ใช้กลยุทธ์ดูแคลนศัตรู แต่ก็ไม่ด้อยค่าศัตรูเช่นกัน นี่คือรูปแบบการต่อสู้ที่สอดประสานของจ้านอู๋มิ่ง
หากสามารถยั่วโทสะคู่ต่อสู้จนเสียชีวิตได้ ย่อมประเสริฐที่สุด ถ้าไม่อาจยั่วโทสะจนเสียชีวิต ยั่วโทสะฝ่ายตรงข้ามจนาเ็ก็สามารถทุ่นแรงได้ไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้คู่ต่อสู้จิตไม่นิ่ง สมาธิไม่สงบ
“หวังว่าทักษะการต่อสู้เ้าจะร้ายกาจเช่นเดียวกับฝีปาก!” หนานกงเฉิงคร้านจะคุยกับจ้านอู๋มิ่งอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดสิ่งใดก็ตาม มักถูกจ้านอู๋มิ่งเย้ยหยันกลับมา คู่ต่อสู้คนนี้ฐานบ่มเพาะแค่ปรมาจารย์นักยุทธ์เท่านั้น แต่เขาฝึกฝนจนกระทั่งฝีปากก็ยังร้ายกาจ พูดจาทั้งโเี้และอำมหิต
“แล้วเ้าจะได้เห็นกัน!” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว จากนั้น ภายใต้สายตาตะลึงงันของทุกคน เขาหลับตาลงอย่างสบายๆ ราวกับหลับใหลไปแล้วก็ปาน
ทุกคนพบว่าเขาแปลกประหลาดจนอธิบายมิถูก นอนหลับต่อหน้าศัตรู นี่ไม่ใช่การแสวงหาความตายหรอกหรือ? เวลานี้ มีบางคนคิดว่าจ้านอู๋มิ่งเสแสร้งแกล้งทำมากเกินไปแล้ว เช่นนี้จะทำให้เสียชีวิตได้จริงๆ!
จ้านอู๋มิ่งหลับตาลง หนานกงเฉิงกลับดูเคร่งเครียดอยู่บ้าง ชั่วขณะที่จ้านอู๋มิ่งหลับตาลง เขากลับรู้สึกว่าจ้านอู๋มิ่งคล้ายดั่งผสมผสาน หลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกับอากาศโดยรอบก็ปาน แปรเปลี่ยนเป็เลือนรางขึ้นมา คนผู้นี้ได้ศึกษาทักษะวิชาเฉพาะของตระกูลหนานกงมาแล้ว นี่คือการประเมินที่หนานกงเฉิงมีต่อจ้านอู๋มิ่ง
ไม่ว่าจ้านอู๋มิ่งใช้ท่าทีแบบไหนรับศึกการต่อสู้ครั้งนี้ หนานกงเฉิงจะต้องเหยียบย่ำเขาอยู่ใต้ฝ่าเท้าให้ได้ พิสูจน์ให้ประจักษ์ต่อหน้าผู้คน ชื่อเสียงของตระกูลหนานกงมิอาจถูกลบหลู่อย่างเด็ดขาด
……
บนเกาะนิรนาม สายลมก่อตัวขึ้นแล้ว พัดม้วนใบไม้ที่หักและฝุ่นบนพื้นดินลอยขึ้น ระลอกคลื่นรอบเกาะก็เริ่มโหมซัดกระหน่ำ ระลอกคลื่นใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ สายลมเริ่มพัดจากมหาสมุทรเข้ามา เข้าหาเกาะกลางมหาสมุทรจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง ยิ่งพัดยิ่งแรงมากขึ้น…
“พายุก่อตัวแล้ว!” มีคนพูดเสียงต่ำ
ฝุ่นผงเม็ดทรายเป็มายาดึงดูดสายตาผู้คน กิ่งก้านใบไม้และชายกระโปรงพลิ้วสะบัดไปมา ลมพายุได้ก่อตัวขึ้นแล้วจริงๆ สายลมโหมกระหน่ำมาจากทั่วทุกทิศทุกทาง มีคนพบว่า เงาร่างหนานกงเฉิงเลือนราง คล้ายซ่อนเร้น คล้ายดั่งปรากฏ สายลมจากสี่ทิศแปดทางพัดเข้า ยึดหนานกงเฉิงเป็ศูนย์กลาง ฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจายก็เริ่มหมุนวนขึ้นรอบตัวหนานกงเฉิง ท่ามกลางฝุ่นทรายเ่าั้ เงาร่างหนานกงเฉิงหายไปแล้ว
“ราชันวายุ ไม่ธรรมดาจริงๆ!” คนที่พูดจาเป็ชายชราเคราขาวจากหอสมบัติจิติญญาที่มอบป้ายคำสั่งหยกดำหลิงป่าวให้จ้านอู๋มิ่งผู้นั้น
ตู้เยว่ิหลั่งเหงื่อเย็นเยียบแทนจ้านอู๋มิ่ง เขาเคยเห็นพลังความร้ายกาจของราชันสัตว์ร้ายมาแล้ว แต่จุดแข็งที่เป็ความร้ายกาจของราชันสัตว์ร้ายก็สืบเนื่องมาจากสัตว์อสูรจิติญญาคู่หูของเขา ทว่าหนานกงเฉิงนั้นกลับแตกต่าง ที่เขาพึ่งพาทั้งหมดล้วนเกิดจากการฝึกฝนบ่มเพาะขึ้นเอง ถึงแม้อันดับของราชันวายุจะอยู่หลังราชันสัตว์ร้าย แต่หากพูดถึงพลังการต่อสู้ส่วนบุคคลแล้ว ราชันวายุร้ายกาจน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าราชันสัตว์ร้ายเสียอีก
เวลานี้ ตู้เยว่ิรู้สึกขุ่นเคืองเฉวียนหรูเซินขึ้นมาบ้างแล้ว ยามที่สำนัก้าตัวเขามากที่สุด เขากลับหายตัวไป ต้องให้ศิษย์น้องเล็กออกมารับหน้าอยู่คนเดียว เดิมทีการต่อสู้ระหว่างสิบราชันด้วยกัน สมควรให้ราชันสัตว์ร้ายเฉวียนหรูเซินออกหน้ารับศึก
“ความสามารถในการควบคุมธาตุวายุกลับบรรลุถึงขอบเขตระดับนี้แล้ว สิบราชันพั่วเหยียนไม่อาจประเมินต่ำได้จริงๆ ดูเหมือนว่า ในอนาคตสิบคนนี้จะเป็ศัตรูคนสำคัญของข้า” ท่ามกลางฝูงชน ชายหนุ่มสวมชุดต่อสู้ที่ตัดเย็บขึ้นด้วยด้ายสีทองผู้หนึ่งมองหนานกงเฉิง แล้วต่อมา เขาก็หันมองไปทางจ้านอู๋มิ่ง พึมพำขึ้นว่า “บนร่างคนผู้นี้มีกลิ่นอายของน้องสาม ลูกแก้วาของน้องสามแตกสลาย หรือว่าเขาจะเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนผู้นี้”
ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้น คนผู้นั้นถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง “ถึงแม้น้องชายไม่เอาไหนคนนั้นตายไปก็ไม่น่าเสียดาย กล่าวถึงที่สุดแล้วก็ยังคงเป็น้องชายตนเอง ไม่ว่าผู้ใดสังหารเขา ล้วนแล้วแต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนทั้งสิ้น”
สายลมพัดกระหน่ำยิ่งขึ้นเรื่อยๆ คลื่นในมหาสมุทรถูกสายลมพัดพาไปกลางนภากาศ กลายเป็ละอองหมอกกลุ่มหนึ่ง เกาะกลางมหาสมุทรคล้ายดั่งถูกปกคลุมด้วยกลุ่มเมฆฝนชั้นหนึ่ง แสงสว่างถูกละอองหมอกที่สายลมพัดม้วนขึ้นไปบดบัง จนกระทั่งท้องฟ้ามืดครึ้มลง
จ้านอู๋มิ่งสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว หนานกงเฉิงก็สงบนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน เพียงแต่เงาร่างสูญหายไปท่ามกลางสายลมแล้ว กลุ่มละอองหมอกกลางอากาศหนาแน่นยิ่งขึ้น กดดันเกาะกลางมหาสมุทรเหมือนูเากลับหัวลูกหนึ่งก็ปาน
“มหาวาตะ!” มีคนอุทานเสียงต่ำ
พลันละอองะเิออกทันใด พายุลมบ้าหมูขนาดใหญ่มหึมาสายหนึ่งพุ่งลงมาจากท้องฟ้า กระหน่ำลงสู่เวทีต่อสู้ระหว่างจ้านอู๋มิ่งและหนานกงเฉิง
“ตูมมม…” หนานกงเฉิงหายตัวไปแล้ว ่เวลาขณะที่พายุลมบ้าหมูกระทบถูกพื้นนั้น เงาร่างเขาก็สูญหายไปแล้ว หลอมรวมเข้าไปอยู่ในใจกลางมหาวาตะใหญ่โดยสิ้นเชิง
“อานุภาพมหาวาตะฟ้า! นี่เป็อานุภาพมหาวาตะฟ้าที่แท้จริง!” เสียงอุทานใเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ไม่มีผู้ใดสนใจเสียงนี้ จิตใจของทุกคนล้วนถูกดึงดูดด้วยมหาพายุลูกใหญ่
นี่ก็คืออานุภาพอันสะท้านฟ้าของราชันวายุหรือ? ทุกคนอดถามตนเองเงียบๆ ในใจไม่ได้ ใจกลางฝ่ามือชุ่มด้วยเหงื่อเย็นเยียบ
ตู้เยว่ิสกัดยั้งความหุนหันของศิษย์พี่หลายคน เวลานี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ยากจะสอดแทรกการต่อสู้ของหนานกงเฉิงและจ้านอู๋มิ่งแล้ว นอกจากไม่มีการสะกดข่มของเจตจำนงคุนเผิง บางทียอดฝีมือระดับจักรพรรดิาสูงสุดหรือมหาจักรพรรดิาลงมือเอง จึงจะสามารถแยกสองคนออกจากกันได้
จ้านอู๋มิ่งถูกมหาวาตะลูกใหญ่กลืนกินในชั่วพริบตาที่หนานกงเฉิงหายตัวไป ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นจุดจบของจ้านอู๋มิ่ง ทุกคนต่างล้วนพากันคาดเดาว่าจุดจบของจ้านอู๋มิ่งจะน่าอนาถและน่าเศร้าเพียงใด มีคนคำนวณอย่างลิงโลดดีใจว่าตนชนะพนัน ได้รับเงินทองจำนวนเท่าไร มีบางคนกำลังครุ่นคิด้าสร้างความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหนานกง และยังมีคนคิดคำนวณว่าจะกำจัดสำนักบริบาลเดรัจฉานออกจากการ่ชิงในสถานพำนักของคุนเผิงครั้งนี้หรือไม่…ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดว่าจ้านอู๋มิ่งจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ รวมทั้งศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานเอง
……
ห่างจากเกาะนิรนามหลายร้อยลี้ เรือเหาะลำหนึ่งกำลังเร่งรีบเดินทางมุ่งหน้ามาทางเกาะแห่งนั้น ชายหนุ่มสะพายกระบี่ผู้หนึ่งยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือเหาะ สีหน้าเฉยชา เสื้อผ้าสีเขียวพลิ้วสะบัดไปมาตามสายลม คนทั้งคนยืนอยู่บนหัวเรือ คล้ายดั่งกระบี่สูงเสียดฟ้าเล่มหนึ่ง คนผู้นี้ก็คือราชันกระบี่ เฝิงอู๋เซวี่ยนั่นเอง ยามนี้ สายตาของเขาจ้องเขม็ง มองดูกลุ่มก้อนเมฆและมหาวาตะใหญ่ที่อยู่ไกลตา ถอนหายใจอย่างผิดหวังพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าจะถูกหนานกงเฉิงฉวยโอกาสลงมือไปก่อนแล้ว”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ถ้าเช่นนั้นพวกเรายังจะไปอีกหรือไม่?” ศิษย์สำนักกระบี่ิญญาผู้หนึ่งออกจากห้องโดยสาร ครุ่นคิดแล้วถามขึ้น
“ไปสิ พอจ้านอู๋มิ่งตาย ศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานต้องไม่ยินยอมอย่างแน่นอน เช่นนั้นก็ทำให้พวกเขาสูญหายไปจากสถานพำนักของคุนเผิงแห่งนี้เถอะ” เฝิงอู๋เซวี่ยพูดเสียงเ็า ในน้ำเสียงแฝงสำนึกฆ่าฟันอันโเี้
“เกิดราชันสัตว์ร้ายเฉวียนหรูเซินออกหน้า จะเกิดเหตุเหนือความคาดหมายขึ้นหรือไม่?”
“เฉวียนหรูเซิน...เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้” เฝิงอู๋เซวี่ยสูดลมหายใจลึกๆ คำหนึ่ง คนแรกที่ค้นหาจ้านอู๋มิ่งพบจะต้องเป็เฉวียนหรูเซินอย่างแน่นอน เวลานี้ จ้านอู๋มิ่งกำลังต่อสู้กับราชันวายุหนานกงเฉิงบนเกาะนิรนาม กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เฉวียนหรูเซินล้มเหลวในการสังหารจ้านอู๋มิ่ง ถ้าเช่นนั้นเป็ไปได้อย่างยิ่งที่เฉวียนหรูเซินอาจถูกจ้านอู๋มิ่งฆ่าไปแล้ว จ้านอู๋มิ่งและเฉวียนหรูเซินไม่สามารถที่จะประนีประนอมกันได้อย่างเด็ดขาด
“อา เป็ไปได้อย่างไร ผู้ใดสามารถฆ่าราชันสัตว์ร้ายได้?” ศิษย์สำนักกระบี่ิญญาอุทานอย่างใ
“ข้าก็เพียงแค่คาดเดาเช่นกัน ในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกเต็มไปด้วยอันตรายทุกแห่งหน พวกเราร่วมมือกับตระกูลหนานกงเล่นงานสำนักบริบาลเดรัจฉาน หากเฉวียนหรูเซินยังมีชีวิตอยู่ เป็ไปไม่ได้ที่จวบจนกระทั่งบัดนี้ก็ยังเงียบเฉยอยู่” เฝิงอู๋เซวี่ยย่อมไม่พูดว่าจ้านอู๋มิ่งอาจจะฆ่าเฉวียนหรูเซินไปแล้ว ความลับของสิบราชัน ไม่อาจให้ผู้ใดล่วงรู้ได้เด็ดขาด
ศิษย์สำนักกระบี่ิญญาถึงได้เข้าใจ เฉวียนหรูเซินมีฐานะเป็ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักบริบาลเดรัจฉาน และก็เป็กำลังสำคัญของศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานในน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้เช่นกัน ศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานประสบความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง เขาก็ไม่ได้ปรากฏตัว ราชันวายุ ราชันกระบี่ ยังมีราชันโอสถที่ประกาศรางวัลล่าตัวจ้านอู๋มิ่ง เขาก็ไม่ได้พูดจาใดๆ สนับสนุนจ้านอู๋มิ่ง นี่ไม่สมควรเป็การแสดงออกของศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบริบาลเดรัจฉานที่พึงมี มีความเป็ไปได้เพียงหนึ่งเดียว คนผู้นี้ต้องเสียชีวิตแล้วหรือไม่ก็ได้รับาเ็สาหัส
นึกถึงก่อนหน้านี้เวลาต่อสู้กับศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉาน ทุกคนกังวลว่าราชันสัตว์ร้ายจะลงมือเข่นฆ่าอย่างโเี้ หากทราบแต่แรกว่าราชันสัตว์ร้ายอาจเสียชีวิตแล้ว เวลานั้นสำนักกระบี่ิญญาและตระกูลหนานกงจะปล่อยให้ศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานหนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร? แม้จะไม่ทำลายจนหมดสิ้น แต่ย่อมต้องสังหารคนส่วนใหญ่ให้ดับสูญในน่านน้ำมหาสมุทร ทำลายขุมพลังระดับกลางสำนักบริบาลเดรัจฉานให้ประสบความสูญเสียอย่างหนัก
“ถ้าครั้งนี้สำนักบริบาลเดรัจฉานกล้าลงมือ พวกเราก็จะจัดการเข่นฆ่าให้หนำใจเสีย”
“ถ้าหากกล้าขัดขวาง ก็ไม่ต้องยั้งมือไว้ไมตรี!” มุมปากของเฝิงอู๋เซวี่ยผุดเจตนาสังหารโเี้ขึ้นคราหนึ่ง
……
น่านน้ำมหาสมุทรนอกสถานพำนักของคุนเผิง บนเรือสมบัติวิเศษของสำนักบริบาลเดรัจฉานมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน เลวี่ยเหวินซิว อาจารย์ของจ้านอู๋มิ่งปรากฏตัวอย่างขุ่นเคือง ยามนี้เขากำลังยืนอยู่ข้างเยว่หลิงซาน
“อาจารย์ปู่ พวกเราจำเป็ต้องระงับศึกชี้ขาดของจ้านอู๋มิ่งและสิบราชันให้ได้!” เลวี่ยเหวินซิวพูดอย่างร้อนใจและวิตกกังวล
“ดูจากเวลาแล้ว ต่อให้พวกเราเร่งรุดเดินทางไปตอนนี้ก็ขัดขวางไม่ทันแล้วเช่นกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็เด็กคนไหนของตระกูลหนานกงหรือว่าเด็กคนไหนของสำนักกระบี่ิญญา และอาจเป็นังหนูของสำนักหลอมโอสถก็ได้เช่นกัน” ชายชราด้านขวามือของเยว่หลิงซานถอนใจคราหนึ่ง
“พวกเรามิใช่นำ "ฝาครอบจิติญญาความลับ์" สมบัติวิเศษจิติญญาของสำนักอาจารย์มาด้วยมิใช่หรือ? ฝาครอบจิติญญาความลับ์สามารถป้องกันเจตจำนงคุนเผิงได้ส่วนหนึ่ง อย่างน้อยก็สามารถช่วยให้ข้ามีฐานบ่มเพาะของจักรพรรดิา หรือไม่ก็ท่านอาจารย์ปู่ก็ให้เหวินซิวเดินทางไปสักครั้งเถอะ หากศิษย์น้อยข้าเสียชีวิตแล้ว ข้าจะต้องกำจัดแมลงตัวน้อยเ่าั้ให้สิ้นซาก” เลวี่ยเหวินซิววุ่นวายใจ เขาวิตกยิ่งนัก พอได้ยินว่าสิบราชัน้าลงมือกับจ้านอู๋มิ่ง เขารีบเร่งเดินทางมาทันที
ภายหลัง สำนักได้รับข่าวสารจากเยว่หลิงซานว่า เฉวียนหรูเซินกลับดับสูญ ฝังร่างอยู่ในน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้แล้ว เื่นี้ทำให้ผู้ที่อยู่ระดับสูงของสำนักบริบาลเดรัจฉานบันดาลโทสะ เร่งรุดเดินทางมาพร้อมกันทีเดียวหกคน นอกจากเลวี่ยเหวินซิวที่มีฐานบ่มเพาะเพียงจักรพรรดิาแล้ว ที่เหลือห้าคนมีสองคนเป็จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ นอกนั้นอีกสองคนเป็มหาจักรพรรดิาสูงสุด เป็ชนชั้นระดับสุดยอดบนแผ่นดินใหญ่นี้
ดาวรุ่งพุ่งแรงที่เป็ความหวังสูงสุดของสำนัก กลับต้องดับสูญอย่างไม่ทราบสาเหตุ สำนักไร้เบาะแสแม้แต่น้อยนิด สำนักบริบาลเดรัจฉานเดือดดาลลุกเป็ไฟขึ้นมาทันใด
“เจตจำนงคุนเผิงสะกดข่มต่อพวกเรามากเกินไปแล้ว แม้จะมีฝาครอบจิติญญาความลับ์ พวกเราสามารถใช้พลังเพียงแค่จักรพรรดิาเท่านั้น ถึงแม้จะสามารถจัดการกับพวกนั้นที่ฐานการบ่มเพาะถูกสะกดข่มในขั้นราชันาขั้นต้นได้สบาย แต่ทุกคนอย่าได้ลืมว่า สำนักอื่นๆ ที่เหลือก็มีสมบัติวิเศษจิติญญาที่สามารถป้องกันเจตจำนงคุนเผิงด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าหากเ้าผลีผลามรีบลงมือ จะต้องทำให้เกิดศึการะหว่างสำนักนิกายขึ้นอย่างแน่นอน เื่นี้ยังคงต้องปรึกษาหารือกันดีๆ กับตัวประหลาดเฒ่าอีกหลายคนของสำนักนิกายอื่นๆ สักครั้ง หลายปีมานี้ สำนักกระบี่ิญญากระทำเื่ราวเลยเถิดมากมาย น่านน้ำมหาสมุทรคุนเผิงแห่งนี้ พวกเราต้องไปเยือนอย่างแน่นอน แต่ว่ายังมิใช่ตอนนี้”
“ศิษย์น้องเทียนฉานกล่าวถูกต้องแล้ว พวกเราสมควรปรึกษาหารือดีๆ กับตัวประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ สักครั้ง หาก้าเคลื่อนไหว ก็้าให้พวกเขาได้รับาเ็ที่เส้นเอ็นหรือกระดูกด้วย ร่วมลงมือทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย มิใช่เพียงแค่บ้าน้ำลายอย่างเดียวเท่านั้น” ในน้ำเสียงของเยว่หลิงซานมีสำนึกการฆ่าฟันอันเข้มข้น ทุกคนในห้องโดยสารรู้สึกได้ถึงกลิ่นของมรสุมฝนฟ้าคะนองที่ใกล้มาเยือนชนิดหนึ่ง
“เหวินซิว เ้าเข้าใจการจัดทัพกองทัพราชันสัตว์อสูร ต่อไปเ้าก็นำกองทัพราชันสัตว์อสูรเข้าไปเถอะ ในน่านน้ำมหาสมุทรผืนนี้ ฐานการบ่มเพาะถูกสะกดข่มอยู่ในราชันาขั้นต้น ไม่มีข้อได้เปรียบใดเหนือไปกว่าสัตว์อสูรผู้มีกายเนื้อแข็งแกร่งอย่างยิ่งอีกแล้ว ข้ากลับจะ้าดูว่า เป็ศิษย์ฝีมือสูงล้ำของพวกเขาร้ายกาจ หรือว่ากองทัพหมื่นราชันสัตว์อสูรแห่งสำนักบริบาลเดรัจฉานของพวกเราร้ายกาจยิ่งกว่า!”
เทียนฉานจื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง ในฐานะอดีตเ้าสำนักบริบาลเดรัจฉาน ถึงแม้เขาจะถอยมาอยู่หลังฉาก เพื่อตั้งอกตั้งใจหมั่นฝึกฌานบ่มเพาะพลัง แต่ถ้าหากเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักบริบาลเดรัจฉานแล้ว เขาล้วนตัดใจปล่อยวางไม่ได้ไม่น้อยไปกว่าผู้ใด
ได้ยินว่าบรรดาศิษย์สำนักตนถูกข่มเหงรังแกในน่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้ หลายสำนักนิกายสำคัญๆ นอกมหาสมุทรได้ป้องปรามการช่วยเหลือของเยว่หลิงซานโดยปริยาย อยู่อย่างเงียบสงบยิ่งนัก เทียนฉานจื่อเดือดดาลเป็ฟืนเป็ไฟขึ้นมาทันใด ไม่เพียงแต่เดินทางมานั่งสั่งการด้วยตนเองเท่านั้น ยังนำกองทัพหมื่นราชันสัตว์อสูรแห่งสำนักบริบาลเดรัจฉานมาด้วย กองทัพราชันสัตว์อสูรนี้ประกอบด้วยสัตว์อสูรจิติญญาระดับสี่ทั้งหมด พลังการต่อสู้น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
เลวี่ยเหวินซิวลิงโลดยินดียิ่งนัก ลอบรำพึงในใจ “ศิษย์ที่แสนประเสริฐของข้า เ้าจะต้องยืดหยัดให้ได้ อาจารย์นำกำลังเสริมมาให้เ้าแล้ว ถ้าเ้าเสียชีวิตแล้ว ข้าจะให้ศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาและศิษย์ตระกูลหนานกงร่วมฝังไปกับเ้า!”