ตลาดยามเช้าคึกคักเป็พิเศษในวันนี้ ด้วยกลิ่นหมูปิ้งหอมกรุ่นที่ลอยอบอวลไปทั่วตรอก ชื่อเสียงของลี่ฮวาเอ๋อร์เริ่มเป็ที่กล่าวขาน ไม่เพียงแต่หมูปิ้งของนางจะอร่อยล้ำ แต่ยังมีข่าวลือถึงการต่อสู้ด้วยไม้เสียบหมูที่แสนพิสดาร ทำให้มีผู้คนจากสารทิศแวะเวียนมาชิมและสังเกตนางด้วยความสนใจ
“แม่ค้าหมูปิ้งผู้งดงามกับฝีมือไม้เสียบขั้นเทพ ข้าต้องเห็นด้วยตาตนเอง!” ชายหนุ่มในชุดหรูหรากล่าวขณะเดินเข้ามาในแถวด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป
ลี่ฮวาเอ๋อร์เหลือบตามองอย่างเฉียบคม นางเคยชินกับสายตาผู้คน แต่ััได้ถึงลมหายใจแปลกปลอมจากบางคน ชายคนนั้นแม้จะยิ้ม แต่แววตาไม่ยิ้มตาม ใบหน้าแฝงเจตนาไม่บริสุทธิ์
“ขอหมูปิ้งไม้หนึ่ง” เขากล่าวพลางจ้องตรงไปยังมือของนางที่กำลังพลิกหมูอยู่บนเตาถ่าน
“ได้เ้าค่ะ” นางยิ้มตอบอย่างใจเย็น ทว่ากล้ามเนื้อใต้ิัก็เตรียมพร้อมทันที ไม้เสียบไม้หนึ่งถูกเลื่อนขึ้นช้าๆ จังหวะเดียวกับที่ชายผู้นั้นเอื้อมมือเข้ามาเกินความเหมาะสม
“เ้ามือไวไปหน่อยกระมัง?” ลี่ฮวาเอ๋อร์กล่าวเสียงเรียบ ก่อนใช้ไม้เสียบหมูปัดการเคลื่อนไหวนั้นอย่างแเี ผู้คนรอบข้างคิดว่าเป็เพียงเื่บังเอิญ
แต่ไม่ใช่สำหรับชายผู้นั้น—ดวงตาของเขาวาววับขึ้นมาชั่วขณะ ก่อนรีบเก็บอาการ
“ข้าแค่อยากช่วยจับของร้อนให้” เขายิ้มแห้งๆ ก่อนถอยกลับไป ทว่าเขาไม่ได้จากไปไหนไกล กลับยืนจ้องร้านด้วยสายตาเงียบงัน
ขณะเดียวกัน เย่หลิงและเซียวเหวินหลงที่ซุ่มเฝ้ามองจากระยะไกลก็เริ่มจับสังเกตได้เช่นกัน
“กลิ่นไม่ดีเลย” เซียวเหวินหลงกล่าวเสียงต่ำ
“คนของพรรคเงามาร พวกมันเริ่มลงมือแล้วจริงๆ...” เย่หลิงพึมพำ ดวงตาทอประกายเย็นเฉียบ
ภายใต้คราบลูกค้าที่ดูสุภาพ บางคนคือศัตรูที่รอจังหวะจู่โจม ไม่ใช่เพียงสูตรหมูปิ้งที่พวกมัน้า หากแต่ ตัวของลี่ฮวาเอ๋อร์ ก็อาจเป็กุญแจสำคัญบางอย่างที่พวกมันหมายตา
ลี่ฮวาเอ๋อร์ยังคงยืนย่างหมูอยู่หน้าเตาอย่างใจเย็น ขณะที่บรรยากาศรอบร้านเริ่มหนักอึ้งโดยที่ชาวบ้านไม่รู้ตัว กลิ่นหมูปิ้งยังคงลอยฟุ้ง ทว่าเื้ักลิ่นหอมกลับแฝงด้วยกลิ่นคาวของการจ้องมองอันตราย
ชายแปลกหน้าคนนั้นยังไม่จากไป เขายืนพิงเสาไม้ไม่ห่าง จิบชาเบา ๆ ขณะจ้องเขม็งมายังนางทุกระยะ
“คุณชายผู้นั้น...กินชาไปสามถ้วยแล้ว ยังไม่ยอมไปเสียที” สาวใช้คนหนึ่งกระซิบข้างหู
ลี่ฮวาเอ๋อร์พยักหน้า “ตาจับที่มือข้าไม่หยุด คงไม่ได้มาด้วยความหิวแน่”
ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นที่ด้านหลังร้าน ชายในชุดดำสองคนเดินตรงมาทางหลังร้านอย่างแเี คนหนึ่งถือกล่องของฝาก อีกคนทำทีเป็เดินผ่าน
ลี่ฮวาเอ๋อร์หยิบผ้าเช็ดมือขึ้นเช็ดช้า ๆ ก่อนกระซิบกับสาวใช้ “ไปตามพี่เหวินหลงกับเย่หลิง บอกว่ามีหนูแอบเข้าครัว”
สาวใช้รับคำแล้วรีบไปทันที ขณะเดียวกัน กล่องของฝากก็ถูกวางลงตรงหน้าเตาอย่างไม่กล่าวคำใด
ชายชุดดำก้มหัวเล็กน้อย “ของฝากจาก...ผู้เคารพนับถือคนหนึ่งในพรรคเงามาร”
ลี่ฮวาเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ก่อนเปิดฝากล่องช้า ๆ กลิ่นหอมของเนื้อหมูอบโชยออกมา...แต่เมื่อมองใกล้ กลับพบแผ่นกระดาษซ่อนอยู่ใต้ชั้นเนื้อ บนกระดาษมีข้อความเพียงบรรทัดเดียว:
> “ส่งสูตรหมูปิ้งมา มิฉะนั้น...ร้านเ้าจะกลายเป็ซากเถ้าถ่าน”
เงามารส่งคำเตือนมาแล้ว
ลี่ฮวาเอ๋อร์ปิดฝากล่องด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เช่นนั้นก็ฝากบอก ‘ผู้เคารพนับถือ’ คนนั้นด้วย...หากกลัวเพียงกลิ่นเตาถ่าน อย่าหวังมาััเปลวเพลิงของข้า”
ชายชุดดำทั้งสองสบตากัน ก่อนถอยกลับอย่างเงียบ ๆ —แต่ไม่ใช่เพื่อยุติ แค่เปลี่ยนวิธีการ
ทางอีกด้าน เย่หลิงและเซียวเหวินหลงเพิ่งมาถึงหลังร้าน สาวใช้ส่งข่าวอย่างรวดเร็ว สีหน้าทั้งสองเปลี่ยนทันที
“พรรคเงามารส่งคำเตือนมาเองเช่นนั้นหรือ?” เย่หลิงหัวเราะเย็น “แสดงว่าเราเริ่มเดินถูกทางแล้วจริง ๆ”
เซียวเหวินหลงชักกระบี่ “แล้วพวกมันจะได้รู้ ว่าไม้เสียบหมูน่ะ...ไม่ใช่แค่เสียบหมูเท่านั้น”
ค่ำคืนคลี่คลุมตลาดราวม่านหมึก ทว่าแสงจากเตาหมูปิ้งของลี่ฮวาเอ๋อร์ยังคงลุกไสว นางยืนอยู่หน้าร้านด้วยท่าทางสงบนิ่ง มือหนึ่งพลิกหมู อีกมือประคองไม้เสียบอย่างมั่นคง แต่ภายในใจกลับตื่นตัวมากกว่าทุกค่ำคืนที่ผ่านมา
พรรคเงามาร...นางไม่ได้ยินชื่อนี้มาั้แ่ยังเด็ก พวกมันเป็เงาที่ซ่อนอยู่หลังเหตุการณ์ร้ายในยุทธภพหลายครา และตอนนี้...พวกมันมาปรากฏตัวเพราะ “สูตรหมูปิ้ง” นั้นงั้นหรือ?
“ดูเหมือนสิ่งที่ท่านยายฝากไว้ ไม่ใช่แค่ตำรับอาหารธรรมดา” ลี่ฮวาเอ๋อร์พึมพำกับตนเอง
ขณะกำลังคิด เสียงกระซิบจากชายหนุ่มก็ดังขึ้นจากมุมหนึ่ง
“คืนนี้อย่าเข้านอน”
เซียวเหวินหลงและเย่หลิงปรากฏตัวในเงามืดด้านข้างร้าน ทั้งคู่แต่งกายเรียบง่ายแฝงตัวแเี ชายหนุ่มสองคนพยักหน้าให้กันอย่างรู้ใจ ก่อนแยกย้ายไปประจำจุด
“พวกมันจะกลับมา” เย่หลิงกระซิบ
ไม่นานนัก กลุ่มเงาดำเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ หนึ่งในนั้นะโขึ้นบนหลังคาร้าน อีกสองคนแอบลอดเข้าทางหลังครัว ลี่ฮวาเอ๋อร์พลิกไม้เสียบในมือ ดวงตาคมกริบดั่งพญาเหยี่ยว
“ข้ารู้ว่าพวกเ้าจะมาอีก” นางกล่าวเสียงเย็น “และข้าก็พร้อมแล้ว”
เงาวูบหนึ่งโผล่จากด้านข้าง พร้อมกับมีดสั้นที่แทงตรงมาที่เอว แต่ไม้เสียบหมูกลับเคลื่อนที่เร็วยิ่งกว่า เสียง เพล้ง! ดังลั่นเมื่อปลายไม้สะท้อนคมมีดกระเด็นหลุดมือ
จากนั้น เซียวเหวินหลงพุ่งตัวจากหลังร้าน เขาใช้ดาบเพียงชักครั้งเดียว กดอีกคนล้มลงกับพื้น เย่หลิงพลิกตัวกลางอากาศถีบผู้บุกรุกคนสุดท้ายกระแทกถังน้ำมันกระเด็นล้มกลิ้ง
เงาดำทั้งสามถูกสยบในพริบตา
ลี่ฮวาเอ๋อร์เดินเข้าไปมองหนึ่งในนั้นที่ยังพอมีสติอยู่ “ไปบอกเ้านายเ้าด้วย...หากคิดจะขโมยสูตรข้า จงเตรียมรับของแถมเป็ไม้เสียบหมูทะลุอกเสียก่อน”
ชายผู้นั้นกัดฟันแน่น ก่อนสลบลงไป
ลี่ฮวาเอ๋อร์หันไปทางเตาที่ควันยังลอยคลุ้ง “คราวนี้เป็แค่ลูกกระจ๊อก ครั้งหน้าคงไม่ง่ายแบบนี้อีกแล้ว”
เซียวเหวินหลงพยักหน้า “และเราก็ต้องรู้ให้ได้...สูตรนี้เกี่ยวข้องกับอะไรในอดีตของท่านยาย”
รุ่งเช้า แสงแดดอ่อน ๆ เริ่มสาดส่องเข้าสู่ตรอกเล็กของตลาด เตาหมูปิ้งถูกจุดขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ ความรู้สึกที่ปกคลุมอยู่กลับไม่เหมือนเดิม
ลี่ฮวาเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างเตาพร้อมสมุดเก่าที่เย่หลิงค้นเจอจากห้องเก็บของเมื่อคืน —เป็สมุดตำรับของท่านยาย ซึ่งไม่เคยเปิดมาก่อนเพราะคิดว่าเป็เพียงสูตรครัวธรรมดา
นางเปิดหน้าหนึ่งออกมา ข้างในไม่ใช่แค่สูตรหมูปิ้ง แต่เป็อักษรลับที่เขียนไว้ด้วยหมึกจาง
> “ในปีนั้น ข้าหนีออกจากหุบเขาหยกเพลิงพร้อมตำรา ‘เพลิงปรุงยุทธ’ เพราะมันทำให้ใครก็ได้...แข็งแกร่งเหนือผู้กล้า”
ลี่ฮวาเอ๋อร์เบิกตากว้าง “เพลิงปรุงยุทธ?”
เย่หลิงอธิบายต่อ “เป็ตำราต้องห้ามของยุทธภพ กล่าวกันว่าใครได้สามารถใช้วิชาอาหารเพิ่มพลังภายในชั่วข้ามคืน พรรคเงามารเคยตามล่าตำรานี้เมื่อยี่สิบปีก่อน...แต่หายสาบสูญไปพร้อมสตรีลึกลับคนหนึ่ง”
เซียวเหวินหลงมองสมุดอย่างครุ่นคิด “ท่านยายของเ้า…คือสตรีคนนั้นสินะ”
ลี่ฮวาเอ๋อร์ใจเต้นแรง นางไม่เคยรู้เลยว่าท่านยาย ผู้เพียงสอนให้ย่างหมูและทำข้าวเหนียวนุ่ม กลับเคยเป็ศิษย์ยุทธภพที่ขโมยตำราต้องห้ามมา
“แปลว่า…สูตรหมูปิ้งที่ข้าใช้มาทั้งชีวิต…คือหนึ่งในบทของเพลิงปรุงยุทธ”
เย่หลิงพยักหน้า “ไม่แปลกที่พรรคเงามารจะตามล่า เพราะหากสูตรครบถ้วนทั้งสิบสองบท ไม่เพียงเพิ่มพลังภายใน แต่ยังสามารถบั่นพลังศัตรูผ่านกลิ่นรสได้”
เซียวเหวินหลงหัวเราะเบา ๆ “กลายเป็ว่าเ้าไม่ใช่แค่แม่ค้าหมูปิ้งธรรมดาเสียแล้ว ฮวาเอ๋อร์”
ลี่ฮวาเอ๋อร์สบตาพวกเขา ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“เช่นนั้น ข้าก็ต้องย่างหมูให้แกร่งยิ่งขึ้น…และเผาผู้กล้าให้เป็ขี้เถ้า ถ้ามันคิดจะมาแย่งสูตรข้าไป!”
ค่ำวันเดียวกันหลังตลาดวาย ลี่ฮวาเอ๋อร์ปิดร้านเร็วกว่าปกติ พื้นไม้ถูกถูสะอาดจนสะท้อนเงา ภายในครัวมีเพียงแสงตะเกียงสลัวและกลิ่นถ่านจาง ๆ ที่ยังลอยอ้อยอิ่ง
นางนั่งลงกลางห้อง วางสมุดตำราเพลิงปรุงยุทธไว้ตรงหน้า เปิดหน้าที่สองออกอย่างระมัดระวัง ด้านในคือบทถัดไปของสูตร —แต่กลับไม่ใช่เื่ของหมูปิ้ง หากเป็ “หมักเนื้อปลาด้วยพลังลมปราณ”
“สูตรนี้...ดูคล้ายกับท่าฝึกภายในมากกว่าอาหารเสียอีก” ลี่ฮวาเอ๋อร์พึมพำ
ขณะกำลังเพ่งดูสมุด เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นสามครั้ง เป็รหัสของเซียวเหวินหลง
เขาก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ สีหน้าเคร่งเครียด “พรรคเงามารเคลื่อนไหวแล้วคืนนี้ ข้าส่งเย่หลิงไปดักสกัดเส้นทางเหนือ แต่คาดว่าจะมีอีกสายผ่านทางลำธารตะวันตก”
“เ้าหมายความว่าพวกมันจะมาบุกจริง ๆ?” ลี่ฮวาเอ๋อร์ถามเสียงเรียบ
เขาพยักหน้า “และเป้าหมาย...คือตำราเล่มนี้”
นางมองตำราในมือ ก่อนพับเก็บใส่ถุงผ้า “ข้าจะไม่ยอมให้สิ่งที่ท่านยายเสี่ยงชีวิตรักษาไว้...ตกไปอยู่ในมือพวกมันเด็ดขาด”
ไม่นานนัก เสียงกระจกหน้าร้านสั่นไหว แรงลมบางอย่างพัดผ่านมา แม้ไฟในตะเกียงจะไม่ได้ดับ แต่เปลวกลับเอนไปทางเดียวราวกับเตือนภัย
ประตูหน้าถูกรัวอย่างรุนแรง ก่อนจะถูกถีบเปิดออก เงาดำสามคนในชุดคลุมยาวทะยานเข้ามาราวพายุ —ผู้นำกลุ่มคือชายหน้ากากเงิน ดวงตาเย็นเยียบราวน้ำแข็ง
“ส่งตำรามาเถิด แม่ค้าหมูปิ้ง เ้ายังมีค่าพอจะรักษาชีวิตไว้ หากยอมสยบ” เสียงของเขาเย็นเยียบ
ลี่ฮวาเอ๋อร์ยกไม้เสียบขึ้น “ข้ามีแค่ไม้เสียบหมู แต่เสียบศัตรูก็ไม่เลว”
เซียวเหวินหลงพุ่งเข้าขวางหน้า กระบี่ในมือเปล่งประกายใต้แสงตะเกียง “หากอยากได้ตำรา จงข้ามศพข้าไปก่อน!”
ชายหน้ากากหัวเราะเบา ๆ ก่อนควักแส้สีดำออกมา เสียงหวดของมันทำให้อากาศสั่นสะท้าน
การต่อสู้จึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง —ไม่ใช่เพียงเพื่อสูตรอาหาร แต่เพื่ออนาคตของยุทธภพที่ถูกเขียนไว้ในควันถ่านของหมูปิ้งธรรมดา
เสียงกระบี่ปะทะแส้ดังกึกก้องภายในร้านหมูปิ้งอันคับแคบ เซียวเหวินหลงไถลถอยหลังหลังรับการโจมตีอย่างรุนแรงจากชายหน้ากากเงิน ปลายกระบี่ของเขาถูกสะบัดให้เฉไปเพียงเสี้ยวกระพริบตา
“ฝีมือไม่เลว...สมแล้วที่เป็อดีตศิษย์พรรคกระบี่เมฆา” ชายหน้ากากเอ่ยขึ้น
เซียวเหวินหลงเช็ดมุมปากที่มีเืซิบ “แต่ไม่จำเป็ต้องเก่งมาก หากข้าปกป้องของข้าอยู่ได้”
ในขณะเดียวกัน ลี่ฮวาเอ๋อร์ไม่ได้ยืนดูเฉย ๆ นางใช้เงาและความว่องไวลอบอ้อมหลังศัตรู ตำราถูกซ่อนไว้ในช่องลับใต้พื้นแล้ว และตอนนี้…สิ่งที่อยู่ในมือนางคือหมูปิ้งสามไม้ที่เสียบแน่นด้วยกล้ามือ
เปลวไฟจากเตาเริ่มลุกแรงราวมีชีวิต ราวกับตอบรับกับลมปราณของฮวาเอ๋อร์ที่หมุนวนตามจังหวะลมหายใจ ทันใดนั้นนางพุ่งออกไปด้วยท่าไม้เสียบสายฟ้า!
เสียง ฟิ้ว! ดังพร้อมหมูปิ้งไม้แรกปักเข้ากลางหลังศัตรูคนหนึ่งจนล้มกลิ้งไม่เป็ท่า ก่อนจะตามด้วยไม้อีกสองที่เจาะจงจุดลมปราณจนศัตรูชะงักกึก
ชายหน้ากากหันขวับ ดวงตาใต้หน้ากากวาวโรจน์ “เ้าคือ...ทายาทเพลิงปรุงยุทธตัวจริง?”
“ข้าไม่สนว่าเ้าจะเรียกมันว่าอะไร” ลี่ฮวาเอ๋อร์กล่าว ขณะยกไม้เสียบขึ้นอีก “แต่นี่คือหมูปิ้งของข้า และข้าไม่ให้ใครแตะต้องมันได้!”
สิ้นคำ เซียวเหวินหลงและฮวาเอ๋อร์โจมตีประสานกัน เซียวเหวินหลงเบี่ยงแส้ที่หวดเข้ามา แล้วปล่อยให้ลี่ฮวาเอ๋อร์พุ่งเข้าสู่ระยะประชิด
หมูปิ้งไม้สุดท้ายสะบัดเข้าเป้า —ตรงข้อมือชายหน้ากากเงินที่กำลังเงื้อแส้ แรงปะทะบีบให้แส้ร่วงหล่นลงพื้น
เสียง โครม! ดังสนั่นเมื่อแส้กระทบพื้นพร้อมเงาร่างที่ล่าถอยอย่างพ่ายแพ้
ชายหน้ากากสบถคำหนึ่งก่อนโยนะเิควันแล้วหายตัวไปพร้อมผู้ติดตามที่เหลือ
ร้านกลับคืนสู่ความเงียบ เหลือเพียงกลิ่นหมูปิ้งไหม้เล็กน้อยและลมหายใจหอบของทั้งสองคน
เซียวเหวินหลงเอ่ยขึ้น “หมูปิ้งเ้านี่...ร้ายยิ่งกว่ากระบี่ของข้าอีกนะ”
ลี่ฮวาเอ๋อร์หัวเราะเบา ๆ พลางมองไม้เสียบในมือที่ยังคงอุ่นอยู่
“และนี่มันแค่ไม้ชุดเช้าเท่านั้น…อย่าให้ถึงชุดเที่ยงเลยนะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้