ศาลาฉีอวิ๋นเป็หนึ่งในสถานที่หาความสำราญที่ดีที่สุดของหยงโจว สิ่งใหม่ๆ มักบินเข้ามาที่นี่และบินออกไปจากที่นี่เช่นกัน น้ำตาและเสียงหัวเราะของหญิงสาวเกิดขึ้นควบคู่ไปกับก้อนเงิน
ผู้ที่มาหาความสำราญมักเป็บุตรขุนนางหรือไม่ก็ทายาทคหบดีใหญ่ หญิงสาวของที่นี่จึงไม่กล้าที่จะล่วงเกินแขกเพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้ตนเอง
แน่นอนว่าชายหนุ่มผู้อ่อนโยนอย่างซูเจินย่อมไม่อาจนำไปเปรียบเทียบกับคนเ่าั้ เขามาหาความสำราญก็จริง แต่เป็ความสำราญในแบบที่แตกต่างจากคนอื่น
วันนี้ศาลาฉีอวิ๋นค่อนข้างเงียบ
อวิ๋นจื่อจึงให้หงจินกลับไปพักผ่อนเพราะแขกยังน้อยอยู่
กลิ่นหอมของหมึกฟุ้งกระจายอยู่ภายในห้อง กลิ่นหอมชวนเคลิบเคลิ้มนี้ทำให้อวิ๋นจื่อรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปที่ตำหนักเหวินฮวาอีกครั้ง โจวกุ้ยเฟยค่อนข้างยุ่งอยู่กับการดูแลวังหลังจึงไม่ค่อยมีเวลาแวะมาที่ตำหนักเหวินฮวา ตอนนั้นจินเหนียงมักชงรากบัวโรยหน้าด้วยกุ้ยฮวา[1]ที่มีกลิ่นหอมหวานให้กับนาง กลิ่นหอมของดอกไม้และหมึกผสมผสานกันจนกลายเป็กลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
่เวลาดังกล่าวเป็่เวลาที่อวิ๋นจื่อมีความสุขที่สุด
หลังจากเสด็จแม่จากไป วันเวลาของนางก็ผ่านไปอย่างยากลำบาก และการหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้เป็วิธีเดียวที่จะทำให้ความเกลียดชังที่อัดแน่นอยู่ในใจของนางเบาบางลงไปบ้าง
ตอนอวิ๋นจื่อยังเด็กนางไม่เข้าใจว่าความเกลียดชังคืออะไร สิ่งที่นางได้ััมีเพียงความรักที่ลึกซึ้งของเสด็จพ่อและเสด็จแม่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เสด็จแม่จากไป อวิ๋นจื่อก็ตระหนักถึงความเกลียดชังได้เป็อย่างดี
มันทำให้หัวใจของนางรู้สึกเ็ปอยู่ตลอดเวลา
เวลาล่วงเลยผ่านไปปีแล้วปีเล่าราวกับภาพเขียนที่ถูกคลี่ออกช้าๆ
มือของนางที่กำลังคัดอักษรพลันหยุดนิ่ง เช่นเดียวกับอารมณ์ของนางในตอนนี้
เมื่อมองไปยังตัวอักษรหน้าตาน่าเกลียดบนกระดาษ อวิ๋นจื่อก็ถอนหายใจเบาๆ และสั่งให้หงจินหยิบหนังสือมาให้นาง
ในสถานการณ์นี้มีเพียงการอ่านหนังสือเท่านั้นที่ทำให้จิตใจของนางสงบลงได้
แต่ทันทีที่เปิดหนังสือ อวิ๋นจื่อก็ตระหนักได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ตำหนักเหวินฮวา
เมื่อเห็นสีหน้าของนาง หงจินก็ถามด้วยความไม่แน่ใจ “คุณหนู ไม่ใช่เล่มนี้หรือเ้าคะ?”
อวิ๋นจื่อยิ้ม “ไปหยิบเล่มใหม่เถอะ หลังจากนี้หากคุณชายมู่มาที่นี่ อย่าลืมเตือนข้าให้ขอหนังสือเล่มใหม่จากเขา”
หงจินพยักหน้าด้วยความประหลาดใจ “ดูเหมือนคุณหนูจะไว้ใจคุณชายมู่มากที่สุดแม้ว่าเขาจะไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก”
อวิ๋นจื่อตอบว่า “คุณชายมู่เป็คนซื่อตรงมาก เขาจะไม่มีวันทำร้ายข้า”
ท้ายที่สุดอวิ๋นจื่อก็เป็อี้จี้[2]ที่แตกต่างจากคนอื่นในหอคณิกา
หงจินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แล้วคุณหนูคิดอย่างไรกับข้อเสนอของคุณชายซู?”
ข้อเสนอของคุณชายซูคือการแต่งเข้าจวนตระกูลซูเพื่อเป็นางบำเรอของเขา
แน่นอนว่าอวิ๋นจื่อย่อมไม่เห็นด้วย
นางยิ้มบางๆ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีเมื่อจินเหนียงมาถึง”
หงจิน้าถามต่อ แต่เมื่อเห็นท่าทางเ็าของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านางก็รีบหุบปากทันที
หงจินแทบลืมไปเลยว่าคุณหนูของนางไม่ชอบให้เซ้าซี้
หาก้าพูดสิ่งใดนางย่อมพูดออกมาเอง
กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว ได้เวลางีบหลับเสียที
ในขณะที่อวิ๋นจื่อกำลังจะพักผ่อนนางก็ได้ยินเสียงของหงจินดังมาจากหน้าห้องว่าคุณชายมู่มาพบ
มู่ชิงซ่งนั่งดื่มชาเงียบๆ ราวกับไม่มีตัวตน
อวิ๋นจื่อไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงมาที่นี่ นางจึงทำได้เพียงนั่งดื่มชาเป็เพื่อนเขาเท่านั้น
ชาถูกเติมจอกแล้วจอกเล่า
แต่ไม่มีใครพูดอะไร
อวิ๋นจื่อรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
มู่ชิงซ่งยังคงดื่มชาอย่างใจเย็นคล้ายกับไม่รู้สึกตัว
บรรยากาศเงียบจนผิดปกติ
อวิ๋นจื่อไม่รู้ว่านางควรพูดหรือไม่
เกิดความเงียบยาวนานระหว่างคนทั้งสอง สุดท้ายอวิ๋นจื่อจึงเรียกหงจินเข้ามาและกล่าวว่า
“ไปที่ครัวด้านหลังแล้วหาของว่างมาสักสองสามอย่าง”
ขณะที่หงจินจากไป อวิ๋นจื่อก็ถามอย่างเป็กันเองว่า “คุณชายมู่ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ่นี้เป็อย่างไรบ้าง?”
มู่ชิงซ่งฝืนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าซูเจิน้าไถ่ตัวเ้า?”
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “ข่าวไปถึงคุุณชายเร็วจริงๆ เื่นี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อน คุณชายคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี?”
มู่ชิงซ่งวางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าควรถามคำถามนี้กับเ้ามากกว่า”
ดวงตาที่งดงามและสดใสของหญิงสาวจ้องมาที่เขาอย่างแน่วแน่ หัวใจของมู่ชิงซ่งสั่นไหว เขารีบมองไปทางอื่นและแสร้งทำเป็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งสองต่างนิ่งเงียบเป็เวลานาน สุดท้ายมู่ชิงซ่งก็ยืนขึ้นและกล่าวว่า “ข้าต้องขอตัวก่อน เ้าต้องตัดสินใจเองว่าเ้า้าอะไรและจะเดินไปในทิศทางใด”
มู่ชิงซ่งจากไปเงียบๆ เช่นนี้
เมื่อมองไปที่ถ้วยชาอันว่างเปล่า อวิ๋นจื่อก็รู้สึกสับสนเป็อย่างมาก
ตลอดบ่ายอวิ๋นจื่อเหม่อลอยราวกับคนเสียสติ
เมื่อใกล้จะถึงเวลาอาหารเย็น แขกอีกคนก็มาเยือน
“วันนี้ไม่มีแขกเลยหรือแม่นางปี้เหยียน?”
คนที่มาไม่ใช่ใครนอกจากชิงเกอ
อวิ๋นจื่อไม่แม้แต่จะแสร้งทำเป็สนใจ นางเหนื่อยมากพอแล้วและไม่้าลดตัวลงไปทะเลาะกับคนเช่นนี้อีก อวิ๋นจื่อไม่ได้ตัวคนเดียวในหอจุ้ยฮวน อย่างน้อยนางก็ยังมีหวังฉีอวิ๋น แน่นอนว่ามีตระกูลมู่ด้วย และที่สำคัญกว่านั้นคือมีจินเหนียง
นางไม่อยากถนอมความรู้สึกของชิงเกออีกต่อไปแล้ว
อวิ๋นจื่อเรียกหงจินและเดินเข้าห้องด้านในโดยไม่สนทนากับหญิงสาวผู้ไร้มารยาทสักคำ
ชิงเกอไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อน นางรีบวิ่งตามนายบ่าวทั้งสองเข้าไปและกระชากเสียงว่า
“ปี้เหยียน เ้าปฏิบัติกับแขกที่มาเยือนเช่นนี้หรือ?”
อวิ๋นจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยไม่คิดจะหันกลับมาด้วยซ้ำ “เ้าจะถือเป็แขกได้อย่างไร?”
ชิงเกอกล่าวอย่างโกรธเคือง “เหตุใดข้าถึงจะไม่ถือว่าเป็แขก? ผู้มาเยือนก็คือแขก ไม่มีใครสอนเื่นี้แก่เ้าหรือ? อ้อ คนชั้นต่ำแบบเ้าคงไม่เคยเรียนรู้มารยาทเลยสินะ!”
อวิ๋นจื่อกล่าวเบาๆ “อยากพูดอะไรก็ตามใจเ้า วันนี้ข้าเหนื่อยนิดหน่อย ต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน”
ชิงเกอกล่าวเสียงดัง “สิ่งที่คุณชายซูพูดกับเ้าเป็เพียงเื่ตลก ข้าได้ยินมาว่าวันนี้เขาไปหาพี่สาวม่านอู่!”
เสียงของชิงเกอดังมากจนคนที่อยู่ด้านนอกได้ยินอย่างชัดเจน
สุดท้ายชิงเกอก็มองอวิ๋นจื่อที่เดินกลับเข้าไปในห้องด้านในด้วยท่าทางภาคภูมิใจราวกับเป็ฝ่ายคว้าชัยชนะในการสู้รบ
ความเย่อหยิ่งของอวิ๋นจื่อทำให้ชิงเกอโกรธแค้นมาก
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นจื่อซึ่งถูกพันธนาการด้วยความคิดมากมายในหัวกลับไม่คิดจะเสียเวลากับหญิงสาวคนนี้ด้วยซ้ำ
ชิงเกอกลับไปที่ห้องของตัวเอง เมื่อได้ยินข่าวเื่ของจินเหนียง ดวงตาของนางก็เปล่งประกายและเริ่มวางแผนการทันที
การใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายในสถานที่อย่างหอคณิกาย่อมไม่ใช่เื่ง่ายสำหรับชิงเกอ เนื่องจากนางเป็หนึ่งในคณิกาอันดับต้นๆ ของหอจุ้ยฮวนและต้องต่อสู้ดิ้นรนกับคณิกาคนอื่น แน่นอนว่าเล่ห์เหลี่ยมของนามย่อมไม่แพ้สตรีคนใดในโลก
ชิงเกอคาดว่าอวิ๋นจื่อที่เพิ่งมายังศาลาฉีอวิ๋นได้ไม่นานย่อมไม่มีคนหนุนหลัง แต่หากลงมือกับอวิ๋นจื่อโดยตรง ซูเจินคงไม่พอใจนัก เช่นนั้นลงมือกับคนของนางย่อมง่ายกว่ามาก
ขณะที่คิดเช่นนั้น ชิงเกอก็สั่งให้ใครสักคนออกไปทำอะไรบางอย่าง
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ
สาวใช้ยกอาหารเข้ามาในห้องส่วนตัวของชิงเกอ แต่นางทานเพียงไม่กี่คำเท่านั้น หัวใจของนางเต็มไปด้วยความกังวลจนยากที่จะสงบลงได้
จนกระทั่งเกือบเที่ยงคืนนางก็ได้รับข่าวดี
เื่ที่นางสั่งให้คนไปทำสำเร็จลุล่วงแล้ว
และดูเหมือนว่าจะราบรื่นเป็พิเศษด้วย!
แม้ว่าคืนนี้จะไม่มีแขก แต่ชิงเกอก็มีความสุขมาก
------------------------
[1] กุ้ยฮวา คือ ดอกหอมหมื่นลี้
[2] อี้จี้ คือ หญิงที่ขายบริการด้านศิลปะและการบันเทิง เช่น แต่งกลอน วาดภาพ วางหมาก ร้องเพลง หรือเล่นดนตรี แต่ไม่ได้ขายบริการทางเพศเป็หลัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้