การเอ่ยเรียกครั้งนี้ทำให้สีหน้าผู้คนในเหตุการณ์ผิดแปลกแตกต่างกัน
ยามที่เหนียนเย่ายังไม่ได้กลับมาที่จวนได้ฟังหนานกงเยวี่ยพูดถึงเื่ของเหนียนยวี่จากทางจดหมายยามนี้ได้เห็นเหนียนยวี่แต่งกายเป็สตรี สีหน้าจึงไม่น่ามองเป็อย่างยิ่ง
หนานกงเยวี่ยตั้งใจจะโยนความผิดให้เหนียนยวี่ทั้งหมดทว่ากลับผิดพลาดจนทำให้เหนียนเฉิงต้องมารับโทษ นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเกลียดชังชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศในห้องโถงเริ่มแปลกไป
“ท่านย่า นี่คือ‘น้องยวี่เอ๋อร์’ ” เหนียนอีหลานเอ่ยปาก “น้องยวี่เอ๋อร์ยังไม่รีบมาหาท่านย่าอีก?”
“น้องยวี่เอ๋อร์? ผู้ใดคือยวี่เอ๋อร์? เ้าคิดว่ายายแก่เช่นข้าเลอะเลือนแล้วหรือ? เ้ามีน้องสาวแค่คนเดียว คือชิ่นเอ๋อร์ น้องยวี่เอ๋อร์นั่นมาจากที่ใดกัน?” ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนหัวเราะ พลางมองไปที่เหนียนยวี่ที่เดินมาข้างหน้าโครงร่างและรูปลักษณ์ใบหน้าที่ดูคุ้นเคย
“เหนียนยวี่คารวะท่านย่า”เหนียนยวี่เคารพฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนด้วยท่าฝูเชิน ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนมักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่จวนรองฉีชานไม่ค่อยได้กลับจวนหลักเท่าใดนัก พวกนางจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พบเจอกันเหนียนยวี่สงสัยว่าฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนผู้นี้จะรู้หรือไม่ว่านางเป็ใคร
“เหนียนยวี่...” ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนคิดใคร่ครวญชื่อนี้ นางขมวดคิ้วแน่นราวกับไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“ไอ๊หยา ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนของข้า เหนียนยวี่พี่สาวหยุนในตอนนั้น...” ลู่ซิวหรงเอ่ยปากขึ้น ‘พี่สาวหยุน’ ทว่าพูดได้เพียงสามคำราวกับไปแตะต้องข้อห้ามบางอย่าง นางรีบหุบปากทันที
‘พี่สาวหยุน’ เพียงคำสามคำนี้ ราวกับไปแตะเปิดความทรงจำของทุกคนให้เปิดขึ้นแม้แต่สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนก็ยังเปลี่ยนไป
เหนียนยวี่เหลือบมองผู้คนในที่แห่งนี้ นางรู้ดีว่า ‘พี่สาวหยุน’ ที่ลู่ซิวหรงพูดถึงคือมารดาของตนและก็ยังรู้ว่ามารดาของนางเป็สิ่งที่ห้ามเอ่ยถึงในจวนเหนียน ทว่าแม้แต่กับฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนก็ยังนับเป็สิ่งต้องห้ามด้วยหรือ?
“ฮ่าๆ เ้ามองข้าเช่นนี้ ข้ารู้แล้ว ข้านี่มันปากไม่มีหูรูดจริงๆ ”ลู่ซิวหรงหัวเราะกลบเกลื่อน “เหนียนยวี่คือคุณชายสองจวนเหนียนของเรายามนี้กลายเป็คุณหนูสองแล้วเ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนเหลือบมองเหนียนยวี่ สายตาเฉยชาราบเรียบชั่วพริบตาเดียวนางก็เบนสายตาออก ราวกับลืมเื่ที่เกิดขึ้นตอนนี้ รวมถึงการมีอยู่ของเหนียนยวี่ด้วยฮูหยินเฒ่ายันตัวลุกขึ้นด้วยไม้ค้ำ “ยายแก่อย่างข้าเหนื่อยแล้วนั่งรถม้าเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาตลอดทาง ราวกับกระดูกข้าจะแหลกอีหลานเ้าไปที่ห้องกับข้า นวดตัวให้ข้าสักหน่อยเถิด”
“ได้เ้าค่ะท่านย่า” เหนียนอีหลานยิ้มอย่างสดใสช่วยประคองฮูหยินผู้เฒ่าออกจากห้องโถง ตอนที่พวกนางเดินผ่านเหนียนยวี่ เหนียนอีหลานหันมองเหนียนยวี่ด้วยสายตาปลอบใจเหนียนยวี่รู้สึกถึงอารมณ์ ‘ความรักลึกซึ่งฉันพี่น้อง’ ของนาง ทว่าถัดไปเพียงชั่ววินาที กลับเห็นแววตาพึงพอใจของเหนียนอีหลานได้อย่างชัดเจน
แววตานั่นบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าแม้นางจะหวนคืนฐานะบุตรธิดาแล้วจะอย่างไร?
ยังคงไม่มีผู้ใดสบตานาง และเหนียนอีหลานก็ยังเป็คุณหนูผู้ร่ำรวยที่ผู้คนในจวนเหนียนรักใคร่!
ในใจเหนียนยวี่เกิดความประชดประชัน นางมองตามแผ่นหลังของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนสายตาดำดิ่งหนักแน่น ดูเหมือนท่านย่าของนางผู้นี้จะไม่ต้อนรับนางและมารดาของนาง!
ชาติก่อน จิตใจของนางล้วนขึ้นอยู่กับจ้าวเยี่ยน การต่อสู้ในาครั้งแล้วครั้งเล่าแทบจะกลายเป็ชีวิตของนางแม้ว่านางจะรู้ว่าเื่มารดาของนางเป็เื่ต้องห้ามในจวนเหนียนทว่านางก็ไม่มีเวลามาหาสาเหตุ ทว่ายามนี้นางอยากจะสืบหาสาเหตุนั้นสักครั้ง
“คุกเข่าลง!”
เหนียนยวี่กำลังครุ่นคิด ในห้องโถง เหนียนเย่าะโเสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยวดึงสติของนางคืนมา
เสียงที่ดังบอกให้คุกเข่านั้นพุ่งเข้ามาที่เหนียนยวี่
เหนียนยวี่รู้ตัว ในใจนางเข้าใจแจ่มแจ้ง แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะเดินออกไปแล้วทว่าที่นี่ยังมีคนที่อยากคิดบัญชีกับนางอยู่!
“ท่านพ่อ” เหนียนยวี่เรียกอย่างไม่คุ้นชิน นางรู้ว่าควรคุกเข่าลงตรงหน้าเหนียนเย่าซึ่งทันทีที่นางคุกเข่าลงไป เสียงะโอย่างโมโหของเหนียนเย่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง“เ้าเอาความหาญกล้าในการเรียกคืนฐานะธิดามาจากผู้ใด?”
ใบหน้าเหนียนเย่ามืดมน ครั้นเขาได้เห็นจดหมายที่หนานกงเยวี่ยส่งมาในใจของเขาโกรธเกรี้ยวอยู่ตลอด เหนียนยวี่ผู้นี้หาญกล้าเช่นนี้ั้แ่เมื่อไหร่!
“เหอะ นางปีกกล้าขาแข็งเสียแล้ว ท่านพี่ นางคงไม่รู้ว่ายามนี้ ข้าคนนี้เป็มารดานางจะสั่งสอนให้นางทำตัวอย่างไร นางก็กล้าที่จะไม่ฟังแล้ว”หนานกงเยวี่ยกล่าวอย่างเ็า สองสามวันมานี้ ถ้าไม่ใช่ว่านางยุ่งวุ่นวายอยู่กับเื่เฉิงเอ๋อร์นางคงสั่งสอนเหนียนยวี่ไปนานแล้ว มองดูเหนียนยวี่แต่งกายเช่นสตรีเช่นนี้หนานกงเยวี่ยกลับรู้สึกขัดตายิ่งนัก
สอนให้นางวางตัว?
เหอะ เหนียนยวี่ฟังแล้วรู้สึกขำทว่ากลับทำสีหน้าหวาดกลัวตื่นตระหนก “ยวี่เอ๋อร์มิกล้าวันนั้นยวี่เอ๋อร์ะโลงไปช่วยองค์หญิงใหญ่ชิงเหอที่ตกลงไปในน้ำอย่างไม่ได้ตั้งใจเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนจึงเปียกน้ำทำให้ซ่อนตัวตนเอาไว้ไม่ได้ จึงจำใจต้องใส่ชุดสตรีโชคดีที่องค์หญิงชิงเหอทรงมีพระเมตตา ท่านประทานป้ายอภัยโทษให้เหนียนยวี่ทำให้ตระกูลเหนียนไม่ได้รับโทษทัณฑ์เ้าค่ะ”
“ป้ายอภัยโทษหรือ? องค์หญิงใหญ่ชิงเหอ...”เหนียนเย่าเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย “เ้าช่วยองค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอาไว้หรือ?
เหนียนเย่าเหลือบมองหนานกงเยวี่ยเหตุใดหนานกงเยวี่ยถึงไม่เล่าเื่นี้ในจดหมายเล่า?
คาดไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงใหญ่ชิงเหอจะทรงประทานป้ายอภัยโทษที่เป็ของล้ำค่าเช่นนั้นให้เหนียนยวี่?
มีบางอย่างผิดแปลกบนใบหน้าของหนานกงเยวี่ย นางกำลังจะเอ่ยบางสิ่ง ทว่าเสียงของลู่ซิวหรงก็ดังขึ้นมาก่อน
“มิใช่หรือ? องค์หญิงใหญ่ชิงเหอยังทรง้ารับคุณหนูสองเป็ธิดาบุญธรรมด้วย!” ลู่ซิวหรงยิ้ม “ตอนนี้เหลือเพียงแค่สาส์นรับรองคุณหนูสองของตระกูลเราก็จะกลายเป็คนในราชวงศ์ครึ่งหนึ่ง ฐานะหรือตำแหน่งก็จะไม่เหมือนเดิมแล้วเหอะ สกุลก็ไม่เหมือนเดิมเช่นกัน...”
คำพูดของลู่ซิวหรงตั้งใจที่จะพูดไม่จบความหมายกลับไม่เหมือนที่กล่าว อนุไม่กี่คนรู้สถานการณ์ของเหนียนยวี่
คำพูดนี้ราวกับตั้งใจจะพูดให้หนานกงเยวี่ยฟัง และก็เป็อย่างที่คิดหนานกงเยวี่ยเริ่มนั่งไม่ติด
“ช่วยชีวิตองค์หญิงใหญ่ชิงเหอแล้วอย่างไร? เ้าคิดว่าการเป็ธิดาบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอดีขนาดนั้นเชียวหรือ? ยังไม่ต้องพูดถึงก่อนหน้านี้ ตอนที่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอยังไม่มีทายาทเมืองชุ่นเทียนของพวกเรามีสักกี่คนที่อยากเข้าไปตำหนักขององค์หญิงใหญ่ ทว่ามีใครบ้างที่เข้าไปได้? ยามนี้องค์หญิงใหญ่ทรงตั้งพระครรภ์แล้ว ก็คงคิดถึงแต่บุตรของตนเท่านั้นพวกคนที่อยากจะเข้าไปตำหนักขององค์หญิงใหญ่ เกรงว่าคงจะยากแล้ว”หนานกงเยวี่ยกล่าวอย่างเ็า ความหมายของคำพูดนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง
นางกำลังบอกเหนียนเย่าว่า เื่องค์หญิงใหญ่เป็เื่ล้อเล่นบางทีไม่แน่ว่าหลังเื่นี้จบไป นางก็คงลืมสิ้น รับสั่งของราชวงศ์จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมานี่ไม่ใช่สิ่งที่รับรองหรือ?
เหนียนยวี่นางคิดอยากจะเป็ธิดาบุญธรรม?นั่นคงจะเป็ฝันกลางวันเสียมากกว่า
เหนียนเย่าขมวดคิ้ว ในใจเหนียนยวี่เข้าใจว่าเขากำลังสงสัยว่าเขาควรจะห้ามปรามองค์หญิงหรือไม่?
ในใจเหนียนยวี่หัวเราะเยาะเย้ย บิดาของข้าผู้นี้ยังคงเหมือนชาติก่อนไม่มีผิดเพี้ยน ชั่งข้อดีทบทวนข้อเสีย
“ท่านพ่อเองก็รู้แผนการของวันนี้แต่ก่อนเขาปฎิบัติกับเ้าอย่างรักใคร่ ทว่าตอนนี้มิใช่ว่าเพื่อปกป้องตระกูลเหนียนจึงได้แต่ส่งเ้าไปตายหรือ?
คำพูดที่เหนียนอีหลานเคยพูดกรอกหูนางในชาติก่อนย้อนคืนมาในใจของเหนียนยวี่ยิ่งดำมืดขึ้น
ชาติก่อน นางคือเทพาชื่ออวี่
ในสายตาของบิดาผู้นี้เดิมทีก็คิดถึงแค่ผลประโยช์ของตัวเอง
"ท่านพี่ ท่านคงไม่รู้ถึงความหวาดกลัวในวันนั้นอีกนิดตระกูลเหนียนของพวกเราคงถูกปะาเก้าชั่วโคตรเพราะนางแล้วไม่กี่วันมานี้ข้าเองก็ยังคิดเลยว่า ถ้าสั่งสอนยวี่เอ๋อร์ไม่ดีเกรงว่าวันหน้านางคงทำเื่หายนะที่ใหญ่กว่านี้มาสู่ตระกูลเหนียนของเราแน่ถึงตอนนั้น คงไม่มีป้ายอภัยโทษที่จะสามารถปกป้องตระกูลเหนียนไว้ได้อีกกครั้ง"หนานกงเยวี่ยสังเกตเห็นเหนียนเย่าไม่คิดจะพูดถึงองค์หญิงใหญ่ชิงเหออีก นางคิดถึงเหนียนเฉิงก็ร้องไห้ออกมาทันที"ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเหนียนยวี่ที่ยั่วโทสะฝ่าาพระองค์คงไม่ใจร้ายต่อเฉิงเอ๋อร์ของเราเช่นนี้ เฉิงเอ๋อร์ผู้น่าสงสารของข้าต้องรับโทษรุนแรงเยี่ยงนั้น...เมื่อวานข้าไปจวนหนานกง ท่านแม่เองก็ล้มหมอนนอนเสื่อเพราะสงสารเฉิงเอ๋อร์เหลือเกิน..."
เหนียนยวี่ใเล็กน้อย อยากจะปรบมือดังๆให้หนานกงเยวี่ยั้แ่ต้นจนจบ
เหนียงเฉิงได้รับโทษ เห็นได้ชัดว่าเขาสมควรได้รับมันหนานกงเยวี่ยผู้นี้กลับพาลใส่ผู้อื่น โยนความผิดที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาให้นาง
เหลือเพียงเสียงร้องไห้ของหนานกงเยวี่ยในห้องโถง สายตาของอนุทั้งสามที่ยืนอยู่ข้างๆเข้าใจการเสแสร้งแสดงของหนานกงเยวี่ยดี
ตอนนี้หนานกงเยวี่ยอ้างฮูหยินหนานกงไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังเอาตระกูลหนานกงมาข่มสามี!
หนานกงเยวี่ยคิดอยากจะทำอะไรกันแน่?
เหอะ นางคงคิดอยากจะให้เหนียนยวี่ะเิอารมณ์ออกมาเป็แน่!
หรือแค่้ายืมมือสามี!
ทว่าสามี...
เป็ดั่งคาด... เพียงเวลาผ่านไปไม่นาน สายตาของเหนียนเย่าเยือกเย็นลงทันที"สั่งสอน... ย่อมต้องสั่งสอนให้ดีเป็ธรรมดา เด็กๆ รับคำสั่ง"