เื่ที่เหลียนเซวียนรู้สึกไม่คาดคิดเป็ที่สุด ก็คือเ้าลิงน้อยถึงกับฉี่จนเสร็จภายใต้เสียงผิวปากของนาง
เสียงสตรีผู้นั้นชมเชยลิงน้อยแว่วผ่านเข้ามาในหูไม่หยุด เหลียนเซวียนอ้าปากค้าง ริมฝีปากหุบไม่ลงอยู่เป็เวลานาน
ลิงน้อย ศักดิ์ศรีของเ้าล่ะ?
ถูกสตรีขี้บ่นคนหนึ่งควบคุมง่ายๆ เช่นนี้เลยรึ?
"ลิงน้อย เป็ลิงฉลาดเฉลียวและเก่งกาจที่สุด " เซวียเสี่ยวหรั่นอุ้มมันกลับมาอย่างพึงพอใจ "เดี๋ยวพี่สาวจะให้รางวัล"
เซวียเสี่ยวหรั่นวางมันกลับไปที่เดิมอย่างระมัดระวัง แล้วลูบศีรษะน้อยๆ เป็การชมเชย ในใจรู้สึกโล่งอกอย่างมาก
หลังจากนั้นก็โยนลูกหนามหลายลูกเข้าไปในกองไฟ
เหลียนเซวียนนับถือแม่นางผู้นี้จากใจจริง แม้แต่ลิงนางยังสามารถกล่อมจนมันเชื่อฟังได้ ความสามารถนี้ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน
เซวียเสี่ยวหรั่นพลิกลูกหนาม แล้วเปิดฝาหม้อออก ลองเขี่ยผิวใบของเถาเฮ่อดู น่าจะพอได้แล้ว เธอรีบคีบมันลงอ่างดินเผา
"เหลียนเซวียนข้างมือซ้ายของท่านมีผลเกาลัดอยู่หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ห้าลูกท่านช่วยพลิกหน่อยนะ ข้าจะเอาเถาเฮ่อไปล้าง"
เซวียเสี่ยวหรั่นเติมน้ำในหม้อ ยัดเถาเฮ่ออีกสองมัดลงไป ยกฝาหม้อขึ้นเอาผักคาวมัจฉาด้านข้างใส่ลงไปด้วย หลังจากนั้นยกอ่างเดินออกไปข้างนอก
แม้ตาของเหลียนเซวียนจะเห็นไม่ชัด แต่ประสาทััของเขาเฉียบไวเป็พิเศษ เขาใช้ท่อนไม้เขี่ยไปที่ตำแหน่งของลูกหนามเ่าั้ได้อย่างแม่นยำ เซวียเสี่ยวหรั่นวางใจเขามาก
"ลิงน้อย พี่สาวจะออกไปสักครู่ เ้าเป็เด็กดีนะ"
แม่นางผู้นี้กล่อมลิงราวกับเด็ก เหลียนเซวียนส่ายหน้าขบขัน
มีประสบการณ์ครั้งแรกมาแล้ว การล้างเถาเฮ่อรอบนี้จึงรวดเร็วขึ้นมาก หลังล้างเสร็จ ก็ล้างหญ้าคาวมัจฉาไปด้วยอีกอย่าง
พอตากเส้นใยเรียบร้อย ก็เดินเข้ามาในถ้ำ เหลียนเซวียนกำลังเขี่ยเกาลัดออกมาจากกองไฟพอดี
เซวียเสี่ยวหรั่นวางอ่างดินเผาก่อนวิ่งเข้ามา ยิ้มกล่าวว่า "ข้าเองๆ ปอกเอาไว้เป็ของรางวัลให้ลิงน้อย"
ของรางวัลนี้สมกับเนื้องานอย่าแท้จริง ลิงน้อยตัวนั้นเป็ลิงตะกละ ให้อะไรก็กินหมด ไม่เื่มาก ก่อนหน้านี้นางให้หางกับกระดูกกับมันอย่างละชิ้น มันก็กินอย่างเอร็ดอร่อย
เหลียนเซวียนเติมฟืนไปเงียบๆ
"โอย... กลิ่นของเถาเฮ่อต้มนี่ไม่ไหวเลยจริงๆ เหม็นเขียว" เซวียเสี่ยวหรั่นปอกเกาลัดไปก็บ่นไป
เหลียนเซวียนเม้มริมฝีปาก เขาถูกรมควันจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว
"ลิงน้อย นี่รางวัลของเ้า รางวัลที่เ้าเป็เด็กดี ออกไปฉี่ข้างนอกไงล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นส่งผลเกาลัดให้ลิงน้อย แล้วชี้ไปข้างนอกกับตำแหน่งที่มันฉี่รดเมื่อคืน
ลิงน้อยทำตาปริบๆ ดูเหมือนจะเข้าใจ รับเกาลัดมาเคี้ยวกินอย่างมีความสุขมาก
เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มแล้วลูบหัวมัน ก่อนเดินไปนอกถ้ำแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า
น่าจะประมาณบ่ายสามบ่ายสี่แล้ว ยังมีเวลาอีกพักหนึ่งก่อนฟ้ามืด
เธออยากไปที่ลำธารอีกสักรอบ เพื่อทดสอบดูว่าตาข่ายดักปลาที่ทำขึ้นมาใหม่จะใช้จับปลาได้จริงหรือไม่ แต่ดูแล้วเวลาคงไม่ทัน ประกอบกับยังต้องเอาเถาเฮ่อไปล้างให้สะอาด งานทางนี้ยังมีอีกมาก
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกไม่ได้ดังใจอยู่บ้าง แต่ก็หันไปทำงานอย่างอื่น
เธอหยิบมีดสั้นมาเหลาปลายกิ่งไม้ให้แหลม มีดค่อนข้างเล็ก ต้องเปลืองแรงมาก หลังจากเหลาไปห้าหกกิ่ง ก็เริ่มเจ็บตรงตำแหน่งหู่โข่ว [1]
"โอ๊ย ไม้พวกนี้แข็งเป็บ้า เหลายากจริง ต้องค่อยๆ ทำถึงจะได้ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเหลาอีกก็แล้วกัน"
เธอวางท่อนไม้ที่เหลาแล้วไว้ด้านข้าง ไม้เหล่านี้เตรียมไว้สำหรับปักที่ปากถ้ำ ปากถ้ำกว้างเกินไป หากทำประตูบานใหญ่ ความยากก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ดังนั้นเซวียเสี่ยวหรั่นจึงคิดจะทำบานประตูตรงส่วนที่ว่างขนาดหนึ่งเมตรกว่า ส่วนอื่นก็ปกกิ่งไม้ลงไป มัดด้วยเถาวัลย์ก็จะแ่าขึ้น แบบนี้ง่ายกว่าเยอะ
แต่ถึงแม้จะบอกว่าง่าย แต่ในทางปฏิบัติก็ยังมีอุปสรรค การเหลาท่อนไม้ให้แหลมต้องใช้กำลังเยอะ มิหนำซ้ำยังต้องค่อยๆ ทำ
การต้มเถาเฮ่อดำเนินอย่างต่อเนื่องจนท้องฟ้าใกล้จะค่ำ ในที่สุดก็แล้วเสร็จ
เซวียเสี่ยวหรั่นมองใยสีขาวหลายแถวที่ตากอยู่ด้านนอก พลางนิ่วหน้า
"แค่นี้? เสื้อหนึ่งตัวยังไม่พอถักด้วยซ้ำ"
ลำบากลำบนมาครึ่งวันได้เส้นใยออกมาแค่นิดเดียว
เฮ่อ... สาเหตุหลักเป็เพราะหม้อเล็กเกินไป หรือว่าต้องปั้นหม้อใบใหญ่สักใบมาต้มเถาเฮ่อ?
เซวียเสี่ยวหรั่นจนใจอย่างมาก จนกระทั่งเห็นรอยร้าวที่หม้อใบหนึ่ง ใบหน้าก็ยิ่งห่อเหี่ยว
"หม้อนี้เพิ่งใช้ได้กี่วันเอง ก็ร้าวเสียแล้ว"
เธอยกหม้อที่ไหม้จนกลายเป็สีดำมาพิจารณาดู ใบหน้าก็เปลี่ยนไปเป็มะระขม
หม้อใบนี้เบี้ยวไปหน่อย เป็ใบที่เธอลงมือปั้นเองกับมือ
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ยอมแพ้ หยิบหม้ออีกใบมาดูอย่างละเอียด
"ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ทำไมถึงร้าวแต่ใบที่ข้าปั้น แต่ใบของท่านกลับสมบูรณ์ดีไม่เสียหายเลยสักนิด"
แปลกมากนักหรือ? ปั้นดินเหนียวต้องมีฝีมือ ฟังนางตัดพ้อด้วยน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียด มุมปากของเหลียนเซวียนก็โค้งขึ้นอย่างอดไม่ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นพ่นลมหายใจอย่างท้อแท้พลางกลอกตา "เอาล่ะ งั้นก็ปั้นหม้อใบใหญ่อีกใบ จะได้ต้มเถาเฮ่อได้เยอะๆ ในครั้งเดียว พรุ่งนี้ข้าจะไปขุดดินแต่เช้า ส่วนหม้อร้าวใบนี้ ล้างให้สะอาดแล้วเอามาใช้ใส่น้ำเฉยๆ ก็ได้"
พูดจบก็หิ้วหม้อดำปี๋สองใบวิ่งออกไปข้างนอก
"ลิงน้อย ข้าจะไปริมแม่น้ำ เดี๋ยวกลับมาค่อยปอกเปลือกเกาลัดให้เ้า"
ขณะที่วิ่งอยู่ ก็ไม่ลืมจะหันมาหยอกล้อกับลิงน้อยอีกสองประโยค
หม้อต้มเถาเฮ่อทั้งเขรอะและเหนียวหนืด เซวียเสี่ยวหรั่นต้องใช้ทรายขัดถูหลายรอบถึงจะสะอาด
พอกลับมาถึง เธอก็ปอกเกาลัดให้ลิงน้อย แล้ววิ่งไปที่มุมถ้ำ เอาปอดกับตับของเลียงผาที่แขวนไว้ลงมา เตรียมเป็มื้อค่ำเย็นนี้
เครื่องในเลียงผา เซวียเสี่ยวหรั่นเหลือไว้แต่หัวใจ ตับ ปอด ส่วนลำไส้ใหญ่กับลำไส้เล็กไม่ได้เก็บเพราะทำยาก ไม่มีเครื่องปรุงรส ประกอบกับล้างน้ำแล้วเก็บได้ไม่นาน
ไม่ว่าอย่างไรการล้างเครื่องในสัตว์ก็ยังคงยุ่งยาก ปอดกับตับล้วนแต่ต้องกรอกน้ำเข้าไปส่วนที่เป็หลอดเื หลังจากนั้นค่อยเทออกมา แล้วทำซ้ำอีกสองสามครั้งจนกระทั่งน้ำสะอาดถึงใช้ได้ หลังจากหั่นเป็ชิ้นก็ยังต้องเอาไปลวกให้สุกก่อนถึงจะใช้ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นวางแผนไว้ว่าหลังจากลวกสองอย่างนี้แล้ว ครึ่งหนึ่งเสียบไม้ย่าง อีกครึ่งตุ๋นน้ำแกง
ฟ้าเริ่มมืดทีละน้อย เธอทำงานอย่างคล่องแคล่ว วิ่งไปที่ริมแม่น้ำเอาปอดกับตับไปล้างให้สะอาด หั่นให้เรียบร้อย หลังจากล้างสองรอบค่อยเทน้ำออก แล้วยกกลับถ้ำ
"เหลียนเซวียน ท่านช่วยดูไฟหน่อย หลังน้ำเดือดแล้ว ให้เบาไฟลง แล้วรอข้ากลับมา"
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบขี้เถ้าจากเตาไปหนึ่งกำมือ หลังจากนั้นก็หิ้วกระโปรงหญ้าฟางที่ทำไว้เมื่อเช้าวิ่งออกไปอย่างเริงร่า
แค่ได้ยินเสียงกรอบแกรบแว่วมา เหลียนเซวียนก็รู้แล้วว่านางไปทำอะไร
ก่อนที่ฟ้าจะมืด เซวียเสี่ยวหรั่นสวมกระโปรงหญ้าฟาง แล้วถอดกางเกงกับแพนตี้น้อย พร้อมกับถุงเท้ากลิ่นปลาเค็มที่สุดแสนจะเหม็นอับออก โปรยขี้เถ้าลงไปคลุกให้ทั่วพร้อมกับออกแรงขยี้
ในที่สุด แม้แต่รองเท้าเธอก็ยังเอามาซักด้วย
ในสมัยโบราณที่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ทันสมัย ขี้เถ้ามีบทบาทสำคัญเป็อย่างมาก
เซวียเสี่ยวหรั่นนับได้ว่าคุ้นเคยกับเื่เหล่านี้อยู่ ตอนเด็กๆ บ้านของเธอใช้เตาถ่านหุงข้าวทำกับข้าว คุณย่าเป็คนล้างจาน มักมีอคติว่าน้ำยาล้างจานขจัดกลิ่นคาวไม่ออก ก็จะหยิบขี้เถ้ามาล้างถ้วยชามและตะเกียบ ยังบอกด้วยว่าใช้ขี้เถ้าล้างจานทั้งสะอาดมากและไม่เหลือกลิ่นคาว
เธอเดินเท้าเปล่าเข้าไปในถ้ำด้วยใบหน้าเหยเกเพราะเหยียบกรวดหินมาตลอดทาง ระหว่างที่เคลื่อนไหวก็มีเสียงกรอบแกรบตามไปทั่วทุกหนแห่ง
ลิงน้อยเบิกตากว้างมองนางคล้ายกำลังอยากรู้อยากเห็น ว่าทำไมตัวเธอถึงมีเสียงเช่นนั้น
นางสวมกระโปรงหญ้าฟางกลับมาจริงๆ เหลียนเซวียนหลุบสายตาลงต่ำโดยไม่รู้ตัว
...
[1] หู่โข่ว คือจุดกึ่งกลางระหว่างโคนนิ้วโป้งกับนิ้วชี้