ตอนที่ 8:บทลงโทษและการปลุกระบบหลัก
บรรยากาศมิอาจเรียกว่าบรรยากาศได้อีกต่อไป มันคือสุญญากาศที่ถูกแช่แข็ง คำประกาศิตของหลินเวย “ฉันจะไปซื้อมันด้วยตัวเอง” ยังคงแขวนค้างอยู่ในอากาศ คมกริบและเย็นเยียบ มันคือการตบหน้าครั้งที่สาม หน้าหลินเยว่ที่บัดนี้ใบหน้าซีดเผือดสลับเขียว...น้ำตาที่เคยเป็อาวุธทุกครั้งบัดนี้เหือดแห้งไปราวกับถูกไฟแผดเผา เหลือเพียงความอัปยศและความเคืองแค้น
สวี่เหมยยืนตัวแข็งทื่อ สมองของหล่อนที่เคยเต็มไปด้วยแผนการขูดรีดและคำด่าทอบัดนี้ว่างเปล่า หล่อนพ่ายแพ้ พ่ายแพ้ต่อตรรกะ พ่ายแพ้ต่อภาษาการเมือง และพ่ายแพ้ต่อจิตวิทยา เด็กสาวที่หล่อนเคยเหยียบย่ำราวกับมดปลวกบัดนี้ได้กลายร่างเป็อสรพิษน้ำแข็งที่สามารถฉกกัดทุกจุดตายของหล่อนอย่างไม่หวั่นเกรงโทสะ...เมื่อความหวาดกลัวและความอัปยศพุ่งขึ้นถึงขีดสุด มันก็ะเิออก กลายเป็ความคลุ้มคลั่งที่ไร้เหตุผล
“กรี๊ดดดดดดดดดด!”
สวี่เหมยกรีดร้องออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงแหลม มันคือเสียงคำรามกักขฬะจากส่วนลึกของลำคอ
“แกอยากอ่านหนังสือใช่ไหม นังสารเลว!”
หล่อนไม่พุ่งไปที่หลินเวย หล่อนรู้แล้วว่าทำอะไรเด็กคนนี้ไม่ได้ เป้าหมายของหล่อนคือปราการสุดท้าย คือเส้นเืใหญ่ของบ้านหลังนี้
ตุบ ตับ
หล่อนวิ่งถลาไปยังมุมห้องครัว ไปยังตู้กับข้าวไม้เก่าๆ ที่ขาโยกเยก ที่ซึ่งเก็บงำชีวิตของทุกคนในบ้านไว้
“อยากอ่านหนังสือดีนักใช่ไหม...ดี!”
โครม
หล่อนกระชากบานตู้เปิดออก เผยให้เห็นไหดินเผาขนาดเล็กที่บรรจุข้าวสาร และกระสอบป่านที่ใส่หัวมันเทศแห้งเหี่ยว
“ถ้ายังดื้อดึง ถ้าแกยังกล้าคิดจะไปสอบเกาเข่า แกก็ไม่ต้องกิน!” หล่อนไม่ได้พูดเล่น สายตาของหล่อนคือสายตาของคนที่พร้อมจะฆ่า
“แกคิดว่าแกฉลาดนักเหรอ แกคิดว่าแกขู่ฉันได้เหรอ” สวี่เหมยะโพลางหอบหายใจ น้ำลายฟูมปาก “ฉันจะให้แกเลือก ระหว่างหนังสือโง่ๆ ของแก กับชีวิตของแก” หล่อนคว้าบางอย่างมาจากหลังประตู แม่กุญแจทองเหลืองอันใหญ่ที่ขึ้นสนิมเขรอะ
แกร๊ก เคร้ง
หล่อนสอดมันเข้าไปในห่วงคล้องของตู้กับข้าว และบิดล็อกมันอย่างเด็ดขาด เสียงโลหะที่กระทบกันนั้นดังก้อง มันไม่ใช่แค่เสียงล็อกตู้กับข้าว มันคือเสียงของการตัดสินโทษ คือเสียงของการปิดผนึกโลงศพของหลินเวยลงชั่วพริบตา
“อยากอ่านหนังสือใช่ไหม ก็อ่านไป” หล่อนแสยะยิ้มอำมหิต ชูดอกกุญแจขึ้นสูง “อ่านแทนข้าวซะ ฉันจะดูซิว่าน้ำหมึกในหนังสือมันจะทำให้แกอิ่มท้องได้สักกี่วัน”
“ส่วนแก” หล่อนหันไปตวาดใส่หลินเจี้ยนกั๋วที่ยืนตัวสั่น “ถ้าแกกล้าแอบเอาอะไรให้มันกิน ฉันจะเผาบ้านหลังนี้ทิ้ง แล้วเราจะได้อดตายไปด้วยกันทั้งหมด”
หลินเยว่มองแม่กุญแจนั้นด้วยดวงตาที่ซับซ้อน หล่อนไม่ได้ห้ามปราม ความเงียบของหล่อนคือการสมรู้ร่วมคิด
สวี่เหมยเดินกระทืบเท้ากลับเข้าห้องตัวเอง ปิดประตูดังปัง ทิ้งให้หลินเจี้ยนกั๋วยืนทรุดลงกับพื้น และทิ้งให้หลินเวยยืนเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่ถูกปิดตายตามลำพัง
หลินเวยกลับเข้ามาในห้องของเธอ ประตูไม้ผุๆ ถูกปิดลง กั้นขาดโลกภายนอกที่บ้าคลั่งนั้นลงทันที
ภายในห้องเงียบสงัด
ความเย็นเยียบค่อยๆ คืบคลานกลับมา อะดรีนาลีนจากการต่อสู้เมื่อครู่กำลังจางหายไป และเมื่อมันจางไป ศัตรูที่แท้จริงก็ปรากฏกาย
โครกกกก
เสียงท้องของเธอไม่ได้ร้อง แต่มันกำลังคำราม มันคือเสียงของสัตว์ร้ายที่ถูกปลุกให้ตื่น มันคือความหิวโหยที่บัดนี้ได้กลายร่างจากความทรมานเป็บทลงโทษที่เป็รูปธรรมจนเวลาผ่านไป
[ติ๊ง! ระบบ: คำเตือน! พลังงานสะสมลดลงเหลือ 2%] [สถานะ: ร่างกายเข้าสู่ภาวะขาดสารอาหารขั้นวิกฤต]
หลินเวยทรุดตัวลงนั่งบนเตียงฟาง เธอมองไปที่ผนังดิน
นี่คือการเดิมพันที่แท้จริงสวี่เหมยไม่ได้แค่ขู่ หล่อนเอาจริง นี่ไม่ใช่การงดอาหารหนึ่งมื้อ แต่มันคือการตัดเสบียง จนกว่าเธอจะยอมจำนน หรือจนกว่าเธอจะตาย
ความหิวเริ่มกัดกร่อนกระเพาะอาหาร ส่งความเ็ปแสบร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่าง ความมุ่งมั่นที่เคยแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าเริ่มสั่นไหว เมื่อต้องปะทะกับความ้าพื้นฐานที่สุดของสิ่งมีชีวิต
เธอจะทนได้กี่วัน สามวัน สี่วัน ร่างกายที่อ่อนแอนี้อาจจะทนได้ไม่ถึงสองวันด้วยซ้ำ
เธอจะต้องยอมแพ้ คุกเข่าอ้อนวอนสวี่เหมย และเดินไปโรงงานทอผ้าอย่างนั้นหรือ กลับไปสู่ชะตากรรมเดิม ถูกขูดรีด และตายอย่างช้าๆ อีกครั้งอย่างนั้นหรือ
ไม่
ดวงตาของหลินเวยลุกวาบขึ้น ถ้าจะต้องตาย เธอก็ขอตายบนเส้นทางที่เธอเลือกเอง เธอกัดฟันแน่นจนกรามสั่นสะท้าน เอื้อมมือไปใต้เตียง คว้าตำราเรียนฟิสิกส์ที่เก่าจนเหลืองกรอบเล่มนั้นออกมา
ความหิวคือพันธนาการ และความมุ่งมั่นคือคมดาบเธอกำลังจะใช้คมดาบตัดพันธนาการ แม้ว่านั่นจะหมายถึงการต้องเฉือนเนื้อตัวเอง ฉันจะอ่าน ฉันจะอ่านจนกว่าจะขาดใจตายตรงนี้
วินาทีที่เจตจำนงของเธอแข็งแกร่งจนก้าวข้ามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด วินาทีที่เธอเลือกอุดมการณ์เหนือความตาย
ติ๊ง
เสียงนั้นไม่ได้ดังขึ้นอย่างแ่เบาเหมือนครั้งก่อนๆ แต่มันดังกังวาน ราวกับระฆังศักดิ์สิทธิ์ที่สั่นะเืไปทั่วทั้งิญญาของเธอ
หน้าจอโฮโลแกรมสีฟ้าสว่างวาบขึ้นตรงหน้า สว่างจ้าจนขับไล่ความมืดมิดในห้องออกไปจนหมดสิ้น
[ตรวจพบเจตจำนงแน่วแน่ในการฝืนชะตากรรม] [ระดับความมุ่งมั่น: ก้าวข้ามขีดจำกัดมนุษย์] [กำลังประเมินสถานการณ์โฮสต์] [สถานการณ์: วิกฤต (อัตราการรอดชีวิต 0.01%) ]
[กำลังปลดผนึกระบบหลัก]
[ติ๊ง!]
[ภารกิจหลักเริ่มต้น: “ปาฏิหาริย์แห่งปี 1980”]หัวใจของหลินเวยหยุดเต้นไปชั่วขณะ
[คำอธิบายภารกิจ: ในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง ความรู้คือพลัง และการสอบเกาเข่าคือบันไดเดียวสู่การพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน]
[เป้าหมายภารกิจ: สอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำ (ระดับ Top 5 ของประเทศ) ] [กำหนดเวลา: 58 วัน]
ห้าสิบแปดวัน หลินเวยแทบหยุดหายใจ
[ภารกิจย่อยที่ 1 (บังคับ) : “รากฐานแห่งปัญญา”] [เป้าหมาย: อ่านและทำความเข้าใจตำราเรียนมัธยมปลายทั้งหมดจนถึงระดับเชี่ยวชาญ (100%) ] [ความคืบหน้าปัจจุบัน: 0.5%]
[รางวัลภารกิจหลักเมื่อสำเร็จ:] [1) 100 แต้มระบบ (สำหรับอัปเกรดร่างกายและจิติญญา) ] [2) ปลดล็อก “คลังความรู้ขั้นสูง” (เทคโนโลยี การแพทย์ การเงิน แห่งศตวรรษที่ 21) ]
นี่มัน
นี่ไม่ใช่แค่การเอาตัวรอด แต่นี่คือการสร้างอาณาจักรแต่ว่า...หลินเวยหันกลับมามองความเป็จริง ท้องของเธอยังคงบีบรัดอย่างรุนแรง
“ระบบ” เธอเค้นเสียงถามในใจ “ภารกิจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่ฉันกำลังจะอดตาย พลังงานฉันเหลือแค่ 2%”
ราวกับระบบอ่านใจเธอได้
[ติ๊ง!] [ตรวจพบสถานะวิกฤตของโฮสต์] [กำลังมอบแพ็คเกจเริ่มต้นสำหรับภารกิจหลัก]
[ท่านได้รับ: “สารละลายสารอาหารฉุกเฉิน (ต่ำ) ” x 3 หน่วย] [ท่านได้รับ: “ยาฟื้นฟูพลังสมอง (ต่ำ) ” x 1 หน่วย]
วินาทีต่อมา ในช่องเก็บของเสมือนจริงของระบบ (Inventory) ปรากฏขวดแก้วเล็กๆ สี่ขวด สามขวดบรรจุของเหลวสีเขียวอ่อน และหนึ่งขวดบรรจุของเหลวสีฟ้าใส
[คำอธิบาย: สารละลายสารอาหาร (ต่ำ) 1 หน่วย สามารถประทังพลังงานพื้นฐานของร่างกายได้ 24 ชั่วโมง]
สามขวด เท่ากับสามวัน
นี่คือความหวัง นี่คือลมหายใจที่ระบบต่อให้เธอหลินเวยกำหมัดแน่น สามวัน ภายในสามวันนี้ เธอไม่เพียงต้องอ่านหนังสือ แต่เธอต้องหาทางทะลวงการปิดล้อมเื่อาหารของสวี่เหมยให้ได้เธอมองไปที่ตำราฟิสิกส์ในมือ
ดวงตาที่เคยเยือกเย็นบัดนี้ลุกโชนราวกับเปลวเพลิง ความหิวโหยและความเ็ปถูกความมุ่งมั่นที่บ้าคลั่งกดทับจนจมมิดห้าสิบแปดวัน มหาวิทยาลัยชั้นนำ“สวี่เหมย หลินเยว่” เธอพึมพำกับตัวเอง รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“พวกเธอคิดว่าแค่แม่กุญแจสนิมเขรอะอันเดียวจะขัง ‘ฉัน’ ไว้ได้งั้นหรือ”
การต่อสู้ที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้น.!
