เสียงไก่ขันยามรุ่งสางดังขึ้นท่ามกลางหมู่บ้านที่เงียบสงบ แสงแดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างไม้เข้ามาในห้องครัวเล็กๆ ที่มีกลิ่นของถ่านไฟและเนื้อหมูอวลอบอวลอยู่ทั่ว
ลี่ฮวาเอ๋อร์นั่งอยู่หน้าเตาถ่านด้วยสีหน้าครุ่นคิด ภาพของชายหนุ่มในสนามรบเมื่อคืนยังติดตา และคำพูดของเซียวเหวินหลงยังคงดังก้องในหัวว่า “หมูปิ้งของเ้าคือการเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน”
นางมองไปยังหีบไม้เก่าๆ ที่เก็บซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของห้อง เป็หีบที่ท่านยายของนางทิ้งไว้ก่อนจากไปเมื่อหลายปีก่อน ลี่ฮวาเอ๋อร์ไม่เคยเปิดมันอีกเลยหลังจากงานศพจบลง เพราะคิดว่าเป็เพียงของเก่าที่ไม่มีค่า
แต่วันนี้ความรู้สึกกลับเปลี่ยนไป
นางลุกขึ้นแล้วเดินไปคุกเข่าหน้าหีบ ค่อยๆ เปิดฝาไม้ที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนา เสียง “กรอบแกรบ” ของบานพับดังเบาๆ เมื่อฝาไม้ถูกเปิดออก และสิ่งแรกที่เห็นคือผืนผ้าลายดอกโบราณที่ห่อหุ้มบางอย่างไว้
นางคลี่ผ้าออกอย่างระมัดระวัง แล้วพบกับสมุดปกหนังเก่าขนาดเล็กที่ดูเหมือนผ่านกาลเวลามานานหลายปี หน้าปกมีลายมือของท่านยายเขียนไว้ว่า
> "สูตรลับตระกูลลี่ – จงเก็บไว้ใช้เมื่อถึงเวลา"
หัวใจของลี่ฮวาเอ๋อร์เต้นแรงขึ้น นางเปิดสมุดออกอย่างตื่นเต้น ภายในมีลายมือบรรจงเขียนไว้อย่างละเอียด – เป็สูตรอาหารจำนวนมาก ั้แ่วิธีหมักเนื้อ ปรุงน้ำจิ้ม ไปจนถึงเทคนิคการใช้ถ่านไฟให้ได้กลิ่นหอมเฉพาะตัว
แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือหน้าสุดท้ายของสมุด ซึ่งเขียนด้วยหมึกสีแดงและลายมือที่เคร่งขรึมกว่าเดิม:
> “เมื่อกลิ่นหอมจากเตาถ่านปลุกตำนานยุทธภพอีกครั้ง เ้าจงมองหาหมักลับ ‘ดอกหญ้าหิมะ’ และใช้มันในคืนจันทร์เพ็ญ พลังจะปรากฏเฉพาะผู้ที่มีสายเืตระกูลลี่เท่านั้น”
ลี่ฮวาเอ๋อร์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง “ดอกหญ้าหิมะ? สายเืตระกูลลี่? นี่มันอะไรกันแน่...” นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าท่านยายจะเกี่ยวข้องกับยุทธภพ หรือแม้แต่มีความรู้เื่สมุนไพรลี้ลับเช่นนี้
นางหยิบสมุดขึ้นแนบอก ความรู้สึกผูกพันบางอย่างแน่นขึ้นในใจ เป็ครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าหมูปิ้งที่นางเคยคิดว่าเป็แค่อาชีพเลี้ยงตัว อาจเป็มรดกที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น… และอาจเปลี่ยนชะตาของนางทั้งชีวิต
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง ลี่ฮวาเอ๋อร์รีบหันไปมอง ก่อนจะเก็บสมุดใส่ชายเสื้อไว้อย่างมิดชิด
นางเดินไปเปิดประตู และพบกับเซียวเหวินหลงที่ยืนอยู่ พร้อมกับแผนที่ผืนหนึ่งในมือ
“ถึงเวลาแล้ว” เขาพูดด้วยเสียงจริงจัง “เราต้องตามหาดอกหญ้าหิมะให้เจอ ก่อนถึงคืนจันทร์เพ็ญที่จะมาถึงในอีกเจ็ดวัน”
ลี่ฮวาเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงหน้าประตู พลางมองแผนที่ในมือของเซียวเหวินหลง แผ่นหนังเก่า ๆ นั้นเต็มไปด้วยเส้นทางบนูเาและสัญลักษณ์ประหลาด
"นี่คือที่อยู่ของดอกหญ้าหิมะ?" นางถาม ขณะเหลือบมองไปยังสัญลักษณ์รูปดอกไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ตรงจุดสูงสุดของูเาอวิ๋นหนาน
เซียวเหวินหลงพยักหน้า "ใช่ ดอกหญ้าหิมะเติบโตเฉพาะในถ้ำหยินหยางที่อยู่กลางหน้าผา ูเาอวิ๋นหนานเป็สถานที่อันตราย เต็มไปด้วยสัตว์พิษและเส้นทางที่แทบไม่มีใครกล้าเหยียบย่าง แต่ถ้าเ้าอยากรู้คำตอบของสิ่งที่ท่านยายทิ้งไว้… เ้าต้องไป"
ลี่ฮวาเอ๋อร์ลังเลเพียงครู่เดียว ก่อนจะกำมือแน่นแล้วกล่าวเสียงมั่น "ข้าจะไป"
ทั้งสองเตรียมของอย่างรวดเร็ว ลี่ฮวาเอ๋อร์หยิบไม้เสียบหมูปิ้งกับถุงใส่เครื่องปรุงติดตัวไปด้วย — ไม่ใช่เพราะความหิว แต่เพราะลึก ๆ นางเชื่อว่า กลิ่นของหมูปิ้งนั้นเป็กุญแจ
ระหว่างทางขึ้นเขา ทิวทัศน์ค่อย ๆ เปลี่ยนจากป่าไม้เขียวชอุ่มกลายเป็แนวหินแหลมคม เสียงลมหวีดหวิวและกลิ่นดินชื้นทำให้หัวใจของลี่ฮวาเอ๋อร์เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
"เ้าเคยขึ้นเขานี้มาก่อนหรือ?" นางถามขณะหอบหายใจ เซียวเหวินหลงที่เดินนำหน้าพยักหน้าเล็กน้อย
"เมื่อสิบปีก่อน ข้าเคยขึ้นมาเกือบถึงถ้ำหยินหยาง... แต่ข้าถูกเล่นงานโดยสัตว์พิษ คราวนี้ข้ามีเ้า ข้าเชื่อว่าเ้าคือคนที่มันจะยอมรับ"
"มัน?"
"ดอกหญ้าหิมะไม่ใช่พืชธรรมดา มันมีจิติญญา และมันจะบานเฉพาะต่อหน้าผู้สืบสายเืตระกูลลี่"
ลี่ฮวาเอ๋อร์นิ่งไปครู่หนึ่ง “แล้วหากข้าไม่ใช่คนที่มันรออยู่ล่ะ?”
เซียวเหวินหลงหันมามองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง "เ้าจะไม่รู้... จนกว่าเ้าจะลอง"
ก่อนพระอาทิตย์จะตก ทั้งคู่มาถึงปากทางเข้าถ้ำหยินหยาง ถ้ำแห่งนี้อยู่ระหว่างรอยแยกของหน้าผา มีลมแรงพัดผ่านราวกับเสียงร่ำไห้ของิญญา
ทันใดนั้น เสียงคำรามต่ำ ๆ ดังออกมาจากในถ้ำ ตามมาด้วยเงาร่างใหญ่โตของสัตว์ชนิดหนึ่ง — เสือดำูเา ที่มีดวงตาสีทองสว่างวาบ
"ถอยไป!" เซียวเหวินหลงควักกระบี่ออกมา แต่ลี่ฮวาเอ๋อร์ยกมือห้ามไว้ ก่อนจะหยิบไม้เสียบหมูปิ้งที่นางห่อไว้ขึ้นมา
“บางที… บางทีข้าควรลองใช้วิธีของข้า”
นางจุดเตาถ่านขนาดเล็กขึ้นตรงหน้าทางเข้าถ้ำ กลิ่นหอมของหมูหมักเครื่องเทศเริ่มลอยอบอวลไปทั่ว เสือดำูเาหยุดชะงักและสูดกลิ่นแรง ๆ ร่างกายของมันเริ่มอ่อนลงทีละน้อย ก่อนจะหมอบลงและนอนนิ่งราวกับกำลังเคลิ้มฝัน
เซียวเหวินหลงอึ้งจนพูดไม่ออก “เ้าทำได้ยังไง…”
ลี่ฮวาเอ๋อร์ยิ้มบาง ๆ “ท่านยายเคยบอกว่า หมูปิ้งที่แท้จริง... ไม่ได้แค่ให้อิ่มท้อง แต่ต้องทำให้หัวใจอ่อนโยนได้ด้วย
กลิ่นหมูปิ้งยังคงหอมกรุ่นอยู่ในอากาศ ขณะที่เสือดำูเาหลับตาลงอย่างสงบ ลี่ฮวาเอ๋อร์มองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึงไม่แพ้เซียวเหวินหลง
“เ้า... ใช้กลิ่นหมูปิ้งสะกดสัตว์อสูรได้จริงๆ” เขากระซิบ เหมือนยังไม่เชื่อสายตา
“บางที... กลิ่นนี้อาจไม่ใช่แค่กลิ่นของอาหาร แต่มันคือมรดกของตระกูลข้า” ลี่ฮวาเอ๋อร์ตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
นางเก็บเตาถ่านใส่ถุงผ้าสะพาย แล้วทั้งคู่จึงเดินเข้าสู่ถ้ำหยินหยาง ในถ้ำนั้นเย็นะเื แสงแดดแทบส่องไม่ถึง แต่ผนังถ้ำกลับสะท้อนแสงประหลาดสีฟ้าอ่อนราวแร่เรืองแสง
เมื่อเดินเข้าไปลึกขึ้น เสียงน้ำหยดและเสียงลมหายใจของทั้งคู่คือสิ่งเดียวที่ได้ยิน ทันใดนั้น แสงสีฟ้ารูปร่างคล้ายกลีบดอกไม้ก็ลอยวูบผ่านหน้าลี่ฮวาเอ๋อร์
“มันคือ... ดอกหญ้าหิมะ!” เซียวเหวินหลงอุทาน
เบื้องหน้าคือโพรงเล็กกลางหินผา ที่มีต้นไม้เตี้ยๆ ขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง — บนยอดมีกลีบดอกสีขาวอมฟ้าเรืองแสงอ่อนๆ คล้ายหิมะกำลังละลาย
ลี่ฮวาเอ๋อร์เดินเข้าไปช้าๆ มือของนางเอื้อมไปแตะกลีบดอกอย่างแ่เบา
ทันใดนั้น กลีบดอกก็สั่นะเื ก่อนจะบานสะพรั่งอย่างสมบูรณ์ในพริบตา แสงสีขาวจากดอกไม้กระจายออกเป็วงกว้าง แล้วไหลย้อนเข้าสู่หน้าอกของลี่ฮวาเอ๋อร์ ราวกับมันยอมรับตัวตนของนาง
“มัน... เลือกเ้าแล้ว” เซียวเหวินหลงพูดเบาๆ
ในวินาทีนั้น ลี่ฮวาเอ๋อร์ััได้ถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงภายใน — ความรู้สึกราวกับมีพลังบางอย่างซึมลึกเข้าไปในกระดูกและโลหิต มันไม่ใช่พลังยุทธ์ แต่มันคือ...
พลังของ “รสชาติ”
นางรู้สึกว่ารสชาติแต่ละชนิดเริ่มมีสี มีเสียง มีอุณหภูมิ มีกระแสพลัง — และนางสามารถควบคุมมันได้
“นี่... คือสิ่งที่ท่านยาย้าให้ข้ารู้สินะ” นางกระซิบ
และก่อนที่นางจะได้พูดอะไรต่อ แผ่นดินก็สั่นะเืเล็กน้อย เศษหินตกลงมาจากเพดานถ้ำ เซียวเหวินหลงหันขวับ “มีคนตามมา!”
เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากปากถ้ำ พร้อมเสียงหัวเราะเย็นเยียบ
> “ในที่สุด... ข้าก็เจอต้นตอของกลิ่นนั้นแล้ว”
ชายในชุดดำหน้าตาเหี้ยมเกรียมปรากฏตัวพร้อมกลุ่มคนอีกสี่ห้าคน ทั้งหมดต่างมีตราสัญลักษณ์คล้ายเปลวไฟสีแดงปักบนอกเสื้อ
เซียวเหวินหลงกัดฟันแน่น “พรรคอัคคีโลกันต์...!”
ภายในถ้ำหยินหยางอันมืดสลัว บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันตา ชายในชุดดำก้าวออกมาจากเงามืด ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมครึ่งหน้าสะท้อนแววเหี้ยมเกรียม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโลภและคาดหวัง
"ส่งดอกหญ้าหิมะมาให้ข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเ้า" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน
เซียวเหวินหลงขยับตัวมาขวางหน้าลี่ฮวาเอ๋อร์ทันที มือจับดาบแน่น "เ้าจะต้องเหยียบศพข้าก่อน"
“ก็เอาสิ ข้าชอบเนื้อที่ย่างสุกกำลังดี…” ชายชุดดำหัวเราะเสียงต่ำ ก่อนสะบัดมือออก — เปลวไฟสีแดงพุ่งออกมาจากปลายนิ้วพุ่งเข้าหาเซียวเหวินหลง
ฟึ่บ!
เขาตั้งดาบขึ้นรับ พลังเพลิงกระทบดาบอย่างแรงจนเซียวเหวินหลงถอยหลังไปหลายก้าว
ลี่ฮวาเอ๋อร์หอบหายใจแรง ดอกหญ้าหิมะที่เพิ่งได้มายังอยู่ในมือนาง มันเปล่งแสงอ่อนๆ ราวกับพยายามปกป้อง
นางหันซ้ายหันขวา — สายตาเหลือบเห็น เตาถ่านพกพา ที่นางเพิ่งเก็บไว้ใกล้ปากทางเข้า
ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามา
> “พลังของรสชาติ... ถ้าข้าควบคุมมันได้จริง...”
นางรีบหยิบเตาขึ้นมาจุดไฟอย่างรวดเร็ว หยิบหมูที่หมักไว้ออกมาจากห่อผ้า เสียบไม้ ย่างมันเหนือถ่านร้อนจัด
กลิ่นหอมหวานรัญจวนเริ่มอบอวลไปทั่วโพรงถ้ำ ชายชุดดำชะงักเท้าไปชั่วครู่ แววตาเริ่มพร่ามัว
ลี่ฮวาเอ๋อร์หลับตาแน่น เพ่งสมาธิลงที่ “พลังแห่งรส” ที่ไหลวนอยู่ในอกของตน แล้วปล่อยผ่านปลายนิ้วไปยังหมูปิ้ง
กลิ่นหอมกลายเป็ กลิ่นอำพรางจิต — เปลวเพลิงของฝ่ายตรงข้ามเริ่มลดความรุนแรงลง เหล่าคนของพรรคอัคคีโลกันต์ต่างโอนเอนไปมา ราวกับกำลังเมาไอหมู
“นี่มัน…” เซียวเหวินหลงมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
ลี่ฮวาเอ๋อร์ลืมตาขึ้น ดวงตาของนางสว่างวาบด้วยประกายพลัง "กลิ่นหมูปิ้ง... ข้าควบคุมมันได้แล้ว"
นางสะบัดไม้เสียบหมูออกไป หมูปิ้งชิ้นหนึ่งลอยเข้าใส่ชายชุดดำ มันดูเหมือนจะไร้พิษภัย—แต่เมื่อัักับเสื้อผ้า มันะเิเป็เปลวไฟสีทองเพลิงอ่อนที่ทำให้ชายชุดดำล้มลงด้วยความเ็ป
"อ๊ากกกก!" เขาร้องลั่น ก่อนจะรีบสะบัดเพลิงออกจากตัว
คนของเขาที่เหลือพากันถอยหนีด้วยความกลัว
เซียวเหวินหลงรีบฉวยโอกาสใช้ดาบฟาดเพลิงสุดท้ายที่เหลืออยู่ แล้วะโ “หนีไปทางข้างในเร็ว!”
ลี่ฮวาเอ๋อร์คว้าดอกหญ้าหิมะแล้ววิ่งตามเซียวเหวินหลงเข้าไปในถ้ำลึก ที่ซึ่งนางไม่รู้ว่ารออยู่ข้างหน้าเป็อย่างไร…
แต่สิ่งหนึ่งที่นางมั่นใจ — พลังแห่งหมูปิ้ง... ได้ตื่นขึ้นแล้ว
เสียงฝีเท้าดังสะท้อนก้องอยู่ในถ้ำหยินหยาง ขณะที่ลี่ฮวาเอ๋อร์กับเซียวเหวินหลงรีบวิ่งลึกเข้าไป หอบหายใจด้วยความเหนื่อย แต่ทั้งคู่ไม่หยุด พวกเขารู้ว่าศัตรูอาจหวนกลับมาเมื่อใดก็ได้
“ตรงไปอีกหน่อยจะมีทางแยก… ถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะออกไปสู่หุบเขาเซี่ยหลิงได้” เซียวเหวินหลงบอกเสียงหอบ
แต่แล้วจู่ ๆ ผนังถ้ำก็สั่นไหวอีกครั้ง เสียงปึงปังดังลั่น เศษหินร่วงหล่นจากเพดานอย่างน่าหวาดหวั่น
ผนังถ้ำพังทลายลงต่อหน้าต่อตา!
ฝุ่นตลบฟุ้ง เผยให้เห็นร่างของชายชุดดำจากพรรคอัคคีโลกันต์ในสภาพสะบักสะบอมแต่ยังไม่สิ้นฤทธิ์ เขายืนขึ้นท่ามกลางฝุ่นผง ดวงตาแดงก่ำเพราะความแค้น
“เ้าคิดว่ากลิ่นหมูปิ้งนั่นจะหยุดข้าได้ตลอดหรือ?” เขาคำราม “ข้าจะเผาพวกเ้าทั้งเป็ แล้วแย่งพลังของดอกหญ้าหิมะมา!”
ลี่ฮวาเอ๋อร์ก้าวออกมาขวางหน้า ดวงตานางแน่วแน่ยิ่งกว่าครั้งไหน “ดอกหญ้าหิมะไม่ใช่สิ่งที่เ้าจะถือครองได้ มันเป็ของผู้ที่เข้าใจรสชาติอย่างแท้จริงเท่านั้น!”
ชายชุดดำรวบรวมพลังเพลิงไว้ในมือ เปลวเพลิงพวยพุ่งกลายเป็ัเพลิงคำรามกลางอากาศ เตรียมจะพุ่งเข้ากลืนร่างของทั้งสองคน
ลี่ฮวาเอ๋อร์หลับตา สูดลมหายใจลึก... แล้วหยิบ หมูปิ้งเสียบไม้สุดท้าย ออกมาจากห่อผ้า
นางยกมันขึ้นเหนือหัว แล้วกล่าวเสียงชัดเจน
> “จงลิ้มรส… พลังแห่งกลิ่นหอมหมักสามวัน ย่างด้วยไฟกลั่นจิต!”
ทันใดนั้น กลิ่นหมูปิ้งหอมกรุ่นระลอกใหม่ก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งโพรงถ้ำ
แสงสีทองปนขาวสว่างจ้าออกจากหมูปิ้ง เพียงชั่วพริบตา กลิ่นนั้นแปรเปลี่ยนเป็พลังบริสุทธิ์พุ่งเข้าปะทะกับัเพลิงของชายชุดดำ
เสียงปะทะ ตูม! ดังสนั่น แรงะเิกระแทกจนชายชุดดำกระเด็นไปชนผนังถ้ำ ก่อนจะทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
หมูปิ้งชิ้นสุดท้ายลอยตกลงเบื้องหน้าศัตรู—ยังคงส่งกลิ่นหอมรัญจวนไม่เสื่อมคลาย
ชายชุดดำค่อยๆ หายใจหอบ หยิบหมูปิ้งขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วกัดคำหนึ่ง…
ดวงตาเขาค่อยๆ เปลี่ยนจากแค้นเคือง… กลายเป็แววสงบ
เขานิ่งงันไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสียงแ่ “นี่… คือรสชาติที่ข้าไม่เคยได้ลิ้มในชีวิต”
จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนแน่นิ่ง สลบไสลด้วยแรงรสชาติอันเหนือชั้น
เซียวเหวินหลงจ้องภาพตรงหน้าแล้วหันมามองลี่ฮวาเอ๋อร์ “เ้าไม่ได้แค่แม่ค้า... เ้าคือผู้สืบทอดแห่งรสชาติอันศักดิ์สิทธิ์”
ลี่ฮวาเอ๋อร์หอบหายใจยิ้มจางๆ ก่อนจะกล่าว “นี่แค่เริ่มต้น... ข้ายังต้องหาสูตรลับอื่นที่ท่านยายทิ้งไว้”
นางกำหมัดแน่น ดวงตาเปล่งประกาย
> “ข้าจะใช้หมูปิ้ง เปลี่ยนแปลงยุทธภพ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้