บทที่ 1 : ทัศนศึกษาสุดพัง กับความลับของยัยหมูตอน
"ฮัลโหลลล! สวัสดีจ้าทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ช่อง 'หอมหอมรีวิว' อีกครั้งนะจ๊ะ! วันนี้แป้งหอมไม่ได้พาทุกคนไปบุกร้านบุฟเฟต์ชาบูที่ไหน แต่โรงเรียนใจดีพามาทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติล่ะ! ดูสิ... บรรยากาศขลังสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ?"
เสียงเจื้อยแจ้วสดใสของเด็กสาวร่างท้วมในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ไซซ์พิเศษ XXL ดังผ่านไมโครโฟนขนาดจิ๋วที่ติดอยู่กับปกเสื้อ เธอถือไม้กันสั่น (Gimbal) อย่างคล่องแคล่ว แพนกล้องไปรอบๆ เพื่อให้ผู้ชมในไลฟ์สดกว่าสองร้อยคนได้เห็นบรรยากาศภายในห้องโถงพิพิธภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยวัตถุโบราณและนักเรียนนับร้อยชีวิต
แม้ใบหน้าของ 'แป้งหอม' จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มร่าเริง แก้มยุ้ยๆ สองข้างแดงปลั่งดูน่าหยิกเหมือนซาลาเปาไส้หมูแดง แต่ั์ตากลมโตภายใต้คอนแทกต์เลนส์สีน้ำตาลกลับฉายแววเหนื่อยล้าที่ซ่อนอยู่ลึกๆ
[คอมเมนต์: น้องแป้งระวังเดินชนของเขานะลูก เดี๋ยวไม่มีตังค์จ่ายนะ 555]
[คอมเมนต์: วันนี้ไม่กินโชว์เหรอ? หิวแล้วอะ รอดูรีวิวลูกชิ้นปิ้งหน้าพิพิธภัณฑ์นะ]
[คอมเมนต์: ร้อนไหมลูก เหงื่อท่วมแล้ว พกยาดมมาหรือเปล่า เป็ห่วงนะ]
แป้งหอมหัวเราะคิกคักตอบโต้คอมเมนต์อย่างเป็ธรรมชาติ "แหม... พี่ๆ ก็ แป้งหอมซุ่มซ่ามแค่เื่กินเท่านั้นแหละจ้า เื่อื่นระวังตัวแจเลยขอบอก ส่วนของกินต้องรอแป๊บนึงนะ ตอนนี้ครูฝ่ายปกครองจ้องตาเขม็งแล้ว ขืนหยิบลูกชิ้นขึ้นมาโซ้ยตอนนี้ มีหวังโดนยึดมือถือแหงๆ"
เธอยกนิ้วป้อมๆ ขึ้นทำท่าจุ๊ปากใส่กล้องอย่างทะเล้น เรียกยอดไลก์และหัวใจให้พุ่งกระฉูดขึ้นมาที่มุมจอ
แต่ทันทีที่เธอกดพักหน้าจอชั่วคราวเพื่อเช็กแบตเตอรี่ รอยยิ้มการค้าเมื่อครู่ก็หุบลงทันที แป้งหอมถอนหายใจยาวเหยียด ไหล่ที่ลู่ลงทำให้เธอดูตัวเล็กลงไปถนัดตา... ถึงแม้ความจริงขนาดตัวของเธอจะยังคงเท่าเดิมจนกินที่ทางเดินก็ตาม
"เฮ้อ... ร้อนชะมัด เหนียวตัวไปหมดแล้ว" เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง มืออูมยกผ้าเช็ดหน้าลายการ์ตูนขึ้นซับเหงื่อที่ไหลย้อยตามซอกคอและไรผมจนเปียกชุ่ม
ความจริงแล้ว แป้งหอมเกลียดการมาทัศนศึกษาที่สุด การต้องพาตัวเองที่มีน้ำหนักกว่า 85 กิโลกรัม มาเดินเบียดเสียดกับฝูงชนในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ มันคือนรกบนดินชัดๆ เสื้อนักเรียนเริ่มเปียกชุ่มจนแนบเนื้อ เผยให้เห็นชั้นไขมันเป็ลอนๆ ที่เธอพยายามปกปิดมาตลอด ไหนจะสายตาของคนรอบข้างที่มองมา... บางคนมองด้วยความเอ็นดูเหมือนเห็นตุ๊กตาล้มลุก แต่ส่วนใหญ่ที่เธอกลัว คือสายตาแห่งความสมเพช
‘ถ้าเลือกได้ ฉันขอนอนตากแอร์เล่นเกมอยู่บ้านดีกว่า’
เธอคิดในใจพลางกวาดสายตามองหาเพื่อนร่วมห้อง... หรือถ้าพูดให้ถูกคือ เธอไม่มีกลุ่มเพื่อนสนิทจริงๆ จังๆ หรอก เพื่อนส่วนใหญ่คบเธอไว้เป็ตัวตลก หรือไม่ก็เอาไว้เป็ 'พร็อพ' ถ่ายรูปเพื่อให้ตัวเองดูผอมเพรียวขึ้นเท่านั้นแหละ
แต่แล้วสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับแผ่นหลังคุ้นเคยของใครบางคน ที่ยืนแยกตัวออกไปอยู่หน้าตู้กระจกโซนเครื่องปั้นดินเผาอย่างโดดเดี่ยว
เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผอมแห้งราวกับไม้เสียบผี สวมแว่นตาหนาเตอะจนแทบมองไม่เห็นดวงตา ผมเผ้ารุงรังเหมือนรังนกกระจอกที่ไม่ได้รับการดูแลมาเป็เดือน เสื้อนักเรียนหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกงข้างหนึ่งดูไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย
'ต้นกล้า' หัวหน้าห้อง ม.4/1... เด็กเรียนระดับท็อปของประเทศ ผู้มีโลกส่วนตัวสูงเสียดฟ้าจนไม่มีใครกล้าปีนขึ้นไปทักทาย
แป้งหอมเผลอกัดริมฝีปากล่างโดยไม่รู้ตัว หัวใจดวงน้อยๆ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยชั้นไขมันหนาเตอะเริ่มเต้นระรัวราวกับกลองเพลงานวัด
ใช่แล้ว... ความลับระดับสุดยอดที่แม้แต่แฟนคลับในช่องก็ไม่รู้ คือการที่ 'ยัยหมูตอน' อย่างเธอ แอบชอบ 'นายแว่นเด็กเนิร์ด' คนนี้มาั้แ่วันปฐมนิเทศ
มันเป็ความชอบที่ดูตลกสิ้นดี เหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันมา เขาคืออัจฉริยะผู้เงียบขรึม ส่วนเธอคือตัวตลกเสียงดังที่วันๆ เอาแต่เื่กิน
‘ดูสิ ขนาดจดงานยังดูจริงจังขนาดนั้น... เท่ชะมัด’ แป้งหอมกรีดร้องในใจ มองดูต้นกล้าที่ก้มหน้าก้มตาจดยิกๆ ลงในสมุดเล่มเล็ก ใบหน้าด้านข้างของเขาแม้จะถูกบดบังด้วยกรอบแว่นหนาและผมที่ปรกหน้า แต่เธอกลับมองเห็นสันกรามคมชัดที่ซ่อนอยู่
"เฮ้ย! หลบหน่อยดิ๊ ยัยรถถัง! ยืนขวางทางอยู่ได้!"
เสียงตะคอกหยาบคายดังขึ้นจากด้านหลัง ปลุกแป้งหอมให้ตื่นจากภวังค์ฝันหวาน ร่างของเธอเซถลาไปข้างหน้าเมื่อถูกกระแทกอย่างแรงจากไหล่ของใครบางคน
"ว้าย!"
แป้งหอมร้องเสียงหลง ดีที่เธอทรงตัวทัน ไม่เช่นนั้นคงได้ล้มหน้าคะมำไปจูบพื้นพิพิธภัณฑ์ให้อับอายขายขี้หน้า เธอหันขวับไปมองต้นเสียง ก็พบว่าเป็กลุ่มนักเรียนชายหลังห้องขาโจ๋เ้าประจำที่ชอบแกล้งเธอ
"อ้าว... นึกว่าใคร ที่แท้ก็เน็ตไอดอลโอ่งันี่เอง โทษทีว่ะ พอดีตัวเธอมันบังทัศนียภาพจนมองไม่เห็นทางเดิน" หัวโจกในกลุ่มหัวเราะร่า พลางหันไปแท็กมือกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน
แป้งหอมหน้าชาจนรู้สึกเหมือนถูกตบ ความอับอายแล่นพล่านไปทั่วร่างจนขอบตาร้อนผ่าว เธอก้มหน้างุด พยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุด (ซึ่งเป็ไปไม่ได้) และขยับตัวหลบไปชิดตู้โชว์
"ขะ... ขอโทษ เราไม่ทันระวังเอง" เธอพึมพำเสียงสั่น
"ระวังหน่อยสิวะ พื้นที่ยิ่งน้อยๆ อยู่ กินที่ชิบเป๋ง" พวกนั้นยังคงพ่นคำพูดร้ายกาจทิ้งท้าย ก่อนจะเดินเบียดเธอผ่านไปพร้อมเสียงหัวเราะเยาะเย้ย
แป้งหอมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มือที่กำด้ามไม้กันสั่นบีบแน่นจนข้อนิ้วซีดขาว น้ำตาเม็ดโตเอ่อคลอขึ้นมาบดบังทัศนวิสัย
ทำไมนะ... ทำไมโลกความจริงมันถึงโหดร้ายกับเธอจัง แค่เธออ้วน มันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ความมั่นใจที่สร้างขึ้นในโลกออนไลน์พังทลายลงไม่เป็ท่าเมื่อเจอกับความเป็จริงอันโหดร้าย
ในขณะที่เธอกำลังพยายามกลั้นสะอื้นอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีกระดาษทิชชูห่อเล็กๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า
แป้งหอมชะงัก เงยหน้ามองผ่านม่านน้ำตา
คนตรงหน้าคือต้นกล้า...
เขามายืนอยู่ตรงนี้ั้แ่เมื่อไหร่ไม่รู้ ใบหน้าภายใต้แว่นหนาเตอะยังคงเรียบเฉย ไร้อารมณ์เหมือนหุ่นยนต์ แต่สายตาของเขากลับมองตรงมาที่เธอ... ไม่ใช่สายตาเหยียดหยาม ไม่ใช่สายตาสงสาร แต่มันเป็สายตาที่อ่านไม่ออก
"เช็ดซะ..." เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นเบาหวิว ราวกับไม่มั่นใจที่จะพูด "เหงื่อ... เข้าตาเดี๋ยวจะแสบ"
แป้งหอมกระพริบตาปริบๆ น้ำตาหยดหนึ่งร่วงเผาะลงบนแก้ม เธอรับห่อทิชชูนั้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ราวกับได้รับของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิต
"อะ... อื้อ ขอบใจนะ... กล้า"
ต้นกล้าไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วขยับแว่นที่ไหลลงมาที่ปลายจมูกแก้เก้อ ความจริงเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และรู้สึกหงุดหงิดแทนเธอจนแทบอยากจะปาหนังสือใส่หัวไอ้พวกนั้น แต่คนอย่างเขาพูดไม่เก่ง ด่าคนไม่เป็ สิ่งเดียวที่ทำได้คือเดินเข้ามายื่นทิชชูให้แบบทื่อๆ นี่แหละ
เขาแอบมองเธอมานานแล้ว... ชอบเวลาที่เธอเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ในโรงอาหารอย่างมีความสุขเหมือนหนูแฮมสเตอร์ ชอบรอยยิ้มตาหยีของเธอเวลาดีใจ แต่พอเห็นเธอเศร้า เขากลับทำตัวไม่ถูก ยิ่งเห็นน้ำตาของเธอ ใจเขาก็ยิ่งกระตุกแปลกๆ
"นักเรียนครับ! มารวมตัวกันตรงนี้ด่วนเลย!" เสียงไกด์หนุ่มประกาศผ่านโทรโข่ง เรียกความสนใจของทุกคน "เราได้รับอนุญาตให้เข้าชมโซนพิเศษแล้วครับ วันนี้มีการจัดแสดง 'คันฉ่องสำริดพันปี' ที่เพิ่งขุดพบ ใครพลาดแล้วจะเสียใจนะ!"
เสียงฮือฮาของนักเรียนดังขึ้น ฝูงชนเริ่มหลั่งไหลไปรวมตัวกันที่กลางห้องโถงราวกับฝูงผึ้งแตกรัง ทำให้เกิดแรงเบียดเสียดมหาศาล แป้งหอมที่ยังยืนงงๆ ถูกกระแสคนดันจนเซไปเซมาเหมือนเรือใบท่ามกลางพายุ
"โอ๊ะ! อย่าดันสิคะ! ขอทางหน่อย!" แป้งหอมร้องประท้วง แต่เสียงของเธอจมหายไปในความวุ่นวาย
"ระวัง!"
เสียงต้นกล้าะโขึ้น เขาพยายามจะเอื้อมมือมาดึงแขนเธอไว้ แต่แรงเบียดของนักเรียนชายนับสิบคนทำให้ทั้งคู่กระเด็นหลุดออกจากวงล้อม ไปทางแท่นจัดแสดงวัตถุโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง
มันคือกระจกทองสัมฤทธิ์บานใหญ่ แกะสลักลวดลายัและหงส์พันเกี่ยวกันอย่างวิจิตรบรรจง แม้จะมีสนิมเขียวเกาะกรัง แต่พื้นผิวกระจกกลับยังคงความเงางามราวกับของใหม่ สะท้อนเงาของพวกเขาที่กำลังพุ่งเข้าไปหามัน
เปรี้ยง!
ไม่ใช่เสียงฟ้าผ่า แต่เป็เสียงรองเท้าของแป้งหอมที่สะดุดขาตั้งป้ายจนหัก ร่างอวบอัดของเธอเสียหลักล้มคว่ำหน้าพุ่งเข้าหาแท่นกระจกเต็มแรง
"แป้ง!"
ต้นกล้าตัดสินใจทิ้งสมุดในมือ กระโจนเข้าไปคว้าข้อมือเธอไว้สุดแรง
แต่ด้วยน้ำหนักตัวของแป้งหอมบวกกับแรงเหวี่ยงจากการล้ม ทำให้ร่างผอมบางของต้นกล้าถูกกระชากตามไปด้วย
วินาทีที่มือของแป้งหอมแตะโดนผิวกระจกเย็นเยียบ และมือของต้นกล้ากำรอบข้อมือเธอไว้แน่น...
ครืดดดดดดดด!
พื้นห้องโถงพิพิธภัณฑ์สั่นะเืเลื่อนลั่นราวกับเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 8 ริกเตอร์!
ไฟในอาคารดับวูบลงพร้อมกันทุกดวง เสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกของนักเรียนและครูอาจารย์ดังระงมไปทั่ว แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ กระจกบานนั้น... มันกำลัง 'ดูด' ร่างของพวกเขาทั้งสองคนเข้าไป!
แสงสีขาวเจิดจ้าสาดส่องออกมาจากหน้ากระจก จนตาพร่ามัวมองไม่เห็นสิ่งใด
ความรู้สึกเหมือนถูกเครื่องปั่นเหวี่ยงหมุนวนไปมาจนเวียนหัว คลื่นไส้ และเ็ปราวกับร่างกายกำลังจะฉีกขาดออกจากกัน
"กล้า! ฮือออออ ช่วยด้วย! แม่จ๋าช่วยหนูด้วย!" แป้งหอมกรีดร้อง หลับตาปี๋ ร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
"อย่าปล่อยมือนะ!" ต้นกล้าะโแข่งกับเสียงวิ้งๆ ในหู ทั้งที่ตัวเองก็กลัวจนตัวสั่น แต่สัญชาตญาณบางอย่างบอกให้เขาห้ามปล่อยมือผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด "จับมือเราไว้แป้ง! จับให้แน่น!"
แรงดูดมหาศาลกระชากร่างของทั้งคู่หลุดเข้าไปในความว่างเปล่าราวกับหลุมดำ
ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงัดในเสี้ยววินาทีต่อมา และเสียงไซเรนเตือนภัยที่ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่งในโลกปัจจุบัน...
โดยไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า การจับมือกันแน่นในครั้งนี้ จะเป็จุดเริ่มต้นของตำนานรักข้ามภพและการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ที่จะทำให้โลกต้องจารึกชื่อของ 'ยัยหมูตอน' และ 'นายแว่น' ไปตลอดกาล!
