่าเอ็นดูมาก
ลู่ฉี่เสียนส่งยิ้มให้เธอ “คุณย่าอยากให้เธออยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันน่ะ”
สวี่ฮุ่ยปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
ลู่ฉี่อู่วัยสิบแปดปีพูด “คุณย่าชวนเธอกินข้าว เธอกล้าปฏิเสธเหรอ?”
ลู่ฉี่โหย่วกับลู่ฉี่เหวินพยักหน้าเห็นด้วย
สวี่ฮุ่ยมองไปที่ลู่ฉี่เสียน เห็นเขาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม เธอจึงตอบตกลงอย่างเขินอายเล็กน้อย “คุณย่าอยากกินแบบไหน หนูแล้วแต่คุณย่าเลยค่ะ”
คุณย่าลู่ฟังแล้วก็ดีใจมาก “งั้นก็เอาตะพาบตุ๋นกับแม่ไก่แก่แล้วกัน”
ลู่ฉี่โหย่วเงยหน้าขึ้นเตรียมเรียกแม่บ้านให้นำตะพาบไปตุ๋นในครัว
พอเห็นกู่ซิ่วกับสวี่เยว่ยังนั่งหน้าด้านอยู่บนโซฟาก็หน้าตึงฉับพลัน
ลู่ฉี่โหย่วพูดกับคุณย่าลู่ “คุณย่า จะไล่พวกคนหลอกลวงนั่นออกไปไหมครับ?”
คุณย่าลู่โบกมือ “รีบไล่ออกไปเลย แล้วก็ฆ่าเชื้อที่ที่พวกมันนั่งด้วย!”
ลู่ฉี่โหย่วรีบไล่สองแม่ลูกไปทันที
สวี่เยว่น้ำตาคลอเบ้า
ลู่ฉี่เสียนรู้เื่เลวร้ายของเธอมากมาย เธอรู้ตัวดีว่าไม่มีทางเอื้อมถึงเขาได้
ลู่ฉี่โหย่วก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเธอดีนัก แถมยังไล่พวกเธอสองแม่ลูกออกไปอีก ทำให้เธอเสียใจมาก
ลู่ฉี่โหย่วไม่เพียงแต่ไล่สองแม่ลูกออกไปเท่านั้น ยังโยนของขวัญออกไปด้วย
กู่ซิ่วกับลูกสาวเหลียวซ้ายแลขวาอย่างอึดอัด
กลางฤดูร้อน แดดแผดเผาส่องลงมาในตรอก คนอื่น ๆ ต่างหลบอยู่ในบ้าน
ในตรอกร้างผู้คน เลยไม่มีใครเห็นว่าพวกเธอสองแม่ลูกถูกไล่ออกมาจากบ้านสกุลลู่
แม่ลูกเก็บของขวัญที่ตกอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว แล้วกุลีกุจอจากไป
บ้านสกุลลู่เตรียมอาหารสำหรับมื้อเที่ยงไว้มากมาย ทั้งซี่โครงหมูผัดน้ำแดง กุ้งอบน้ำมัน เป็ดตุ๋นเบียร์ ตะพาบตุ๋นไก่แก่…เต็มโต๊ะไปหมด
ลู่ฉี่เสียนกวาดสายตามองไปทั่วโต๊ะอาหาร แต่ก็ไม่เห็นเค้กเนื้อที่คุณย่าสัญญาว่าจะทำให้เขากิน
คุณย่าลู่คีบอาหารใส่จานสวี่ฮุ่ยไม่หยุด ทั้งน่องไก่น่องเป็ดทั้งสองน่องก็คีบใส่จานสวี่ฮุ่ยหมด
สวี่ฮุ่ยอยากปฏิเสธ แต่คุณย่าลู่บอกว่าเธอผอมเกินไป ต้องกินเยอะ ๆ อ้วนขึ้นอีกหน่อยถึงจะดี
คุณย่าลู่หันไปเห็นลู่ฉี่เสียนนั่งกินข้าวเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จา
ก็เคาะหัวเขาไปทีหนึ่งด้วยตะเกียบ “โตป่านนี้แล้ว ยังรู้จักแต่กินของตัวเอง ไม่รู้จักต้อนรับแขก ปอกกุ้งให้ฮุ่ยฮุ่ยสิ!”
ลู่ฉี่เสียนอึ้งไปพักหนึ่ง “นี่…ไม่ค่อยเหมาะสมมั้งครับ…”
การกระทำที่สนิทสนมระดับนี้ควรเกิดขึ้นระหว่างคู่รัก เขาไม่ได้เป็แฟนกับสวี่ฮุ่ย จะปอกกุ้งให้เธอได้อย่างไร?
คุณย่าลู่เคาะหัวเขาด้วยตะเกียบอีกครั้ง “ฉันว่าเหมาะก็คือเหมาะ!”
ฟ้าดินกว้างใหญ่แค่ไหน คุณย่าก็ยิ่งใหญ่กว่า งั้นเชื่อฟังคุณย่าก็แล้วกัน
ลู่ฉี่เสียนวางตะเกียบลงแล้วปอกกุ้งให้สวี่ฮุ่ย
คนปอกยังดูสงบนิ่ง คนกินกลับหน้าแดงตลอด
นี่เป็ครั้งแรกในสองชาติที่สวี่ฮุ่ยได้กินกุ้งทะเล มันอร่อยมากจริง ๆ
คุณย่าลู่เห็นเธอชอบกินกุ้งก็ยิ้มแล้วพูดว่า “คราวหน้าจะซื้อกุ้งล็อบสเตอร์มาให้เธอกิน”
สวี่ฮุ่ยกินจนอิ่มแปล้เพราะคุณย่าลู่กับลู่ฉี่เสียนคอยป้อน
หลังกินข้าวเสร็จ เธอนั่งคุยเล่นกับคุณย่าลู่สักพักก่อนจะขอตัวกลับบ้าน
คุณย่าลู่จะจ่ายเงินค่าตะพาบ แต่สวี่ฮุ่ยยืมกรานไม่ยอมรับ
คุณย่าลู่ก็ไม่ได้คะยั้นคะยอ
ทันทีที่สวี่ฮุ่ยจากไป ลู่ฉี่โหย่วก็พูดขึ้น “คุณย่า พวกเราให้ของขวัญขอบคุณยัยตัวปลอม สวี่เยว่นั่นไปตั้งแยะ ตอนนี้รู้ว่าสวี่ฮุ่ยต่างหากที่เป็ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตคุณย่าไว้ พวกเราควรจะให้ของขวัญขอบคุณเธอมากกว่านี้ไหม?”
“แน่นอนสิ! ในเมื่อพวกแกอยู่กันพร้อมหน้า งั้นก็มาปรึกษากันดีกว่าว่าจะให้อะไรฮุ่ยฮุ่ยดี?”
คุณย่าเน้นย้ำว่า “ต้องดีกว่าของขวัญที่ให้กับตัวปลอมนั่น!”
พี่น้องลู่ฉี่โหย่วทั้งสามคนต่างก็แย่งกันออกความคิดเห็น
“ให้เงินขอบคุณตัวปลอมสามพันหยวน ก็ให้สวี่ฮุ่ยห้าพัน!”
“ซื้อผ้าเนื้อดีให้ตัวปลอม งั้นก็ซื้อชุดอย่างดีให้สวี่ฮุ่ยไปเลย!”
“ซื้อนาฬิกายี่ห้อเซี่ยงไฮ้รุ่นใหม่ให้ตัวปลอม ที่จะให้สวี่ฮุ่ยอย่างน้อยก็ต้องเป็นาฬิกายี่ห้อทิโทนิ รุ่นใหม่ล่าสุด!”
…
คุณย่าฟังแล้วพยักหน้าเห็นด้วย เห็นลู่ฉี่เสียนเงียบมาตลอด เธอจึงถามว่า “แกไม่มีความเห็นอะไรบ้างเหรอ?”
ลู่ฉี่เสียนนึกถึงชุดชั้นในเก่า ๆ ขาด ๆ ของหญิงสาวขึ้นมา
แต่เขาเป็ผู้ชาย จะพูดเื่นี้ได้อย่างไร?
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คุณย่าครับ อย่ามัวแต่ซื้อเสื้อผ้าข้างนอกให้เด็กสาวเลย ชุดที่ใส่ข้างในก็ต้องซื้อด้วย ยิ่งครอบครัวยากจนยิ่งไม่ใส่ใจเื่ชุดชั้นใน เมื่อก่อนผมมีเพื่อนร่วมรบคนหนึ่ง บ้านเขายากจนมาก กางเกงในขาดวิ่นหมดเลย”
คุณย่าลู่พยักหน้า “คำแนะนำนี้ดี” แล้วสั่งให้หลานชายคนเล็กที่ทำหน้าที่จดลงไป
จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้ลู่ฉี่เสียน “ตอนนี้เงินย่าขาดมือ แกช่วยย่าซื้อนาฬิกาทิโทนิเรือนนั้นให้ทีนะ”
ถ้าคุณย่าเงินขาดมือ โลกคงอดอยากตายกันหมดแล้ว
ลู่ฉี่เสียนรู้ทันความคิดของคุณย่า
แต่คุณย่าก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าให้เขาซื้อเป็ของแทนใจให้สวี่ฮุ่ย เขาปฏิเสธไม่ได้ เลยพยักหน้าตกลง
หลังจากพูดคุยปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว กำลังคิดว่ายังมีอะไรตกหล่นอีกหรือไม่ จู่ ๆ ลู่ฉี่เสียนก็หยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไป
คุณย่าลู่ถาม “แกจะไปไหนน่ะ?”
ลู่ฉี่เสียนตอบ “สวี่ฮุ่ยทำเื่ดี ๆ ของแม่กับน้องสาวเธอพังพินาศ กลับไปต้องมีปากเสียงกันแน่ ๆ ผมต้องไปดูหน่อย จะได้ไม่เหมือนครั้งก่อนที่เธอถูกบีบจนคิดฆ่าตัวตาย”
คุณย่าลู่และพวกลู่ฉี่โหย่วต่างก็ใ “มีเื่แบบนี้ด้วยเหรอ?”
คุณย่าลู่โวยวายขึ้นมา “ฉันจะไปกับแกด้วย ฉันยอมให้ผู้มีพระคุณของฉันเสียเปรียบไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังต้องทวงเงินและของที่ให้สวี่เยว่ไปคืนมาด้วย!”
พี่น้องลู่ฉี่โหย่วต่างส่งเสียงฮือฮาขอไปด้วย บอกว่าจะไปช่วยคุณย่าทวงเงินและสิ่งของเ่าั้คืน
สุดท้าย ครอบครัวลู่ทั้งห้าคนก็ไปด้วยกัน