ภายในห้องรับรอง้าร้านค้าผ้า ยามนี้ซูอันและแขกผู้เป็ลูกค้ากระเป๋าหนัก เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายผ้าทอ รวมถึงผ้าปักลวดลายต่าง ๆ ที่ร้านตระกูลจินได้ทำออกมาวางขาย
วั่นจิ่นต้านร้อนใจเกรงว่าตนจะไม่ได้สินค้าที่อยากได้ “เอ่อ คุณหนูรองจินท่านมีข้อเสนออันใด เกี่ยวกับผ้าที่วางขายในร้านของท่านบ้าง ช่วยบอกให้ข้าทราบได้หรือไม่”
ซูอันเห็นอาการกระตือรือร้นของลูกค้าตรงหน้า จึงยิ้มบาง ๆ ตอบกลับไปด้วยเหตุผลประกอบการซื้อขาย “ข้อเสนอของข้ามิได้ซับซ้อนแต่อย่างใดเ้าค่ะ ขอเพียงท่านลุงมีความจริงใจ ที่จะทำการค้าร่วมกันเื่อื่นย่อมพูดคุยกันได้อยู่แล้วเ้าค่ะ”
“ไอหยา คุณหนูรองจินท่านอย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับพ่อค้าคนอื่นเลยนะ ตระกูลวั่นของข้าทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์ หากข้าเป็คนคดโกงเห็นแก่ตัวแล้วละก็ คงทำการค้าในเมืองหลวงมายาวนานมิได้แน่” วั่นจิ่นต้านพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง เพราะตระกูลของเขานั้นยึดถือคำสอนของบรรพบุรุษ ที่ให้ทำการค้าอย่างตรงไปตรงมา
“ขอบคุณท่านลุงที่แสดงความจริงใจเ้าค่ะ เช่นนั้นไม่ทราบว่าท่านลุง้าผ้าจำนวนเท่าใดหรือเ้าคะ พวกเราจะได้ทำใบสั่งซื้อสินค้า และลงชื่อไว้เป็หลักฐานทั้งสองฝ่ายเ้าค่ะ”
วั่นจิ่นต้านนิ่งคิดไปสักหนึ่งจิบชา ก็ตัดสินใจได้ว่าเขา้าผ้าทอจำนวนเท่าใด “อืม ข้าเอาผ้าทอสีทั่วไปหนึ่งร้อยพับ ส่วนผ้าที่มีสีเป็สีพิเศษเอามาหนึ่งร้อยห้าสิบพับ และผ้าปักทุกลวดลายบนผ้าเช็ดหน้าสามสิบผืน ยังมีถุงหอมและถุงใส่เงินทำมาให้ข้าอย่างละห้าสิบใบเล่า”
ซูอันไม่คิดว่าลูกค้าคนนี้ของนาง จะสั่งสินค้าจำนวนมากั้แ่ครั้งแรก แต่มันก็ทำให้นางมีความสุขไม่น้อย เพราะกิจการที่เพิ่งเริ่มต้นมีคนสนใจเช่นนี้ “ได้เ้าค่ะ ข้าจะออกใบสั่งซื้อให้ท่านลุงและข้า เก็บไว้คนละหนึ่งฉบับเพื่อใช้เป็หลักฐาน ยามรับส่งสินค้าระหว่างกันนะเ้าคะ
เพียงแต่ว่าวันนี้ท่านลุงจะยังไม่ได้รับสินค้านะเ้าคะ เนื่องจากผ้าทอที่พวกเราเตรียมไว้นั้น ยังมีไม่มากพอจะมีสำรองขายในจำนวนมากได้ ท่านลุงให้เวลาข้าสักหนึ่งเดือนได้หรือไม่เ้าคะ เมื่อครบกำหนดหนึ่งเดือนข้าจะให้หน่วยคุ้มกัน นำผ้าทั้งหมดไปส่งให้ท่านที่เมืองเส้ากวนเ้าค่ะ”
“อืม ข้าพอจะเข้าใจสถานการณ์นี้ของคุณหนูรองจิน เพราะในร้านมีผู้คนให้ความสนใจมากพอสมควร ข้าไม่อาจเห็นแก่ตัวนำทั้งหมดมาเป็ของตนได้ เช่นนั้นทำตามที่คุณหนูรองจินว่ามาเถิด” วั่นจิ่นต้านมองลงไปด้านล่างเห็นสถานการณ์ทุกอย่าง จึงเข้าใจความหมายของคำพูดซูอันทันที
“ขอบคุณท่านลุงที่เข้าใจเ้าค่ะ รบกวนท่านลุงนั่งดื่มชารอสักประเดี๋ยว ข้าขอตัวไปเขียนใบสั่งซื้อไม่นานจะกลับมาเ้าค่ะ” การค้าครั้งแรกในวันเปิดร้านในวันนี้ อยู่เหนือความคาดหมายของซูอันยิ่งนัก
เมื่อซูอันเดินออกไปเพื่อเขียนใบสั่งซื้อ วั่นจิ่นต้านจึงหันไปทางบ่าวคนสนิท “ลู่อี้เ้าเตรียมเงินมัดจำไว้ให้คุณหนูรองจิน สักหนึ่งพันห้าร้อยตำลึงทอง ส่วนที่เหลือค่อยจ่ายหลังจากสินค้าไปส่งที่เมืองเส้ากวน อย่าลืมส่งจดหมายไปบอกฮูหยินไว้ด้วยเล่า นางจะได้ไม่ใยามที่สินค้าจำนวนมากไปส่งที่จวน”
“บ่าวทราบแล้วขอรับนายท่าน”
ไม่ถึงหนึ่งจิบชาซูอันก็กลับมาพร้อมใบสั่งซื้อในมืสองฉบับ วั่นจิ่นต้านอ่านรายละเอียดอีกครั้ง พอเห็นว่าในใบสั่งซื้อไม่มีปัญหา จึงได้ลงชื่อประทับลายนิ้วมือ จากนั้นได้มอบเงินมัดจำที่เตรียมไว้ให้กับซูอัน และได้ขอตัวกลับโดยบอกว่ามีธุระต้องไปทำเพิ่ม นางจึงมิได้รั้งวั่นจิ่นต้านไว้นางจึงเดินมาส่งด้านหน้าร้านเท่านั้น
ความคึกคักในการเปิดร้านผ้าวันแรก ช่างสร้างความสุขให้กับครอบครัวของซูอันยิ่งนัก ภายหลังจากปิดร้านในปลายยามเว่ย ซูอันกับเยี่ยนหลิงให้บิดามารดาของพวกนางกลับจวนไปก่อน ส่วนนางกับพี่สาวจะช่วยพวกเหวยฉินจัดเตรียมสินค้า และตรวจนับดูว่ายังขาดอยู่มากน้อยเพียงใด
ขณะที่ด้านหน้าประตูเมืองผู่เถียน ภายในรถม้านั้นมีบุรุษสองคนนั่งอยู่ด้วยท่าทางเบื่อหน่าย รอบ ๆ รถม้ามีบุรุษในชุดสีน้ำเงินขี่ม้า คอยทำหน้าที่เป็องครักษ์อยู่สี่คน
บุรุษที่ทำสีหน้าเบื่อหน่ายกับการเดินทางครั้งนี้ เขามีรูปร่างสูงใหญ่คล้ายทหาร เป็ทายาทลำดับที่สองจากจวนอิงกั๋วกงผู้มีนามว่า “ฟงเฉิงฮ่าว” ซึ่งเป็สหายกับบุรุษหน้านิ่งพูดน้อยและยิ้มยากอย่าง “หยางไท่ิ” บุตรชายของเสนาบดีกรมตุลาการ มีมารดาเป็ถึงองค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์เป่ยชาง
ทั้งสองคนเดินทางมายังเมืองผู่เถียน เพื่อตรวจสอบการหายตัวไปของหลายตระกูล ที่ทำเกี่ยวกับการทอผ้าและการปักผ้า ซึ่งข่าวที่พวกเขาได้รับมาบอกเอาไว้ว่า ตระกูลเ่าั้ล้วนอยู่ในเมืองถู่หลาน ผู่เถียนและเมืองซุนหัว ต้นสายปลายเหตุเื่นี้ยังสรุปไม่ได้ ว่าเป็ฝีมือของต่างแคว้นหรือคนภายในแคว้นเป่ยชาง
“เฮ้อ นี่อาิเ้านั่งนิ่งอยู่ได้อย่างไร ไม่รู้สึกเบื่อกับการนั่งนาน ๆ บ้างรึ” ฟงเฉิงฮ่าวที่นั่งพิงกับผนังภายในรถม้า เอ่ยถามสหายด้วยท่าทางที่ไม่น่ามองเท่าใดนัก
หยางไท่ิปรายตามองสหายสนิทของตน กับคำตอบที่เหมือนเดิมเช่นทุกครั้ง “ถ้าข้าเบื่อคงออกไปขี่ม้าอยู่ด้านนอกแล้ว เหตุใดเ้าถึงยังไม่คุ้นชินกับการเดินทางอีกเล่าอาฮ่าว นี่จะบ่นเหมือนตาแก่ที่จวนข้าไปทำไมกัน”
ฟงเฉิงฮ่าวลุกขึ้นจ้องมองหน้าสหาย และบอกความในใจของเขา “ไอหยา อาิก็ตลอดทางมันเงียบผิดปกตินี่นา เ้าไม่คิดเช่นข้าหรือไร”
“ข้าย่อมคิดเหมือนกับเ้า เื่ที่พวกเราออกจากเมืองหลวง อาจมีคนของพวกนั้นส่งข่าวไปล่วงหน้า จึงทำให้พวกมันเก็บหัวเก็บหางอยู่เงียบ ๆ ไม่บุ่มบ่ามลงมือในเวลานี้ คงเฝ้ารอจนกว่าเ้ากับข้าจะกลับไป พวกมันถึงจะเริ่มลงมืออีกครั้ง” ถึงแม้คนของหอข่าวร้อยเงาจะเก่งกาจ แต่ใช่ว่าคนของอีกฝ่ายจะไม่เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้
“อืม ที่เ้าพูดมาก็ถูกนะอาิ หากเป็พวกต่างแคว้นสายของเรา น่าจะสืบหาข่าวได้ไม่ยากเท่าใดนัก ข้าคิดว่าต้องเป็คนมีอำนาจในแคว้นที่อยู่เื้ัเื่นี้ เพราะพวกเขารู้ความเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่บ่อยครั้ง” ฟงเฉิงฮ่าวเทน้ำหนักให้คนในแคว้นมากกว่า
หยางไท่ิพยักหน้าให้สหาย ก่อนจะออกคำสั่งกับบ่าวคนสนิทเื่ที่พัก “ไว้หาที่พักได้แล้วค่อยคิดหาทางสืบข่าวอีกที อู๋ซวนมองหาโรงเตี๊ยมกลางเมืองผู่เถียนข้า้าห้องพักที่เป็ส่วนตัว”
“ขอรับคุณชาย”
ระหว่างทางที่รถม้าเคลื่อนตัวไปตามถนน จะเป็ความบังเอิญหรือโชคชะตาฟ้าลิขิตไว้ ที่ทำให้บุรุษสองคนผู้เป็สหายกัน พร้อมใจมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง เมื่อมีเสียงพูดคุยอันไพเราะของสตรี ดังเข้ามาในโสตประสาทของพวกเขา ทำให้เกิดความเงียบงันในรถม้าขึ้นทันที
‘พี่หญิงเร็วเข้าเ้าค่ะท้องของข้ามันเริ่มส่งเสียงแล้ว’
‘มาแล้ว ๆ ๆ ใครใช้ให้เ้าไม่ยอมพักทานอาหารล่ะ’
พรึ่บ! “อาิข้าตาฝาดหรือหูฝาดไปหรือไม่ นอกจากใบหน้าจะงดงามปานเทพธิดาแล้ว น้ำเสียงที่พูดออกมายังไพเราะน่าฟัง เ้าได้ยินได้เห็นพวกนางเหมือนกับข้าไหมอาิ”
หยางไท่ิมิได้ตอบคำถามของสหาย เขากำลังนึกถึงใบหน้าที่ดูดื้อรั้นของหญิงสาวในชุดดอกเหมยสีแดงสด แม้น้ำเสียงที่นางพูดออกมาจะเป็การออดอ้อนพี่สาว แต่มีบางอย่างบนตัวของนางบอกกับเขาว่า นางไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาแน่นอน จึงพึมพำออกมาเบา ๆ “น่าสนใจจริง ๆ”
ฟงเฉิงฮ่าวได้ยินสหายพึมพำอะไรบางอย่าง ก็เกิดความอยากรู้ขึ้นมาแทน “หืม อาิเ้าบ่นพึมพำอันใดกัน ใยไม่ตอบคำถามของข้า”
หยางไท่ิหรี่ตาทำสีหน้าจริงจัง ก่อนจะตอบเป็คำถามกลับไป “เ้ามองสตรีคนใดในสองคนนั่นงั้นหรืออาฮ่าว?”
ฟงเฉิงฮ่าวนึกถึงใบหน้าของเยี่ยนหลิง กับคำถามที่สหายถามกลับมาหาตน “อาิข้าขอไม่ปิดบังเ้า ตลอดหลายปีที่เราเป็สหายกันมา เ้ากับข้าต่างรู้นิสัยใจคอกันเป็อย่างดี สตรีดอกบัวขาวทั้งหลายไม่เคยอยู่ในสายตา แต่กับคุณหนูผู้นั้นนางสามารถดึงดูดสายตาของข้า ทำให้หัวใจที่เงียบสงบเกิดแรงสั่นะเืขึ้นได้ จากท่าทางของนางคงเป็หญิงสาวที่เรียบร้อยอ่อนหวาน ช่างน่าทะนุถนอมเสียจริงเ้าว่าไหมอาิ”
หยางไท่ิได้ฟังคำตอบของสหาย เขาถอนหายใจเงียบ ๆ เมื่อได้รู้ว่าสตรีที่สหายของตนต้องตาต้องใจ คือหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าพี่หญิง “หึ ข้าคิดว่านางเหมาะสมกับเ้าไม่น้อยนะอาฮ่าว สตรีที่เรียบร้อยอ่อนหวานที่เ้าอยากจะปกป้อง และอยากมีนางอยู่เคียงข้างเ้า”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว แต่ข้าคิดว่าเ้ากับคุณหนูที่สวมชุดสีแดงนั่น ก็ดูเหมาะสมกันมากทีเดียว เพราะเ้าไม่ชอบสตรีที่เอาแต่ตามใจเ้า ข้าพูดถูกหรือไม่เล่าอาิ ฮ่า ๆ ๆ”
แน่นอนว่าสิ่งที่ฟงเฉิงฮ่าวพูดมา คือสตรีที่หยางไท่ิค้นหามาตลอด “สมกับที่เป็สหายสนิทของข้านะอาฮ่าว”
ฟงเฉิงฮ่าวหันมาทำหน้าทะเล้นล้อเลียนสหาย แต่เขานึกบางอย่างขึ้นได้จึงเรียกบ่าวคนสนิทเข้ามาใกล้
“ไห่หยุน”
ไห่หยุนขยับม้าเข้ามาใกล้ ๆ หน้าต่างของรถม้า “ขอรับคุณชายรอง ท่านมีเื่อันใด้าให้บ่าวไปทำหรือขอรับ”
“เ้าไปสืบประวัติสตรีสองคนนั้นมาให้ข้า ไม่ว่าจะเป็เื่เล็กหรือเื่ใหญ่ของพวกนาง ข้า้ารู้ทั้งหมดเข้าใจหรือไม่?”
“บ่าวทราบแล้วขอรับคุณชายรอง” ไห่หยุนรับคำสั่งด้วยความประหลาดใจ ที่คุณชายรองเกิดสนใจสตรีเมื่อมาถึงต่างเมือง
หลังจากสั่งการบ่าวคนสนิทอย่างไห่หยุนแล้ว อู๋ซวนที่หาโรงเตี๊ยมให้เ้านายได้ก็กลับมารายงานต่อทันที ซึ่งทั้งหมดจะเข้าพักยังโรงเตี๊ยมผู่เฉิง และที่สำคัญโรงเตี๊ยมแห่งนี้ยังอยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้อง ๆ กับร้านผ้าหงส์ทอเมฆาของตระกูลจินอีกด้วย
ส่วนซูอันเองเมื่อเร่งพี่สาวให้กลับจวน และเดินสวนทางกับรถม้าคันใหญ่ไปได้ไม่ไกล นางก็รู้สึกคล้ายกับว่ามีสายตาสองคู่ จับจ้องมาที่นางกับพี่สาวแต่เมื่อหันไปมองสายตาสองคู่นั้นกลับหายไป แม้จะติดใจเื่นี้แต่ซูอันเลือกที่จะปล่อยไปเสีย หลังจากนี้นางค่อยให้พวกอี้เหลียน คอยสังเกตคนรอบข้างรวมถึงสถานที่ใกล้เคียงไว้สักหน่อยแล้ว
