“ขอโทษค่ะ ้ารับเครื่องดื่มอะไรคะ”
เสียงไพเราะดังขึ้น ฉินหล่างดึงสติกลับมาก่อนจะพบว่าตนเองได้ข้ามถนนมาโดยไม่รู้ตัว จนเดินมาถึงหน้าประตูร้านชานม
เมื่อเห็นเด็กสาวตรงหน้า รูปลักษณ์ของเธอไม่ได้น่าทึ่งมาก แต่ใบหน้าเล็กขาวผ่องกับดวงตาคู่นั้นทั้งใหญ่ ดำขลับ และสดใส ทำให้เธอไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ตอนที่ฉินหล่างกำลังสำรวจสาวน้อยอย่างละเอียด ซูอินก็มองเขาเช่นกัน
ดูดีมากเหลือเกิน…
คิ้วโค้งเรียวดุจดาบ ตาเป็ประกายดั่งดวงดาว จมูกเป็สัน ริมฝีปากได้รูป ทั้งหน้าราวกับผลงานชิ้นเอกที่แกะสลักอย่างประณีตโดยผู้สรรค์สร้าง ชาติก่อนซูอินเห็นไอดอลวัยรุ่นมากมายในวงการบันเทิง คนที่อยู่ตรงหน้า หากเทียบกับไอดอลวัยรุ่นเ่าั้ก็ถือว่าไม่ด้อยไปกว่ากัน หากเปรียบกับเหล่าดารานักแสดง เขายังดูเป็ชายชาตรียิ่งกว่าดาราเ่าั้เสียอีก
เขาสวมเพียงเสื้อยืดสีขาว เสื้อผ้าที่หาได้ง่ายๆ เมื่ออยู่บนร่างกายที่เอวบาง หลังแคบ ทำให้กลายเป็ดั่งสมบัติล้ำค่าของชาติทันที
“มีชานม น้ำปั่น ไอศกรีม และน้ำเลมอน ้ารับอะไรดีคะ”
เมื่อผ่านไปนานแล้วเขายังไม่เอ่ยปาก ซูอินจึงถามอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนลงโดยไม่ตั้งใจ
ฉินหล่างมิได้ชื่นชอบของหวานเหล่านี้ เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะซื้อ ครั้นกำลังจะปฏิเสธ ก็เห็นแววตาสดใสของเด็กสาวที่มองมา สิ่งที่พูดออกไปจึงเป็ตรงกันข้าม
“น้ำเลมอน”
“รอสักครู่นะคะ”
ซูอินวางหรงหรงไว้บนม้านั่ง กำชับให้มันเป็เด็กดีก่อนที่ตนเองจะเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อทำเครื่องดื่ม
น้ำเลมอนทำง่ายมาก หั่นเลมอนเป็แว่นก่อนใส่น้ำเย็นลงไปก็เสร็จเรียบร้อย ร้านทั่วไปจะใช้แผ่นเลมอนตากแห้ง เพื่อความสะดวกและเก็บรักษาง่าย ทว่าพี่หงใส่ใจเื่วัตถุดิบมาก เธอไม่เคยคิดว่าการต้องตื่นเช้าเพื่อซื้อเลมอนสดใหม่ทุกเช้านั้นเป็ปัญหา
ซูอินหยิบเลมอนออกมาจากตู้เย็น นำไปล้างให้สะอาดก่อนจะตัดขั้วออก
เดิมทีเพื่อความสะดวกเธอมักจะเริ่มตัดจากหัว แต่เมื่อหางตาเห็นใบหน้าหล่อเหลานอกเคาน์เตอร์ เธอก็อยากปฏิบัติต่อเขาให้ดียิ่งขึ้นก่อนจะหั่นเลมอนจากตรงกลาง แล้วผ่าชิ้นที่ใหญ่ที่สุดออกมาสองชิ้น
เลมอนฝานเป็ชิ้นสวยงามถูกใส่ลงในแก้วพลาสติกที่เติมน้ำเย็นลงไปเก้าส่วน ใช้เครื่องผนึกปากแก้วแล้วเขย่าเล็กน้อย
“จะเอากลับบ้านหรือเจาะเลยคะ”
ฉินหล่างชะงักเล็กน้อย สายตาของเขามองมือของเธอที่กำลังถือหลอด
ผอมจัง…
แต่ไม่ถึงกับผอมแห้ง ไม่ได้ผอมจนติดกระดูก ผอมกำลังดี เล็บสีชมพูอ่อนถูกตัดสั้น รูปโค้งมนรับกับนิ้วเรียว
ฉินหล่างอาศัยอยู่ในแวดวงชนชั้นสูงในย่านเยี่ยนจิง เขาติดตามผู้าุโไปชมการแสดงศิลปะต่างๆ มากมาย ได้พบเหล่านักแสดงที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน รวมถึงหญิงงามมากหน้าหลายตา
ผู้คนเ่าั้ได้รับการดูแลเอาใจใส่ตลอดทั้งปี ระมัดระวังเื่สุขภาพร่างกายมาก มือทั้งสองข้างได้รับการบำรุงรักษาให้ดูดีอยู่เสมอ แต่หากเทียบกับคนเ่าั้ มือของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ด้อยไปกว่ากันเลย
ซึ่งอันที่จริงดูดีกว่าเสียอีก…
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสมองของเขา ฉินหล่างส่ายหน้าโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันเห็น เมื่อสติกลับมาแล้ว เขาจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจาะเลย”
ซูอินแกะซองใส่หลอด ดันปลายหลอดลงไปอย่างรวดเร็ว เสียงที่ไพเราะดังขึ้นพร้อมกับหลอดที่ถูกเจาะลงไปในแก้ว ก่อนที่เธอจะวางมันไว้หน้าเคาน์เตอร์
“หนึ่งหยวนค่ะ”
ฉินหล่างยื่นมือไปหยิบแก้วเครื่องดื่ม อีกมือก็ล้วงกระเป๋ากางเกง จากนั้นพบว่าไม่ได้นำกระเป๋าสตางค์มา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ปกติแล้วไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่กองทัพ เื่อาหารการกินมักจะมีคนคอยดูแลให้ ตัวเองแทบไม่ต้องจ่าย เขาจึงไม่ชินกับการพกกระเป๋าสตางค์
“ขอโทษนะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปเอาเงินมา”
ซูอินพอจะมองออก อีกทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่เป็ไร ฉันเลี้ยงคุณเอง”
เธอเอ่ยพร้อมดันแก้วพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้งไปข้างหน้าเขาอีกครั้ง เมื่อผลักออกมือก็ััมือของอีกฝ่ายที่ยื่นมาพอดี
นิ้วชี้ของมือขวาััโดนปลายนิ้วของอีกฝ่าย
เมื่อนิ้วัักัน ความรู้สึกอบอุ่นส่งถึงกันโดยไม่ตั้งใจ ความรู้สึกเหมือนไฟช็อร์ต เธอรีบดึงมือกลับ และก้มศีรษะลงด้วยท่าทีประหม่า
ฉินหล่างดึงมือกลับ จ้องน้ำเลมอนตรงหน้า แววตาของเขาจริงจัง ราวกับว่ากำลังศึกษาประเด็นใหญ่เื่เศรษฐกิจระดับประเทศ และการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างไรอย่างนั้น
ร้านชานมเงียบสนิท มีเพียงเสียงพัดลม ในตอนนี้บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัด
ชาติก่อนซูอินใช้ชีวิตจนถึงอายุยี่สิบห้าปี เป็เด็กสาวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยมาโดยตลอด ไม่เคยคบหาใคร และไม่เคยไปมาหาสู่กับผู้ชาย เมื่อกลับชาติมาเกิด ถึงแม้จะเป็คนร่าเริงขึ้น แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ หากไม่เข้าเรียนก็มาทำงาน แทบจะไม่สนใจเื่อื่นเลยสักนิด
ส่วนฉินหล่าง ั้แ่เล็กจนโตเขาเป็คนไม่ค่อยพูด ที่บ้านก็มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แม้ว่าใบหน้านี้จะน่าสนใจ แต่มีเด็กสาวเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเขา เมื่อโตเป็ผู้ใหญ่ก็จดจ่ออยู่กับงาน นอกจากคนในครอบครัว เขาก็แทบจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้าม
เพียงปลายนิ้วัักัน ก่อให้เกิดประสบการณ์ใหม่กับคนทั้งสอง
แก้มของซูอินค่อยๆ เป็สีแดงระเรื่อ มือสองข้างที่อยู่บนเคาน์เตอร์เริ่มอยู่ไม่สุข เขินอายจนไม่รู้จะพูดอะไร เธอััได้ถึงความรู้สึกอุ่นที่ข้อเท้า
เมื่อก้มลงมองก็เห็นก้อนสีขาวกลมๆ กำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่ข้างเท้า
“หรงหรง”
“โฮ่ง!”
เ้าตัวน้อยเงยหน้า ดวงตาสีดำดุจหินออบซีเดียนจ้องมองเธอ ซูอินก้มลงไปอุ้มมันขึ้นมา
เธออดไม่ได้ที่จะคว้ามันไว้ทั้งสองมือ ััขนที่นุ่ม เมื่อถูกขัดจังหวะเช่นนี้ ความเขินอายก็หายไป
นี่มันยุคไหนแล้ว ไม่ใช่ยุคที่หญิงสาวไม่ออกนอกประตูใหญ่ ไม่ล่วงข้ามประตูสอง[1]เสียหน่อย ทว่าเป็แค่ปลายนิ้วัันี่นา
ในใจอดแขวะตัวเองไม่ได้ เธอจึงเงยหน้าและมองไปตรงๆ
“แค่น้ำเลมอนแก้วเดียวเอง ราคาไม่กี่หยวน อีกอย่างดูไปแล้วคุณก็คงไม่ได้ตั้งใจไม่เอากระเป๋าสตางค์มา คุณเอาไปเถอะ”
“ตกลง”
ฉินหล่างไม่ได้ปฏิเสธอีก เขายื่นมือไปหยิบเครื่องดื่ม จากนั้นเอ่ยขอบคุณและเดินจากไป
เขาข้ามถนน ซูอินอุ้มหรงหรงกลับมานั่งที่ม้านั่ง มองร่างสูงของอีกฝ่าย โดยเฉพาะขายาวคู่นั้น
เขาน่าจะสูงสัก 185 เห็นจะได้ ขาเรียวคู่นั้นคงยาวเกือบสองในสามของความสูง ขาที่ทั้งยาวทั้งตรง เวลาที่สวมกางเกงยีนส์นั้นให้ความรู้สึกเหมือนนายแบบที่เดินอยู่บนรันเวย์
ซูอินถูนิ้วที่ัักับอีกฝ่ายเมื่อครู่ ได้เลี้ยงน้ำคนหล่อขนาดนี้ เธอไม่รู้สึกเสียเปรียบเลยสักนิด
เธอหาธนบัตรหนึ่งหยวนจากกระเป๋าด้านนอกของกระเป๋าหนังสือ ก่อนที่จะนำไปใส่ในลิ้นชักเก็บเงิน
ฉินหล่างเดินข้ามถนนพลางดื่มน้ำเลมอนที่พร่องไปอย่างรวดเร็ว ปกติเขาไม่ชอบพวกเครื่องดื่ม แต่น่าแปลก น้ำเลมอนแก้วนี้รสชาติไม่เลวเลย
เครื่องดื่มในแก้วแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งใกล้หมดแล้ว เขามองปลายนิ้วที่มีหยดน้ำเกาะ
ความรู้สึกที่ัักันเมื่อครู่ยังคงชัดเจนในความทรงจำ นุ่มนวล และรู้สึกเย็นเล็กน้อย
เมื่อดูมือที่ถือแก้ว เขาเป็หนี้สาวน้อยคนนี้อีกครั้งแล้ว
เขาควรทำอย่างไรดี
ตรงหน้าครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกเดินผ่านมา บิดามารดาวัยกลางคนและเด็กสาว ผู้เป็บิดาถืออาหารเช้า เด็กสาวกำลังจับมือผู้เป็แม่พร้อมกับพูดไปด้วย เนื่องจากค่อนข้างใกล้ ทำให้ได้ยินเสียงของเด็กสาว
“พวกเราต่างคิดว่านั่นเป็เื่บังเอิญ พอได้ฟังเทปบันทึกนั่นทุกคนต่างใ คนที่ถูกโจมตีหนักที่สุดคือคุณครูหลี่ เธอร้องไห้ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง ตามหาทั้งวันก็ไม่เจอค่ะ”
“เด็กคนนี้ จะต้องให้ความเคารพคุณครูสิ…” ผู้เป็มารดาที่อยู่ข้างๆ พูดโน้มน้าว
ฉินหล่างมิได้สนใจฟังต่อ เขาหมุนตัวเดินเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกล ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดแล้วเข้าไปในห้องผู้จัดการใหญ่ เขาแสดงบัตรประจำตัว ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบบันทึกการข่าวล่าสุด
ไม่นานเขาก็เจอเอกสารใบหนึ่งที่เซ็นชื่อจากเครื่องรูดบัตร วันที่ที่แสดงคือเมื่อสัปดาห์ก่อน ใบเสร็จนั้นมาจากเคาน์เตอร์สวารอฟสกี้ ด้านล่างมีลายเซ็นของอู๋อู๋
“ช่วยถ่ายเอกสารให้ฉันสองแผ่น”
เมื่อได้รับเอกสารที่ถ่ายมาพร้อมต้นฉบับ ผู้จัดการใหญ่มองเขาด้วยแววตาเคารพ หลังจากที่เขาออกมาจากห้างสรรพสินค้าก็กลับไปที่พักของตนเอง
ไม่นานเขาก็ออกมาอีกครั้ง ถือจดหมายและเดินไปที่ไปรษณีย์
ผ่านขั้นตอนดำเนินการต่างๆ ในไปรษณีย์แล้ว จดหมายสองฉบับที่ลงทะเบียนด่วนราวกับติดปีกก็ลอยละลิ่วไปยังกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงตรวจสอบวินัยประจำมณฑล
-----------------------------------------------------------------------
[1] ไม่ออกนอกประตูใหญ่ ไม่ล่วงข้ามประตูสอง หมายถึง คนที่ไม่เคยออกจากบ้านไปสุงสิงกับคนข้างนอก ไม่มีโอกาสได้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก