ณ ศาลาใจกลางทะเลสาบภายในสวน
เสิ่นเสวียนนั่งจิบชาอยู่ตามลำพังในศาลา
เขาเพิ่งมาถึงเช่นกัน ััได้ว่าเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเริ่นเสี้ยวเทียนออกมาพอดี จึงส่งกระแสจิตไปหาพวกเขา
“ท่านพี่!”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เสิ่นเสี่ยวเม่ยที่กำลังเดินเล่นอยู่กับเริ่นเสี้ยวเทียนมีสีหน้าร่าเริงขึ้นมาทันที
ั้แ่ที่เสิ่นเสวียนออกมาจากลานด้านหลังตระกูลเสิ่น พวกเขาก็อยู่ด้วยกันมาตลอด และเหมือนกับได้เจอกันเป็ครั้งแรกหลังจากไม่ได้เจอกันเป็เดือน เริ่นเสี้ยวเทียนก็มุ่งหน้าไปตามเสียงของเสิ่นเสวียนอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เพียงไม่นานเสิ่นเสี่ยวเม่ยก็วิ่งไปถึงศาลาใจกลางทะเลสาบ แล้วกระโจนเข้าสวมกอดเสิ่นเสวียนด้วยความคิดถึง
“ท่านพี่ ท่านไปไหนมา”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยในตอนนี้เพิ่งอายุสิบสองปี มีพี่ชายราวกับพ่อ ต่อหน้าคนอื่นนางเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ยังคงเป็เด็กน้อยเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าเสิ่นเสวียน
“ข้าออกไปฝึกฝนนอกเมืองมา ที่นี่เต็มไปด้วยยอดฝีมือ อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายได้โดยไม่จำเป็”
เสิ่นเสวียนตบบ่าเสิ่นเสี่ยวเม่ยอย่างอ่อนโยน ความรู้สึกของครอบครัวเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก
เริ่นเสี้ยวเทียนเดินมาถึงแล้วเช่นกัน
เขาเห็นเสิ่นเสี่ยวเม่ยแบบนี้ทำให้เขาดีใจมาก ดีใจที่เสิ่นเสวียนกลับมาสักที
่เวลาที่เสิ่นเสวียนไม่อยู่ด้วย เขาคิดว่าเขาสามารถรับมือกับความลำบากได้ คิดไม่ถึงเลยว่าต้องหลบซ่อนตัวอยู่ภายในสวนเล็กๆ แห่งนี้ ไม่กล้าออกไปด้านนอกเลย เขาเห็นเสิ่นเสวียนเป็ส่วนสำคัญในชีวิตไปแล้วโดยไม่รู้ตัว
“เอาล่ะ ข้ารู้เื่ของพวกเ้าทั้งหมดแล้ว ไม่ได้าเ็ใช่ไหม!”
เสิ่นเสวียนประคองเสิ่นเสี่ยวเม่ยให้นั่งลง พลางกล่าวถามทั้งสองคน
“พวกข้าไม่าเ็ เสิ่นเลี่ยนได้รับาเ็เล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาฟื้นตัวได้มากแล้ว” เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าว
“อู๋ิใช่ไหม”
“อืม ตาแก่นั่นแข็งแกร่งมาก มีพลังยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับกลาง สู้ไม่ได้จริงๆ”
เริ่นเสี้ยวเทียนนึกถึงอู๋ิ สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นมา พลังระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะล่วงเกินได้ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เสิ่นเสวียนหากไม่เรียกไม้ตายนั้นออกมาคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอู๋ิเช่นกัน
หากอู๋ิอยู่ในหุบเขาสุขาวดี าามารทั้งหมดรวมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
“เขาตายไปแล้ว”
เสิ่นเสวียนดื่มชาก่อนจะยิ้มให้ทั้งสองคน แม้เสิ่นเลี่ยนจะได้รับาเ็ แต่ก็นับว่าได้แก้แค้นให้พวกเขาแล้ว
“ตอนที่เขามาที่นี่ น่าจะมีอีกสองคนตามมาด้วยใช่ไหม หนึ่งในนั้นโดนข้าสังหารไปแล้ว”
ประโยคที่ว่าอู๋ิตายไปแล้วทำให้เสิ่นเสี่ยวเม่ยและเริ่นเสี้ยวเทียนตะลึงงัน อ้าปากค้าง ไม่รู้จะกล่าวอะไร
ประโยคนี้ทำให้พวกเขาใมาก พวกเขาเคยสู้กับอู๋ิมาก่อน รู้ดีถึงพลังของอู๋ิ
ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิระดับกลางคนหนึ่ง ทำไมถึงตายได้
“เ้าสังหารเขาหรือ”
เริ่นเสี้ยวเทียนตั้งสติได้จึงถามเสิ่นเสวียนอีกครั้งให้แน่ใจ
“อืม ข้าทำเอง ที่ประตูเมืองทิศใต้”
“เก็บตัวฝึกฝนครั้งนี้ ดูเหมือนพลังของเ้าจะก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิมมาก ถึงขั้นไหนแล้ว”
เริ่นเสี้ยวเทียนอดสงสัยไม่ได้ จึงกล่าวถามเสิ่นเสวียนออกไป
เื่อะไรก็ตามที่น่าเหลือเชื่อ กลับกลายเป็เื่ปกติเมื่ออยู่กับเสิ่นเสวียน
“ความจริงแล้วพลังยุทธ์ของข้าไม่ได้ก้าวหน้ามากขนาดนั้น คิดดูแล้วน่าจะขั้นราชันระดับต้นกระมัง!”
สิ่งที่เสิ่นเสวียนกล่าวมาเป็ความจริง เขาอยู่ในขั้นราชันระดับต้นจริงๆ ขั้นหยวนก่อกำเนิดระดับต้นและขั้นราชันระดับต้นเทียบเท่ากัน สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือ พลังของเสิ่นเสวียนมิอาจวัดได้จากขั้นพลังเพียงอย่างเดียว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งอย่างเสิ่นสืออีอยู่ด้วย
“ขั้นราชันระดับต้น...”
เริ่นเสี้ยวเทียนกลอกตามองบนใส่เสิ่นเสวียน รู้แบบนี้ไม่ถามออกไปเสียดีกว่า ยิ่งถามยิ่งน่าโมโห
“สหาย เ้ามาแล้ว”
ขณะนั้นเอง เฝิงเป่าเป่าวิ่งมาตามเส้นทางเล็กๆ เสิ่นเสวียนมาถึงที่นี่ก็บอกกล่าวเฝิงเป่าเป่าในทันที ให้เขามาหาที่ศาลากลางทะเลสาบ หลังจากได้เจอเสิ่นเสวียน ไม่ต้องบอกเลยว่าเฝิงเป่าเป่าดีใจมากแค่ไหน
หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตลาดของกระดานหมากนับว่าประสบความสำเร็จแล้วในมือของเขา มันได้รับความนิยมเป็อย่างมากในตลาดของชนชั้นสูงภายในเมืองชางฉง กลายเป็กระแสนิยมใหม่ของสังคมชนชั้นสูง ก่อนหน้านี้จะเห็นการร้องเล่นเต้นรำเป็ความบันเทิง แต่ตอนนี้การเดินหมากคือความบันเทิงไปแล้ว
และภายใต้การผลักดันของเฝิงเป่าเป่า ยังจัดการแข่งขันเดินหมากครั้งแรกขึ้นมาอีก นับเป็เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่
“อู๋ิคือผู้าุโที่ตระกูลเ้าเคารพถูกต้องไหม!”
“อืม”
“ข้าสังหารเขาไปแล้ว”
“ฮะ! เ้าสังหารเขาไปแล้ว?”
เฝิงเป่าเป่ามองเสิ่นเสวียนด้วยความใ เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจต่อผู้าุโอย่างอู๋ิ แต่รู้สึกใจหายกับพลังของเสิ่นเสวียนและความรวดเร็วของเขา
“ที่... ที่ไหน”
“นอกเมืองทิศใต้ ข้าสังหารเขาไปแล้วโดยไม่เหลือร่าง”
“ดี สังหารได้ดี”
เฝิงเป่าเป่าตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็กล่าวออกมาเสียงดังด้วยน้ำเสียงมีความสุข
เขาคือลูกชายคนโตของตระกูลเฝิง ส่วนเฝิงเทียนเป็ลูกชายคนรอง เขาไม่ได้ตั้งใจจะทะเลาะกับเฝิงเทียน หากถึง่รับสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลจริงๆ เขายอมสละตำแหน่งให้โดยไม่รีรอ แต่เนื่องจากเฝิงเทียนมีอู๋ิคอยให้ท้าย จึงเข้าปะทะกับเขาอยู่ตลอด หลายปีมานี้เขาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้เขาคงไม่ต้องออกไปหาซื้อของจนเกือบไม่รอดกลับมา
ตอนนี้อู๋ิตายไปแล้ว เ้ารองไร้ผู้ช่วย หากเขาไม่ดีใจก็คงโกหก
“คนตายเป็ผู้าุโที่ตระกูลเฝิงของเ้าเคารพนะ” เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวกับเฝิงเป่าเป่า
“ผู้าุโที่กินบนเรือนขี้บนหลังคาแบบนั้น ตายไปก็สมควรแล้ว” เฝิงเป่าเป่ากล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว รู้สึกขอบคุณเสิ่นเสวียนที่ช่วยสังหารอู๋ิให้
“อย่าเพิ่งรีบดีใจ ข้ายังมีอีกเื่ต้องบอกเ้า ตอนที่ข้าสังหารอู๋ิ กลับไปเกี่ยวข้องกับเื่ในราชวงศ์เฟิงเหลย ถูกคนจากราชวงศ์สังเกตเห็น ตอนนี้พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปหาเบาะแสเพิ่มเติมที่ตระกูลเฝิงของเ้า”
“ราชวงศ์เฟิงเหลย! ตระกูลเฝิงไม่เคยเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เลย อู๋ิน่าจะไม่กล้าหาญขนาดนั้น หรือว่า...”
“ไม่ผิด ข้าเอง เ้ารู้จักตาแก่ที่ชื่อผีซานไหม”
“รู้จัก เขาเป็ผู้าุโที่ตระกูลข้าเคารพเช่นกัน เป็พวกเดียวกับอู๋ิ ครั้งก่อนที่มาที่นี่ก็มีเขาด้วย” เฝิงเป่าเป่ารู้สึกว่าเื่แย่ๆ กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
“เขาเจอข้าเป็ครั้งแรก แต่เขารู้ว่าข้ารู้จักพวกเ้า ตอนนี้คนจากราชวงศ์คนนั้นกำลังพาเขาไปหาความจริงที่ตระกูลเฝิงแล้ว”
เฝิงเป่าเป่ารู้ว่าหากเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เฟิงเหลยแล้ว เื่นี้คงไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น หากจัดการได้ไม่ดีอาจทำให้ตระกูลเฝิงพินาศลงเลยก็ได้
“พวกเรารู้จักกันไหม”
เฝิงเป่าเป่าถามเสิ่นเสวียน เสิ่นเสี่ยวเม่ย และเริ่นเสี้ยวเทียนอย่างกะทันหันด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
“ฮ่าๆๆ ไม่รู้จัก”
เสิ่นเสวียนหัวเราะเสียงดังก้อง เฝิงเป่าเป่าเรียนรู้ได้เร็วจริงๆ ตราบใดที่ยืนยันว่าไม่รู้จักกัน ใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ตระกูลเฝิงเป็ตระกูลการค้าที่ยิ่งใหญ่ แม้ราชวงศ์้าหาเื่ก็ไม่มีหลักฐานอยู่ดี
ไม่อย่างนั้นแล้ว หากเกิดเื่ขึ้นกับตระกูลเฝิง เศรษฐกิจทั่วทั้งเมืองชางฉงหรือกระทั่งแคว้นเฟิงเหลยอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หากจัดการได้ไม่ดีเศรษฐกิจจะถดถอย เมื่อถึงตอนนั้นจะสั่นคลอนไปทั่วทั้งแคว้น หากไม่จำเป็จริงๆ ไม่มีใครกล้าล่วงเกินตระกูลเฝิงเด็ดขาด
ทางด้านเว่ยหลง เขาเดินไพล่มือสองข้างไว้ด้านหลังไปบนถนนสายใหญ่ของเมืองชางฉง มุ่งหน้าไปอย่างองอาจ
แต่ละก้าวของเขามีระยะห่างหลายฉื่อ ความเร็วของเขาก่อให้เกิดสายลมพัดผ่านไปบนถนน
ตระกูลเฝิงตั้งอยู่ใจกลางเมืองชางฉง ตระกูลที่ได้อยู่ในอาณาเขตกลางเมืองชางฉงทั้งมั่งคั่งและสูงส่ง
อาณาเขตกลางเมืองชางฉงมีจวนยิ่งใหญ่อยู่หลังหนึ่ง พื้นที่ห้าสิบหมู่ ภายในนั้นเต็มไปด้วยบ้านเรือนศาลาน้อยใหญ่ มีูเาแม่น้ำเรียงราย จวนที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้เรียกได้ว่าหรูหราที่สุดในเมืองชางฉงแล้ว ทั่วทั้งเมืองชางฉงมีตระกูลอย่างนี้อยู่ไม่ถึงห้าตระกูล และอีกสี่แห่งล้วนเป็จวนของท่านอ๋องในราชวงศ์
ขณะนี้เว่ยหลงนำผีซานและอีกสองคนมาถึงหน้าประตูตระกูลเฝิงแล้ว
ประตูตระกูลเฝิงสูงราวสามจั้ง ให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม สองข้างประตูมีรูปแกะสลักหินตัวซือจิ้วตั้งอยู่ ยิ่งส่งเสริมให้มีอำนาจยิ่งขึ้น
หรือกระทั่งบนกำแพงของประตูบานนั้นยังมีทองคำเปล่งประกายแสงวาววับอีกด้วย แม้แต่ที่พื้นด้านหน้าประตูยังปูด้วยหินโมราที่หาได้ยาก
ไม่ว่าใครมาถึงที่นี่ ความรู้สึกแรกจะต้องเป็ ‘ความร่ำรวยช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก’
“เปิดประตู เจิ้นกั๋วกงมีคำสั่งให้ตรวจสอบ”
เว่ยหลงยืนอยู่หน้าประตูตระกูลเฝิง ในมือของเขาถือป้ายคำสั่งสีม่วง พลางกล่าวกับองครักษ์ขั้นแม่ทัพสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู