ตอนที่ 2
Warning : มีการกล่าวอ้างอิงถึงการคลุมถุงชน ตัวละครมีความคิดเกี่ยวกับการที่สามีเป็ใหญ่ การให้ค่ากับผู้ชาย (สามี) มากกว่า (男俊女卑) เพราะงั้นใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ไม่โอเคกดปิดได้เลยนะคะ
"ลองหันข้างสักหน่อยนะคะคุณเทียน"
เสียงอ่อนหวานของพนักงานในร้านปักเย็บเสื้อผ้าดังขึ้นเป็ผลให้เทียนอี้ที่ยื่นเหม่ออยู่นานเริ่มได้สติก่อนจะยอมขยับตัวให้ตามคำขอ ชุดแต่งงานสีแดงลวดลายวิจิตรถูกจัดให้เข้ากับรูปร่างของผู้สวมใส่ หญิงสาวเผยรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อชายตรงหน้าช่างดูดีเหมาะกับชุดมงคลชุดนี้เสียเหลือเกิน
"เสร็จสมบูรณ์แล้วค่ะ ดูดีมากเลย"
ดวงตาคมสวยเหลือบมองภาพสะท้อนของตนในกระจกบานใหญ่ ชุดแต่งงานสีแดงสด ถูกออกแบบให้ขลิบด้วยลวดลายัสีทองซึ่งถูกเย็บปักอย่างวิจิตร มีชุดคลุมลวดลายมงคลสวมทับอยู่อีกชิ้น เสื้อผ้าถูกออกแบบให้คล้ายคลึงกับชุดในสมัยจีนโบราณ ซ้ำยังปราณีตในทุกรายละเอียดบนเนื้อผ้าให้สมกับคุณภาพของร้าน
"อีกสักพักท่านเหวินซานน่าจะออกมา คุณเทียนจะนั่งดื่มชารอก่อนไหมคะ"
คำเชิญชวนพร้อมทั้งฝ่ามือที่ผายไปชุดน้ำชาซึ่งถูกวางไว้บนโต๊ะไม้พลันเรียวคิ้วของผู้มองเริ่มขมวดเข้าหากันทันที ชายหนุ่มเงียบนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างไม่สบอารมณ์
"ที่นี่เขาดื่มแต่ชากันหรือไง?"
"กลุ่มจินหลงดื่มชากันเป็หลัก ถ้าไม่อยากลำบากเื่การร่วมโต๊ะอาหารกับคนอื่นก็ควรจะหัดดื่มไว้"
น้ำเสียงทุ้มกังวานดังขึ้นจากบริเวณปากประตูพร้อมกับร่างสูงของผู้พูดในชุดแต่งงานแบบเดียวกันที่เดินอย่างกรายเข้ามาหา จางเหวินซานไม่ว่าจะใส่ชุดอะไรก็ดูดีมีภูมิฐานสมฐานะของตน ทว่าคำพูดที่เพิ่งจะเอ่ยออกมากลับไม่ได้ทำให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด
"ฉันไม่ดื่มชา ต่อให้จับมากรอกปากฉันก็ไม่ดื่ม" คราวนี้คนอายุมากกว่าหลุดแค่นหัวเราะออกมาหนึ่งคำ
"ตอนเด็กๆอาเทียนก็เคยโดนจับเอาชากรอกปากนี่"
ตวงตาคมสวยตวัดมองค้อนคู่สนทนาอย่างเอาเื่เอาราว บรรยากาศระหว่างสองว่าที่สามีภรรยาเป็ผลให้พนักงานสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลเริ่มรู้สึกอึดอัดตามไปด้วย มีข่าวลือหนาหูกล่าวถึนายท่านและว่าที่ภรรยาที่ไม่ถูกคอกันสักเท่าไหร่ ทว่าใครจะไปรู้ว่าจะไม่ชอบพอกันถึงขนาดนี้
ร่างสูงเดินเข้าไปจัดเสื้อผ้าชุดแต่งงานให้ไม่ยับยู่ ดวงตาคมสีรัตติกาลกวาดมองรายละเอียดที่ถูกเย็บปักอยู่บนเนื้อผ้าอย่างพิจารณา ก่อนจะช้อนขึ้นมองสบกับภรรยาผ่านกระจกบานใหญ่เบื้องหน้า
"ชุดนี้ดูดีเข้ากับเธอมาก...ชอบหรือเปล่า?"
"ชุดไหนก็ใส่ได้ทั้งนั้น ฉันไม่ได้เื่มาก"
"รู้ว่าตัวเองเลือกมากไม่ได้ก็ดีแล้ว"
คราวนี้เทียนอี้คิ้วกระตุก ใบหน้าที่บูดบึ้งเป็ทุนเดิมยิ่งบึ้งตึงหนักกว่าเก่าเมื่อได้ฟังคำพูดระคายหู เอ่ยปากโต้เถียงกลับไปทันทีอย่างประชดประชัน ทั้งฝ่ามือที่พยายามหาวิธีถอดชุดแต่งงานนี่ออกเป็พัลวัน
"กวนส้นตีนกันอยู่หรือไง?"
"ปากเก่งกับผู้ใหญ่แบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่า"
เทียนอี้แค่นเสียงหัวเราะในลำคอ คิดว่าคำถามที่ส่งมาจากปากของอีกฝ่ายช่างฟังดูโง่เง่าเสียเหลือเกิน
"เหอะ! ฉันจะทำตัวดีกับใครก็ได้ แต่ผู้ใหญ่อย่างนายน่ะเหรอ---อ่ะ!!"
"ชุดถอดแบบนี้"
ฝ่ามือใหญ่ล้วงเข้าไปในชุดคลุมระเกะระกะ ก่อนจะดึงกระตุกปมเชือกที่ผูกไว้จากทางด้านหลังเมื่อเห็นว่าภรรยาของตนดูจะวุ่นวายซ้ำยังลำบากกับการหาวิธีถอดชุดนี่เสียเหลือเกิน เขาช่วยอีกฝ่ายถอดชุดคลุมตัวนอกออกให้อย่างช้าๆ สวนทางกับคำพูดกระทบกระทั่งที่เอื้อนเอ่ยออกมา
"แล้วเด็กอย่างเธอล่ะ...แค่ถอดชุดแต่งงานยังทำไม่ถูกเลย"
"..."
"หรือว่าทำเป็แต่อย่างอื่น ส่วนเื่แค่นี้คงต้องให้คนอื่นช่วยถอดให้"
คราวนี้คนอายุน้อยกว่าก้าวเท้าถอยหนีทิ้งระยะห่าง ซ้ำยังกระชากเสื้อคลุมที่อีกฝ่ายถือไว้ให้มาถือเอง เขาแค่ไม่คุ้นชินกับการใช้ชีวิตในเมืองที่แตกต่างซ้ำยังมีวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปรับตัวไม่ได้เสียหน่อย
"ฉันทำได้"
เหวินซานเพียงพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายไม่ยึดยื้อต่อ คล้ายกับว่าพอจะเดาสถานการณ์ออกอยู่ก่อนแล้วว่าจะต้องได้รับคำตอบในทำนองนี้กลับมา ร่างสูงก้าวถอยออกมาพลางถอดชุดแต่งงานออกอย่างช้าๆ แอบกระตุกยิ้มเบาๆเมื่อเห็นว่าคนดื้อดึงแอบเหลืองสายตามองตัวอย่างจากเขาเป็ระยะอย่างแเี
"ท่านเหวินซานคะ"
หญิงสาวที่ยืนดูสถานการณ์เอ่ยเสนอตัวเข้าช่วยเหลือทว่าผู้เป็นายกลับยกมือขึ้นปรามไว้ไม่ให้ก้าวเท้าเข้าไปยุ่ง
ตราบกระทั่งผู้เป็สามีเริ่มถอดออกหมดจนเหลือแค่เสื้อสีขาวตัวในเป็ปราการสุดท้าย ทว่าเทียนอี้กลับยังไปได้ไม่ถึงไหน ร่างขาวแอบจิ้ปากอย่างขัดใจในขณะที่เหวินซานเพียงรับเสื้อเชิ้ตและเสื้อสูทจากพนักงานมาสวมใส่อย่างใจเย็นเท่านั้น
"อีกครึ่งชั่วโมงเฮียมีนัดคุยกับแขกคนสำคัญ"
ดวงตาสีน้ำตาลสวยช้อนขึ้นมองสบกันอย่างดื้อดึง สิ่งหนึ่งที่เทียนอี้เกลียดที่ชุดคือการจับเวลานับถอยหลังเพื่อกดดันอย่างที่อีกฝ่ายชอบทำอยู่บ่อยๆ เหวินซานยังคงมีท่าทีสงบเยือกเย็น ทว่าคำพูดจากลับไม่ได้ปรานีผู้ฟังเลยแม้แต่น้อย
"อย่าทำเฮียเสียการเสียงานแค่เพราะความไม่เป็งานของเธอ"
"งั้นก็ไปก่อนสิ ฉันมีเงินติดกระเป๋า อ่านภาษาจีนในฮ่องกงออก ฉันหากลับคฤหาสน์เองก็ได้"
หากฝ่ายนั้น้าจะควบคุมกันอย่างเผด็จการ เช่นนั้นคนอย่างหวังเทียนอี้ก็จะเป็ฝ่ายต่อต้านการถูกบีบบังคับอย่างสุดกำลัง ดวงตาทั้งสองคู่สบกันแน่นิ่งชั่วขณะหนึ่งอย่างไม่มีผู้ใดยอมความ ก่อนที่ผู้เป็สามีจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แอบสบถเสียงเบาแล้วเดินเข้ามาหาเพื่อช่วยถอดชุดแต่งงานออกให้อย่างรวดเร็ว
"อวดดีนัก"
"ฉันอวดดีได้มากกว่าที่คิดอีก"
"ดี"
!!!
เสื้อสีขาวชั้นในสุดถูกปลดกระดุมแล้วดึงกระชากเข้าหากะทันหันจนเ้าของร่างแอบสะดุ้งใเล็กน้อย ระยะห่างถูกลดทอนลงกระทั่งััได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดใบหน้า
เสื้อสีขาวถูกถอดออกจากบริเวณลาดไหล่เผยผิวเนื้อขาวนวลเนียนน่าัั ปลายนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยัักับหัวไหล่มนแล้วออกแรงกดเบาๆ ทั้งริมฝีปากที่เอ่ยกล่าวกระซิบถ้อยคำชัดเจน
"อวดดีอย่างนี้ให้มันได้ตลอดแล้วกันอาเทียน"
"ดูเอาไว้แล้วกัน"
จางเหวินซานแค่นหัวเราะเสียงขึ้นจมูก ละมือออกจากร่างกายของผู้เป็ภรรยาแล้วหยิบเสื้อคลุมของอีกฝ่ายที่ถูกแขวนไว้โยนส่งให้
"เฮียจะคอยดู"
...
21.30 น.
ภายในสถานบันเทิงอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากกว่าที่คิด เสียงดนตรีจังหวะหนักดังลั่นกระหน่ำภายในโถงกว้างดึงดูดให้เหล่าผีเสื้อราตรีได้ออกมาใช้ชีวิตโลดแล่นอยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ดวงตาสีน้ำตาลทอดมองแสงสีที่ตัดสะท้อนกับผู้คนนับร้อยอย่างเบื่อหน่าย
กลุ่มจินหลงมีอิทธิพลมากมายล้นฟ้า มีกำลังควบคุมธุรกิจบนดินและธุรกิจใต้ดินให้ดำเนินต่อไปได้อย่างลื่นไหล ปัญหาที่ตามมาคือการต้องหมั่นตรวจตราดูแลไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด จึงเป็ที่มาของการนั่งอยู่ในสถานที่แบบนี้ ครั้นเมื่อหันกลับมาจึงพบกับเหวินซานที่นั่งไขว่ห้างทอดสายตาจดจ้องมาที่เขาจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอยู่ก่อนแล้ว
"มองอะไร"
"เฮียคิดว่าเธอชอบสถานที่แบบนี้"
"ฉันไม่ชอบที่ที่คนพลุกพล่าน"
"อยู่ที่นี่ต้องเจอคนพลุกพล่าน"
เหวินซานละสายตาจากใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วกวาดมองความเป็ไปของผับที่ดูจะประสบความสำเร็จและพัฒนาต่อยอดขึ้นไปได้เรื่อยๆ ถ้วยชาราคาแพงถูกยกขึ้นดื่มช้าๆ ก่อนที่ดวงตาสีรัตติกาลจะหันกลับไปมองคนที่อยู่ตรงข้ามกันอีกครั้ง
กลุ่มจินหลงยึดหลักวัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิมมาประยุกต์ใช้ในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็เสื้อผ้า การตกแต่งสถานที่อยู่อาศัย หรือกระทั่งสถานที่บันเทิงแห่งนี้ที่ใช้สีแดงเป็หลัก โคมไฟสีนวลยังคงถูกประดับไปด้วยรูปปั้นสัตว์เทพนิยายของจีน ซ้ำยังมีตัวช่วยผ่อนคลายอารมณ์ของผู้มาเยี่ยมเยือน เช่นกลิ่นหอมจากเครื่องหอมที่ตั้งอยู่บริเวณโต๊ะวีไอพีที่เขานั่งอยู่ตอนนี้
"อยู่ในผับก็ยังดื่มชาหรือไง"
มือที่ยกแก้วชาขึ้นจรดริมฝีปากหยุดชะงักนิ่งกะทันหันเมื่อได้ยินถ้อยคำทักท้วง ดวงตาคมหลุบลงมองแก้วน้ำสีอำพันในมือของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปทั้งน้ำเสียงและท่าทางที่ยังคงนิ่งสงบ
"คิดว่าเฮียจะต้องชอบดื่มของมึนเมาแบบเธอด้วยหรือไง?"
"เป็ถึงเ้าพ่อในฮ่องกงแต่ดื่มอะไรแบบนี้ไม่เป็ นายท่านไม่คิดว่ามันน่าอายไปหน่อยเหรอ"
หวังเทียนอี้มีความสามารถในการปั่นประสาทคนอื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ คนอายุมากกว่าเพียงยิ้มมุมปากแค่นหัวเราะเสียงเบาในลำคอ เพิกเฉยต่อคำพูดของคนตรงหน้าแล้วรับเอกสารจัดการรายรับรายจ่ายภายในผับจากมือของบอดี้การ์ดมาเปิดดู
มวนซิการ์หลากหลายขนาดที่จัดเรียงอยู่บนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมาแล้วคาบไว้ในริมฝีปาก ท่ามกลางบรรยากาศเสียงอึกทึกของสถานที่บันเทิง บนโต๊ะวีไอพีเงียบสงบกลับมีเพียงเสียงจุดไม่ขีดไฟและเสียงสูดหายใจเข้ารับสารนิโคติน พร้อมกับกลุ่มควันสีเทาที่ลอยขึ้นสู่อากาศ
บริกรที่ยืนอยู่ไม่ไกลถูกเรียกเข้ามาหาเพื่อฟังคำสั่ง เวลาผ่านไปไม่นาน บรรดาถ้วยชาจึงถูกยกออกไป แทนที่ด้วยแก้วสีใสบรรจุน้ำสีอำพันและขวดสุรายี่ห้อดีที่ถูกตั้งวางไว้ระหว่างคนทั้งสอง
คนอายุมากกว่ารินน้ำสุราใส่แก้วของตนและของภรรยาในปริมาณเท่ากัน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะรู้สึกสนุกสนานไปกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"เฮียจะเล่นกับเด็กอย่างเธอสักวันก็ได้"
ชายหนุ่มเอนแผ่นหลังพิงกับพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย มือซ้ายวางพาดไปกับพนักในขณะที่มือขวาแกว่งน้ำสุราในแก้วไปมาเบาๆ เอ่ยกล่าวถึงข้อตกลงระหว่างกันไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจน
"ถ้าอาเทียนเมา...เฮียจะไม่แบกเธอกลับ"
หวังเทียนอี้ครั้นเมื่อได้ยินมีหรือจะเกรงกลัว มวนซิการ์ถูกตัดส่วนหัวเพื่อจุดไฟแล้วส่งเข้าริมฝีปาก ดวงตาคมสวยตวัดช้อนขึ้นมองสบกับอีกฝ่ายพลางพ่นควันสารนิโคตินออกมาพร้อมกันทั้งทางปากและจมูก ให้ไอควันสีเทาลอยอยู่ในอากาศส่งไปถึงบุคคลฝั่งตรงข้ามอย่างไม่นึกเกรงใจ
"คิดว่าฉันจะคอพับคออ่อนให้แกหิ้วกลับไปหรือไง"
แก้วสุราแก้วแล้วแก้วเหล้าถูกส่งจรดเข้าริมฝีปาก เสียงบีทเพลงที่เคยดังเป็จังหวะหนักอย่างทันสมัยเริ่มแปรเปลี่ยนเป็เสียงเครื่องดนตรีสมัยเก่า เสียงบรรเลงกู่เจิงดังขึ้นเป็จังหวะผ่อนคลาย บรรดาแขกเหล่าที่เคยออกแรงเต้นแสดงลวดลายเริ่มเหนื่อยอ่อน นั่งสิ้นสภาพอยู่บนโต๊ะของตนด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เข้าครอบงำ
ปึก!
เสียงแก้วเหล้าวางกระแทกบนโต๊ะดังขึ้นเป็รอบที่เท่าไหร่ไม่อาจนับ ดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนภาพของชายหนุ่มเบื้องหน้าที่ยังคงรินสุราใส่แก้วให้โดยไม่รู้จักเหนื่อย กลิ่นจากเครื่องหอมที่วางอยู่ปะปนไปกับกลิ่นสุราและสารนิโคตินที่ลอยตลบอบอวลอยู่ในอากาศ ส่งผลให้ผู้ที่สูดดมเข้าไปเริ่มรู้สึกมึนเมาเร็วกว่าปกติ
"อาเทียนเมาแล้วเหรอ"
แม้จะไม่ได้รู้สึกเมาหนัก ทว่าความรู้สึกมึนงงและทัศนวิสัยที่พร่าเบลอเล็กน้อยก็ทำให้รู้ว่าสติสัมปชัญญะที่พึงมีถูกพรากออกไปจนเกือบครึ่ง กระนั้นร่างขาวก็ยังคงดื้อดึงและยืนหยัด เอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่คิดว่ามั่นคงที่สุด
"เหอะ พูดแบบนี้แปลว่าเริ่มเมาแล้วใช่ไหมเหล่ากง? ใครมันจะเมาั้แ่ป่านนี้"
"อืม ใครจะเมาั้แ่ป่านนี้"
ร่างสูงพูดทวนคำด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งสงบ รินน้ำสุราใส่แก้วของคู่สนทนาและของตนอีกครั้ง ก่อนจะยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปาก จิบเบาๆไม่กระดกดื่มเข้าไปจนหมดเหมือนใครอีกคน
"ถ้าอย่างนั้นเธอก็ดื่มมันอีกให้สมใจ"
ร่างสูงสมส่วนหยัดกายลุกขึ้นกะทันหันเรียกความสนใจจากผู้เป็สามีและบอดี้การ์ดที่ยืนดูแลความปลอดภัยอยู่ไม่ไกล น้ำสีอำพันถูกกลืนลงไปในลำคอครั้งเดียวจนหมด
เรือนร่างที่โงนเงนเล็กน้อยจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ก้าวขาข้ามโต๊ะกระจกเข้ามาหา ก่อนจะยื่นมือกดหัวไหล่ของเหวินซานแล้วดันให้เอนหลังพิงกับพนักโซฟาอย่างแรงทั้งที่ตัวเองยังคงยืนค้ำหัวอยู่อย่างเหนือกว่า เหล่าบอดี้การ์ดเตรียมหยิบอาวุธวิ่งเข้าโจมตี ทว่าผู้ถูกกระทำกลับเพียงยกมือขึ้นห้ามอย่างใจเย็นเท่านั้น
"ระวังไว้เถอะจางเหวินซาน"
"..."
"วันไหนที่นายเผลอหรือพลาดพลั้งเมื่อไหร่ ฉันจะเหยียบนายให้จมดิน...ฉันยอมเข้ามาเป็ภรรยาของนายก็เพราะเหตุผลนี้"
แรงบีบบริเวณหัวไหล่เริ่มแรงขึ้นกระทั่งร่างใต้อาณัติขยับตัวเบี่ยงเล็กน้อยเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ มวนซิการ์ในมือถูกคีบเข้าริมฝีปากท่ามกลางบรรยากาศความเงียบสงบชวนอึดอัดที่โอบล้อมรอบกาย เสียงสูดหายใจดังขึ้นเบาๆก่อนที่ควันสารนิโคตินจะถูกพ่นออกมากระทบใบหน้าของคนที่ยืนอยู่เหนือกว่า ตัดสินใจเอ่ยเรียกชื่อของภรรยาด้วยน้ำเสียงแ่เบา
"หวังเทียนอี้..."
"..."
"หงส์งามอย่างเธอคงจะติดนิสัยอยู่เหนือคนอื่น คิดอะไรก็ได้มาสมดั่งใจ"
ดวงหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นเพื่อสบกับดวงตาสีน้ำตาลคมสวยที่ยังคงมองมาที่ตนยังพยศดื้อดึง เรียวนิ้วลูบไปตามบริเวณท่อนแขนของอีกฝ่าย ลากลงมาถึงข้อมือขาวแล้ววางฝ่ามือกอบกุมบริเวณนั้นแแ่ พร้อมกับคำพูดตอกย้ำสถานะที่ถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างจงใจ
"แต่อาเทียนในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับหงส์ปีกหัก.."
"อ้ะ!!"
ข้อมือขาวถูกดึงกระชากอย่างแรงกระทั่งคนที่ถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าครอบงำเริ่มทรงตัวไม่อยู่ เสียหลักล้มลงกับตักกว้างอย่างพอดิบพอดี วงแขนข้างหนึ่งโอบรอบเอวร่างเหนืออาณัติแแ่ เช่นเดียวกับฝ่ามืออีกข้างที่ยกขึ้นประคองหลังท้ายทอยขาวแล้วออกแรงกดบังคับให้ซบใบหน้าลงกับบ่าของตน
"ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากอยู่ใต้อาณัติของคนที่ถืออำนาจเหนือกว่า"
"อึก"
เรียวนิ้วบีบคลึงบริเวณท้ายทอยอย่างอ่อนโยนก่อนจะออกแรงบีบกดอย่างแรงกระทั่งเทียนอี้หลุดร้องออกมาเสียงเบา ฝ่ามือกำเข้าหากันแล้วทุบลงกับบ่าของอีกฝ่ายแรงๆอย่างไม่ยอมแพ้ เช่นเดียวกับแรงบีบบริเวณท้ายทอยที่เริ่มแรงขึ้นจนต้องส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง
"โอ๊ย!!"
"วันนี้เฮียตามใจเธอ แต่คงจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ดูอีกสักที"
ใบหน้าหล่อเหลาหันมองภรรยาที่ซบหน้าลงกับลาดไหล่ของตน ปลายจมูกโด่งเกลี่ยัักับเส้นผมนุ่มสลวย ก่อนจะขบริมฝีปากกัดบริเวณปีกหูที่เริ่มขึ้นสีแดงเรื่อเบาๆกระทั่งร่างในอาณัติสะดุ้งสุดตัวโยน พยายามดิ้นหนีอย่างสุดกำลังเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ
ครั้นเมื่อปราบพยศได้สาแก่ใจจึงวางร่างของภรรยาลงกับโซฟาข้างตัว ปลายมวนซิการ์ถูกบี้ลงกับถ้วยหยกที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ พลางหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วรับเสื้อสูทจากผู้ติดตามมาถือไว้เอง เอ่ยคำสั่งทิ้งไว้ก่อนจะก้าวเท้านำเดินออกไป
"ช่วยประคองอาเทียนไปขึ้นรถที"
...
สติที่เลือนรางเป็ผลให้ทัศนวิสัยเบื้องหน้าพร่าเบลอ หวังเทียนอี้ลืมตาขึ้นทั้งศีรษะที่ยังปวดตุบๆเป็จังหวะ ก่อนจะพบว่าตัวเองถูกอุ้มพาดบ่าตรงไปยังห้องนอนของใครอีกคนที่เขาไม่เคยเข้าไป ไม่รู้ว่าพิษของสุราทำให้วูบหลับไปั้แ่เมื่อไหร่ ครั้นเมื่อถูกจับวางลงบนพื้นใต้ฝักบัว สติที่หลุดลอยก็เริ่มกลับเข้ามาทันที
"ผ้าขนหนูวางอยู่ตรงนั้น อาบน้ำซะ"
ห้องน้ำในห้องนอนของจางเหวินซานหรูหรากว่าที่คิดไว้หลายเท่า ไม่ว่าจะเป็สไตล์การจัดที่อ้างอิงรูปแบบของจีนสมัยเก่า หรือกระทั่งกลิ่นหอมชวนให้ผ่อนคลาย ทว่าในเวลานี้เทียนอี้ไม่ได้อยากจะมาชื่นชมความสวยงามอะไร ในเมื่อตัวเขาไม่ได้อยากอาบน้ำตามคำสั่งของอีกฝ่าย
"ฉันไม่อาบ"
"ถ้าอย่างนั้นก็เดินออกมา"
แม้จะรู้สึกแปลกใจที่ไม่ได้ถูกบังคับหนัก ทว่าคนอย่างหวังเทียนอี้มีหรือจะยอมนั่งให้น้ำโดนตัวอยู่เฉยๆ คนเมาหยัดกายลุกขึ้นทั้งสภาพร่างกายที่โงนเงน ครั้นเมื่อยืนได้เต็มความสูง โลกก็กลับเอียงกะเท่เร่ ต้องยกมือขึ้นคำยันกับผนัง เปิดฝักบัวให้ทำงานโดยไม่ได้ตั้งใจ
ซ่า!!!
"แค่ก!! แม่งเอ้ย!"
หยาดน้ำไหลลงมาจากฝักบัวเป็ผลให้คนที่ยังไม่ได้ตั้งตัวเผลอสูดหายใจสำลักน้ำเข้าไปเต็มคำ เนื้อตัวในชุดเสื้อคอจีนสีน้ำตาลเปียกชุ่ม คำสบถอย่างหงุดหงิดดังลั่นห้องน้ำโดยมีผู้เป็สามียืนกอดอกยิ้มเยาะกันอยู่ไม่ไกล
"เซ่อซ่า"
"เซ่อซ่างั้นเหรอ"
คำปรามาสเป็ผลให้ผู้ฟังเืขึ้นหน้าโดยฉับพลัน อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัวจับคอเสื้อดึงกระชากเข้ามากระทั่งเนื้อตัวเปียกน้ำกันทั้งคู่ ริมฝีปากบางฉีกแย้มรอยยิ้มร้ายอย่างพึงใจเมื่อคนที่สงบเยือกเย็นมาตลอดหลุดตะคอกออกมาเสียงดัง
"เทียนอี้!!"
"อวดดี! เธอนี่มันสร้างปัญหาเก่งไม่เว้นวัน---"
!!!
คนโดนเอ็ดยังคงมีฤทธิ์มากเกินจะรับไหว คอเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกดึงโน้มลงไปเช่นเดียวกับเ้าตัวที่เขย่งตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อขยับใบหน้าเข้าใกล้ ก่อนจะออกแรงกัดริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายอย่างแรงจนเืไหลซิบออกมาเป็ทาง
"ถุด!"
เทียนอี้ผละกายออกมาก่อนจะคายหยาดคาวเืของสามีที่คาอยู่ในปาก ยกหลังมือขึ้นเช็ดรอยเืที่เปรอะเปื้อนริมฝีปากพร้อมกับถ้อยคำปรามาสที่ถูกเอ่ยออกมาอย่างยโสซ้ำยังถือดี พลันสายตาของผู้มองกลายเป็สีเข้มขึ้น
"เหอะ เืเหล่ากงนี่แย่เป็บ้าเลยว่ะ---อื้ม!!!"
ดวงตาสีน้ำตาลสวยพลันเบิกกว้างเมื่อร่างสูงโน้มตัวลงมากระแทกจูบป้อนจุมพิตให้อย่างกะทันกัน สายน้ำจากฝักบัวยังคงไหลลงกระทบพื้นคละเคล้าไปกับเสียงบดจูบและเสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ฝ่ามือขาวกำเข้าหากันแล้วทุบลงกับบ่ากว้างอย่างแรง ก่อนมือทั้งสองจะถูกรวบพันธนาการกดไว้กับกำแพงเหนือหัวด้วยฝ่ามือของคนตรงหน้า
"เงยหน้าขึ้นมา"
"แฮ่ก...อื้อ!!."
ลำคอขาวถูกถอบกุมแล้วบีบอย่างแรงบังคับให้เชิดใบหน้าขึ้นรับจุมพิตได้อย่างถนัดถนี่ กลิ่นคาวเืผสมปนเปไปกลับกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งอยู่ในริมฝีปาก เกลียวลิ้นถูกสอดเข้ามาตวัดเกี่ยวภายใน พลันเสียงหอบหายใจจากร่างใต้อาณัติเริ่มถี่กระชั้นหนักขึ้นเมื่อเริ่มถูกโจมตีหนักจนหายใจไม่ทัน
กระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่บนผนังฝั่งตรงข้ามสะท้อนภาพแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายที่บดบังตัวเขาไว้จนมิด เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกน้ำติดแนบไปกับผิวเนื้อ เผยให้เห็นภาพรอยสักเทพเ้าจีนองค์หนึ่งในชุดนักรบ หน้าตาขมึงทึงดูน่ากลัวทั้งยังเปี่ยมไปด้วยอำนาจในอิริยาบนท่านั่งบนหลังเสือตัวใหญ่ มือขวาถือกระบอง มือซ้ายถือก้อนทอง เบื้องล่างแทบเท้ามีแต่บรรดาทองตกกองอยู่เต็มไปหมด
ทั่วอกข้างซ้าย หัวไหล่ หรือกระทั่งท่อนแขน้ายาวไปจนถึงหลังมือข้างซ้าย มีรอยสักสีน้ำหมึกรูปัประดับอยู่ทั่วทุกบริเวณอณูผิวเนื้อ แม้จะเห็นได้เพียงผ่านเนื้อผ้าตัวบาง ทว่ากลับสามารถแสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามที่ถูกซุกซ่อนภายใต้เนื้อผ้าที่สวมใส่ได้เป็อย่างดี
จังหวะการบดจูบเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆกระทั่งร่างที่ถูกพันธนาการเริ่มเข่าอ่อน หยาดน้ำลายผสมกับหยาดคาวเืไหลย้อยข้างมุมปาก เนื้อตัวเริ่มทรุดลงไปอย่างช้าๆ กระนั้นผู้เป็สามีก็ยังคงโน้มตัวตามลงมาไม่ปล่อยให้เป็อิสระแม้แต่วินาทีเดียว
"แฮ่ก..."
ปลายลิ้นถูกดูดดุนเป็จังหวะสุดท้ายพร้อมกับริมฝีปากที่ถูกขบกัดอย่างแรงจนเืซิบก่อนจะผละตัวออกไป เทียนอี้เชิดใบหน้าขึ้นหอบโกยอากาศเข้าริมฝีปาก พลันถ้อยคำปรามาสจากคนตรงหน้าถูกเอ่ยออกมาให้ได้ยินภายในห้องที่อยู่กันเพียงสองคน
"รสเหล้าในปากของเธอก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน"
"..."
"เฮียคิดว่าเธอควรจะลองหัดดื่มชาบ้าง...เพราะรสของชาในปากเธอคงจะรสชาติดีมากพอดู"
...
"เฮียคิดว่าเธอควรจะลองหัดดื่มชาบ้าง...เพราะรสของชาในปากเธอคงจะรสชาติดีมากพอดู"
- จางเหวินซาน -
...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้