เย่ชิงหานรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งถึงความยากลำบากในการทำเช่นนั้น ขนาดของตันเถียนก็เล็กน้อยเพียงเท่านั้นเองแถมยังต้องควบคุมพลังปราณรบสภาพของแข็งให้เคลื่อนไหวไปเป็รูปวงกลมจนเกิดเป็ลักษณะเกลียวน้ำวนขึ้นมาอีก การจะทำอย่างนั้นได้ต้องอาศัยความสามารถในการควบคุมที่ชำนาญเป็อย่างมาก อีกทั้งเมื่อควบคุมให้พวก “เม็ดทราย” เ่าั้เคลื่อนไหวได้แล้วยังต้องควบคุมให้พวกมันเคลื่อนไหวอย่างเป็ระเบียบแบบแผนอีกด้วย ถ้าหากเผลอสติวอกแวกไปเพียงนิดเดียวหรือมัวให้ความสำคัญแต่ด้านหน้า ด้านหลังกลับควบคุมได้ไม่ดีจนหยุดการเคลื่อนตัวลง ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นคือหัวท้ายชนกันจนแตกกระจายออกไปทั้งหมด
“ฮู่ว! มารดามันเถอะยุ่งยากชะมัด! ไม่ต่างจากเื่เย็บปักถักร้อยของสตรีเลย หรืออาจจะละเอียดลออหยุมหยิมกว่าเสียด้วยซ้ำ...”
หลังจากที่ล้มเหลวอยู่หลายครั้งเย่ชิงหานรู้สึกอัดอั้นภายในใจจึงเลิกการฝึกเอาไว้ก่อน จากนั้นลืมตาขึ้นถอนหายใจยาวออกมาสองครั้ง กระบวนการทำละเอียดและหยุมหยิมจนเกินไป พอๆ กับคนที่ไม่เคยใช้ตะเกียบมาก่อนแล้วให้มาหยิบตะเกียบคีบเม็ดข้าวสารเล็กๆ ทีละเม็ด เช่นนี้ยิ่งทำให้อึดอัดใจแทบบ้าได้เหมือนกัน
“ลูกพี่ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องรีบร้อน! ความจริงแล้วขั้นตอนเหล่านี้ไม่ได้มีเทคนิคเคล็ดลับอะไร อาศัยเพียงแค่ความชำนาญเพียงเท่านั้น ค่อยๆ ฝึกไปก่อนจะดีกว่า!” ิญญาของเสี่ยวเฮยและเย่ชิงหานเชื่อมต่อกัน ดังนั้นจึงรู้ในสิ่งที่เย่ชิงหานกระทำไปเมื่อสักครู่ทุกๆ อย่าง เห็นดังนั้นมันจึงได้เอ่ยปากพูดให้กำลังใจขึ้น
“อืม! คงต้องค่อยๆ ฝึกเท่านั้นแหละ!” เย่ชิงหานมองดูม่านหมอกสีขาวที่อยู่รอบๆ อย่างอับจนปัญญา ทำได้แค่เพียงข่มอารมณ์ของตนเองให้สงบลงและทำการฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง...สามสิบครั้ง!
จนกระทั่งเสี่ยวเฮยส่งกระแสเสียงมาหาเขาบอกว่าการโจมตีของภาพลวงตากำลังจะมาถึงแล้วเขาถึงค่อยดึงสมาธิกับออกมา ผ่านการฝึกฝนตลอดสี่ชั่วโมงเขาเพิ่งควบคุมมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้กระทั่งการทำให้เกิดลักษณะเกลียวน้ำวนก็ยังทำไม่ได้
ทำการรวมร่างสัตว์อสูรแล้วผ่านการโจมตีจากภาพลวงตามาได้อย่างสบายๆ จากนั้นเย่ชิงหานออกไปหาผลไม้วิเศษกับเสี่ยวเฮยและถือเป็การขยับร่างกายเพื่อยืดเส้นยืดสายไปในตัวด้วย กินเสร็จจึงนั่งลงทำการฝึกฝนสร้างแก่นแท้พลังตันเถียนต่อในทันที
.................................
ท้องฟ้าเริ่มจะค่อยๆ มืดสลัวลงเรื่อยๆ ม่านหมอกสีขาวค่อยๆ ถูกความมืดมิดกลืนกินเข้าไปทีละนิด รัตติกาลกำลังจะมาเยือน
เย่ชิงหานกลับไม่ได้รู้สึกเลยแม้แต่น้อย จิตใจยังคงจดจ่ออยู่แต่กับการสร้างแก่นแท้พลังตันเถียน
“ใกล้จะสำเร็จแล้ว!”
ภายในตันเถียนเกลียวน้ำวนสายหนึ่งกำลังหมุนอยู่อย่างรวดเร็วพร้อมกับ “เม็ดทราย” พลังปราณรบสภาพของแข็งที่กำลังหมุนไปตาม ตอนนี้มองดูเกือบจะทำสำเสร็จแล้วภายในใจของเย่ชิงหานเกิดความยินดีขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง เพียงแต่เมื่อเขารู้สึกยินดีขึ้นสิ่งที่กำลังจะสำเร็จกลับพังลงในทันที จิตใจวอกแวกเพราะความตื่นเต้นยินดีจนทำให้ “เม็ดทราย” ที่ควบคุมอยู่กระตุกขึ้นมาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ครืนแตกกระจายกันออกไป กว่าจะทำให้เกิดเกลียวน้ำวนได้อย่างแสนยากลำบากกลับต้องมาพังลงอย่างสุดแสนจะง่ายดายเช่นนี้...
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ข้าอยากจะ...” เย่ชิงหานเอามือตบหน้าผากตนเองไปทีหนึ่ง อยากที่จะซัดฝ่ามือใส่ตนเองสักครั้งหนึ่งจริงๆ
“มารดามันเถอะ เอาใหม่!” เย่ชิงหานกัดฟันขึ้น ไม่สนแม้แต่ร่างกายและจิตใจที่กำลังอ่อนล้าตัดสินใจหมุน “เม็ดทราย” เล่นต่อไปอีกเรื่อยๆ
หนึ่งรอบ สองรอบ...หนึ่งร้อยสิบรอบ...สามร้อยแปดสิบรอบ
ในที่สุด ในขณะที่ม่านหมอกสีขาวกำลังค่อยๆ ถูกส่องสว่างออกมา ความมืดของรัตติกาลกำลังถดถอยไป เย่ชิงหานพลันเปิดเปลือกตาขึ้น มุมปากปรากฏรอยยิ้มออกมา
ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนในที่สุดเขาก็สามารถสร้างแก่นแท้พลังตันเถียนขึ้นมาได้สำเร็จ เพียงแต่ยังไม่ทันที่จะได้ลิ้มรสชาติความหอมหวานของความสำเร็จหลังจากที่ทนลำบากมาอย่างหนัก สองตาขาวของเขาพลันพลิกขึ้นจากนั้นก็ล้มตัวลงไปนอนกับพื้นและหลับลึกไปในทันที
.................................
จิตใจของเย่ชิงอู่ในตอนนี้ฮึกเหิมเป็อย่างมาก! สาเหตุที่ทำให้จิตใจของนางฮึกเหิมเช่นนี้ล้วนมาจากเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งก็คือเย่ชิงอวี่
สองเดือนก่อนทั้งท่านหัวหน้าตระกูลและปู่ของนางขอร้องอย่างหนักแน่นให้เย่ชิงอวี่ทำการฝึกยุทธ์ แม้นางจะไม่เข้าใจว่าชายแก่ทั้งสองคนมีจุดประสงค์อันใดถึงต้องทำเช่นนั้น แต่ถึงจะเป็เช่นนั้นนางก็ยังคงช่วยพูดโน้มน้าวให้เย่ชิงอวี่ตั้งใจฝึกยุทธ์ให้ดีๆ ด้วยเช่นกัน
หลังจากที่นางพูดโน้มน้าว เย่ชิงอวี่จึงเกิดความสนใจในการฝึกยุทธ์ขึ้นและตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่จะฝึกฝน จากนั้นนางจึงกลับไปยังหอที่พักของตนเองและเริ่มเก็บตัวฝึกฝนขึ้นในทันที พูดว่าจะตั้งใจฝึกฝนเพื่อเย่ชิงหานกลับมาเห็นจะได้ตื่นเต้นประหลาดใจ
หลังจากผ่านไปสองเดือนที่เย่ชิงอวี่ทำการเก็บตัวฝึกฝน วันนี้นางได้ออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝน จนกระทั่งวันนี้เย่ชิงอู่ถึงได้รู้เหตุผลว่าทำไมเย่เทียนหลงและเย่ชิงหนิวถึงได้ร้อนใจอยากให้เย่ชิงอวี่ฝึกยุทธ์หนักหนา
สองเดือน ระยะเวลาเพียงแค่สองเดือนเย่ชิงอวี่จากคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกฝนพลังปราณรบและเคล็ดวิชาลับใดๆ มาก่อน แต่ตอนนี้พลังฝีมือกลับบรรลุถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์แล้ว
มองดูใจกลางฝ่ามือของเย่ชิงอวี่ที่มีพลังปราณรบสีขาวพวยพุ่งออกมา เย่ชิงอู่ขยี้ดวงตาตนเองไปมาอย่างไม่อยากที่จะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น วันนี้เห็นเย่ชิงอวี่ออกจากการเก็บตัวฝึกฝนจึงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนักว่าการฝึกฝนเป็อย่างไรบ้าง? ฝึกฝนถึงระดับใดแล้ว?
แต่คิดไม่ถึงว่าเย่ชิงอวี่จะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับระดับขั้นพลังฝีมือในโลกของการฝึกยุทธ์ ดังนั้นเย่ชิงอวี่จึงโคจรพลังปราณรบแล้วปลดปล่อยกระแสพลังสีขาวออกมาจากใจกลางฝ่ามือเพื่อถามนางดูว่าอย่างนี้นับว่าเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับขั้นใด?
ระดับขั้นใด? สามารถปลดปล่อยพลังปราณรบออกมาภายนอกร่างกายได้แน่นอนว่าเป็สัญลักษณ์บ่งบอกว่าบรรลุถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์แล้ว เพียงแต่นางคิดจนหัวะเิก็ไม่เข้าใจว่าระยะเวลาเพียงแค่สองเดือนเย่ชิงอวี่สามารถทะลวงจุดชีพจรภายในร่างทั้งสิบสองแห่งได้อย่างไร? อีกทั้งยังสามารถสร้างตันเถียนขึ้นมาได้อีก?
ต้องเข้าใจว่าในประวัติศาสตร์ของเขตปกครองเทพา ผู้ที่มีพร์ที่แหกกฎ์ที่สุดอย่างนายน้อยคนหนึ่งของตระกูลเฟิง จากเริ่มต้นฝึกฝนจนถึงการเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ยังต้องใช้เวลาถึงสามเดือนเต็มๆ แต่เย่ชิงอวี่ที่ไม่มีใครคอยแนะนำสั่งสอนกลับสามารถฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ได้ภายในเวลาเพียงแค่สองเดือน พร์เช่นนี้ยังสูงส่งกว่านายน้อยของตระกูลเฟิงคนนั้นเสียอีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้นางคือผู้มีพร์อันดับหนึ่งของเขตปกครองเทพาไปแล้ว
ตระกูลเย่ปรากฏผู้มีพร์ล้ำเลิศขึ้นมาอีกหนึ่งคน พร์อยู่ในระดับขั้นสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าเย่ชิงหาน เื่นี้ถ้ากระจายออกไปจะต้องสั่นะเืเลื่อนลั่นไปทั่วทั้งเขตปกครองเทพาอย่างแน่นอน ถ้าท่านหัวหน้าตระกูลและพวกเย่ชิงหนิวทราบละก็คงดีใจกันเป็บ้าเป็หลังอย่างแน่แท้ อืม...รอเย่ชิงหานกลับมาคิดว่าก็คงจะถูกเื่ที่มีไว้เพื่อทำให้เขา “ตื่นเต้นประหลาดใจ” นี้ ทำเอาตกตะลึงงันไปด้วยอย่างแน่นอน...
“พี่สาวอู่! ท่านเป็อะไร? ท่านยังไม่ได้ตอบข้าเลยว่าอยู่ในระดับใด?” เย่ชิงอวี่เบิกตากว้างขึ้นมองเย่ชิงอู่ที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่เนิ่นนานด้วยความสงสัยพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น
“อ้อ!” เย่ชิงอู่ถูกเย่ชิงอวี่ถามขึ้นอีกครั้งจึงได้สติกลับมา นางรีบใช้ความพยายามทำการสะกดระงับความตื่นเต้นดีใจที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในใจให้สงบลง จากนั้นสูดหายใจลึกเข้าไปสองคราแล้วพูดขึ้นกับเย่ชิงอวี่อย่างช้าๆ ทีละคำ “เ้า...รอ...อยู่...ที่...นี่...ก่อน!”
พูดจบนางรีบวิ่งทะยานออกไปจากหอพักของเย่ชิงอวี่อย่างรวดเร็วราวกับลมสายระลอกหนึ่งที่พัดผ่าน นางวิ่งออกไปยังหอพักของพวกเย่เทียนหลงที่ใช้เก็บตัวฝึกฝนแล้วดันประตูเข้าไปด้วยอาการสั่นเทิ้มไปทั่วร่างจากนั้นพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังต่อเย่เทียนหลง เย่ชิงหนิว และเย่ไป๋หู่ทั้งสามที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่
“ท่านปู่ทั้งสาม! รีบตื่นได้แล้วมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!”
“หืม?” ทั้งสามลืมตาขึ้นพร้อมๆ กัน ดวงตาเปล่งประกายแสงแหลมคมออกมามองดูเย่ชิงอู่ที่กระหืดกระหอบหายใจหายคอไม่ทัน สีหน้าของทั้งสามเปลี่ยนไปในทันทีพร้อมกับะโออกมา “นางหนูใจเย็นๆ เกิดเื่อันใดขึ้น?”
“เย่...เย่ชิงอวี่ออกจากการเก็บตัวฝึกฝนแล้ว และตอนนี้พลังฝีมือบรรลุขึ้นมาถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์แล้วด้วย!” เย่ชิงอู่สีหน้าเต็มไปด้วยความปีติยินดีพร้อมกับพูดออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ
“หืม? ไป รีบไปดูกันเถอะ!” เย่เทียนหลงมองตากับเย่ชิงหนิวครั้งหนึ่ง มือของเขาสั่นเทาขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าแดงขึ้นด้วยความปลื้มปีติสุข จากนั้นรีบลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งทะยานออกไปภายนอกหอโดยทันที
ฟิ้ว!
เย่ชิงหนิวและเย่ไป๋หู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ร่างกายขยับวูบขึ้นคราหนึ่ง จากนั้นเปลี่ยนเป็เงาเลือนรางสองสายหายวับติดตามเย่เทียนหลงออกไปยังหอที่เย่ชิงอวี่พักอยู่โดยทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้