หมี่จิ้งเฉิงพอจะปะติดปะต่อภาพในหัวได้รางๆ หลังจากลูกสาวบอกความ้าเกี่ยวกับลักษณะร้านค้าที่เธออยากหา เมื่อได้ยินข่าวนี้ เขาก็เฉลียวใจขึ้นมาทันทีว่า ร้านที่แบ่งให้เช่านี้ อาจจะเหมาะกับการพัฒนาในอนาคตมากกว่าร้านที่ลูกสาวอยากเช่าเดี่ยวๆ เสียอีก
"ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ลุงหวัง ถ้ามีโอกาสต้องไปทานข้าวด้วยกันนะครับ วันนี้ผมมีธุระด่วน ต้องขอตัวก่อน แต่บังเอิญเจอคุณ แบบนี้ก็ถือเป็โชคชะตาจริงๆ ไว้โอกาสหน้าผมเลี้ยงข้าว ลุงหวังอย่าปฏิเสธนะครับ"
ถึงหมี่จิ้งเฉิงจะรีบร้อนอยากกลับไปบอกข่าวดีกับลูกสาว แต่เขาก็อดทนพูดขอบคุณอย่างสุภาพ
"เราสองคนห่างไกลขนาดนั้นเชียว เื่ที่ลูกชายผมที่อยากเข้าเรียน ก็เป็คุณช่วยประสานงานให้ไม่ใช่เหรอครับ ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยเกเรของเ้าลูกชายผม จะไปเข้าโรงเรียนดีๆ แบบนั้นได้ยังไง"
ลูกชายลุงหวังเกเรก็เื่หนึ่ง แต่เื่ใหญ่คือผลการเรียนแย่ชนิดที่ไม่อยากจะมอง
"ดูสิครับ ผมยังขอบคุณคุณไม่จบเลย คุณก็มาขอบคุณผมอีกแล้ว เราสองคนไม่ต้องขอบคุณกันไปมาหรอกครับ พี่น้องกันช่วยกันนิดๆ หน่อยๆ มันก็เป็เื่ที่ควรทำอยู่แล้ว วันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้โอกาสหน้าค่อยเจอกันใหม่"
หมี่จิ้งเฉิงร้อนใจ อยากไปปรึกษาลูกสาวว่าเื่นี้จะดีไหม แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ
"จิ้งเฉิง เพิ่งจะรู้ว่าคุณเป็คนใจร้อนขนาดนี้ มีธุระก็ไม่จำเป็ต้องรีบร้อนขนาดนั้นนี่นา เื่ที่คุณพูดเมื่อกี้ เป็เื่จริงใช่ไหม ถ้าเป็เื่จริง ผมพอจะช่วยคุณได้นะ งานแบ่งให้เช่าครั้งนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของแผนกเราพอดี"
หมี่จิ้งเฉิงที่ก่อนหน้านี้กำลังรีบร้อนจะไป กลับมานั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมทันที
"จริงเหรอครับ ลุงหวัง นั่นมันเยี่ยมไปเลยครับ ผมอยากเช่าร้านจริงๆ แต่คนตัดสินใจไม่ใช่ผม ต้องปรึกษาลูกสาวผมดูก่อน อากาศหนาวๆ แบบนี้ คุณเข้าไปข้างในก่อนเลยครับ ลูกสาวผมอยู่แถวๆ นี้ ผมจะไปเรียกเขามาคุยกับคุณสักหน่อย แล้วจะกลับมารบกวนคุณใหม่นะครับ"
คราวนี้ไม่ใช่หมี่จิ้งเฉิงที่รีบไปแล้ว ถ้าไม่ติดว่าอากาศมันหนาว เขาก็อยากจะให้ลุงหวังยืนรออยู่หน้าประตูจนกว่าเขาจะกลับมา เื่นี้ถ้ามันลงตัว ลูกสาวเขาคงสบายใจไปได้เปลาะหนึ่ง เขาหวังว่าความคิดของลูกสาวจะตรงกับเขา เขาจะได้รู้สึกว่าได้ช่วยลูกสาวไปบ้าง
"ได้สิ คุณไปเรียกคุณลูกสาวมาที่บ้านผมเลย ผมเข้าไปก่อนนะ"
ลุงหวังเองก็รู้สึกหนาวจริงๆ เขาคิดว่าถ้าออกมาเปิดประตูแล้วเป็ญาติสนิทมิตรสหาย ก็จะเชิญเข้าไปข้างใน ถ้าเป็คนนอกก็จะปิดประตูใส่หน้า เลยไม่ได้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ แต่ไม่นึกว่าจะเป็หมี่จิ้งเฉิง แถมยังคุยกันตั้งนานสองนาน มันก็เลยหนาวจับใจ
"ครับๆ คุณเข้าไปเลยๆ เดี๋ยวผมไปเรียกคนมา เดี๋ยวกลับมาครับ"
"ไปเถอะๆ ผมไม่ปิดประตูนะ คุณพาเด็กๆ เข้ามาได้เลย"
ลุงหวังะโตามหลังหมี่จิ้งเฉิงไปด้วยความกระตือรือร้น
หมี่จิ้งเฉิงรีบไปเรียกลูกสาว ถนนเส้นนี้ถึงจะไม่ยาวมาก แต่การที่ทุกคนแยกย้ายกันไป ก็ต้องเสียเวลาหาอยู่บ้าง หมี่จิ้งเฉิงเจอกับเฉียนหย่งจิ้นก่อน เด็กๆ วิ่งไว หมี่จิ้งเฉิงเลยยืนรออยู่ตรงนั้น รอให้เฉียนหย่งจิ้นไปตามอีกสามคนกลับมา
"มีอะไรเหรอคะ หาเจอร้านที่เหมาะๆ เร็วขนาดนี้เลยเหรอ"
การที่ถูกเฉียนหย่งจิ้นเรียกตัวกลับมา ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ต้องมีเื่แล้วแน่ๆ แต่พอมองไปรอบๆ บ้านทุกหลังก็ปิดประตูเงียบ ไม่เหมือนว่าตกลงอะไรกับใครได้ หมี่หลันเยว่เลยอดถามไม่ได้
"ลุงหมี่ให้ฉันมาตามพวกเธอ ลุงหมี่คงจะเจออะไรดีๆ แล้ว"
เฉียนหย่งจิ้นไม่ได้คิดอะไรมากนัก ผู้ใหญ่ให้ไปเรียกคน เขาก็ต้องทำตามหน้าที่ ส่วนเื่อื่นๆ เขาไม่ได้คิดอะไร
"โถ่ พวกเธออย่าคิดมากไปเลย ไปเจอพ่อก็รู้เองนั่นแหละ"
หมี่หลันหยางดึงมือน้องสาวแล้วเดินไปทางพ่อ จะเดากันไปทำไม ในเมื่อพ่อเรียก ก็แค่เดินไปหาพ่อ แล้วทุกอย่างก็จะกระจ่างเอง
"พ่อครับ มีอะไรเหรอถึงเรียกพวกเรากลับมา มีบ้านที่ถูกใจแล้วเหรอ"
หมี่หลันหยางเดินไปตรงหน้าพ่อ แถมยังแอบชำเลืองมองไปข้างหลังเขาด้วย
"มีร้านที่ถูกใจแล้วจริงๆ หลันเยว่ พ่อจะบอกอะไรให้นะ..."
ตอนที่หมี่หลันเยว่ได้ยินข่าวที่พ่อเอามาบอก เธอก็รู้สึกว่าความสุขมันมาเร็วเกินไปแล้ว นี่มันดีจริงๆ นี่มันคือต้นแบบของย่านการค้าขนาดใหญ่ในยุคหลังา แล้วในยุคนี้ มันก็น่าจะเป็สิ่งที่เรียกว่า ‘สหกรณ์การค้า’[1] แค่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเรียกกันแบบนี้หรือยัง
"หลันเยว่ เราเคยไปที่บริษัทเสื้อผ้านั้นมาแล้ว ขนาดค่อนข้างใหญ่ ทั้งพื้นที่และการจัดวางภายในก็ดูดีทีเดียว พ่อว่ามันน่าจะตรงตามที่ลูกอยากได้นะ แล้วพ่อว่าร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่ที่มีร้านค้าเยอะๆ แบบนั้น มันจะยิ่งทำให้สินค้าในร้านของเราดูโดดเด่นขึ้นมาได้"
"อีกอย่าง พอมีร้านค้ารวมกันเยอะๆ ลูกค้าก็จะเยอะตามไปด้วย มันก็จะส่งผลดีต่อการขายของ ที่สำคัญที่สุดคือ การแบ่งให้เช่า มีลุงหวังของลูกเป็คนคอยช่วยอยู่ แบบนั้น บ้านเราก็จะได้เลือกทำเลที่ดีหน่อย ถือว่าได้สิทธิพิเศษนิดๆ หน่อยๆ ล่ะนะ โอกาสดีๆ แบบนี้ไม่ได้หาเจอกันง่ายๆ นะ พ่อเองยังไม่เคยโชคดีแบบนี้เลย ลูกกลับคว้ามาได้ซะนี่”
ไม่น่าเชื่อเลย พอพูดถึงเื่การทำธุรกิจขึ้นมา พ่อก็ไม่ได้ไม่รู้อะไรอย่างที่คิด กลับอธิบายได้อย่างคล่องแคล่วเป็เื่เป็ราวเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น หมี่หลันเยว่รู้ดีที่สุดว่าพ่อเป็คนซื่อตรงยุติธรรมขนาดไหน ครั้งนี้ที่ยอมช่วยเปิดทางให้ลูกสาว ถึงจะเป็การเช่าพื้นที่อย่างถูกต้องตามกฎ แต่การได้เลือกทำเลที่ดีกว่าคนอื่น ก็ถือเป็ข้อได้เปรียบไม่น้อยเลยทีเดียว
ในยุคนี้ ผู้คนยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับทำเลมากนัก แต่ในอนาคตนะ เื่ทำเลดีหรือไม่ดี จะทำให้ราคาค่าเช่าร้านแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว ตอนนี้ยังเป็การคิดค่าเช่าตามขนาดพื้นที่อยู่ ทำเลดีแย่ยังไม่เห็นความแตกต่างชัดเจน ส่วนข้อได้เปรียบที่ตัวเองได้มาครั้งนี้ ถึงภายนอกจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้วมันคือผลประโยชน์มหาศาลทีเดียว
หมี่หลันเยว่รู้ดีว่าอีกไม่กี่ปี ร้านที่ให้เช่าเหล่านี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน ในเมื่อคนที่เช่าร้านก่อนมีสิทธิ์ที่จะเช่าก่อนคนอื่น ถ้าเธอเช่าร้านไว้เยอะๆ ต่อให้ในอนาคตจะแค่กินค่าเช่า เธอก็จะมีรายได้ก้อนโตแล้ว ถ้าหลังจากนั้นอีกไม่กี่ปี อนุญาตให้ซื้อขายที่ดินได้ มูลค่าก็จะยิ่งประเมินค่าไม่ได้
หมี่หลันเยว่ไม่เคยคิดเลยว่าเื่ดีๆ ที่เหมือนกับโชคหล่นทับ จะมาตกอยู่ที่ตัวเธอ พ่อของเธอนี่เป็ดวงดาวนำโชคของเธอจริงๆ เธอก็พอจะรู้มาบ้างว่าอีกไม่กี่ปีจะมีการจัดตั้งสหกรณ์การค้าแบบนี้ แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะได้เข้าร่วมใน่แรกๆ อย่างนี้ ต้องบอกว่าโชคดีจริงๆ
"ดีสิคะ ดีแน่นอนอยู่แล้ว ที่ที่ดีขนาดนี้ มันจะไม่ดีได้ยังไง เราไปคุยกับลุงหวังกันเถอะค่ะ ถ้าให้ดี ให้ลุงหวังพาเราไปดูที่จริงก่อนเลยดีไหมคะ ให้เขาดูว่าจะแบ่งพื้นที่ยังไง"
นี่คือสิ่งสำคัญ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เธอกะจะตีซี้กับลุงหวังคนนี้ให้ดีๆ จะได้เช่าร้านเพิ่มอีกสักสองสามร้าน ตัวเธอเองก็อยากจะเปิดร้านสาขาที่ใหญ่ขึ้นอยู่แล้ว ถึงจะใช้พื้นที่ไม่หมด ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันหลุดมือไปก่อน พื้นที่ตรงนั้นมันมีมูลค่าเพิ่มสูงมากแค่ไหน เธอรู้ดีที่สุด
"ได้สิ เดี๋ยวเราไปกันเลย ถ้าลูกอยากรู้อะไร หรือมีข้อสงสัยตรงไหน ก็บอกลุงหวังไปให้หมด ในเมื่อเราอุตส่าห์ไปขอความช่วยเหลือจากเขาแล้ว ก็บอกความ้าไปให้ชัดเจนเลยทีเดียว ถ้าไม่ได้จริงๆ เราก็เตรียมของขวัญไปให้ลุงหวัง เพื่อตอบแทนน้ำใจเขาด้วย"
หมี่จิ้งเฉิงไม่ชอบติดค้างบุญคุณใคร แต่เพราะมันเป็เื่ของลูกสาว นี่เป็ครั้งแรกที่เขาช่วยลูกสาว เขาเลยอยากทำให้ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบ อย่าให้ลูกสาวต้องมาเสียใจภายหลัง จะได้นับถือเขาในฐานะพ่อ ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่
"หนูรู้แล้วค่ะพ่อ พอไปถึงบ้านลุงหวังแล้ว พ่อไม่ต้องพูดอะไรมากนะคะ เื่ทั้งหมดให้หนูเป็คนพูดเอง หนูเป็เด็ก พูดอะไรไป ลุงเขาก็คงไม่ถือสา แต่พ่อเป็ผู้ใหญ่ พูดเยอะไป มันจะดูเหมือนไปขอร้องเขาจริงๆ"
ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะเหมือนกับการขอร้องคนอื่นอยู่แล้ว แต่หมี่หลันเยว่ก็ไม่อยากให้พ่อต้องก้มหัวให้ใครมากเกินไป
ในชาติที่แล้ว พ่อได้เลื่อนตำแหน่งเป็ผู้อำนวยการแล้ว ก็ไม่ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งนั้นเพื่อหาผลประโยชน์ให้ครอบครัวเลยสักครั้ง เป็คนที่ซื่อสัตย์สุจริตมาทั้งชีวิต หมี่หลันเยว่ไม่อยากจะให้การที่เธออยากจะหาเงินเยอะๆ มาทำลายสิ่งที่พ่อได้ยึดมั่นมาตลอด การที่คนเราสามารถรักษาความซื่อตรงเอาไว้ได้ตลอดชีวิต มันก็ไม่ใช่เื่ง่ายๆ
ส่วนเื่ที่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นในครั้งนี้ ตราบใดที่พ่อไม่พูดอะไรมาก เื่ทั้งหมดให้เธอเป็คนพูด มันก็จะถือว่าเป็การร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการกับภาครัฐ เธอและลุงหวังเป็แค่ตัวแทนในการเจรจาต่อรอง ถึงแม้ว่าพ่อจะรู้จักกับลุงหวัง มันก็ถือว่าเป็แค่โอกาสของเธอเท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าเธอต้องใช้โอกาสนี้ให้เป็ประโยชน์
ส่วนเื่ที่เธอทำแบบนี้ มันจะถือว่าเป็การอาศัยบารมีคนอื่น หรือการเอาผ้าขี้ริ้วห่อทองเปล่าๆ ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แล้วก็ต้องดูด้วยว่าลุงหวังจะให้ความร่วมมือมากแค่ไหน ถ้าเขาเป็คนที่เข้าใจสถานการณ์ เขาก็จะรู้ว่าเื่นี้ต้องคุยกับเธอถึงจะได้ผลลัพธ์
ผลลัพธ์ของการเจรจา ทำให้หมี่หลันเยว่ได้เปิดหูเปิดตา เธอคิดว่าสหกรณ์เป็สิ่งใหม่ในยุคนี้ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะมีสหกรณ์มาั้แ่ปี 1940 แล้ว เพียงแต่ในตอนนั้น เน้นไปที่การช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่มผลิตในชนบท จนกระทั่งปี 1950 ถึงได้มีการจัดตั้งสหกรณ์การเกษตรอย่างเป็ทางการ
ส่วนการแบ่งให้เช่าเพื่อการค้าในปัจจุบัน จริงๆ แล้วมันก็คือการเรียนรู้วิธีการจากสหกรณ์การเกษตร แต่เป็การดำเนินการจำหน่ายในรูปแบบของเอกชน ซึ่งยังไม่ได้มีการตั้งชื่ออย่างเป็ทางการ คิดว่าอีกไม่นานก็น่าจะมีการตั้งชื่อให้มันอย่างเป็ทางการ นั่นก็คือ ‘สหกรณ์การค้า’
"ลุงหวังคะ ในเมื่อหลังตรุษจีนก็จะเริ่มแบ่งให้เช่าแล้ว นั่นก็หมายความว่าั้แ่วันที่หกที่เราเริ่มทำงานกัน เื่นี้ก็จะเริ่มทำเลยใช่ไหมคะ"
หมี่หลันเยว่คุยกับลุงหวังอย่างสนุกสนาน หมี่จิ้งเฉิงเองก็ไม่ได้ยุ่งอะไร แค่นั่งฟังเงียบๆ อยู่ข้างๆ
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเห็นลูกสาวคุยเื่การร่วมมือกับคนอื่น หมี่หลันเยว่ในตอนนี้ ไม่เหมือนกับเด็กน้อยที่เอาแต่ประจบเอาใจเขา แถมยังพูดจาฉะฉาน และไม่ลืมที่จะรินน้ำชาให้คนอื่น ราวกับว่าอยู่ที่บ้านตัวเอง ไม่มีข้อผิดพลาดในการพูดจาเลย
ไม่ใช่แค่หมี่จิ้งเฉิง แม้แต่หวังเ้าชิ่งเองก็ยังรู้สึกทึ่ง จิ้งเฉิงมีลูกสาวที่ฉลาดเป็กรดจริงๆ ดูท่าทางก็แค่สิบกว่าปี แต่คุยเื่การเช่าร้านกับเขา ดูยังไงก็เหมือนคนมีประสบการณ์ ดูจากการที่หมี่จิ้งเฉิงไม่ได้พูดอะไรเลย เขาก็เชื่อแล้วว่าเื่การเช่าร้านนี้ ลูกสาวเขาเป็คนตัดสินใจจริงๆ
"แน่นอน เราต้องทำการเช่าให้เสร็จเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นการที่ปล่อยให้บ้านว่างเปล่า มันก็ถือว่าเป็ความสูญเสียของประเทศชาติ"
การคุยเื่งานกับเด็ก มันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง ถึงเธอจะฉลาดแค่ไหน แต่ในสายตาเขาก็ยังเป็เด็กตัวเล็กๆ อยู่ดี ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าเขากำลังหลอกล่อเด็กยังไงอย่างงั้น
"ลุงหวังคะ ในเมื่อมันเป็งานที่เร่งด่วน หนูขอเสนอแนะอะไรหน่อยได้ไหมคะ เผื่อจะทำให้เช่าพื้นที่ได้เร็วขึ้น"
ท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ของเธอ ทำให้หวังเ้าชิ่งรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาจริงๆ
"ได้สิ มีอะไรก็บอกมาให้ลุงฟังได้เลย"
หวังเ้าชิ่งอยากรู้จริงๆ ว่าเด็กฉลาดแกมโกงคนนี้ จะมีข้อเสนออะไรที่จะทำให้เขาทำงานให้เสร็จเร็วขึ้นได้ ธุรกิจส่วนตัวในตอนนี้ยังไม่เฟื่องฟู การที่อยากจะเช่าร้านในห้างใหญ่ๆ แบบนั้นให้หมดภายในระยะเวลาอันสั้น มันก็ไม่ใช่เื่ง่ายๆ แถมเมืองซวงเฉิงก็เล็กแค่นี้
เชิงอรรถ
[1] สหกรณ์การค้า หมายถึง สหกรณ์การค้าและการจัดจำหน่ายที่ควบคุมโดยรัฐ ทำหน้าที่กระจายสินค้าอุปโภคบริโภคและรวบรวมผลผลิตจากประชาชน
