"ผู้เล่นมากมายเหล่านี้มาได้อย่างไรกัน?"จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นให้ได้ยิน
"ทำไมถึงไม่วิ่งหนีล่ะ? แล้ววิ่งมาทางนี้ทำไมกัน?"
ฉินโจ้วอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะเหลียวหลังกลับไปอย่างรวดเร็วจึงพบโจรัตาเดียว ซึ่งไม่รู้ว่าโผล่มาั้แ่เมื่อไรกัน เขานั่งอยู่บนอูฐตัวที่ฉินโจ้วเคยรักษาอาการาเ็จนหายดีแล้วเนื่องจากมันเคยได้รับาเ็มาก่อน ฉินโจ้วจึงดูแลมันเป็อย่างดีไม่เคยใช้งานมันเลยสักครั้ง ทำให้ยังคงมีพลังงานอยู่เต็มเปี่ยมแต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าัตาเดียวจะฉกฉวยไปใช้ ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลยโดยที่อูฐตัวก่อนหน้านี้ถูกทิ้งไปไว้อยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบได้ ไม่รู้จักเมตตาสัตว์บ้างเลยไม่แปลกใจถึงได้มาเป็โจร...
"มีมดทหารแห่งทะเลทรายอยู่เต็มไปหมดพวกเราถูกล้อมไว้หมดแล้ว" ัตาเดียวพูดขึ้นอย่างขมขื่นเขาเองก็กำลังคิดหาวิธีหลบหนีอยู่ แต่ไม่มีทางเลือกถึงได้มาติดอยู่แบบนี้นี่มันมดทหารแห่งทะเลทรายนะ ไม่ใช่ญาติเสียหน่อย
"เฮ้... นายที่อยู่ฝั่งโน้นน่ะ นายมาจากทางไหนกัน...มีมดทหารทะเลทรายหรือเปล่า? ผู้เล่นกลุ่มใหญ่เริ่มส่งเสียงทักทายแต่เนื่องจากระยะทางที่ห่างกันเกินไป เสียงที่ได้ยินจึงไม่ชัดเจน แต่ฉินโจ้วก็พอจะเดาได้และเข้าใจความหมาย จึงะโกลับไปว่า "ใช่แล้ว มีมดทหารแห่งทะเลทรายที่นี่พวกมันมีเยอะมาก ตอนนี้ผมเองก็หลงทิศแล้ว แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะอยู่ทุกทิศทางเลย"
ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลดลงจนเหลือไม่ถึงร้อยเมตรแล้วเมื่ออีกกลุ่มได้ยินคำพูดของฉินโจ้ว สีหน้าที่ดูย่ำแย่อยู่แล้วก็ยิ่งดูวิตกกังวลเข้าไปใหญ่พวกเขารวมกลุ่มกันอีกครั้งและเปลี่ยนเส้นทางกันอีกรอบ ทั้งหมดดูร่ำรวยไม่น้อยอูฐที่ขี่อยู่ล้วนเป็อูฐชั้นยอดนั่นคือ ''อูฐร้อยลี้'' ความเร็วและความอดทนนั้นดีกว่าอูฐธรรมดาหลายเท่านักที่ตามหลังพวกเขามาติดๆ ก็คือ ฝูงของมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่จำนวนมากมายมหาศาลซึ่งกำลังแข่งวิ่ง (หนี) มาราธอนกันอยู่ ฝุ่นควันม้วนตลบช่างเป็ภาพที่ยิ่งใหญ่อลังการยิ่งนัก
ในเวลานี้ฉินโจ้วหมดความสนใจที่จะสังหารมอนสเตอร์อีกต่อไปแล้วจึงรีบบังคับให้เสือดำลายพรางปรับเปลี่ยนเส้นทาง แต่คงลืมคิดไปว่านี่เป็มอนสเตอร์ดุร้ายที่ไม่เชื่อง และยังไม่เคยได้รับการฝึกฝนใดๆจึงไม่สามารถเข้าใจคำสั่งของฉินโจ้วได้ เมื่อเขาสั่งให้ไปซ้าย มันก็เลี้ยวไปทางขวาในเวลาสำคัญเช่นนี้ยังอุตส่าห์ทำโซ่ตกจนได้ ทำให้ความโกรธของฉินโจ้วเพิ่มขึ้น เขาจึงเริ่มกระตุ้นเตือนไปที่ร่างของมันเพิ่มมากขึ้นเสือดำลายพรางจึงค่อยๆ เปลี่ยนทิศทาง ดูเหมือนว่าเสือดำลายพรางตัวนี้จะมีความฉลาดอยู่ไม่น้อยจึงทำความเข้าใจได้อย่างไม่ยากนัก ซึ่งอาจเพราะเป็สายพันธุ์ผสมก็เป็ได้จากความล่าช้าที่เกิดขึ้น จึงทำให้ัตาเดียวขึ้นนำหน้าไป
ฉินโจ้วถึงกับก่นด่าชายคนดังกล่าวอยู่ในใจช่างไม่รักษาน้ำใจกันบ้างเลย เฮอะ... แม้กระทั่งอูฐก็ด้วยก่อนจะรีบกระตุ้นม้าของเขา เอิ่ม... ไม่ใช่สิ... กระตุ้นเสือดำของเขาให้ไล่ตามไป
โครม!!
หลังจากเปลี่ยนทิศทางไปได้ราวห้าถึงหกวินาทีก็เกิดเสียงพุ่งชนเข้าใส่อย่างรุนแรงดังขึ้นจากทางด้านหลังไม่ต่างอะไรกับคลื่นสองลูกซัดเข้าหาฝั่ง เสียงของการปะทะกันอย่างรุนแรงแผ่กระจายออกมาจนทำให้เสือดำลายพรางที่ฉินโจ้วขี่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตรถึงกับเซถลาไปด้านข้าง ดูไม่ต่างจากคนเมาฉินโจ้วจึงเหลือบไปมองก่อนจะพบภาพที่ทำให้น่าสลดใจ
มอนสเตอร์สองกลุ่มที่กำลังวิ่งหลบหนีเอาตัวรอดนั้นเกิดวิ่งประสานงาเข้าใส่กันอย่างแรง ผลจากการชนกันนั้นรุนแรงราวกับฟ้าถล่มดินทลายภูผาะเืเืสาดกระเซ็นไหลนองไปทั่วราวกับน้ำพุโลหิต แขนขาฉีกขาด ชิ้นเนื้อปลิวว่อนกลุ่มมอนสเตอร์ที่ปะทะกันได้กลายสภาพเป็พายเนื้อไปเสียแล้วไม่หลงเหลือรูปร่างเดิมให้เห็น หลังจากที่ถูกมอนสเตอร์ที่ตามมาด้านหลังรุกไล่เหยียบย่ำกระหน่ำซัด หลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยไม่เหลือให้เห็นแม้แต่หยดเื ราวกับถูกทรายสีเหลืองดูดกลืนไปจนหมดสิ้น
มอนสเตอร์ที่อยู่ด้านหลังก็ยังคงเบียดเสียดพุ่งเข้าใส่กันอย่างไม่หยุดยั้งเสียงกรีดร้องยังคงดังทะลุทะลวงเหนือชั้นเมฆมอนสเตอร์บางตัวที่รู้สึกตัวได้ทันก่อนที่จะตาย ก็ได้ปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาทำให้จำนวนมอนสเตอร์ที่ตายมีเพิ่มมากขึ้น
มีมอนสเตอร์ตายจากการพุ่งชนในครั้งแรกมากกว่าหนึ่งพันตัวและมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นส่งผลให้มอนสเตอร์มากกว่าสองพันตัวต้องาเ็และล้มตายไปภายหลังความรุนแรงจากการปะทะกันผ่อนคลายลง พื้นที่บริเวณนี้ก็กลายเป็สีแดงสดที่ไม่ต่างจากทะเลเื
หลังจากที่พบว่ามดทหารแห่งทะเลทรายนั้นเคลื่อนที่มาจากสามทิศทางกองทัพมอนสเตอร์ที่เหลือจากการรวมกลุ่มกันได้แล้วก็ตายไปจำนวนไม่น้อยในที่สุดพวกมันก็วิ่งหลบหนีมาทิศทางเดียวกับฉินโจ้วและที่คนอื่นๆ อยู่เสียงกีบเท้าห้อตะบึงดังราวกับเสียงฟ้าคำรามไล่หลังมาฝุ่นเหลืองของทะเลทรายเริ่มฟุ้งกระจาย พื้นดินสั่นะเืเลื่อนลั่นอีกครา
"ว่าแต่... นายเป็ใคร?" ฉินโจ้วถามขึ้นเมื่อไล่ตามกลุ่มผู้เล่นจำนวนมากได้ทันดูเหมือนว่าความสามารถของเสือดำลายพรางนั้นยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
"พวกเราเป็ผู้เล่นที่ตั้งใจมาล่าหาสมบัติที่ทะเลทรายแห่งนี้แต่ไม่คิดว่าจะเผชิญหน้ากับเหล่ามดทหารแห่งทะเลทรายที่กำลังออกหาอาหารในรอบร้อยปีพอดีผลก็คือ พวกเราต้องวิ่งกันป่าราบนี่แหละ... แล้วนายล่ะเป็ใครกัน?" ชายรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา สีหน้ามีความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าสายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเอ่ยถามขึ้น ก่อนจะมองไปยังเสือดำลายพรางที่ฉินโจ้วขี่อยู่ด้วยความประหลาดใจนี่ต้องเป็สัตว์ขี่ระดับสูงเป็แน่
"ผมเองเข้ามาสำรวจทะเลทราย นี่ก็เป็ครั้งแรกแต่ไม่คิดเลยว่าจะเจอเื่ตื่นเต้นเช่นนี้" ฉินโจ้วะโตอบออกไปก่อนจะถามกลับไปว่า "พี่ชาย แล้วเราควรจะทำอย่างไรต่อไป"
"ก็ต้องหนีสุดชีวิตสิ..." ชายผู้นั้นตอบอย่างรวบรัดชัดเจนหลังจากหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ จึงได้ประสานหมัดขึ้น และพูดขึ้นว่า "ผมชื่อ... ''คาวบอยตะวันตก'' ขอถามพี่ชายว่า ชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร?"
"เซียงหยัน (บุหรี่)"ฉินโจ้วตอบออกไปโดยไม่ต้องคิด เพื่อไม่เป็การเสียมารยาท ก่อนจะถามกลับไปว่า"เห็นพวกคุณมากันหลายคนเลย อยู่กลุ่มเดียวกันอย่างนั้นหรือ?"
"ไม่ใช่หรอก เดิมทีพวกเรามีกันยี่สิบกว่าคนเท่านั้นเนื่องจากพวกเราเจอกับมดทหารแห่งทะเลทรายเข้าระหว่างทางจึงทำให้พวกเราถูกฆ่าตายไปจำนวนไม่น้อย เหลือรอดมาได้เพียงแค่สิบคนเท่านั้นก่อนจะมาพบกับคนอื่นในระหว่างทางที่หลบหนีมา ซึ่งพวกเราก็คิดว่า ถ้าเรารวมกลุ่มกันไว้น่าจะพอมีความหวังในการหลบหนีมากกว่ามีคนมากขึ้นอย่างน้อยเมื่อถูกไล่ตามก็ยังมีคนที่จะรอดชีวิตได้จึงได้เดินทางมาด้วยกัน แล้วนายล่ะ... มากันแค่สองคนหรือ?"
"ไม่ใช่หรอก มากันหกคน ตายไปสี่"ก่อนฉินโจ้วจะเหลียวมองกลับไปทางัตาเดียวที่อยู่ด้านหลังซึ่งในตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้พูดโกหกแต่อย่างใด เพียงแต่สี่คนที่ว่านั้นไม่ได้ตายด้วยมดทหารแห่งทะเลทรายแต่เป็เพราะถูกเขาฆ่าตายเท่านั้น
"พวกคุณวิ่งหนีกันมานานแค่ไหนแล้ว แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพวกมดทหารแห่งทะเลทรายพวกนี้มาจากที่ไหนกัน?" ฉินโจ้วถามไปสามคำถามรวดภายในคราวเดียว
"น่าจะราวๆ เจ็ดถึงแปดชั่วโมงได้แล้ว" คาวบอยตะวันตกคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป"ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับเื่มดทหารแห่งทะเลทรายเท่าไรนักแต่เท่าที่รู้มา ดูเหมือนมันจะปรากฏตัวขึ้นทุกๆ หลายร้อยปี ซึ่ง่เวลานั้นไม่แน่นอนและไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่ทุกครั้งที่พวกมันปรากฏตัวขึ้นนั่นก็จะเป็หายนะครั้งใหญ่ในทะเลทรายแห่งนี้ จำนวนของมอนสเตอร์จะลดลงราว 40%ไม่มีใครสามารถทำลายพวกมันลงได้และดูเหมือนจะไม่มีศัตรูตามธรรมชาติอีกด้วย พวกมันเองก็ค่อนข้างลึกลับพอสมควรไม่มีใครรู้ว่าพวกมันมาจากที่ไหนกัน ดูเหมือนว่าั้แ่เริ่มต้นการมีมนุษย์พวกมันก็ถูกเล่าขานอยู่ในตำนานของพวกมนุษย์ั้แ่สมัยโบราณมาแล้ว"
"พวกมันโผล่ออกมาจากใต้ดิน"ผู้เล่นคนหนึ่งที่ชื่อ ''ผ้าไหมพันปลายนิ้ว'' พูดแทรกขึ้นมา ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างหันไปมองที่เขาเป็จุดเดียวเขาย่นคอก่อนจะพูดต่อ "ผมเคยอ่านเจอในหนังสือโบราณที่ไม่สมบูรณ์หลังจากที่ได้ค้นคว้าอยู่เป็เวลานาน ก็ได้พบเกี่ยวกับเื่นี้อยู่บ้างที่พูดถึงการมาของมดทหารแห่งทะเลทราย ซึ่งอธิบายไว้ว่า เป็สิ่งที่น่าหวาดกลัวมากเพราะมันเป็สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น มีจุดประสงค์คือ เพื่อปกป้องบางสิ่งบางอย่างเอาไว้โดยพวกเขาเลี้ยงดูเอาไว้ราวกับเป็สัตว์เลี้ยงเหมือนพวกหมาแมวที่อยู่ในบ้าน
"อะไรนะ?"
ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจไม่มีใครคิดเลยว่าสิ่งที่เป็อันตรายและน่าหวาดกลัวเช่นนี้จะถูกเลี้ยงดูโดยมนุษย์นี่ต้องมีความสามารถมากมายแค่ไหนกันกับมดทหารแห่งทะเลทรายจำนวนมากมายเช่นนี้ฉินโจ้วก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้ ถ้าผึ้งเพชฌฆาตของเขามีความสามารถเช่นนี้พี่ชายคนนี้ไม่กวาดทั้งทะเลทรายเลยหรอกหรือ ไม่ใช่สิ...ทั่วทั้งเขตเหยียนหวงเลยต่างหาก เหล่าผึ้งเพชฌฆาตที่เป็กองกำลังทางอากาศของเขา
"หรือว่ามันกำลังปกป้องสุสานอยู่"ผู้เล่นที่ชื่อ ''แมลงปอแดง'' จู่ๆก็พูดแทรกขึ้น
"ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน" ''ผ้าไหมพันปลายนิ้ว'' ตอบพลางส่ายหน้าแต่ทุกคนก็สังเกตเห็นความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในดวงตา ถึงอย่างนั้นต่างก็เข้าใจเป็อย่างดีจึงไม่มีใครเอ่ยแทรกอะไรขึ้นอีก
"ดูนั่น... เหมือนจะมีผู้เล่นอื่นอีก"ผู้เล่นคนหนึ่งชี้ไปทางด้านหน้าก่อนจะะโขึ้น
ฉินโจ้วเงยหน้าขึ้นมองตรงไปยังเบื้องหน้า ทันใดนั้นร่างกายถึงกับสั่นสะท้าน ในกลุ่มผู้เล่นเจ็ดแปดคนนั้นไม่คิดว่าหนึ่งในนั้นจะเป็คนที่เขารู้จักเสียด้วย ''สาวน้อยร่างเล็ก''นั่นเอง สาวน้อยที่ได้พบกันที่หุบเขาจอมพลและยังได้อยู่ด้วยกันในโลงศพถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนอีกด้วย ไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้มาเจอกันอีกในสถานที่เช่นนี้
ดูเหมือนว่าทั้งเจ็ดแปดคนนี้ไม่ได้มาจากกลุ่มเดียวกันแต่ละคนล้วนดูยิ่งใหญ่ มองดูราวกับตะเกียงที่เปล่งแสงสว่างไสวเป็ประกายเจิดจ้าออกมาทั้งสองฝ่ายซักถามกันอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเรียบร้อยก็มีผู้เล่นคนหนึ่งจากไปในทันที โดยขี่ม้าเหงื่อโลหิตออกไป รวดเร็วปานสายฟ้าสีแดงพุ่งหายลับไปในทันทีส่วนผู้เล่นที่เหลือนั้นก็เข้าร่วมเป็กองกำลังขนาดใหญ่
"นี่... พี่ชายรูปหล่อเราเจอกันอีกแล้วนะ จำฉันได้หรือเปล่า?" สาวน้อยร่างเล็กเหลือบไปเห็นสายตาของฉินโจ้วที่จ้องมองมาก่อนจะโบกมือให้อย่างมีความสุขที่เธอได้เจอกับคนรู้จัก ก่อนจะขี่ม้าเหงื่อโลหิตตรงเข้ามาหา
"อ้าาา... เจอกันอีกแล้ว ถ้าจำไม่ผิดเธอเหมือนจะชื่อ เสี่ยว... เสี่ยวอะไรน้าา..." ฉินโจ้วยิ้มพร้อมหัวเราะร่าท่าทางกระตือรือร้น
''เสี่ยวลี่'' เสี่ยวหลัวลี่เอ่ยขึ้น"ฉันไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่ หรือว่านายกำลังตามหาเมืองโบราณในตำนาน ''โหลวหลาน'' ใช่ไหม?"
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลัวลี่ผู้เล่นทั้งหลายที่อยู่รายล้อมต่างก็นิ่งเงียบ คอยเงี่ยหูฟัง เมื่อฉินโจ้วเหลือบไปเห็นดังนั้น ในใจก็รู้สึกหวั่นพรั่นพรึงอยู่บ้าง แต่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยก่อนจะยิ้มและพูดขึ้นว่า "ใช่แล้ว... ผมก็เคยได้ยินคนพูดถึงเื่นี้อยู่บ้างก็เลยรู้สึกสนใจ ตั้งใจว่าจะมาลองเสี่ยงโชคดูแต่ไม่คิดเลยว่ายังไม่ได้ทันพบเมืองโบราณโหลวหลานก็ดันมาเจอกับมดทหารแห่งทะเลทรายเข้าเสียก่อนดูเหมือนว่าการมาหาสมบัติในครั้งนี้เป็งานที่ค่อนข้างอันตรายอยู่พอสมควร
"ดีเลย... ดีเลย"นายก็มาที่นี่เพื่อมาหาเมืองโบราณโหลวหลานเหมือนฉันเลยถ้าอย่างนั้นเราเดินทางไปด้วยกันเลย จะได้คอยดูแลซึ่งกันและกันและฉันเองก็จะบอกความลับกับนายด้วย ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ฉันได้ค้นหาข้อมูลเป็จำนวนมาก และฉันยังได้เจอกับหมอดูลึกลับคนหนึ่งและได้ซื้อแผนที่มาจากชายชราคนดังกล่าว บอกไว้ก่อนเลยนะว่า สิ่งนี้พิเศษมากไม่เหมือนใครมากับฉันเพื่อทำความฝันของนายให้สำเร็จ เชื่อมือฉันได้เลย"
ไม่รู้ว่าเป็ภาพลวงตาหรือเปล่าฉินโจ้วพบว่าเมื่อเสี่ยวหลัวลี่เอ่ยถึงหมอดูผู้เล่นที่อยู่รายล้อมเขาต่างก็หมดความสนใจที่จะฟังต่อทันที เปลี่ยนท่าทีเป็เฉยเมยดูราวกับไม่ใส่ใจที่จะฟังบทสนทนาระหว่างเขากับเสี่ยวหลัวลี่อีกต่อไป
"ดีเลย... ก่อนอื่นคงต้องขอบคุณเธอก่อน"ฉินโจ้วแสดงออกอย่างซาบซึ้ง
"ไม่เป็ไร ไม่ต้องเกรงใจ"เนื่องจากตอนนี้เราเป็เพื่อนกันแล้ว สำหรับเพื่อนแล้วเสี่ยวลี่ใจกว้างเสมอสุขก็ต้องสุขด้วยกัน ตามฉันมาเลย รับประกันได้ว่านายจะมีเนื้อกินแน่นอน"เสี่ยวหลัวลี่เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ พร้อมกับชูกำปั้นเล็กๆ ขึ้นอย่างแข็งขันหมายความว่าจะดูแลทุกอย่างให้เอง
"สาวงามนามเสี่ยวลี่ผมอยากจะขอถามบางสิ่งจะได้หรือไม่" จู่ๆ คาวบอยตะวันตกก็ก้าวเข้ามาก่อนจะพูดแทรกขึ้น
"ใช่แล้ว... ฉันนี่แหละสาวงามที่ชื่อว่าเสี่ยวลี่ นาย้าถามสิ่งใดถ้าฉันรู้ฉันก็จะบอกให้ แต่ถ้านายไม่รู้ ฉันก็จะบอกอยู่ดี"เมื่อได้ยินใครบางคนเรียกเธอว่าสาวงามเสี่ยวหลัวลี่ก็เผยรอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ผลิบานออกมา เมื่อฉินโจ้วได้เห็นภาพดังกล่าวตรงหน้า เขาก็เดินถอยห่างออกมาเงียบๆ
"คนที่ขายแผนที่ให้กับเธอคือหมอดูที่สวมเสื้อคลุมสีแดงที่ขาดวิ่นและมีไฝที่ใบหน้าด้านซ้าย บนไฝมีขนสามเส้นใช่หรือไม่?" คาวบอยตะวันตกเอ่ยถามขึ้น
"นายรู้ได้อย่างไรกัน?" สีหน้าของเสี่ยวหลัวลี่เปลี่ยนไปสายตาจ้องมองไปยังคาวบอยตะวันตกอย่างระมัดระวังตัว สายตาและท่าทางดูราวกับเด็กสาวผู้อ่อนแอจ้องมองไปยังชายสูงอายุที่ชั่วร้าย
"โอ... สาวน้อย อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด"คาวบอยตะวันตกรีบโบกมือไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะอธิบายด้วยเสียงอันดังว่า"เท่าที่ผมรู้มา แผนที่ที่หมอดูคนดังกล่าวขายให้นั้นเป็ของปลอมเขาได้บอกคุณหรือเปล่าว่า แผนที่นี้นำมาจากสุสานโบราณ ซึ่งมีอยู่ชิ้นเดียวในโลก และยังมีรอยแมลงกัดเป็รูเล็กๆที่มุมซ้ายใช่หรือไม่? ให้ผมเล่าให้คุณฟังไหมมีผู้เล่นเก้าในสิบคนที่้ามาที่ทะเลทรายแห่งนี้ได้ซื้อแผนที่นั่น ซึ่งพวกเขาล้วนถูกหลอกลวงด้วยกันทั้งหมดเวลานี้ทุกคน้าจะตามตัวหมอดูคนดังกล่าวเพื่อชำระสะสางบัญชีกับเขา"
ท่าทางของเสี่ยวหลัวลี่ดูราวกับจะทรุดลงไปกองกับพื้นดูเหมือนว่าที่คาวบอยตะวันตกพูดจะเป็เื่จริง หมอดูคนนั้นบอกว่า แผนที่นี้ได้มาจากสุสานโบราณมีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น และยังมีรูเล็กๆ ที่มุมซ้ายบนอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตรงกันทั้งหมดไฟที่ลุกโชนในใจเวลานี้ดูเหมือนถูกน้ำเย็นราดรดจนมอดดับไปเสียแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นเธอจึงขบกรามแน่นก่อนจะพูดขึ้นว่า "ไอ้หมอดูเฮงซวย... อย่าให้ฉันจับได้ จะจับให้ไปกับโคมลอยแน่บังอาจกล้ามาหลอกลวงแม่คนนี้อย่างนั้นหรือโธ่... ห้าสิบเหรียญทองของฉันหล่นน้ำหายต๋อมไปเสียแล้ว"
จุดไปกับโคมลอย? ฉินโจ้วและคาวบอยตะวันตกถึงกับถอยห่างออกจากเธออย่างรวดเร็วเด็กสาวในตอนนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง ฉินโจ้วก็เคยได้เห็นความแข็งแกร่งของเสี่ยวหลัวลี่มาแล้วและรู้ถึงความสามารถของเธอดีว่าลึกลับจนยากจะคาดเดาได้
"ไปเร็ว มดทหารแห่งทะเลทรายจะไล่ทันแล้ว"ผู้เล่นคนหนึ่งะโขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ฉินโจ้วหันกลับไปมองอย่างรวดเร็วก่อนจะเห็นคลื่นสีดำทะมึนที่เดิมอยู่ห่างออกไปราวหนึ่งลี้ และกำลังใกล้เข้ามาในระยะห้าร้อยเมตรโดยไม่ทันรู้ตัวกระดูกขาววาววับกลิ้งไปมากับพื้น ก่อนจะถูกกลืนหายเข้าไปในฝูงมอนสเตอร์
เนื่องจากต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางกันอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เสียเวลาไปค่อนข้างมากซึ่งส่งผลให้มดทหารแห่งทะเลทรายเข้าประชิดได้ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆกองทัพมอนสเตอร์ที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มคลุ้มคลั่งจึงช่วยไม่ได้ที่กลุ่มผู้เล่นต้องแตกฉานซ่านเซ็นกันออกไปมีผู้เล่นหลายคนะโกรีดร้องอย่างโหยหวน แต่ก็เพียงชั่วเวลาไม่นานเสียงก็เงียบลงไปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเริ่มทำให้ในใจของผู้คนที่เหลือหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นและเตรียมหลบหนีเอาชีวิตรอด
"อ้าาาาา..."
มีผู้เล่นคนหนึ่งถูกดันไปอยู่ข้างหลังสุด เมื่อคลื่นสีดำทะมึนพุ่งเข้ามาถึงผลก็คือ ผู้เล่นและม้าก็หายสาบสูญไป เหลือทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องเท่านั้นเมื่อกระแสคลื่นดังกล่าวพัดผ่านไป ก็เหลือทิ้งไว้เพียงกระดูกสีขาวที่โผล่ขึ้นมาซึ่งถูกกัดกินจนเกลี้ยงเกลา
ความหนาวเย็นจับไปที่ขั้วหัวใจ พวกเขาเร่งกระตุ้นสัตว์ขี่ของพวกเขาอย่างเร็วรี่เพียง้าวิ่งไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร กลุ่มผู้เล่นในเวลานี้กลับลดลงกลายเป็กลุ่มที่เล็กลงเรื่อยๆ จากเดิมที่มีผู้เล่นอยู่ราวหนึ่งร้อยคนเวลานี้เหลือไม่ถึงห้าสิบคนแล้ว การเปลี่ยนทิศทางนั้นก็ถูกเปลี่ยนไปมากมายจนแทบนับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ดูเหมือนว่ามดทหารแห่งทะเลทรายนั้นจะบุกมาจากทุกทิศทุกทางราวกับพวกมันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และกำลังล้อมพวกเขาเอาไว้
"เวลาตายคงจะใกล้เข้ามาแล้ว"ผ้าไหมพันปลายนิ้วเอ่ยขึ้นอย่างสิ้นหวัง คล้ายกับหมดสิ้นหนทาง คนอื่นๆ ก็อยู่ในสภาพเหงื่อไหลโทรมกายแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมา
คาวบอยตะวันตกถึงกับคิ้วขมวด สุดท้ายก็กัดฟันแน่นจิติญญาการต่อสู้ภายในลุกโชนออกมา ก่อนจะะโขึ้นว่า"ในเมื่อพวกเราไม่สามารถหลบหนีได้อีกแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็มาเผชิญหน้ากับมันเราจะลากพวกมดทหารแห่งทะเลทรายลงหลุมไปด้วยกัน"แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนที่เห็นด้วยเพียงน้อยนิดพวกมดทหารแห่งทะเลทรายนั้นน่าหวาดกลัวเกินไป เมื่อมันเคลื่อนที่มาถึงจะมีสักกี่คนที่ต้านมันได้
"ต้องฝังมดทหารแห่งทะเลทรายเท่าไรหรือ? แต่อันที่จริงรสชาติมันออกจะจัดจ้านไปสักหน่อย"แม่มดสาวร่างเล็กส่งเสียงกระซิบขึ้นเบาๆ เมื่อฉินโจ้วได้ยินถึงกับต้องเหงื่อซึมก่อนจะค่อยๆเหลือบหันไปมองคาวบอยตะวันตก แต่ดูเหมือนว่าโชคยังดีที่เขาไม่ได้ยิน
"ดูนั่นสิ... นั่นมันอะไรน่ะ?" ในขณะที่ผู้คนกำลังเริ่มท้อแท้ คอตกก้มหน้า จู่ๆ ก็มีผู้เล่นะโขึ้นและชี้ไปทางด้านหน้า
"อูฐ... อูฐขาวอย่างนั้นหรือ?" เสี่ยวหลัวลี่ถึงกับตาเบิกกว้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
เมื่อฉินโจ้วมองตรงไปยังด้านหน้าก็รู้สึกคล้ายกับมีแสงสว่างวาบเข้าในดวงตา มีอูฐที่สวยงามมากตัวหนึ่งสีขาวบริสุทธิ์ไม่ต่างจากหิมะ ดูเหมือนจะไม่มีขนสีอื่นปะปนอยู่เลยแม้แต่น้อยดูขาวบริสุทธิ์ราวกับิญญาที่เดินออกมาจากหุบเขาหิมะ รูปร่างใหญ่กว่าอูฐธรรมดาเล็กน้อยมีสามหนอก ยืนอยู่เบื้องหน้าห่างออกไปราวสามสิบเมตรเห็นจะได้ดูเด่นเป็สง่าไม่ต่างจากไข่มุกที่ส่องประกายสุกสกาวอยู่ภายใต้แสงตะวัน
"โอ้... ์ อูฐเทพสีขาวดูเหมือนว่าตำนานจะเป็เื่จริง มีอูฐสีขาวอยู่ในโลกจริงๆ ด้วยไม่ต่างจากพรข้อสุดท้ายในทะเลทรายแห่งนี้ พวกเรารอดแล้ว"คาวบอยตะวันตกถึงกับร้องะโออกมาอย่างตกตะลึงด้วยทีท่าที่ดูประหลาดใจมากแต่ถึงอย่างนั้นก็เป็การแสดงความยินดีและชื่นชมเท่านั้น
"อ๊ะ... อูฐนั่นไปแล้ว มันจะไปไหนกัน" ผู้เล่นคนหนึ่งะโขึ้นด้วยท่าทางราวกับเขาสูญเสียสมบัติล้ำค่าไป
อูฐเทพสีขาวนั้นปรากฏกายให้เห็นเพียงครู่เดียวเพียงแค่พริบตาเดียวก็พุ่งหายวับกลายเป็สายฟ้าสีขาวไปความเร็วในการเคลื่อนไหวนั้นไวอย่างยิ่งยวด มีเพียงผู้เล่นไม่กี่คนที่ได้เห็นนอกนั้นพวกเขาแทบไม่เห็นด้วยซ้ำว่าอูฐเทพนั้นหายไปได้อย่างไร
"อยู่นั่นไง... รีบตามไปเร็วตราบใดที่เราตามอูฐเทพสีขาวได้ทันก็ย่อมหนีออกจากวงล้อมของมดทหารแห่งทะเลทรายได้แน่นอน"คาวบอยตะวันตกะโขึ้นดังลั่น โดยไม่สนใจคนที่เหลือ เขารีบควบม้านำโด่งออกไปทันที
"อูฐเทพสีขาว... มันคืออะไรกัน แล้วมันทรงพลังมากอย่างนั้นหรือ?ฉินโจ้วก็อยากรู้เช่นกันจึงรีบไล่ตามไปนี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับอูฐเทพสีขาว เสี่ยวหลัวลี่ก็ไล่ตามเขามาเช่นเดียวกัน
"ทุกคนช่วยระมัดระวังคำพูดด้วยอูฐเทพสีขาวนั้นเป็เทพเ้าแห่งทะเลทราย ไม่สามารถลบหลู่หรือดูิ่ได้ไม่อย่างนั้นแล้วจะต้องพบกับภัยพิบัติมากมาย เนื่องจากอูฐเทพเป็ผู้ส่งสาส์นของพระเ้าที่ส่งมาช่วยเหลือมวลมนุษย์ในยามคับขันและจะเป็ผู้ช่วยให้รอดออกไปได้ทั้งหมด" คาวบอยตะวันตกอธิบายอย่างเร่งรีบสีหน้าค่อนข้างจริงจังในขณะที่อธิบาย
เมื่อฉินโจ้วเห็นสีหน้าท่าทางที่เคร่งขรึมของผู้เล่นคนอื่นๆที่แสดงออกมา ทำให้เขาต้องรีบปิดปากสนิทแน่นโดยเร็ว ใน่ระยะเวลาสามชั่วโมง พวกเขาได้เปลี่ยนเส้นทางไปมาไม่ต่ำกว่าสิบหนทุกครั้งที่อันตรายเข้ามาใกล้ อูฐเทพสีขาวก็จะปรากฏตัวขึ้นมาทันทีเพื่อชี้ทางออกให้กับทุกคน ซึ่งเหมือนกับที่บรรยายเอาไว้ในตำนานเวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า เดิมทีที่พวกเขาได้มาถึงที่ทะเลทรายล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกเกลียดชังแต่ในเวลานี้พวกเขากลับรู้สึกถึงความจริงใจที่มีให้กันอย่างเต็มเปี่ยมเมื่ออยู่ในทะเลทรายสีเหลืองแห่งนี้ทุกคนต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกันอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน และแต่ละคนต่างก็รู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงเมื่อเดินทางมาถึงจุดที่อยู่บนสุดของเนินทรายก่อนจะหยุดกลืนน้ำลายลงคอ
"ในที่สุดก็ออกมาได้แล้วขอบคุณท่านอูฐเทพสีขาว" ผ้าไหมพันปลายนิ้วถึงกับพึมพำ
"ขอบคุณ ท่านอูฐเทพสีขาว" คาวบอยตะวันตกก็พนมมือเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ
ทันใดนั้นเอง ผู้เล่นคนหนึ่งก็ร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังก่อนจะชี้ไปเบื้องหน้าและะโขึ้น "มดทหารแห่งทะเลทราย"ทุกคนต่างลุกขึ้นพรวดราวกับถูกไฟช็อต ก่อนจะเพ่งมองออกไปไกลๆ พร้อมกันสุดปลายทางนั้นคงเป็ทะเลทรายสีเหลือง ว่าแต่มดทหารแห่งทะเลทรายอยู่ไหนกันในขณะที่กำลังจะอ้าปากต่อว่าผู้เล่นคนดังกล่าวว่า ตาฝาดฝ้าฟางจนสายตาดูผิดเพี้ยนไปทันใดนั้นเองร่างของทุกคนก็ต้องสั่นเทิ้ม ต่างก็อ้าปากค้าง ไร้ซึ่งเสียงใดๆดังออกมาให้ได้ยิน
ที่สุดลูกหูลูกตานั้น ภายใต้ท้องฟ้าที่ไกลโพ้นเส้นสีดำเริ่มเคลื่อนไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกลมากจึงทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ทุกคนย่อมเข้าใจดีว่า นั่นคือมดทหารแห่งทะเลทรายไกลเท่าที่สายตาจะมองเห็น เส้นสายสีดำได้เชื่อมต่อกันเรียบร้อยเวลานี้ทุกคนได้ตกอยู่ในวงล้อมแล้ว
ดูท่าพวกเขาจะไม่มีทางหลบหนีออกไปได้อีกแล้ว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้