ณ ย่านใจกลางเมืองหยุนเฉิงมีตึกสูงตระหง่านห้าสิบห้าชั้นตั้งอยู่ตึกแห่งนั้นเป็สำนักงานใหญ่ของหยิ่นซื่อกรุ๊ปซึ่งอยู่ในเขตเมืองใหญ่ทางชายฝั่งทะเลวันหนึ่งในเดือนมิถุนายนที่ความร้อนของดวงอาทิตย์แผดเผาลงมา ทว่าภายในอาคารสำนักงานแห่งนี้กลับมีอากาศที่เย็นสบาย
เงาใครคนหนึ่งที่เห็นเพียงสีชมพูดูไม่ชัดเจนนักกำลังลงมาจากรถยนต์สีขาวพร้อมกระติกน้ำร้อนในมือ
“คุณหนู มาแล้ว” พนักงานรักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูโค้งคำนับเธอด้วยความสุภาพพร้อมให้เธอผ่านประตูไปอย่างง่ายดาย
สำนักงานในวันหยุดสุดสัปดาห์เงียบเหงากว่าวันทำงานมาก หยิ่นยวี๋โม่เข้าไปในลิฟต์แล้วกดลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดพลางมองดูตัวเลขสีแดงที่วิ่งขึ้นไป้าเรื่อยๆไปด้วย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หยิ่นยวี๋โม่มาที่บริษัท แต่กลับเป็ครั้งแรกที่เธอประหม่าจนหัวใจที่อยู่ในอกซ้ายเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมา
งานของเขาคงจะยุ่งไม่เบา แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ยังต้องมาทำงานแถมทุกๆ คืนกว่าจะกลับถึงบ้านก็หลังตีสามเข้าไปแล้ว
งานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เธอถูกบังคับให้ทำในเื่ที่ไม่อยากทำนั่นคือการเป็เ้าสาวแทนน้องสาวที่หนีงานแต่งไปตอนนี้เธอกลายเป็เ้าสาวคนใหม่และได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่เธอแอบรักมานับสิบปี
แต่หลังจากผ่านพิธีแต่งงาน กลับไม่มีการฮันนีมูนหรือวันหยุดใดๆทั้งสิ้นเพราะเขาเป็รองประธานของหยิ่นซื่อกรุ๊ปดังนั้นในวันที่สองของการแต่งงาน ชายหนุ่มจึงมาทำงานที่บริษัทจนเกือบจะทำให้ทุกคนเข้าใจไปว่าไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้นแม้แต่หยิ่นยวี๋โม่ยังรู้สึกว่าเื่ราวในวันนั้นเป็แค่ความฝันเช่นกัน
หากไม่ใช่เพราะทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้นมาจะต้องเห็นชายหนุ่มอยู่ข้างกายหากไม่ใช่เพราะเธอต้องย้ายออกจากคฤหาสน์ที่อยู่มาเกือบยี่สิบปี เธอคงคิดว่ามันเป็แบบนั้นไปแล้วแต่ตอนนี้เธอไม่ใช่คุณหนูของตระกูลหยิ่นอีกต่อไป เพราะเธอได้กลายเป็คุณนายตระกูลมู่ไปเรียบร้อยแล้ว
แม้บางครั้งเธอจะยังคิดว่าตนเป็คุณหนูตระกูลหยิ่นที่ไม่มีอะไรต้องกังวลก็ตาม
วันนี้เธอได้นำอาหารกลางวันที่เปี่ยมด้วยความรักมาส่งให้กับสามีคนใหม่และยังรวบรวมความกล้ามหาศาลในการมาที่นี่ด้วย
เมื่อเสียงลิฟต์ดังขึ้นพร้อมประตูลิฟต์ที่เปิดออก ความคิดทั้งหมดของหยิ่นยวี๋โม่ก็หายไป
แม้ว่าชั้นบนสุดจะเป็พื้นที่ของห้องผู้บริหารแต่ในส่วนห้องของเลขาผู้บริหารก็อยู่ในชั้นบนสุดเช่นกัน
หยิ่นยวี๋โม่เหลือบไปเห็นประตูใหญ่ของห้องเลขาเปิดอยู่ ดูท่าคนที่มาทำงานในวันนี้คงไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
เมื่อผ่านประตูกระจกเข้าไป เธอก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องของเลขาเมื่อเห็นแบบนั้นหยิ่นยวี๋โม่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ฝ่าเท้าภายใต้รองเท้าส้นเตี้ยสีขาวของเธอจึงไปเหยียบเข้ากับพรมนุ่มๆคุณภาพดีจนเกิดเป็เสียงเสียดสีกันเล็กน้อย
ประตูใหญ่ห้องผู้บริหารทำมาจากไม้มะฮอกกานีสองบานถูกปิดสนิท หยิ่นยวี๋โม่เคาะประตูเบาๆด้วยความสุภาพ แต่กลับไร้เสียงตอบกลับ ดังนั้นมือเล็กของเธอจึงจับลูกบิดประตูและค่อยๆผลักเข้าไปทว่าเมื่อประตูเปิดออกกลับไม่มีใครอยู่ในห้องแม้แต่คนเดียว
ภายในห้องทำงานนี้ไม่เหมือนกับครั้งที่เธอมาสักเท่าไรนักมีบางอย่างเปลี่ยนไป ดูเรียบง่ายแต่ก็เ็าเหลือเกิน ก็คงจะเหมือนกับคนอย่างเขานั่นแหละ
ความรู้สึกของเขาที่มอบให้คนอื่นมีแต่ความเ็าและความเข้าถึงยากและนอกจากวิธีการโหดร้ายในการทำธุรกิจ เขาก็เป็แค่คนที่คาดเดาไม่ได้คนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อมองไปรอบๆ ห้องทำงานเธอก็พบว่ามีสูทสีดำพาดอยู่ที่เก้าอี้ตัวใหญ่นั่นเป็ชุดที่เขาสวมออกจากบ้านใน่เช้า
สูทยังอยู่ที่นี่ แล้วคนล่ะ อยู่ที่ไหน? ทันใดนั้นอุณหภูมิภายในห้องก็ลดลงอย่างน่าประหลาด ทำให้หยิ่นยวี๋โม่ตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุราวกับมันเป็ความรู้สึกแปลกๆที่เธอไม่อาจบรรยายออกมาได้
เธอยังต้องรอเขาไหม? แต่เมื่อมองไปยังใบชาที่อยู่ในกระติกน้ำร้อนบนโต๊ะและนึกลังเลอยู่ในใจ
จู่ๆ ภายในห้องทำงานที่เงียบเชียบ กลับมีเสียงบางอย่างค่อยๆ ดังขึ้นมันเป็เสียงลมหายใจที่แ่เบาและทุ้มต่ำ เสียงนั้นทำเอาหยิ่นยวี๋โม่พรวดพราดลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตามหาที่มาของเสียงอย่างทันที
เธอค่อยๆ เดินไปทีละก้าวจนใกล้เข้าไปทุกที ตอนนี้หยิ่นยวี๋โม่ยืนอยู่หน้าประตูห้องรับรองแขกของท่านประธานและยิ่งเธอใกล้เข้ามากเท่าไร เสียงนั่นก็ยิ่งชัดมากขึ้นเท่านั้น
หยิ่นยวี๋โม่รวบรวมความกล้าและความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะยื่นมือไปที่ลูกบิดประตู
“อ๊า ฉันกำลังจะ...” เสียงนุ่มๆ ของหญิงสาวคนหนึ่งดังเข้าไปในหูของเธออย่างชัดเจน
“นี่เธอรอไม่ไหวแล้วเหรอ” เสียงของชายหนุ่มที่ดังขึ้นช่างดึงดูด เย้ายวนและเจือไปด้วยเสียงครวญคราง
เสียงนี้ช่างคุ้นหูเหลือเกินและแม้หยิ่นยวี๋โม่จะหลับตาฟังเธอก็รู้ว่านี่คือเสียงใคร
เมื่อหยิ่นยวี๋โม่ผลักประตูออกสิ่งที่ปรากฏสู่สายตา คือเสื้อผ้าของหญิงชายที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น บราสีดำลายลูกไม้สุดเซ็กซี่สีเดียวกับกางเกงชั้นในกองรวมอยู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูแล้วช่างขัดหูขัดตาเสียจริง และบนเตียงขนาดใหญ่ในห้องมีร่างเปลือยเปล่าของคนสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างแแ่อยู่ด้วย
ใน่เวลานั้นหยิ่นยวี๋โม่ลืมไปสนิทว่าต้องทำอะไรดวงหน้างามของเธอซีดเผือด สีหน้าท่าทางแข็งทื่อไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ และแม้ว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนแต่เธอก็พอจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นบนเตียงหลังนั้น
สามีของเธอที่เพิ่งจะแต่งงานกันได้หนึ่งสัปดาห์กำลังนัวเนียอยู่บนเตียงกับผู้หญิงอีกคน เป็ภาพที่เธอทนดูไม่ได้เลยจริงๆ
ผู้หญิงที่อยู่บนเตียงคือเลขาของท่านประธานหยิ่นซื่อกรุ๊ป โจวลี่ฉี เธอเห็นหยิ่นยวี๋โม่แล้ว แต่ก็ทำเพียงแค่ยิ้มมุมปากให้เท่านั้นหล่อนก็เอามือทั้งสองข้างโอบเอวของชายหนุ่มโดยไม่อายสายตาใคร “อ๊า…” เสียงนุ่มๆ ทำเอาเสียวซ่านไปถึงกระดูก
จากนั้นเธอก็ใช้เรือนร่างแสนเย้ายวนคลอเคลียกับชายหนุ่มคนนั้นแแ่ยิ่งขึ้นและที่หล่อนจงใจทำแบบนั้นก็เพื่อให้หยิ่นยวี๋โม่เห็น
คุณหนูตระกูลหยิ่นแล้วยังไง? ภรรยาของท่านรองประธานหยิ่นซื่อกรุ๊ปแล้วยังไง? ผู้หญิงที่ทำให้มู่อี้หานหลงรักจนหัวปักหัวปำก็คือเธอ โจวลี่ฉี ต่างหาก
และในขณะที่หยิ่นยวี๋โม่ไม่ทันได้ระวังเธอก็โซซัดโซเซจนไปชนกับบานประตูแล้วพิงประตูบานนั้นเอาไว้ จนมันชนเข้ากับกำแพงอย่างแรงเสียงดังสนั่น จนทำให้ชายหนุ่มบนเตียงก็หันมาสนใจเธอในที่สุด
“โม่โม่?” มู่อี้หานมองไปที่ประตูด้วยสีหน้าซีดเผือด เขาใกับภาพหยิ่นยวี๋โม่ที่อยู่ตรงหน้าจนคิ้วดกดำขมวดแน่นขึ้นมู่อี้หานดึงเสื้อคลุมที่อยู่ข้างกายของตนขึ้นมาสวม แล้วเดินไปตรงหน้าของหยิ่นยวี๋โม่
ลำคอของเขายังมีรอยจูบของโจวลี่ฉีหลงหลงเหลืออยู่ และสีลิปกลอสของหญิงสาวเปล่งประกายแวววาวออกมาจากลำคอจนเห็นได้อย่างชัดเจน
กระทั่งตรงหน้าเธอมีเงาของใครคนหนึ่งผุดขึ้นมา พร้อมกับลมหายใจของชายหนุ่มที่เธอคุ้นเคย แต่ลมหายใจนั้นกลับคละเคล้าไปด้วยความหื่นกระหายจนเธออึดอัด
“ที่รักจ๋า ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าคุณชอบแอบดูคนอื่นเค้ามีเซ็กส์กันด้วย?” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยถ้อยคำเหน็บแนม
หยิ่นยวี๋โม่เงยหน้ามองชายหนุ่ม“คุณ! คุณทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?” ตัวเธอเพิ่งจะเป็ภรรยาของเขาไม่ใช่หรือ?
จริงๆ ก่อนหน้านั้นเธอก็พอจะรู้ว่ามู่อี้หานไม่ได้รักเธอแต่คนที่เขารักมาตลอดคือน้องสาวของเธอต่างหาก และในเมื่อตอนนี้น้องสาวของเธอหายตัวไปแล้วชายหนุ่มจึงยอมหาผู้หญิงคนอื่นโดยไม่ยอมแตะต้องตัวเธอแม้แต่น้อย
“นี่คุณจะโทษผมเหรอ? หรือจริงๆ แล้วคุณก็อยากจะมาร่วมสนุกกับผมกันด้วย?” มู่อี้หานจับคางของหยิ่นยวี๋โม่แน่นโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าในดวงตาคมกริบคู่นั้นของชายหนุ่มคิดอะไรอยู่
แต่ตัวเธอรู้ดี คำพูดของมู่อี้หานไม่ได้มาจากใจจริงของเขา
ั้แ่แต่งงานมาเธอเพิ่งจะเข้าใจว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอ เป็เหมือนเส้นขนานสองเส้น ไม่ว่าเธอจะพยายามเข้าใกล้เขามากเพียงใดแต่สุดท้ายก็ไม่มีวันที่จะได้เขามา
คงเหมือนกับที่เธอรักเขาฝังใจมาเป็สิบปีแต่กลับเป็รักข้างเดียวเท่านั้น และสุดท้ายความรักของเธอก็คงจะค่อยๆจางหายไป
มู่อี้หานค่อยๆ โน้มตัวก้มลงเข้าใกล้เธอและเพียงริมฝีปากของเขาแตะโดนริมฝีปากของหยิ่นยวี๋โม่ เสียงตบดังลั่นก็ดังขึ้นจากใบหน้าหล่อเหลาของเขาทันที