“บุกเข้าไป”
“เร็วเข้า”
เสียงะโดังไปทั่วป่า เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เมื่อเวินซีตั้งสติได้ก็ขมวดคิ้ว รีบลงจากรถม้าที่พลิกคว่ำพลันออกมาต่อสู้กับกลุ่มโจรกลุ่มแรก
จ้าวต้านและสืออีลงจากรถและต่อสู้กับพวกโจรด้วย
ทั้งสามคนร่วมมือกัน ในเวลาเพียงธูปก้านเดียวก็สามารถฆ่าพวกโจรไปได้กว่าหนึ่งในสี่ของพวกเขา
ไม่คาดคิดเลยว่าคนในรถจะมีทักษะการต่อสู้ที่เยี่ยมยอดเช่นนี้ ในเวลานั้นเกิดความชุลมุนขึ้นในหมู่โจรป่าทันใด พวกเขาตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ ถูกฆ่าจนจำนวนคนร่อยหรอ
“เข้าไปสู้ ผู้ใดขัดขืนฆ่าให้หมด”
“อดทนไว้ อย่าหนี หากผู้ใดหนีกลับขึ้นเขาไป ข้าจะไม่ไว้ชีวิตพวกเ้าแน่”
“มือธนูอยู่ที่ใด เตรียมตัวให้พร้อม” หัวหน้าใหญ่ต่อสู้พลางพูดให้พวกโจรป่าฮึกเหิม
เมื่อรู้ว่าตนสู้มิได้ ในตอนที่กำลังจะถอย เขาก็จุดดอกไม้ไฟขอความช่วยเหลือ
เมื่อดอกไม้ไฟกระจายไปบนท้องฟ้า พวกโจรคิดว่าจะมีคนมาสมทบอีกจึงฮึกเหิมมากขึ้น พวกเขาพลันต่อสู้อย่างเต็มกำลัง
เวินซีมองพวกโจรป่าด้วยสายตาเ็า พลันสาดผงพิษออกไป
กลิ่นหอมแปลกๆ กระจายอยู่ในอากาศ แต่ไม่มีผู้ใดไหวตัวทัน
ดาบของพวกโจรป่าค่อยๆ ร่วงลงพื้น ร่างกายไร้เรี่ยวแรงและค่อยๆ ล้มลง
เมื่อรู้ว่าเป็ผงอ่อนกระดูก ผู้เป็หัวหน้าใหญ่ก็จ้องไปที่เวินซี
“นางสารเลว ใช้วิธีสกปรกเช่นนี้เลยหรือ?”
“เ้าวางกับดักพวกเรานี่ เ้าก็มิได้สูงส่งอันใด” เวินซีพูดนิ่งๆ สายตาของนางมองไปยังโจรที่ล้มลง
“เ้า...” หัวหน้าใหญ่พูดไม่ออก เขาโมโหหงุดหงิดอยู่นานถึงได้เอ่ยปากขึ้นว่า “ปล่อยเราไป ข้าจะให้พวกเ้าออกจากเขาไป มิเช่นนั้นหากคนของข้ามาถึง พวกเ้าอย่าได้คิดจะมีชีวิตออกไปเลย หากไม่เชื่อก็ลองดู”
“ใช่ ข้าจะบอกให้พวกเ้าปล่อยเราไปเสียจะดีกว่า รองหัวหน้าของเรามีทักษะการต่อสู้ชั้นยอด พวกเขาจะทำให้พวกเ้าลำบากแน่ ถึงยามนั้นแม้จะวิงวอนให้ตายก็ไร้ประโยชน์”
“กำลังคนของเราใกล้จะถึงแล้ว อย่าคิดลองดี รีบปล่อยเราไปเสีย”
“ปล่อยเราไป นางบ้า”
“ปล่อยข้า”
......
พวกโจรป่ากับหัวหน้าใหญ่เอาแต่พล่ามเตือนพวกนางไม่หยุด
เวินซีไม่แสดงสีหน้าใด สายตาของนางมองไปที่โจรป่าที่มีรูปร่างสูงสองคนพลันเดินเข้าไป
“ข้าจะแก้พิษให้พวกเ้า แต่พวกเ้าไปย้ายรถม้าของเราออกมาเสีย”
นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่งการ โจรทั้งสองพ่นลมอย่างเ็า สายตามองไปสองข้างทาง
“ฝันไปเถิด!”
“อย่าว่าแต่ถอนพิษเลย แม้เ้าจะฆ่าพวกเราให้ตาย พวกเราก็ไม่ทำงานให้เ้า!”
“นางสารเลว แน่จริงก็ฆ่าเราสิ”
......
โจรทั้งสองมีอารมณ์เดือดพล่านเป็อย่างยิ่ง
เวินซียิ้มพลันโรยผงพิษใส่ร่างของพวกเขา
ทันใดนั้น ตุ่มแดงก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายและคันไปทั้งร่าง
ทั้งสองอยากจะเกา อยากจะกลิ้งไปกับพื้นให้หายคัน แต่ก็ไร้เรี่ยวแรง พวกเขาอดทนได้พักหนึ่งก็ร้องครวญครางอย่างเ็ป
“จะช่วยหรือไม่ช่วย? ข้าให้โอกาสสุดท้ายกับพวกเ้า พิษต่อไปไม่เบาอย่างคราวนี้แน่”
“ช่วย เราช่วยแล้ว ปล่อยเราไปเถิด ขอร้องล่ะ” โจรทั้งสองไม่หลงเหลือท่าทีอย่างเมื่อครู่อีกแล้ว พวกเขารีบรับปากในทันใด
เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่เอาไหน สีหน้าของคนที่เป็หัวหน้าใหญ่ก็มืดลงทันที
“หากพวกเ้าช่วยนาง ไม่ต้องคิดจะกลับไปบนเขาอีก ศักดิ์ศรีของเราถูกพวกเ้าย่ำยีจนป่นปี้หมดแล้ว”
“พวกเ้ารอก่อนเถิด หากข้ามีแรง ข้าจะฆ่าพวกเ้าเป็คนแรก พวกเ้า...อู้...อู้...”
เวินซีจึงฉีกเสื้อผ้าจากโจรป่าคนหนึ่งแล้วยัดใส่ปากเพราะเขามีเสียงดังน่ารำคาญ
จากนั้นนางก็กลับมาถอนพิษให้โจรทั้งสองคนนั้น
เมื่อร่างกายเริ่มฟื้นตัวกลับมา โจรป่าทั้งสองคนก็ไม่กล้าอิดออด จึงรีบไปย้ายรถม้า
เมื่อรู้สึกว่ารถม้าเริ่มสั่นและมีผู้คนเดินไปมา หรานอิ่งชุนที่อยู่ในรถก็หวาดกลัว นางลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะะโลงมาจากรถม้า
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่นางทันที
“เ้ายังไม่ตายอย่างนั้นหรือ?” โจรคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความสับสน
สายตาของเวินซีพลันมองไปที่เขาทันที “เ้าหมายความเช่นไร?”
นางมองเขาด้วยสายตาเย็นะเื
เมื่อรู้ว่าตนเองพูดผิดไป โจรป่าก็หลบสายตาทันที
“คุณหนูเวิน” หรานอิ่งชุนเดินไปข้างเวินซีพลันคว้าแขนของนางไว้แน่น
เวินซีหรี่ตาลงเล็กน้อย เหลือบมองนางพลันหันไปที่โจรป่า
“พูดมา!” นางะโเสียงแข็ง
แต่โจรป่ายังคงนิ่งเงียบ
เมื่อเห็นเช่นนั้น เวินซีก็แกะแขนของนางออก แล้วเดินไปหาเขาช้าๆ
เงาของนางทอดลงบนร่างของโจรป่า เขาตัวสั่นอยากจะพูดออกมา แต่เมื่อเห็นสายตาเตือนของหัวหน้าใหญ่ เขาก็เอาแต่เม้มปากแน่นไม่เอ่ยคำใด
เวินซีแสยะยิ้ม ในตอนที่นางกำลังจะโปรยผงพิษ ทันใดนั้นรอบๆ ข้างก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้น
เวินซีเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย ก่อนจะเห็นว่าตรงหน้าพวกเขามีโจรป่ากลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามาพร้อมกับดาบในมือ
คนที่นำกลุ่มโจรมาเป็สตรีในชุดแดง นางขี่ม้า ถือแส้ยาวสีดำ
ดวงตาของนางจับจ้องไปที่เวินซี เมื่อเข้ามาใกล้ก็ะโลงจากหลังม้าแล้วเหวี่ยงแส้ยาวใส่ ซึ่งเป็การเคลื่อนไหวที่แม่นยำและรวดเร็ว
เวินซีรีบถอยหนี แทบจะไม่รอดจากการโจมตีของนาง
“รองหัวหน้า รีบช่วยเราด้วยขอรับ” โจรสองคนที่กำลังเคลื่อนย้ายม้า เมื่อมองเห็นสตรีนางนั้นก็ปล่อยม้าทิ้งไป แววตาของพวกเขาร้อนผ่าวและแดงก่ำ
สตรีผู้นั้นเหลือบมองทั้งสองคนพลันมองดูที่พื้น สีหน้าของนางก็จริงจังมากขึ้นพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็า “กองขยะดีๆ นี่เอง งานแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จ”
“อู้...อู้...” ในขณะนั้นหัวหน้าใหญ่ก็มีอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่าน เขาคิดจะขัดขืนแต่ทำได้เพียงส่งเสียงโอดครวญ
สตรีผู้นั้นไม่อยากจะสนใจเขา จึงหันไปมองเวินซีด้วยสายตาเยือกเย็น หวดแส้ในมือออกมาอีกคราราวกับงูตัวยาว แล้วเข้าโจมตีเวินซีอย่างหนักหน่วง
ดวงตาของเวินซีมืดมน นางเปลี่ยนไปใช้กริชแทงเข้าไปที่แส้
สตรีผู้นั้นหัวเราะเยาะพลันขยับมือเล็กน้อย แส้ก็พันรอบกริชและหวดไปที่แขนของเวินซี กลายเป็ว่าแส้นั้นติดใบมีด มันแทงเข้าไปในเนื้อของนางทันที
“คุณหนูเวินซี!”
เมื่อเห็นว่านางาเ็ สืออีก็ถือดาบพุ่งเข้าไป
เขาใช้ดาบฟันแส้ ทำให้ใบมีดพลันหลุดออก
สตรีนางนั้นยกมือจะโจมตีอีกครา แต่สืออีมายืนบังเวินซีไว้ สายตาของเขาเตรียมพร้อมจะต่อสู้กับสตรีนางนั้น
นางแสยะยิ้ม เก็บแส้ยาวกลับไปพันไว้รอบเอว จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบคันธนูที่สะพายไว้ด้านหลังและเล็งไปที่สืออีทันที
หัวธนูอาบพิษเป็สีเขียว
เวินซีขมวดคิ้ว เมื่อความเ็ปที่แขนบรรเทาลง นางก็รีบเข้าไป สตรีนางนั้นยกคันธนูขึ้น แล้วเล็งไปที่เวินซีแทน
ธนูถูกดึงออกช้าๆ ในตอนที่นางกำลังจะปล่อยมือ จ้าวต้านก็เข้ามายืนบังไว้ แต่ทันทีที่นางเห็นจ้าวต้าน แววตาก็เบิกกว้าง มือที่ถือคันธนูนั้นเอียงออกไป ลูกธนูพลันตกลงบนพื้นแทน
เมื่อเห็นว่าจ้าวต้านไม่ได้รับาเ็ นางก็พลันถอนหายใจโล่งอก แล้วโยนคันธนูลงพื้นพร้อมกับคุกเข่าลงทันที
“คารวะ แม่ทัพต้านเ้าค่ะ”
ด้วยคำทักทายนั้นทำให้เวินซีและสืออีหยุดชะงัก สายตาของทั้งสองมองไปที่จ้าวต้าน
จ้าวต้านหรี่ตาลงมองดูรูปลักษณ์ของสตรีนางนั้น ไม่นานเขาก็เอ่ยปากถามว่า “เ้าคือซูเหอหรือ?”
“แม่ทัพต้าน ข้าเองเ้าค่ะ” สตรีผู้นั้นดูมีความสุขพลันรับคำทันที
“เ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร? เหตุใดถึงได้มาเป็รองหัวหน้าของพวกโจรป่า หากข้าจำไม่ผิด เ้ามิได้...ออกเรือนไปแล้วหรือ?” จ้าวต้านขมวดคิ้วแน่น