“ไกลที่สุดเท่าที่เป็ไปได้”
เสียงกรีดร้องของกลิ่นอายอันหนาวเหน็บส่งเสียงดังก้อง รอยยิ้มชั่วร้ายที่อยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มได้จางหายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยสายตาคมกริบราวกับเป็ดาบที่แหลมคม
“ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เ้า เอาหินหยวนระดับกลาง 12 ก้อนมาให้ข้าซะ!”
น้ำเสียงอันเฉยชาได้ออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้แบกดาบอยู่ด้านหลัง พลันปล่อยเจตจำนงดาบที่หนาวสะท้านออกมา แล้วโจมตีหลินเฟิงทันที
“นักดาบ”
ผู้คนที่อยู่ไม่ไกลต่างตกตะลึง ลมปราณดาบเหมือนกับของหลินเฟิง คนคนนี้เป็ผู้มีจิติญญาแห่งดาบ นักดาบสามารถโจมตีได้อย่างทรงพลัง
“เ้าคิดว่าอาศัยอำนาจดาบก็เพียงพอแล้วหรือ? ไม่ใช่มีแค่เ้าคนเดียวที่มีอำนาจดาบหรอกนะ”
สิ้นเสียงพูดของชายหนุ่มอีกครั้ง ทันใดนั้นอำนาจดาบอันทรงพลังที่ถูกปลดปล่อยอย่างบ้าคลั่งแผ่กระจายไปทั่วอากาศ จนเกิดเสียงกรีดร้องขึ้นมา
อำนาจดาบแผ่กระจายไปในอากาศราวกับว่าสามารถทำลายทุกสิ่งได้
ชายหนุ่มที่แบกดาบไว้ด้านหลัง มีระดับขอบเขตที่แข็งแกร่งมากกว่าหลินเฟิงที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 นอกจากนี้สิ่งที่เหมือนกับหลินเฟิงก็คือ อำนาจดาบ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงหยิ่งผยองเช่นนี้ ที่กล้ารอให้หลินเฟิงใส่หินหยวนเข้าไป จากนั้นก็พูดจาข่มขู่และแย่งชิงหินหยวนจากเขา
ถ้าหากหลินเฟิงไม่มอบหินหยวนให้ เขาจะแย่งชิงห้องฝึกจากหลินเฟิง
“ดีจริงๆ ที่เมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้ไปแย่งชิงห้องฝึก”
คนในฝูงชนบางคนกล่าวอย่างมีความสุขที่หลินเฟิงทำให้พวกเขาหวาดกลัว มิฉะนั้นพวกเขาคงได้ต่อสู้กับชายหนุ่มที่เพิ่งปลดปล่อยอำนาจดาบออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาอยู่ขอบเขตจิติญญาขั้นที่ 4 และรู้วิธีควบคุมอำนาจดาบ พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับชายหนุ่มตรงหน้า
หลินเฟิงต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหลินเฟิงจะเลือกทำเช่นไร
“เ้าพูดถูก! เ้าคิดว่าการอาศัยอำนาจดาบมันเพียงพอแล้วงั้นหรือ?”
หลินเฟิงใช้คำพูดของชายหนุ่มพูดกลับ เขาก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้นดาบปลิดิญญาเริ่มแหวกว่ายไปในอากาศและพุ่งไปข้างหน้า ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง
ในสถานการณ์เช่นนี้หลินเฟิงไม่ได้คิดเื่มอบหินหยวนให้แก่ชายหนุ่ม และไม่คิดจะมอบห้องฝึกให้ กลับกันเขากลายเป็ดุดันมากขึ้น!
ชายหนุ่มรู้สึกตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะกล้าสู้กับเขาเช่นนี้
“มาถึงทางตันแล้ว งั้นข้าจะทำให้เ้าไม่สามารถจับดาบได้อีก”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มจากนั้นก็ดึงดาบออกมาจากด้านหลัง ทันใดนั้นมีแสงสีทองเปล่งประกายระยิบระยับ
“ดาบทองคำ!”
ไม่มีใครคาดคิดว่าดาบยาวของชายหนุ่มจะกลายเป็สีทอง และปลดปล่อยลำแสงที่งดงามราวกับแสงแดดในยามเช้า
“ดาบห่าฝน!”
ชายหนุ่มะโ ทันใดนั้นประกายแสงที่ล้อมรอบคมดาบ ก็ยิ่งทำให้ดาบของเขาเปล่งแสงสว่างไสวขึ้น
“ทักษะดาบช่างตระการตายิ่งนัก นี่มันเหนือกว่าข้ามาก”
ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 บางคนต่างตกตะลึง ชายหนุ่มคนนี้เป็คนที่หยิ่งยโสได้ด้วยระดับทักษะของเขา
หลินเฟิงกำลังตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ ถ้าหากเป็พื้นที่กว้างๆ ก็ยังพอตอบโต้ไปได้ แต่ในพื้นที่แคบๆ เช่นนี้ นอกจากหลินเฟิงจะไม่มีหนทางให้หนีแล้ว ยังไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีจากฝั่งตรงข้ามได้
“ข้าจะทำให้เ้ากระจ่างเองว่า นักดาบมันเป็ยังไง”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างหยิ่งยโส พร้อมทั้งรอยยิ้มอันเ็าที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า
ดาบห่าฝนร่วงโรยลงมา ไม่ว่าจะมุมไหนต่างถูกปิดผนึกไว้หมด
อำนาจดาบของหลินเฟิงที่ปลดปล่อยออกมาจู่ๆ ก็จางหายไป แค่ชั่วพริบตาก็อันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย
“แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้ว?”
บางคนในฝูงชนกล่าวขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นอำนาจดาบของหลินเฟิงหายไป ทำให้พวกเขาต่างสับสน ชายหนุ่มแข็งแกร่งมากและทำให้หลินเฟิงยอมแพ้ได้ หรือหลินเฟิงหยุดใช้อำนาจดาบของเขาเสียเอง เพราะรู้ว่าสู้ต่อไปก็ไร้ความหวัง
ไม่เพียงแต่ฝูงชนเท่านั้นที่มึนงง แต่ชายหนุ่มก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดหลินเฟิงถึงหยุดปลดปล่อยอำนาจดาบของเขา?
ทันใดนั้นสีหน้าที่หยิ่งผยองก็กลายเป็ตกตะลึง
ขณะนั้นลมปราณที่สมบูรณ์แบบได้ปกคลุมร่างกาย จนเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
“นี่มันอะไรกัน?”
ม่านตาของชายหนุ่มหดลง ในขณะที่กลิ่นอายดาบปริศนากลับยิ่งแข็งแกร่งขึ้น มันเกือบทำให้เขาขาดอากาศหายใจ
นี่คือดาบของเขา อำนาจดาบ เจตจำนงดาบ กลิ่นอายดาบ ต่างหลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกัน
ชายหนุ่มมองหลินเฟิงที่ยังเฉยเมยเหมือนก่อนหน้านี้ หัวใจของชายหนุ่มเริ่มเต้นระรัวเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ขอบเขตการผสานดาบ”
ชายหนุ่มก็เป็นักดาบเช่นกัน เขาจึงทราบได้อย่างรวดเร็วว่านี่คือ ‘ขอบเขตการผสานดาบ’ ซึ่งเกิดจากการหลอมรวมของอำนาจดาบ กลิ่นอายของดาบและลมปราณ จนเกิดเป็กลิ่นอายที่น่าเกรงขาม
คาดไม่ถึงว่านอกจากหลินเฟิงจะบรรลุการผสานอำนาจแล้ว ยังรู้แจ้งถึงขอบเขตการผสานดาบอีก คนผู้นี้ช่างมีพร์ที่น่ากลัวนัก
ขอบเขตการผสานดาบ เป็อำนาจอันทรงพลังที่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้
ถึงการโจมตีของหลินเฟิงจะดูไม่ค่อยพิเศษนัก ทันใดนั้นก็ได้ปรากฏหลุมบนดาบของชายหนุ่มและทำให้ดาบของเขาแตกหักทันที
สิ่งที่เกิดขึ้นต่างทำให้ฝูงชนต้องตกตะลึง
เป็ไปได้อย่างไรกัน?
หลินเฟิงกวัดแกว่งดาบธรรมดาๆ แต่กลับทำลายทุกอย่างได้ แต่มันเพียงพอที่จะทำลายดาบห่าฝน
“หนี!”
การแสดงออกของชายหนุ่มจู่ๆ ก็เปลี่ยนไป เขาไม่มีเวลามากพอที่จะโจมตีอีกครั้ง เพราะในเวลานั้นพลังดาบของหลินเฟิงได้กดทับตัวเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถป้องกันได้
พายุราวกับน้ำวนที่ถูกสร้างจากพลังดาบออกมาจากร่างกายหลินเฟิง มันพุ่งตรงไปยังชายหนุ่ม จึงทำให้ชายหนุ่มต้องแข็งทื่อและทรุดตัวลงกับพื้น
ในเวลาเดียวกัน ดาบของหลินเฟิงก็อยู่ตรงหัวใจของเขาแล้ว
ทุกๆ คนต่างก็ประหลาดใจจนร่างกายสั่นเทา ทุกสิ่งล้วนเกินความคาดหมายของพวกเขา หลินเฟิงเพียงแค่โจมตีครั้งเดียวก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ในตอนนี้ชีวิตของชายหนุ่มก็อยู่ในกำมือของหลินเฟิงแล้ว
“เ้ามีความแข็งแกร่งแค่ระดับนี้ แต่ยังกล้าโอ้อวดให้ข้ารู้ว่าอะไรคือนักดาบ?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเฉยชา ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มถึงกับแข็งทื่อและพูดไม่ออก
ความจริงแล้วเขาได้ทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 แล้ว และสามารถใช้อำนาจดาบได้ แต่หลินเฟิงเพิ่งจะทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 ได้ และยังบรรลุขอบเขตการผสาน จึงมีพละกำลังเพิ่มขึ้น
“เพลงดาบของเ้านอกจากไม่เฉียบคมแล้ว มันก็เป็เพียงเพลงดาบที่ตาบอดจากความหยิ่งผยองของตัวเ้า จึงทำให้เพลงดาบขาดความงดงามอย่างที่ควรจะเป็ คนอย่างเ้าย่อมไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกตัวเองว่านักดาบได้”
หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส ในมุมมองของเขานักดาบนั้นควรไล่ตามจุดสูงสุดอย่างไม่ย่อท้อ ใช้ความทะเยอทะยานอันแหลมคมฟาดฟันทุกอุปสรรค มีจิตใจอันแน่วแน่ไม่วอกแวก และไม่หวาดกลัวต่อสิ่งที่ต้องเผชิญ
นักดาบควรมีอำนาจแห่งดาบที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันก็หมั่นเพิ่มเจตจำนงแห่งดาบ คมดาบจึงจะไม่แตกหักและไร้เทียมทาน
แต่หากนักดาบที่เก่งกาจเลือกเดินไปในทางที่ผิด ผลที่ตามมาคงมากเกินความคาดหมาย
“เ้าจะทำอะไรข้า?”
อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่สนใจคำพูดของหลินเฟิง แต่ั์ตากลับจ้องเขม็งไปที่เขา ในใจของชายหนุ่มสนใจแต่ว่าจะหลินเฟิงสังหารเขาอย่างไร
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่ม หลินเฟิงถึงกับส่ายหน้า “เมื่อครู่เขาเพิ่งโวยวายไป ถ้าหากนักดาบไล่ตามเส้นทางแห่งนักรบ ถึงแม้วิธีการของเ้ามันจะเลวทรามต่ำช้าแค่ไหน ข้าก็จะปล่อยเ้าไป แต่ทว่าเ้าทำให้ข้าผิดหวัง เ้ามันทั้งน่าเวทนาและต่ำทราม และยังหยิ่งผยองกับนักดาบ เ้าก็ไม่สมควรที่จะจับดาบอีกต่อไป”
เมื่อหลินเฟิงพูดจบ ดาบยาวของเขาก็เปล่งประกายแสงและแทงออกไป ทันใดนั้นได้มีเสียงกรีดร้องดังไปทั่ว จากนั้นพบว่าดาบได้ตัดไปที่แขนของชายหนุ่ม
“โหดร้าย ไร้ความปรานี” เหล่าผู้คนเริ่มสั่นสะท้าน ในใจต่างคิดว่าดีที่เมื่อครู่ไม่ได้ทำให้หลินเฟิงโกรธ คนคนนี้ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว
เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของอีกฝ่าย หลินเฟิงจึงกล่าวว่า “ไม่ต้องมองมาที่ข้า เมื่อครู่นี้เ้าพูดเองนะว่า จะทำให้ข้าไม่สามารถจับดาบได้อีก ข้าก็ทำมันแล้วนี่ไง ถ้าเ้าอยากจะเกลียดข้าล่ะก็ จงเกลียดความน่ารังเกียจและความเหี้ยมโหดของตัวเ้าเองเถอะ”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า เขาหันหน้าเดินตรงเข้าไปในห้องฝึกโดยไม่สนใจอีกฝ่าย
เมื่อผู้คนได้ยินคำพูดของหลินเฟิงแล้วต่างก็ต่างพยักหน้า ใช่แล้ว… ถ้าหากเปลี่ยนมุมมองเป็ หลินเฟิงพ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่าย ก็เกรงว่าผลที่ได้รับคือหลินเฟิงต้องแขนหัก หลินเฟิงนั้นไม่ใช่คนที่เหี้ยมโหด แต่เป็อีกฝ่ายที่ไปยั่วยุเขาก่อนต่างหาก