โหยวเสี่ยวโม่ยังคงไม่ชินกับการใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้
ตอนนี้ มือหลิงเซียวที่โอบเอวเขาอยู่ออกแรงหนักขึ้น ออกแรงขยำราวกับจะบิดเอวเขาให้หัก โหยวเสี่ยวโม่อายหน้าแดง จนทนไม่ไหว ถ้าเขายังเงียบต่อไปคงถูกหักเอวแน่
“ศิษย์พี่หลิง ท่านปล่อยข้าก่อนได้มั้ย ข้า…ข้าหายใจไม่ออก”
หลิงเซียงถลึงตาใส่เขาอีกรอบ แม้ไม่ได้พูดอะไรแต่มือก็เบาแรงลง
โหยวเสี่ยวโม่รู้สึกโล่งขึ้นมาทันใด เมื่อครู่เกือบอึดอัดตาย พลันเหลือบมองหลิงเซียว พร้อมเอ่ยเสียบเนิบ “ศิษย์พี่หลิง ข้าว่าได้เวลาแล้ว พวกเรา…ตื่นลุกกันดีมั้ย? วันนี้ท่านยังต้องประลองอีกนะ!”
หลิงเซียวไม่ตอบ สายตาที่จ้องเขาอย่างน่าดึงดูด ั์ตาดำขลับจดจ่อบนหน้าระเรื่อของโหยวเสี่ยวโม่
เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้ารูปไข่ขาวนวลเนียน รูปร่างบอบบางไม่สูงนัก เห็นครั้งแรก รูปลักษณ์ของเขาไม่สามารถสะกดสายตาผู้คนได้ในแวบแรก แต่พอนานวันเข้า ก็จะรู้ว่าถูกเขาค่อยๆ ดึงดูดใจ ทำให้อยากรู้จักเขามากขึ้น
อารมณ์ของโหยวเสี่ยวโม่เปลี่ยนไปมาง่าย และแสดงออกผ่านสีหน้าเสมอ เป็คนที่ดูออกง่ายมาก
และเพราะแบบนี้ หลายครั้งหลิงเซียวจึงทนไม่ไหวชอบแกล้งเขา
แต่โหยวเสี่ยวโม่เองก็เป็คนที่อดทนใช้ได้ ทั้งๆ ที่รู้สึกโกรธเคือง ดวงตาแทบลุกเป็ไฟ แต่ก็ไม่ปริปากแล้วทนต่อไป แต่เขาหารู้ไม่ว่ายิ่งทนเท่าไหร่ หลิงเซียวก็ยิ่งอยากแกล้งต่อ อยากรู้นักว่าขีดความอดทนของเขาจะหยุดที่ไหน
เพียงแต่ จู่ๆ ตอนนี้เขาก็รู้สึกว่า โหยวเสี่ยวโม่ที่จริงหน้าตาก็ดูดี
เพราะเขินอาย ใบหน้าขาวสะอาดเหมือนมีเมฆลอยอยู่ ทำให้ทนไม่ไหวอยากงับแก้ม เื่จริงก็คือหลิงเซียวก็ทำอย่างงั้นจริง ก้มหัวกัดแก้มข้างนึงของโหยวเสี่ยวโม่ อีกฝ่ายด้วยความใ ตะลึงจนิญญาหลุดลอย จนไม่ทันตอบโต้อะไร
ดีที่หลิงเซียวเพียงแค่กัดเบาๆ แต่คงทิ้งรอยฟันกัดไว้จางๆ
“อร่อยจัง!” หลิงเซียวเลียริมฝีปากล่าง เผยสีหน้าที่ยังคงหิวโหย้า สายตาคู่นั้นแวววาวราวกับเสือล่าเหยื่อ จดจ้องพวงแก้มแดงเรื่อของโหยวเสี่ยวโม่ เหมือนจะกัดอีกที
ิญญาที่หลุดลอยไปของโหยวเสี่ยวโม่ถูกดึงกลับด้วยคำพูดของหลิงเซียว ‘อร่อยจัง’ ปฏิกิริยาแรกคือกุมแก้มที่ถูกกัด ดวงตาเบิกโต ท่าทีเหลือเชื่อ “ท่านท่านท่าน…”
“ข้าทำไมงั้นหรือ?” หลิงเซียวยิ้มตาหยี ความหงุดหงิดที่ไม่ได้หลับทั้งคืนหายไปสิ้นเมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ของโหยวเสี่ยวโม่
“ท่าน ท่านกัดข้าได้ยังไง?” โหยวเสี่ยวโม่หน้ามุ่ย เอ่ยอย่างเคืองๆ
หลิงเซียวทำทีครุ่นคิด พลันเอ่ยอย่างยิ้มร่า “เพราะข้าอยากกัด”
โหยวเสี่ยวโม่เคืองจนปากขยับมุบมิบไปมา เอ่ยพร้อมถลึงตาใส่ “ท่านอยากกัดก็กัดได้เลยงั้นหรือ ข้าไม่ใช่เนื้อย่างบนเตานะ”
หลิงเซียวมุมปากยกสูง หน้าตาถากถางเยาะเย้ยเอ่ยเหลาะแหละ “เ้ารู้ได้ยังไงว่าเ้าไม่ใช่เนื้อย่างบนเตา หื้มม?” พยางค์ท้ายสุดเขาลากเสียงสูง ฟังแล้วหลงใหลน่าดึงดูด
หากว่าศิษย์สาวๆ สายกลางอยู่ตรงนี้ คงได้พากันกรี้ดกร้าด
เสียดายที่ในห้องมีเพียงโหยวเสี่ยวโม่คนเดียว ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ประโยคแรก ใครจะไปรู้สึกว่าคำสุดท้ายนั่นแตกต่างจากปกติยังไง เขาโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม
“ท่าน หมายความว่ายังไง?” โหยวเสี่ยวโม่กัดฟันกรอดถาม อย่าคิดว่าเขาต่อสู้ไม่เป็แล้วจะรังแกกันง่ายๆ เขาไม่ยอมหรอก
“ก็หมายความอย่างที่เ้าคิดน่ะซี่” รอยยิ้มกริ่มของหลิงเซียวดูแล้วใจสั่น ทั้งๆ ที่ใบหน้าหล่อขรึม แต่ซ่อนไปด้วยความอ่อนโยนน่าหลงใหล น้ำเสียงแ่เบาราวขนนก เหมือนว่าอารมณ์ดีสุดๆ
“ข้า…” โหยวเสี่ยวโม่ตาโต กำลังจะเถียง แต่พอเห็นรอยยิ้มสดใสของเขา ความกล้าที่เค้นออกมาก็พลันสลายไป ใบหน้าเปลี่ยนเป็น่าสงสารขึ้นมาแทน ราวกับเมียน้อยที่ถูกรังแก “เมื่อคืนก็ยังดีๆ อยู่ไม่ใช่รึไง…”
หลิงเซียวขำมีความสุข เ้านี่พึ่งจะโมโหสุดๆ เพียงครู่เดียว ก็ดันกลับเป็เหมือนเดิม อุตส่าห์คิดว่าครั้งนี้จะกล้าได้ซักแค่ไหน ถึงขั้นขึ้นเสียงตอบโต้ แต่ความสุขก็ส่วนความสุข หลิงเซียวก็ไม่ได้กะจบเพียงเท่านี้ เมื่อคืนเล่นเอาเขาหลับไม่ได้ทั้งคืน บัญชีนี้จะเอาคืนยังไงดี
“โหยวเสี่ยวโม่ เ้าคิดว่า เ้ามานอนซบข้าได้ยังไง?”
คำถามนี้เขาก็อยากรู้เหมือนกัน ทำไมตื่นเช้ามาถึงมาหลับอยู่ในอ้อมแขนหลิงเซียวได้!
โหยวเสี่ยวโม่เชื่อมาตลอดว่าตัวเองนอนนิ่ง แม้ว่าชาติก่อนจะย้ายออกไปอยู่คนเดียว แต่ตอนอยู่บ้านพ่อแม่และน้องชายที่อยู่ห้องเดียวกันก็ไม่เคยพูดเื่เขานอนดิ้นหรืออะไร ดังนั้นจึงคิดมาตลอดว่าตัวเองนอนนิ่งสุขุมเหมือนคนอื่นๆ
แต่ความคิดนี้เป็อันถูกพังพินาศไปแล้ววันนี้ เขาอยากเถียงกลับดังๆ แต่ดูจากท่าทีหลิงเซียว เมื่อคืนคงเกิดอะไรบางอย่างขึ้นที่เขาไม่รู้ ไม่งั้นหลิงเซียวก็ไม่มีเหตุผลที่พูดแบบนี้
คิดถึงตรงนี้ โหยวเสี่ยวโม่ถามกลับเสียแหยๆ “เมื่อคืน เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
พริบตาเดียว เขาเปลี่ยนจากเหยื่อผู้ถูกกระทำเป็จำเลยผู้ถูกกล่าวหา อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังมีอำนาจเต็มมือในฐานะผู้ถูกกระทำ
ตามนั้น แกะน้อยถึงจะปลอมตัวยังไง ก็ยังคงเป็แกะน้อยวันยังค่ำ ข้อนี้ไม่สามารถเปลี่ยนได้
สายตาหลิงเซียวส่องประกายวับ พลันเอ่ยเสียงเรียบๆ “เมื่อคืนเ้า…นอนไปได้ซักพัก จู่ๆ ก็พลิกตัวมาทับตัวข้า ยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้เ้าไปมีความ้ามาจากไหนถึงจะมาถอดเสื้อข้า ถ้าไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าข้าคุณภาพดี ป่านนี้คงถูกเ้าฉีกไม่เป็ชิ้นดี”
โหยวเสี่ยวโม่ฟังแล้วใจสั่นเทิ้มข้างใน หลังฟังเื่ราวจุดพลิกผันบ้าบอ จนถึงประโยคที่ว่า ‘ถอดเสื้อข้า’ แทบอยากกรอกตา แกล้งตายไปเลย!
พระเ้า นี่ต้องไม่ใช่เขาแน่ ไม่มีทางใช่เขา นี่ต้องเป็เื่เพ้อฝัน เขาจะทำอย่างนั้นได้ยังไง แต่พอดูท่าทางหลิงเซียว ก็ไม่เหมือนกำลังโกหก รู้สึกสับสนทันใด เื่นี้มันบ้าบอเกินไป เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะ…เอ่อ ‘กระหายอยาก’ ขนาดนี้
“แล้วๆๆ หลังจากนั้นล่ะ?” โหยวเสี่ยวโม่ลิ้นพันกัน
“จากนั้น?” หลิงเซียวขมวดคิ้ว จากนั้นทำเสียง ‘ฮึ’ “แน่นอนว่าข้าหยุดเ้าได้ทันการ เพียงแต่…”
โหยวเสี่ยวโม่โล่งอก คำพูดนี้รื่นหูสุดั้แ่ฟังมา แต่พอกำลังจะวางใจ คำว่า ‘เพียงแต่’ ของหลิงเซียวก็บีบหัวใจเขาอีกครั้ง ‘ตุ้บ ตั้บๆๆ’ ราวกับจะะโออกมาให้ได้ ยังมีต่ออีกหรอ?
“แม้ว่าข้าจะหยุดเ้าไว้ได้ แต่หลังจากนั้น เ้าก็ไม่ยอมปล่อยมือจากข้า แถมยังกระดิกตัวไปมาตลอด เล่นเอาข้านอนไม่หลับทั้งคืน” พูดถึงประโยคท้าย น้ำเสียงหลิงเซียวเหมือนแอบกัดฟันเบาๆ
ใบหูของโหยวเสี่ยวโม่เหมือนเืสูบฉีบ ใบหน้าเริ่มรู้สึกร้อน ไม่กล้ามองหน้าหลิงเซียว
ถึงว่าตอนเช้าที่เขาตื่นมา หลิงเซียวก็ตื่นทันที ที่แท้เขาไม่ได้หลับทั้งคืนนี่เอง แต่ถ้ามีคนมาทับตัวเขา แถมดิ้นไปดิ้นมา เขาก็คงนอนไม่หลับ พอพูดแบบนี้ เขาเข้าใจเขาผิดจริงๆ !
“ข้าขอโทษ” โหยวเสี่ยวโม่หน้าแดง ก้มหน้าขอโทษ
โหยวเสี่ยวโม่ที่ก้มหน้าอยู่ไม่ทันสังเกต มุมปากของหลิงเซียวนั้นยกสูงขึ้น ไม่ได้ดูโกรธแม้แต่นิด เพียงแต่เขาไม่อยากปล่อยเขาไปเร็วเช่นนี้ จากนั้นแกล้งกระแอมแล้วเอ่ย “อย่าคิดว่าขอโทษแล้วจะจบ แต่ข้าจะยกโทษให้เ้าก็ได้ หากว่า…”
“หากว่าอะไร?” โหยวเสี่ยวโม่รีบถามต่อ เพราะเขาผิดก่อนจริง
หลิงเซียวทำสายตาส่อแววเ้าเล่ห์ “หากว่าเ้าช่วยข้า…” พูดพลางขยับตัว
“อ๋า?” โหยวเสี่ยวโม่ราวกับถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัว ทันใดก็เด้งตัวขึ้นมาเหมือนถูกเหยียบหาง บวกกับหลิงเซียวไม่ได้ใช้แรงโอบเอวเขาไว้ จึงหลุดออกมาง่ายๆ
พอมีอิสระ โหยวเสี่ยวโม่รีบคลานไปยังมุมเตียง จ้องหลิงเซียวอย่างตื่นตระหนก
แต่ว่าไม่เห็นย่อมไม่รู้ พอเห็นกลับสะดุ้ง
นี่จะใหญ่เกินไปแล้ว?
เอ้ย แต่ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่เื่นี้ หลิงเซียวอยากให้เขาช่วยงั้นเหรอ?…
-------------------------------------------