ตระกูลฉี? ตระกูลฉีใด?
ซ่งอวี้มองหลานชายของผู้ใหญ่บ้านด้วยความฉงน หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ทำท่าทีคล้ายกับว่าตนได้พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาอย่างไรอย่างนั้น แล้วเขาก็รีบวิ่งจากไปด้วยความกระวนกระวาย
บ้าอะไรเนี่ย พูดยังไม่จบก็ไปเสียแล้ว? นางไม่รู้จริงๆ ว่าตระกูลฉีที่เขาพูดถึงหมายความว่าอย่างไร
สีหน้าของซ่งอวี้ฉายความฉงน หลานชายของผู้ใหญ่บ้านบอกให้นางระวังตระกูลฉี หรือว่าระหว่างตระกูลฉีกับนางมีความแค้นต่อกัน?
ซ่งอวี้หวนคิดรอบหนึ่ง แต่นางก็จำไม่ได้แม้แต่น้อย
แต่ว่าในเมื่อหลานชายของผู้ใหญ่บ้านกำชับนางเช่นนี้แล้ว นางก็ไม่คิดจะมองข้าม ตั้งใจว่าจะไปถามป้าหวัง ถึงอย่างไรป้าหวังก็เป็คนกว้างขวางในหมู่บ้านเสี่ยวหนิว เป็คนที่พูดคุยได้กับทุกคน ต้องรู้ว่าตระกูลฉีนี้เป็ตระกูลใดแน่นอน
อย่าว่าไป มาหาป้าหวังนั้นถูกคนแล้ว ซ่งอวี้เพิ่งเล่าเื่ที่หลานชายผู้ใหญ่บ้านบอกกับนางจบ ป้าหวังก็หัวเราะขึ้นทันที
"ตระกูลฉีที่เ้าเคยหมั้นหมายั้แ่เด็กอย่างไรเล่า สมัยที่บิดาและมารดาของเ้ายังมีชีวิตอยู่ ครอบครัวของเ้าร่ำรวยอยู่ระยะหนึ่ง ร่วมกับเห็นแก่หน้าผู้หลักผู้ใหญ่ ในตอนนั้นจึงได้หมั้นหมายเ้ากับบุตรชายตระกูลฉีโดยมีผู้าุโเป็พยาน"
"แต่ว่าในตอนหลัง บิดาและมารดาของเ้าสิ้นใจ เ้าเองก็ไม่มีญาติคนอื่นๆ คอยช่วยเหลือ ตระกูลฉีย่อมปิดเื่งานแต่งงานเอาไว้เป็ธรรมดา"
ป้าหวังคายเปลือกเมล็ดทานตะวัน ถอนหายใจแล้วพูดต่อ "เ้าเองก็มีชีวิตที่ไม่ง่ายเลย เดิมทีชีวิตของเ้าก็ลำบากอยู่แล้ว พวกเขายังทำเช่นนั้นกับเ้า เมื่อสองปีก่อน อิงเหนียงสะใภ้คนใหม่ของตระกูลฉี อยากให้น้องสาวของตัวเองแต่งเข้าตระกูลเดียวกันจึงยั่วยุคนตระกูลฉีทำให้พวกเขาถ่อไปหาผู้าุโเพื่อขอถอนหมั้นเ้า แล้วแต่งงานกับน้องสาวของนางแทน"
ซ่งอวี้กะพริบตาปริบๆ กว่าจะเจอความทรงจำเกี่ยวกับเื่นี้เล็กน้อย ในห้วงความทรงจำนั้น 'เห็นภาพหญิงสาวสวมเสื้อผ้าเก่าๆ ยืนอยู่ท่ามกลางสายตาของผู้คน ถูกผู้คนใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยาม ทว่าหญิงสาวผู้นั้นกลับเข้มแข็งไม่ยอมร้องไห้'
ตอนนี้นางมาอยู่แทนที่ร่างเดิมแล้ว อดีตของร่างเดิมก็ถือว่าเป็อดีตของนางเช่นเดียวกัน ซ่งอวี้ดีใจที่ถอนหมั้นไปแล้ว มิเช่นนั้นนางคงต้องมานั่งคิดหาวิธีอีก แต่ว่า...
"ในเมื่อถอนหมั้นแล้ว เหตุใดหลานชายของผู้ใหญ่บ้านจึงบอกให้ข้าระวังตระกูลฉีเล่า?"
นี่คือสิ่งที่ซ่งอวี้ไม่เข้าใจ หมั้นหมายกันในอดีตและถอนหมั้นแล้ว ไม่ใช่ศัตรูก็เป็คนแปลกหน้า แม้กระทั่งปกติยังไม่ไปมาหาสู่กัน แล้วตระกูลฉีนี้คิดอยากจะทำอะไรกันแน่? ฟังจากความหมายของหลานชายผู้ใหญ่บ้านแล้วคล้ายว่าพวกเขาจะวนเวียนอยู่แถวๆ เรือนของนางบ่อยครั้ง?
ป้าหวังมองขาดกว่าซ่งอวี้เล็กน้อย "จะเพราะอะไรได้เล่า? เวลานี้เ้าซื้อทาส ซื้อที่ดิน ทั้งยังปลูกเรือนสร้างบ้าน ไหนจะมีรถม้ามาที่เรือนเ้าทุกสิบวัน เ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนมากน้อยเพียงใดอิจฉาริษยา? พวกเขาเห็นเ้าร่ำรวยก็นึกถึงสัญญาหมั้นหมายในอดีตขึ้นมา เ้าคิดว่าพวกเขาอยากจะทำสิ่งใดเล่า?"
หรือว่า อยากจะหมั้นหมายกับนางเช่นนั้นหรือ?
ซ่งอวี้หัวเราะในลำคอ "พวกเขาเห็นว่าข้าโง่เขลา คิดอยากจะทำเช่นไรกับข้าก็ได้อย่างนั้นหรือ?"
ตอนนั้นไม่ชอบนาง คนที่ยืนกรานจะถอนหมั้นก็คือพวกเขา เวลานี้เห็นนางร่ำรวย คิดอยากจะหมั้นหมายอีกครั้ง? ในใต้หล้าเอาเปรียบง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไรกัน
"หรือพวกเขาลืมไปแล้วว่าข้าแต่งงานแล้ว?" ซ่งอวี้หัวเราะ ไม่รู้ว่าควรจะประเมินคนในตระกูลนี้อย่างไรจริงๆ
ป้าหวังจิปาก เห็นได้ชัดว่าดูแคลนตระกูลนี้อย่างมาก
"เห็นชัดๆ ว่าพวกเขาอยากจะให้เ้าเป็แม่ไก่ออกไข่ทองคำ จะสนใจเื่เหล่านี้ได้อย่างไร นอกจากนี้สามีของเ้าก็หายไปนานแล้วไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าข้าชอบจุ้นจ้าน แต่สามีของเ้าแค่มองดูก็รู้แล้วว่าเขาไม่เหมือนชาวไร่ชาวนาทั่วไป คนในหมู่บ้านต่างลือกันว่าสามีของเ้ามีภรรยารอเขากลับเรือนอยู่แดนไกล ทิ้งเ้าไปนานแล้ว"
"ตอนที่พวกเขา้าความช่วยเหลือจากเ้า ขอร้องเ้า ย่อมยอมทุกอย่าง แต่พอร่างกายแข็งแรงแล้วก็อีกเื่หนึ่ง จะพูดอย่างไรดีเล่า ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่พูดต่อหน้าเ้า"
คำพูดของป้าหวัง มองสันดานมนุษย์ได้ขาดยิ่งนัก
ซ่งอวี้หมดคำจะโต้ตอบ นางครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ถึงขั้นรู้สึกว่ามีเหตุผล ตอนนางไม่มีที่พึ่งพิง ตระกูลนั้นขับไล่ไสส่งนาง เช่นนั้นตอนที่เห็นว่านางร่ำรวยก็พลิกจากหน้ามือเป็หลังมือ อยากจะมาขอหมั้นหมายก็ไม่ใช่เื่แปลกแต่อย่างใด
แต่นางขี้คร้านจะยุ่งกับคนไร้ยางอายเช่นนี้ ทว่าอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ถึงอย่างไรก็ต้องเจอกัน ซ่งอวี้ไม่รู้ว่าควรจะรับมือกับพวกเขาอย่างไร
ป้าหวังเห็นความลำบากใจของซ่งอวี้จึงช่วยนางคิดหาวิธี
"ซ่งอวี้ ป้าไม่ได้ว่าเ้า เ้าเป็คนดี ทั้งยังทำงานเก่ง แต่เ้าจิตใจดีเกินไป ไม่ว่าผู้ใดป่วยเ้าล้วนช่วยเหลือ เ้ารักษาหายเสมอ นี่คือข้อดีของเ้า ทว่าก็เป็ข้อเสียเช่นเดียวกัน"
"ผู้อื่นเห็นเ้าว่าง่ายเช่นนี้ ย่อมเอารัดเอาเปรียบ หากเ้าไม่ยอมั้แ่แรก พวกเขาก็ไม่มีอะไรเสียหาย ทว่าเมื่อเ้ายอมช่วยครั้งหนึ่ง แล้วพวกเขามาขอความช่วยเหลืออีกครั้ง เ้าจะทำอย่างไร? เ้าจะปฏิเสธหรือว่าจะอดทนต่อ?"
"หากครั้งแรกเ้ายอม แต่ครั้งที่สองกลับปฏิเสธ พวกเขาก็จะเอาไปนินทาได้ ในทางกลับกันหากเ้ายอมทน ผู้อื่นก็จะเอาไปพูดลับหลังว่าเ้าโง่เขลา ไม่ว่าจะทำอย่างไรเ้าก็ถูกนินทาเหมือนเดิม"
ป้าหวังพูดตรงเช่นนี้ ทำให้ซ่งอวี้ใเล็กน้อย นางอยากจะโต้กลับ ทว่าอีกฝ่ายพูดถูกทุกอย่าง
"เช่นเดียวกับครั้งนี้ คนตระกูลฉีรู้สึกว่าเ้าพูดง่าย นิสัยดี จึงคิดอยากจะใช้อุบายกับเ้าไม่ใช่หรือ?" ขณะที่ป้าหวังคายเปลือกเมล็ดทานตะวัน ยังสามารถช่วยซ่งอวี้วิเคราะห์ต่อได้ ช่างเป็คนที่มีความสามารถ
ครั้งนี้ซ่งอวี้ลำบากใจยิ่งนัก ตอนนางช่วยรักษาคน นางไม่ได้รู้สึกอะไร เวลานี้ป้าหวังพูดเช่นนี้นางก็เริ่มพบว่าการกระทำของตนคล้ายจะมีปัญหาจริงๆ
มอบข้าวหนึ่งถุงรำลึกเป็บุญคุณ ทว่าเมื่อเพิ่มข้าวเป็หนึ่งกระสอบกลับนำมาซึ่งความแค้น นางช่วยพวกเขา ทว่าไม่อาจเติมเต็มความโลภและความไม่รู้จักพอของมนุษย์ได้
สุดท้าย ป้าหวังจึงให้คำแนะนำกับซ่งอวี้ นางจะได้รับมือกับคนโลภเหล่านี้ได้ ทำให้ซ่งอวี้วางใจขึ้นมาก
เพราะเื่ที่หลานชายผู้ใหญ่บ้านบอก ซ่งอวี้จึงระมัดระวังตัวมากขึ้น ทุกครั้งที่นางเดินดูงานนางจะคอยสังเกตว่ามีคนอื่นมาปรากฏตัวรอบๆ หรือไม่
อย่าให้พูดเลย นางพบเจอหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งที่เห็นคนมาปรากฏตัวอยู่รอบๆ ล้วนไม่ใช่คนเดิม แม้จะถูกจับได้ก็ตอบเพียงว่ามองด้วยความสงสัยก็รับมือได้แล้วถือว่าฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก
แค่ว่าคนเหล่านี้ไม่เพียงแค่มอง ทั้งยังมาสืบ จึงทำให้นางพบความผิดปกติ
ในตอนหลังแม้กระทั่งหวังเสี่ยวลิ่วก็เห็นถึงความผิดปกตินี้ จึงหาเวลามาเตือนซ่งอวี้ นางพยักหน้ารับ แล้วบอกเขาว่าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น อีกฝ่ายอยากจะรู้สิ่งใด ก็บอกพวกเขาไปตามตรง
หากนางไม่สามารถจัดการคนตระกูลฉีได้ในคราเดียว คาดว่าการรบกวนเช่นนี้คงเกิดขึ้นต่อไปไม่สิ้นสุด ดังนั้นซ่งอวี้จึงคิดจะเล่นแรงเล็กน้อย
สองสามวันหลังจากนั้น ซ่งอวี้ตั้งใจอวดรวยอย่างถ่อมตนต่อหน้าหวังเสี่ยวลิ่วและคนงาน ตอนพวกเขามาถาม นางก็เก็บเครื่องประดับกลับไปอย่างถ่อมตน บอกว่าเครื่องประดับเหล่านี้เป็แค่ของปลอมเท่านั้น นางเพียงชื่นชอบจึงซื้อมาสวมใส่เล่นๆ
แต่เวลานี้นางร่ำรวยแล้ว ย่อมไม่มีคนเชื่อคำพูดของนาง พวกเขาต่างคิดว่าเครื่องประดับเหล่านี้ต้องราคาแพงแน่นอน พูดกันเป็ทอดๆ จนในที่สุดก็ไปถึงหูคนตระกูลฉี เวลานี้ยายฉีและอิงเหนียงยิ่งไม่อาจนั่งนิ่งได้แล้ว