กู้ชิงฮั่นคิดในใจว่านี่มันคำพูดของเด็กยังไม่รู้จักโต แต่มาคิดอีกทีหยางหนิงเองก็ไม่ได้คุ้นเคยเจียงหลิงแม้แต่น้อย จึงไม่แปลกที่จะสงสัยอะไรเช่นนี้
ตระกูลฉีจิ่นอีโหวมีอิทธิพลยิ่งนักในเจียงหลิง เพียงแค่อาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้นก็จะััได้ เจียงหลิงเป็รากเหง้าของตระกูลฉีมายาวนาน อีกทั้งยังเป็หนึ่งในสี่ตระกูลบรรดาศักดิ์ของต้าฉู่ เพราะฉะนั้นอิทธิพลจึงไม่มีผู้ใดเทียบได้ เมื่อพูดถึงเจียงหลิง ทุกคนจะนึกถึงจิ่นอีโหวเป็อย่างแรก
ถึงแม้จิ่นอีโหวจะไม่มีการดึงพรรคดึงพวกในราชสำนักเลย แต่ใครๆ ก็รู้ พื้นที่ในแถบเจียงหลิง เป็พื้นที่ของตระกูลฉี ขุนนางในเจียงหลิง หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลฉี ก็อาจจะไม่มีทางอยู่รอด
บ้านเก่าของตระกูลฉีถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเมืองจิงโจว แต่พ่อบ้านใหญ่จวนเก่าที่เจียงหลิงก็ไม่เคยก้มหัวให้ผู้ใดมาก่อน ถึงแม้จะเป็เ้าเมืองของเมืองจิงโจวก็ตาม เห็นแก่จิ่นอีโหว จึงไม่กล้าทำอะไรกับพ่อบ้านใหญ่ของจวนเก่า ในฐานะตัวแทนของจิ่นอีโหวที่เจียงหลิง กู้ชิงฮั่นจะมีผู้ใดที่กล้าข่มขู่หรือบังคับพ่อบ้านใหญ่ได้
“หนิงเอ๋อ เ้าคิดมากเกินไปหรือไม่?” กู้ชิงฮั่นนิ่งไป แล้วพูดขึ้นมาว่า “เมื่อพวกเราเจอพ่อบ้านใหญ่ เื่อะไรต่างๆ มากมายก็จะกระจ่างเอง”
“ซานเหนียง ไม่ใช่ว่าข้าคิดมากเกินไป” หยางหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “่นี้ หลายๆ เื่ที่เกิดขึ้นกับจวนจิ่นอีโหวมันแปลกขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์เช่นนี้ พวกเราไม่ควรนิ่งนอนใจ”
กู้ชิงฮั่นเห็นหยางหนิงยังคงมีสีหน้าที่จริงจัง จากนั้นก็หยุดยิ้มแล้วพูดว่า “เ้ากำลังหมายความว่าข้าจะถูกผู้อื่นหลอกได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?”
“ซานเหนียง ท่านฉลาดเกินผู้ใด แล้วใครจะหลอกท่านได้เล่า?” หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเพียงแค่รู้สึกว่ามีเื่มากมายที่เปลี่ยนไป คนมากมายก็เปลี่ยนไปได้ทั้งนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นเ้าว่าควรจะทำเช่นไร?” เห็นหยางหนิงเหมือนกำลังใช้ความคิด กู้ชิงฮั่นรู้สึกสนใจยิ่งนัก
หยางหนิงพูดว่า “ซานเหนียง หลายปีมานี้ ท่านอาศัยในเมืองหลวงตลอด ท่านพ่อไปออกรบที่ชายแดน ส่วนเจียงหลิง ก็มอบให้พ่อบ้านใหญ่เป็ผู้จัดการ เกรงว่าพวกท่านยังไม่เข้าใจเจียงหลิงมากนัก”
กู้ชิงฮั่นพยักหน้าแล้วพูดว่า “ที่เ้าพูดมาก็ไม่ผิด ข้าเองก็ไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งหลายปี” จากนั้นนางก็เริ่มครุ่นคิด
“ข้ารู้สึกว่าหากในเวลานี้พวกเราตรงไปยังจวนเก่าเลย ไม่สู้เราปลอมตัวเป็คนธรรมดาไปสำรวจแบบลับๆ ไม่ดีกว่าหรือ” หยางหนิงในที่สุดก็พูดว่า “ลองไปสืบกับชาวบ้านดูก่อนว่าได้จ่ายภาษีกันหรือยัง ให้รู้แน่ชัดว่าสถานการณ์จริงๆ แล้วเป็เช่นไร ถึงเวลานั้นเราไปถึงจวนเก่า เราจะได้รับมือได้ หากไปจวนเก่าเสียก่อน สถาณการณ์เป็อย่างไรเราก็ไม่อาจทราบได้ ทุกอย่างก็อาจจะต้องเป็ไปตามที่พ่อบ้านใหญ่พูดทั้งหมด”
“ปลอมตัวไปสืบแบบลับๆ อย่างนั้นหรือ?” กู้ชิงฮั่นตาลุกวาว “เ้าหมายความว่าให้เราแต่งตัวเป็ชาวบ้านธรรมดาไปสืบอย่างนั้นรึ?”
“หมายถึงข้า ไม่ใช่พวกเรา” หยางหนิงพูดอย่างจริงจัง เห็นกู้ชิงฮั่นเหมือนจะตื่นเต้น จึงถามกลับไปว่า “ซานเหนียง ท่านคงไม่ได้คิดจะปลอมตัวด้วยใช่หรือไม่?”
กู้ชิงฮั่นยิ้ม แล้วย้อนถามกลับไปว่า “แล้วไม่ได้รึ?”
“ไม่ได้” หยางหนิงรีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ท่านเป็ผู้หญิง หากปลอมตัวเป็นักสืบ มันต้องเดินทางเหนื่อยยิ่งนัก ไม่ใช่เื่เล่นๆ เลยนะ ...!” ทันใดนั้นเองก็เหมือนจะเห็นสายตาคู่นั้นของกู้ชิงฮั่นจ้องมาที่ตัวเขา เขาเหลือบไปมอง เห็นสายตาของนางดูโกรธ ครั้งนี้กู้ชิงฮั่นไม่ได้เกรงใจเขาเลยแม้แต่น้อย นางยื่นมือมาจับหูของหนิง ตั้งใจยิ้มอย่างเ็าใส่เขาแล้วพูดว่า “เ้าว่าอย่างไรนะ ไหนลองพูดอีกทีซิ? เดี๋ยวนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้วรึ ที่นี่คำพูดเ้าใหญ่หรือข้าใหญ่?”
หยางหนิงเห็นนางขมวดคิ้ว สีหน้าเกรี้ยวกราดนัก เขาเป็ใคร ถึงจะได้ดูไม่ออกว่ากู้ชิงฮั่นแกล้งทำ ท่าทางสวยงามสง่าเช่นนี้ มันไม่ได้มีกลิ่นอายความอาฆาตเลย หยางหนิงรู้สึกใจสั่น แต่ใบหน้ากลับยังคงยิ้มอย่างลำบากใจแล้วพูดว่า “คำพูดท่านก็ต้องเด็ดขาดที่สุด โอ้ย! ปล่อยมือก่อนจะได้หรือไม่ หูข้าจะขาดอยู่แล้ว”
กู้ชิงฮั่นจึงปล่อยมือออก แล้วจ้องไปที่หยางหนิง แล้วก็หัวเราะ “หึๆ” มันช่างดูน่ารักยิ่งนัก “เ้ารู้ก็ดี ความคิดของเ้าไม่เลวเลย สืบให้รู้สถานการณ์ก่อน ถึงเวลาจะได้สอบถามกับพ่อบ้านใหญ่ได้ถูก เ้ามันช่างกล้าบ้าบิ่นนักนะ หากข้าไม่อยู่ข้างๆ เ้า ใครจะรู้ว่าเ้าจะไปก่อเื่อะไรอีก”
“ซานเหนียงไม่ได้ห่วงว่าข้าจะไปก่อเื่กระมัง” หยางหนิงตั้งใจจับไปที่หู “ท่านเองก็ไม่ได้จะกลับมาที่นี่ง่ายๆ จึงอยากจะไปดูรอบๆ บ้างใช่หรือไม่”
กู้ชิงฮั่นอึ้งไปชั่วครู่ สีหน้าของนางก็เศร้าลง แล้วพูดเบาๆ ว่า “กลับมาครั้งนี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าอีกกี่เดือนกี่ปีจะได้กลับมาอีก อาจจะ... ต่อไปอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลยก็ได้”
หยางหนิงขมวดคิ้ว ในใจรู้ดีว่า ความกลัวของกู้ชิงฮั่นมันคือความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของจิ่นอีโหวทั้งหมด
จวนจิ่นอีโหวในตอนนี้บอกได้เลยว่าตกต่ำอย่างถึงที่สุด ถึงแม้เื่ที่ซื่อจื่อสมองกลับมาปกติแล้วเป็เื่ที่น่ายินดี แต่ก็ยังเด็กนัก ไม่ได้มีรากฐานหรือความรู้อะไรเกี่ยวกับราชสำนักเลย หากเทียบกับท่านจิ่นอีโหวทั้งสองรุ่นที่มีผลงานมากมาย ซื่อจื่อเทียบไม่ได้แม้แต่น้อย
ภายในใจของหยางหนิงและกู้ชิงฮั่นนั้นรู้ดี พวกเขาต่างกังวลว่าจิ่นอีโหวในยุคใหม่นี้จะสามารถแบกภาระอันยิ่งใหญ่ของตระกูลได้หรือไม่
กู้ชิงฮั่นเกิดในตระกูลผู้ดี เห็นความตกต่ำของหลายตระกูลใหญ่มาก็ไม่น้อย ไม่แน่ในใจของนางตอนนี้ อาจจะคิดไปถึงจุดที่เลวร้ายที่สุดแล้วก็เป็ได้
ท่าทางของกู้ชิงฮั่นเศร้า ััได้ถึงความสลดใจของนาง เมื่อเห็นดังนั้น หยางหนิงก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจับมือของกู้ชิงฮั่น แล้วพูดเบาๆ ว่า “ซานเหนียง ท่านวางใจเถอะ ต่อไปท่านอยากจะกลับมาที่นี่เมื่อใด ท่านก็กลับมาได้ตลอดเวลา ข้าจะอยู่ข้างๆ คอยปกป้องท่านเอง”
กู้ชิงฮั่นได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มขึ้นมา นางดึงมือออกมาจากมือของหยางหนิงโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ทำท่าทางยกมือเช็ดไปเช็ดมา มันช่างดูน่าหลงใหลยิ่งนัก
ในเมื่อกู้ชิงฮั่นจะปลอมตัวไปสืบแบบลับๆ กับเขา หยางหนิงเองก็ปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องแอบตกลงกับกู้ชิงฮั่นว่า เสื้อผ้าของกู้ชิงฮั่น ดูก็รู้ว่าเป็ชุดผู้หญิงชนชั้นสูง หากไปเช่นนี้ ไม่อยากให้คนจดจ้องคงทำไม่ได้ ในเมื่อจะแอบไปสืบลับๆ ก็ต้องปลอมตัว ปกปิดสถานะ
จริงๆ กู้ชิงฮั่นคิดจะแต่งตัวเป็เพียงหญิงธรรมดา แต่หยางหนิงกลับคิดว่า ให้กู้ชิงฮั่นปลอมตัวเป็ชายจะดีกว่า เมื่อเป็เช่นนั้นแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดจับจ้องมากนัก
กู้ชิงฮั่นรู้สึกตื่นเต้นกับข้อเสนอของหยางหนิงยิ่งนัก หลังจากตกลงกันเรียบร้อย จึงตัดสินใจว่าจะไม่รีบกลับไปยังจวนเก่า แต่เข้าไปในเมืองจิงโจวก่อน หาโรงเตี๊ยมที่ห่างไกลผู้คน จากนั้นหยางหนิงได้สั่งให้ฉีเฟิงไปหาชุดธรรมดามาสองชุด ฉีเฟิงไม่ทราบว่าซื่อจื่อกำลังคิดจะทำสิ่งใด ก็ได้แต่รับคำสั่งแล้วรีบไป
ตามคำสั่งของหยางหนิง ฉีเฟิงได้ซื้อชุดผู้ชายกลับมาสองชุด หยางหนิงรีบเปลี่ยนชุด ฉีเฟิงเห็นหยางหนิงทำเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ซื่อจื่อ ท่านจะไปเดินเล่นรึ?” เขาคิดแค่ว่าหยางหนิงไม่อยากให้เอิกเกริก ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็ชุดธรรมดาไปเดินเล่นในเมืองจิงโจว
หยางหนิงก็ไม่อยากพูดอะไรมากนัก จึงพูดว่า “ฉีเฟิง คืนนี้พวกเ้าก็พักกันซะในเมืองนี้ คืนพรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางไปยังจวนเก่า หากพวกข้ายังไปไม่ถึง เ้าก็รออยู่ที่นั่นก่อน จำไว้ ห้ามก่อเื่อะไรที่นี่เด็ดขาด”
ฉีเฟิงรู้สึกงุนงง “ซื่อจื่อ ท่านจะแยกกับพวกเราหรือ?”
“อย่าพูดดังไป” หยางหนิงพูดเบาๆ ว่า “ข้ากับฮูหยินสามจะไปเยี่ยมเพื่อนคนหนึ่ง ไม่อยากให้ผู้ใดรู้ คืนพรุ่งนี้เราจะรีบไปสมทบกับพวกเ้าที่จวนเก่า”
“เพื่อนหรือขอรับ?” ฉีเฟิงคิดในใจว่าซื่อจื่อท่านไม่เคยมาเจียงหลิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ท่านจะมีเพื่อนที่นี่ได้อย่างไรกัน หรือว่าฮูหยินสามอยากจะไปพบผู้ใดหรือไม่? หยางหนิงพูดมาเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่อยากจะถามอะไรมากนัก ก็ได้แต่พูดว่า “ซื่อจื่อ ข้าไปกับพวกท่านด้วยจะดีกว่า จะได้คุ้มครองพวกท่านได้”
่นี้ซื่อจื่อเองหากไม่ถูกจับตัวไปก็ถูกลอบสังหาร ฉีเฟิงกับองครักษ์โทษตัวเองมาโดยตลอด ในครั้งนี้เขาติดตามมาคุ้มกัน หากซื่อจื่อเป็อะไรไป เกรงว่าต้วนชางไห่คงต้องตัดหัวเขาไปแน่ๆ
หยางหนิงรู้ดีว่าหากมีแค่เขากับกู้ชิงฮั่น จะไม่ถูกจับตามองมากนัก แต่หากว่าหลายคนนัก จะไม่เป็เื่ดีเสียเปล่า อีกอย่างที่นี่ก็ไม่ไกลจากจวนเก่าตระกูลฉีสักเท่าไหร่ ปลอมตัวไปสืบบริเวณใกล้ๆ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ตัวเขาเองพอจะมีความมั่นใจอยู่
หยางหนิงยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ฉีเฟิงตื่นตัวทันที จากนั้นก็พูดเสียงเข้มว่า “นั่นใคร?”
ด้านนอกไม่มีเสียงตอบรับ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอยู่นาน ฉีเฟิงมองไปที่หยางหนิง แล้วค่อยๆ เดินไปใกล้ๆ แอบคิดในใจว่ากลางวันแสกๆ ในโรงเตี้ยมก็พอมีลูกค้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่น่าจะมีผู้ใดคิดไม่ดีกับซื่อจื่อได้ หากเป็อย่างนั้น มันจะกล้าเกินไปแล้ว จากนั้นก็ดึงประตูอย่างแรง แต่กลับเห็นชายผู้หนึ่งยืนอยู่นอกประตู เขาขมดคิ้วแล้วพูดว่า เ้ามีเื่อะไร?
ชายคนนั้นเอามือไขว้หลัง แล้วเดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เกรงใจ ฉีเฟิงยื่นมือออกไปขวาง หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ฉีเฟิง เ้ามันไม่ได้เื่เอาเสียเลย เ้าดูไม่ออกรึว่านั่นคือใคร?”
ฉีเฟิงดูดีๆ จากนั้นก็พูดอย่างใว่า “ฮู....!”
ชายผู้นั้นหัวเราะ “หึๆ” จากนั้นก็เหลือบไปมองฉีเฟิง แล้วพูดอย่างได้ใจว่า “เ้าดูไม่ออกจริงๆ หรือว่าแกล้งดูไม่ออกกันแน่?”
ชายผู้นั้นคือกู้ชิงฮั่นนั่นเอง ถึงแม้จะเป็ชุดธรรมดา แต่หน้าตาของนางนั้นช่างดูหล่อเหลายิ่งนัก
“หนิงเอ๋อ เ้าว่าข้าเป็อย่างไรบ้าง?” กู้ชิงฮั่นตั้งใจกดเสียงให้ต่ำลง “ดูไม่ออกเลยใช่หรือไม่?”
หยางหนิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฉีเฟิงเ้าคงตาบอดแน่ๆ ซานเหนียง ดูนานๆ เสียหน่อยก็รู้แล้ว ว่าท่านเป็หญิง?”
“หา?” กู้ชิงฮั่นรีบถามกลับไปว่า “เหตุใดเ้าถึงพูดเช่นนี้เล่า? ตรงไหนที่ข้าดูเป็หญิงหรือ?”
หยางหนิงก็ไม่พูดอะไรมากนัก เพียงแค่มองไปที่หน้าอกของกู้ชิงฮั่น กู้ชิงฮั่นนเห็นสายตาของเขาเลื่อนลงไป หน้าก็ร้อนผ่าว เงยหน้าขึ้นมาก็ยังเห็นหยางหนิงยังคงจ้องไปที่หน้าอกของนางอยู่ จึงจ้องกลับไปด้วยสายตาที่ดุดัน นางรู้สึกว่าตอนนี้หน้าของนางร้อนเหมือนไฟเผา จากนั้นก็หันหลังวิ่งออกไปจากห้อง
เวลาที่ทั้งคู่ออกนอกเมืองไป พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ทั้งคู่ขี่ม้าออกไป หยางหนิงย้อนถามไปว่า “ฮูหยินสาม ท่านคุ้นเคยที่นี่มากกว่าข้า เราไปทางไหนก่อนดี?”
“เท่าที่ข้ารู้ ทางตะวันตกของเมืองจิงโจวมีหมู่บ้านอยู่ ที่นั่นเป็พื้นที่ศักดินาของจวนโหว เราไปทางนั้นกันก่อนก็ได้” กู้ชิงฮั่นเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า “สายมากแล้ว ชาวบ้านที่นี่อยู่กันเรียบง่าย ไม่แน่คืนนี้เราอาจจะต้องขอพวกเขาอาศัยสักคืน”
“ได้” หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ฟังคำสั่งของท่านทุกอย่างเลยขอรับ” จากนั้นก็เลื่อนสายตาลงไปมองไปที่หน้าอกของกู้ชิงฮั่น ตอนนี้มองไม่เห็นเนินอกเล็กๆ ของกู้ชิงฮั่นเสียแล้ว ตอนนี้นางเหมือนชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอาการผู้หนึ่ง หยางหนิงอดไม่ได้ที่จะแอบคิดว่า “นางใช้วิธีอะไรกันที่ทำให้มันหายไป? ใช้สายรัดเอวรัดไว้หรือ? แต่ว่าสายรัดเอวจะเอาอยู่รึ ไม่อึดอัดหรืออย่างไร?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้