แน่นอนว่าสิ่งที่อันเจิงพูดเป็เื่จริง เขาต้องทำมันอย่างแน่นอน
เมื่ออันเจิงเดินมาถึงหน้าประตูหน่วยทหารต้าฟางจาชัวสามคนนั้นก็อยู่ในกระสอบที่ทิ้งไว้นอกเมืองฟางกู้แล้ว และในขณะที่อันเจิงลงชื่อรอเข้าพบตามธรรมเนียมนั้นทั้งสามก็ถูกดินกลบร่างจนไม่เหลือร่องรอย
เมื่อเดินมาถึงครึ่งทางตู้โซ่วโซ่วก็ถามอันเจิง“โจวว่านเชียนดูไม่ใช่คนที่โหดร้ายอะไรมาก ทำไมเ้าถึงไม่ไว้ชีวิตมันล่ะ”
“โจวว่านเชียนชั่วช้ายิ่งกว่าโกวจ่านหลีเสียอีกแต่เพราะเขารู้ว่าตัวเองควรวางตัวอย่างไรกับใครเท่านั้นเอง เมื่ออ่อนแอกว่าก็รู้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อรักษาชีวิตรอดเ้าคิดว่าตระกูลโกวสอนเขาทำชั่วงั้นหรือ? ไม่เลย โจวว่านเชียนรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรในสถานการณ์แบบไหนที่เขาทำตัวดีต่อหน้าข้าเพราะอยากให้ข้าไว้ชีวิต หากเ้าลองให้โอกาสโดยสั่งเขาให้ทรยศตระกูลโกวเพื่อมีชีวิตรอดละก็เขาก็จะเกาะเท้าเลียแข้งเลียขาเ้าในทันทีแน่นอน หากเ้าลองสืบประวัติพวกเขาดู จะเห็นได้ชัดเลยว่าส่วนใหญ่ที่ตระกูลโกวทำชั่วก็เพราะมีโจวว่านเชียนเป็คนต้นคิดแล้วยังมีอีกหลายครั้งที่โจวว่านเชียนลงมือทำเองโดยไม่ได้รับคำสั่งจากตระกูลโกวด้วยซ้ำ”
“สำหรับการพิจารณาลงโทษผู้กระทำความผิดของศาลผู้บงการจะมีความผิดหนักกว่าผู้กระทำ แต่สำหรับข้า ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่คนบงการ แต่ทำชั่วก็คือทำชั่ว”
ตู้โซ่วโซ่วไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่อันเจิงพูด แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าอันเจิงจะพูดอะไรเขาก็คิดว่าเป็สิ่งที่ถูกต้องที่สุดอยู่แล้ว
หน่วยทหารไม่เหมือนที่อันเจิงคิดไว้เลยสักนิดเพราะมันไม่ได้ให้ความรู้สึกที่กดดันแต่อย่างใด หน้าประตูคล้ายว่าจะมีความยิ่งใหญ่แต่มองแวบเดียวก็ดูออกว่าไม่ต่างจากที่อื่นเลย เมื่อเดินเข้าไปด้านในถึงจะสังเกตได้ว่าต่างจากด้านนอกราวฟ้ากับดินด้านในถูกตกแต่งแบบธรรมชาติ แล้วยังมีนกพิราบกระดาษแขวนไว้ตามต้นไม้ช่างให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและน่ารักจริง ๆ
เมื่ออันเจิงเห็นสิ่งนี้แล้วอดใจไม่ไหวพยักหน้าเบา ๆ ในใจกลับรู้สึกคิดไม่ถึงว่าที่แท้แล้วหน่วยทหารจะเป็เช่นนี้
ชายอายุราวห้าสิบกว่าปีที่ทำหน้าที่ต้อนรับแขกต่าง ๆ ชื่อว่าห่าวผิงอันเขาเป็ฝ่ายสื่อสารของหน่วยทหาร ฝ่ายสื่อสารก็คือทหารที่ทำหน้าที่เดินธุระต่างเมืองเป็ส่วนใหญ่ถือได้ว่าอยู่ในระดับหก ทหารที่อยู่ในเมืองดูสง่าและหยิ่งผยองกว่าทหารชายแดนมาก ถึงกระนั้นอันเจิงก็ยังรู้สึกสบายๆ เพราะอย่างไรก็คือพี่น้องทหารด้วยกัน
หน่วยทหารที่นี่ไม่เหมือนหน่วยทหารในที่อื่น ๆเหตุผลก็เป็เพราะเยี่ยนโยวสิบหกแคว้นสู้รบติดต่อกันเป็เวลานาน
่ที่อันเจิงอยู่จักรวรรดิต้าซีก็มักจะเจอหน่วยทหารไม่น้อยทหารของจักรวรรดิต้าซีดูจะเข้มงวดกว่าทหารที่นี่มาก ด้วยว่าจักรวรรดิต้าซีสงบสุขไม่มีการทำา ดังนั้นทหารต่างก็ใช้ความสามารถในการแก่งแย่งชิงดีกันเสียมากกว่าแม้กระทั่งเื่เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังไม่ยอมให้กัน แต่กับต้าเยี่ยนแล้วช่างแตกต่างกันยิ่งนักที่นี่มักมีากันเป็ประจำ โดยเฉพาะในแถบชายแดนที่มักจะมีการฆ่าฟันทุกวัน
ฉะนั้น ทหารใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในปีนี้ ยังไม่ทันจะเริ่มคุ้นเคยกันก็ถูกคัดเลือกเข้าไปในสนามรบและเป็ไปได้สูงว่าอาจไม่ได้กลับมาอีก ฉะนั้นทุกคนที่นี่ต่างก็มีความรู้สึกเดียวกัน...ไม่มีใครรู้ว่าตัวเองจะตายวันไหนทุกคนในหน่วยทหารจึงมักจะอยู่ข้างทหารด้วยกันเสมอ เพื่อปลอบประโลมและคุ้มครองกันทุกคนต่างคือพี่น้องกัน
การเอาชนะกันไปมาสำคัญไม่เท่าความเป็ความตาย
ทุกคนในที่นี้ไม่ว่าจะอายุน้อยหรือมากต่างก็มีความสัมพันธ์และความเชื่อมั่นต่อกันมากกว่าหน่วยอื่น
ห่าวผิงอันพาอันเจิงไปนั่งอยู่ด้านหน้าของสวนดอกไม้จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูด “เดิมทีว่าจะให้เ้าไปนั่งรออยู่ในบ้านแต่ผู้ใหญ่กำลังประชุมกันอยู่ และหลังจากนี้จะมีการคัดเลือกทหารไปประจำชายแดนแถบตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสู้รบกับแคว้นโยวตอนนี้กำลังพลของเรายังขาดอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ท่านจะประชุมกันอีกนานแค่ไหนอยู่ในบ้านมีแต่ความกดดัน สู้ให้เ้าออกมานั่งรอด้านนอกจะดีกว่า”
“เราไม่ได้ออกศึกกับแคว้นโยวมานานมากแล้วไม่ใช่รึ”อันเจิงถามขึ้น
“หากเป็การสู้รบอย่างเป็ทางการก็ถือว่าไม่มีแต่การฆ่าฟันนั้นมีมาเรื่อย ๆ ไม่เคยหยุด แคว้นจ้าวถือว่าเป็มิตรเพราะอย่างน้อยก็ไม่ประกาศศึกากับแคว้นเราส่วนแคว้นโจวก็เป็แคว้นเพื่อนบ้าน จึงไม่เกิดการแย่งชิงใด ๆ แต่กับแคว้นย่งแคว้นโยว และแคว้นป้า พวกเขาต่างก็อยากบุกเข้ามาในดินแดนทางใต้ของเรา เพราะทางใต้ของเขาคือจักรวรรดิต้าซีฉะนั้นพวกเขาจึงได้แต่บุกขึ้นเหนือมาทางแคว้นเราอย่างเดียว”
“อย่างไรถึงเรียกว่าเป็การออกศึก?” ห่าวผิงอันถาม
อันเจิงไม่ได้ตอบ ทว่าห่าวผิงอันก็ได้ให้คำตอบออกมาเอง“ในหน่วยทหาร การออกศึก...ก็คงเป็การสู้รบที่มีคนตายมากกว่าห้าพันคนขึ้นไปต่อครั้งเ้ารู้หรือไม่ แถบตะวันออกเฉียงใต้ในหนึ่งวันมีคนตายกี่คน?ทุกวันมีคนตายไม่น้อยกว่าสามร้อยคน นี่คือจำนวนคนตายต่อวันนะฉะนั้นทหารที่อยู่แถบชายแดนส่วนมากยังไม่ทันรู้จักกันเลยด้วยซ้ำก็ตายเสียแล้ว”
อันเจิงไม่รู้จะพูดอะไรต่อเขาเคยเจอเื่ราวมากมาย สิ่งเดียวที่ไม่เคยเจอก็คือการสู้รบที่น่าเวทนาอย่างนี้ จักรวรรดิต้าซียิ่งใหญ่มากจนไม่มีใครกล้าท้าชนกลับกัน พวกเขามักจะบีบคั้นแคว้นเล็ก ๆ ที่อยู่รอบตัวเสมอ สำหรับจักรวรรดิต้าซีการกระทำเช่นนี้เป็เพียงการละเล่นที่ต้องรังแกแคว้นอื่น ๆ วันละเล็กวันละน้อย
ฉะนั้นอันเจิงรู้ดี จริง ๆแล้วการสู้รบระหว่างเยี่ยนโยวสิบหกแคว้น ไม่เกี่ยวข้องกับจักรวรรดิต้าซีอย่างสิ้นเชิง
ห่าวผิงอันเห็นสีหน้าอันเจิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยจึงยิ้มพลางพูดขึ้น“เ้าคงยังไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ เพราะเ้ามาจากชายแดนที่ติดกับแคว้นจ้าวซึ่งไม่เคยมีการสู้รบใดๆ ต่อไปก็คงชินเอง อีกอย่างเ้าอย่าเพิ่งใจร้อนวันนี้การประชุมของหน่วยทหารคงใช้เวลานานพอสมควรเพราะยังต้องปรึกษากันว่าใครจะเป็คนส่งบรรณาการไปให้จักรวรรดิต้าซีด้วย”
ทันใดนั้นเขาก็ถามขึ้น“เ้าคิดอย่างไรกับจักรวรรดิต้าซี”
อันเจิงตอบอย่างจริงจัง“จักรวรรดิต้าซี...การรบกันระหว่างเยี่ยนโยวสิบหกแคว้น เหตุผลใหญ่ก็มาจากจักรวรรดิต้าซีถึงแม้แคว้นเล็ก ๆ อย่างพวกเราจะไม่ได้ส่งผลอะไรต่อจักรวรรดิต้าซีมากนัก แต่จักรวรรดิต้าซีก็ไม่อาจยอมให้พวกเราเติบใหญ่ได้ฉะนั้นจึงสร้างความกดดันให้เหล่าแคว้นเล็ก ๆ เรื่อยมา ให้พวกเราสู้รบกันเอง เมื่ออาณาเขตของจักรวรรดิต้าซีขยายไปใกล้แคว้นใดเพื่อความอยู่รอด แคว้นนั้นจึงต้องสู้รบเพื่อขยายดินแดนออกไปให้ไกลจักรวรรดิต้าซีมากกว่าเดิม”
“เพราะแบบนี้ แคว้นเล็ก ๆ ที่อยู่รอบ ๆจึงสู้รบกันอยู่เรื่อยมา สูญเสียทั้งผู้คนและเงินทองไปก็มาก แต่ทว่าจักรวรรดิต้าซีก็ไม่ยอมให้แคว้นเล็กๆ เหล่านี้กลืนกินกันเองและดับสูญไป ถึงแม้แคว้นเหล่านี้จะเปรียบเสมือนมดตัวเล็ก ๆแต่จักรวรรดิต้าซีก็ไม่อาจยอมให้มดตัวไหนแข็งแกร่งขึ้นมาได้”
แววตาของห่าวผิงอันเปล่งประกายขึ้น“คนที่อายุน้อยแล้วมีความคิดแบบเ้าถือว่าหาได้ยาก หาได้ยากจริง ๆทหารอายุน้อยในหน่วยทหารต่างก็ยกย่องจักรวรรดิต้าซี พวกเขาต่างคิดว่าต้าซีเป็จักรวรรดิที่แข็งแกร่งใจกว้าง และมีความรับผิดชอบ เพราะทุกครั้งที่แคว้นต่าง ๆ สู้กันจนเกือบถึงที่สุด จักรวรรดิต้าซีก็จะส่งทูตมาเจรจาจากนั้น แคว้นเ่าั้ก็จะหยุดการปะทะลงแล้วต่างก็คิดว่า นี่คือความเมตตา คือความช่วยเหลือจากจักรวรรดิต้าซี”
อันเจิงถอนหายใจ “เมื่อครู่ข้าได้พูดไปแล้วว่าจักรวรรดิต้าซีจะไม่ยินยอมให้มดตัวไหนแข็งแกร่งมากกว่าเพื่อนฉะนั้นเมื่อเห็นว่าแคว้นใดใกล้จะกลืนกินฝ่ายตรงข้ามได้ จักรวรรดิต้าซีก็จะยับยั้งาไว้เพียงเท่านั้นส่วนเื่จะฟังหรือไม่ฟัง จักรวรรดิต้าซีไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิดหากฟังก็คงปล่อยผ่านไป และหากไม่ฟังก็คงต้องเกิดการปะทะครั้งใหญ่ขึ้น”
ห่าวผิงอันพูดต่อ “เพราะแบบนี้ข้าจึงไม่ค่อยชอบเวลาที่เห็นทหารอายุน้อยในหน่วยทหารยกย่องจักรวรรดิต้าซี แต่ต่อให้ห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะความเชื่อถือของเขาที่มีต่อจักรวรรดิต้าซีมันมากมายจริง ๆ”
อันเจิงพยักหน้า“ความจริงก็เป็แบบนี้แหละ แต่ไม่ใช่เพียงแค่พวกเขา คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าการใช้ชีวิตในจักรวรรดิต้าซีจะมีความสุขทว่าจักรวรรดิต้าซีก็ไม่ต้อนรับผู้อพยพจากต่างแดน ทหารชายแดนของเรารบราฆ่าฟันกับศัตรูมาโดยตลอดในขณะที่ทหารชายแดนของจักรวรรดิต้าซีก็ฆ่าฟันผู้อพยพที่คิดหนีเข้าจักรวรรดิต้าซีเช่นกัน”
ห่าวผิงอันลุกขึ้น“เ้ารออยู่นี่ก่อนแล้วกัน ข้าจะไปดูว่าเขาประชุมกันเสร็จรึยัง”
“ข้าจะรออยู่ที่นี่ ขอบคุณท่านห่าว”
ห่าวผิงอันลุกขึ้นจากไปเขามีท่าทางการเดินที่ดูสง่าและทรงอำนาจ ดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยชอบพวกคนรุ่นใหม่เท่าไหร่นักและคงไม่ใช่ผู้ที่ไม่เคยสู้รบมาก่อน ท่าทางการเดินของเขาสามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเพราะในความสง่างามนั้นเต็มไปด้วยรังสีสังหาร อันเจิงครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะแต่ทหารในเมืองส่วนมากก็เป็เช่นนี้ ฉะนั้นอันเจิงจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก
คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับห่าวผิงอันส่วนใหญ่จะมีชีวิตที่นิ่งมากไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น อันเจิงก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ดีทำไมห่าวผิงอันไม่ได้ใส่เครื่องแบบ แต่กลับใส่ชุดธรรมดามาต้อนรับแขกในหน่วยทหาร
ห่าวผิงอันเดินไปที่เฉลียงของสวนดอกไม้จากนั้นก็หยิบยาสูบออกมา เขาไม่ได้ไปดูการประชุมแต่อย่างใด ทว่ากลับยืนสูบยาอย่างใจเย็นยาสูบของเขาแท่งยาวและใหญ่มาก เมื่อสูบแล้วพ่นควันออกมาจึงเหมือนกลุ่มหมอกที่หนาพอสมควร
ผ่านไปประมาณสิบนาทีชายสวมชุดแดงสองคนวิ่งมาทางเขาแล้วะโเรียกเสียงดัง
ราวกับห่าวผิงอันเบื่อหน่ายเล็กน้อย เขาขยี้ม้วนยาสูบทิ้งแล้วเดินตามชายสองคนนั้นไปในแคว้นเยี่ยน เ้าหน้าที่ระดับสี่และห้าจะมีเครื่องแบบสีแดง ระดับสามขึ้นไปจะสวมเครื่องแบบสีม่วงและระดับหกลงไปจะสวมเครื่องแบบสีเขียว ชายสองคนนั้นสวมเครื่องแบบสีแดงน่าจะมีตำแหน่งในหน่วยทหารสูงพอสมควร เสนาบดีของหน่วยทหารเป็เ้าหน้าที่ระดับสองแต่ได้รับความเคารพและรับเงินค่าตอบแทนเทียบเท่ากับเ้าหน้าที่ระดับหนึ่ง ส่วนรองเ้ากรมของหน่วยทหารเป็เ้าหน้าที่ระดับสามมีอำนาจรองเพียงเสนาบดีเท่านั้น
ห่าวผิงอันเดินเข้าไปในห้อง กลุ่มคนที่สวมเครื่องแบบสีแดงต่างลุกขึ้นและทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกัน “ท่านใต้เท้า”
ห่าวผิงอันยกมือขึ้นโบกเล็กน้อยจากนั้นก็เดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ “คุยถึงไหนกันแล้ว?”
หนึ่งในนั้นตอบขึ้น “เรียนท่านใต้เท้าเราคุยกันถึงเื่ที่จะส่งบรรณาการไปจักรวรรดิต้าซี ทุกคนเห็นว่าแม่ทัพหวังไคไท่เหมาะสมที่สุด”
ห่าวผิงอันครุ่นคิดชั่วขณะ“แต่่นี้หวังไคไท่รับผิดชอบเื่ในสำนักวรยุทธ์ ข้าว่าเปลี่ยนเป็คนอื่นจะดีกว่า”
“เลือกทหารที่อยู่ในระดับหกออกมาสักคนก็ได้แล้วอย่างไรเสียก็เป็เพียงการส่งมอบของตามธรรมเนียมเท่านั้น นำชุดแม่ทัพให้เขาใส่เสียหน่อยและอย่ากลัวจนฉี่ราดก็พอ ทหารต้าเยี่ยนของข้าไม่มีเวลาไปเอาอกเอาใจใต้เท้าในจักรวรรดิต้าซีหรอกนะท่านแม่ทัพต่างก็ต้องเตรียมความพร้อมเื่การสู้รบ โดยเฉพาะแม่ทัพหวังไคไท่ที่ไม่เคยก้มหัวให้ใครมาก่อนข้าว่าให้คนในสำนักวรยุทธ์ที่มีความสามารถไปจะดีกว่าหรือไม่? ข้าเป็ฝ่ายบุ๋น ก้มหัวให้ใครอย่างไรก็ได้ แต่เป็แม่ทัพทำอย่างนั้นไม่ได้พวกเขาต่างแลกศักดิ์ศรีนี้มาด้วยเื เราจะทำลายมันลงแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
ทุกคนต่างเงียบไปชั่วขณะจากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วตอบรับเป็เสียงเดียวกัน
ใช่สิ ใครจะก้มหัวให้คนอื่นก็ได้แต่แม่ทัพที่เป็ตัวแทนของหน่วยทหาร จะก้มหัวให้ใครไม่ได้ทั้งนั้น
“ท่านใต้เท้า ท่านบอกว่าจะไปดูเด็กที่รองแม่ทัพเชียวจ่างเฉินแนะนำมาก่อนตายไม่ใช่หรือ?”
รองเ้ากรมเฉินของหน่วยทหารถามขึ้น “เจอหรือยัง?”
ห่าวผิงอันพยักหน้าแล้วกดเสียงต่ำลง“เป็ต้นกล้าที่ดี และเป็คนที่ทำให้ใจข้าสว่างขึ้นมาได้จริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่รองแม่ทัพเชียวแนะนำมารองแม่ทัพเชียวส่งจดหมายแนะนำมาถึงสามฉบับ หลังจากฉบับที่สามก็มีข่าวว่าเขาถูกฆ่าตาย”
เฉินไจ่เหยียนถอนหายใจแล้วพูดขึ้น“เสียดายนัก สามปีผ่านมาแล้วเพิ่งจะสืบได้ว่ามือสังหารรองแม่ทัพเชียวเป็คนของแคว้นโยวพวกเราใช้เวลาในการสืบเื่นี้นานถึงหนึ่งพันกว่าวัน รู้สึกผิดต่อิญญาของรองแม่ทัพเชียวจริงๆ”
ห่าวผิงอันหัวเราะด้วยน้ำเสียงเ็า“เ้าคิดว่าเื่นี้จะจบง่าย ๆ เช่นนี้หรือ? เ้าคิดว่าแม่ทัพฟางจือจี่ถูกไทเฮาบีบจนต้องหนีไปชายแดนจริงๆ หรือ?”
เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองออกไปยังนอกหน้าต่าง“คนของแคว้นโยวเดินทางไกลนับหมื่นกิโลเมตร เพื่อมาฆ่ารองแม่ทัพกลุ่มอัศวินเพลิงเหล็กของแคว้นเยี่ยนเื่นี้ไม่จบง่าย ๆ แน่ แม่ทัพฟางจือจี่พากลุ่มอัศวินเพลิงเหล็กไปชายแดนทางตะวันออกเฉียงใต้เพื่อฝึกทหารจริงหรือ?เป็เพราะหนีไทเฮาจริง ๆ งั้นรึ?”
ปัง!
เขาใช้มือตบลงไปบนหน้าต่าง“หากคนของแคว้นโยวไม่ตายลงบ้าง แม่ทัพฟางจือจี่ไม่มีทางกลับมาแน่”
สีหน้าของเฉินไจ่เหยียนเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องจากนั้นก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ “เป็บุญวาสนาจริง ๆ ที่ฟ้าประทานท่านแม่ทัพฟางให้มาเกิดในแคว้นเยี่ยน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้