“ปล่อยเราออกไป พวกเ้าจะอยู่รอความตายกันที่นี่ก็อย่าเอาเราไปเอี่ยวสิ”
“ใช่ รีบหลบไป มิเช่นนั้นวันนี้เราจะทำลายประตูนี้แน่”
“หลีกทางไป!”
“เปิดทางให้เรา!”
......
ในยามนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ผู้คนที่อยู่หน้าประตูเมืองต่างพากันโห่ร้องด้วยความโมโห พวกเขาถือคบเพลิงเพื่อมุ่งหน้าสู่ประตูทางออก แต่มีเ้าหน้าที่ยืนถือดาบคอยกันไว้และบีบบังคับให้พวกเขาถอยหลังลงเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าผู้ใดเริ่มขว้างหิน คนอื่นๆ จึงพากันทำตาม เ้าหน้าที่ที่อยู่แถวแรกถูกทุบตีจนเืไหลเต็มตัวไปหมด แต่พวกเขาก็ยังเฝ้าประตูไม่ยอมหนีไป
ยามนี้เกิดโรคระบาดภายในเมือง พวกเขาไม่รู้ว่ามีชาวบ้านคนใดติดเชื้อไปแล้วบ้าง หรือยังไม่แสดงอาการ หากปล่อยพวกเขาออกไป หมู่บ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียงจะต้องเดือดร้อนแน่
“หากไม่ยอมปล่อยพวกเราไป อย่าหาว่าเราหยาบคายก็แล้วกัน!” คนขายเนื้อถือมีดเดินเบียดฝูงชนเข้าไปอยู่แถวแรก เขาชี้มีดไปที่เ้าหน้าที่
พวกเขาเพียงแค่อยากมีชีวิตอยู่ มิได้สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ ทั้งนั้น
“ทุกท่าน ใจเย็นๆ ขอรับ เื่นี้เรารอให้ท่านเ้าอำเภอจัดการก่อนเถิด ทุกท่าน......” เ้าหน้าที่พยายามโน้มน้าวประชาชน
“จัดการ? จะจัดการเช่นไร? นี่มันโรคระบาดนะ! อย่าให้รู้ว่าเขาหนีไปเอง!”
“นั่นน่ะสิ!”
ประชาชนโต้เถียงคำของเ้าหน้าที่ และยังคงเดินเบียดเข้าไปไม่หยุด
เ้าหน้าที่ถูกดันจนหลังชิดกับกำแพงประตู
“ในเมื่อไม่หลีกทางให้ อย่ากล่าวโทษพวกเราก็แล้วกัน”
ฝูงชนเอ่ยวาจาอย่างดุเดือด เงาร่างดำๆ ของพวกเขาประทับอยู่บนกำแพง เ้าหน้าที่คนหนึ่งมองเห็นมีดที่คนขายเนื้อโบกอยู่ก็หลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม
ทันใดนั้นเสียงที่ดุดันและเ็าก็ดังขึ้นในความมืด “หากไม่ยอม พวกเ้าจะฆ่าแกงกันเลยหรือ?”
ประชาชนต่างหยุดนิ่งและหันหน้ากลับไปมองที่มาของเสียง
ที่ทางแยก ท่านเ้าอำเภอนำขบวนคนเดินเข้ามา เมื่อเ้าหน้าที่เห็นดังนั้นจึงถอนหายใจโล่งอก
“ท่านเ้าอำเภอ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว พวกเรารอท่านนานมาก รีบให้พวกเขาเปิดประตูให้เราออกไปเดี๋ยวนี้!”
“ท่านเป็ขุนนางผู้ปกครองประชาชน ย่อมต้องคิดถึงประชาชนก่อน ยามนี้จะให้อยู่ในเมืองนี้ต่อไปมิได้แล้ว!”
ผู้คนหันมามองที่เ้าอำเภอ จากนั้นสตรีผู้หนึ่งที่ค่อนข้างมีสิทธิ์มีเสียงก็เดินออกมาพูดกับเขาอย่างเศร้าโศก
เสียงร้องของเด็กๆ ดังออกมาจากฝูงชนในเวลาที่เหมาะสมพอดี ทำให้บรรยากาศยิ่งดูน่าสลดใจ
ท่านเ้าอำเภอมองนางก็ขมวดคิ้ว “ทุกท่านได้โปรดกลับไปเถิด ประตูนี้จะไม่มีวันเปิดให้พวกท่านออกไป”
คำพูดเพียงประโยคเดียวก่อให้เกิดเสียงทักท้วงดังไปทั่ว
“ใต้เท้าเ้าอำเภอ ท่านหมายความเช่นไร? ท่านจะบีบให้พวกเราตายให้ได้เช่นนั้นหรือ?”
“ท่านเ้าอำเภอ หากเป็ข้าคนเดียวก็คงอยู่ต่อได้ไม่มีปัญหา แต่ข้ายังมีลูกเล็กอีกสามคน พวกเขายังเด็กนัก พวกเขาจะเป็อันใดไปมิได้เด็ดขาด”
“ท่านใต้เท้า ครอบครัวของเรามิได้ร่ำรวย เราหาผักป่าประทังชีวิตไปวันๆ แต่เวลานี้สูญสิ้นแล้วทุกสิ่ง ท่านจะให้เราอยู่ต่อไปเช่นไร? หากท่านมีทางรักษาโรคระบาดจริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็คงหิวตายไปแล้ว”
“ท่านเ้าอำเภอ ได้โปรดเถิดเ้าค่ะ ทำทานกับพวกเราสักครา ให้พวกเราออกไป พวกเราเพียงแค่อยากจะมีชีวิตรอด ข้าคุกเข่าขอร้องล่ะเ้าค่ะ”
“ท่านเ้าอำเภอ เราคุกเข่าขอร้องท่าน ท่านปล่อยเราไปเถิด”
......
มีเสียงอ้อนวอนดังขึ้นไปทั่ว เมื่อมีคนหนึ่งเริ่มคุกเข่าลง คนอื่นๆ ก็ทำตามไปด้วยและโขกศีรษะขอร้อง
เมื่อเห็นว่าพวกเขายังยืนกรานที่จะออกไป แววตาของเ้าอำเภอก็เต็มไปด้วยความรำคาญใจ
“ท่านเ้าอำเภอ หากมิใช่ว่าท่านปฏิบัติต่อประชาชนอย่างจริงใจตลอดมา พวกเราคงไม่พูดกับท่านอย่างถนอมน้ำใจเช่นนี้ ท่านให้พวกเราออกไปเถิดเ้าค่ะ” สตรีผู้หนึ่งพูดขึ้นอีกครา
บัดนี้ที่ประตูเมืองมีเพียงเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านเ้าอำเภอก็อธิบายด้วยความอดทนว่า “ทุกท่าน ใช่ว่าข้าจะไม่ให้พวกท่านออกไป แต่หากข้าทำเช่นนั้น โรคระบาดนี้จะต้องแพร่ออกไปข้างนอก ถึงตอนนั้น...”
“ท่านใต้เท้า จะให้เราออกไปหรือไม่ ท่านพูดมาตรงๆ เลยเถิด”
ประชาชนเอ่ยขัด ก่อนที่ทุกคนจะพากันลุกขึ้น จ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง
เวลานี้พวกเขาเพียงแค่อยากจะออกไป ไม่รับฟังสิ่งใดทั้งนั้น
“วันนี้หากผู้ใดกล้าออกจากเมืองจะถูกจับเข้าคุกใต้ดินทันที หากขัดขืนและทำร้ายผู้อื่น จะถูกฆ่าทันที” เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ยอมฟัง ทั้งยังพากันไปผลักประตูเมือง ท่าทีของเ้าอำเภอก็ดุดันขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ขุนนางสุนัข ไปตายเสีย”
เมื่อเสียงด่าทอดังขึ้น เ้าอำเภอก็ถูกหินก้อนหนึ่งเขวี้ยงใส่ แต่เขามิได้หลบจึงถูกกระแทกเข้าที่หัว เืไหลในทันใด
เ้าอำเภอกุมศีรษะ มองดูพวกเขาและยกมือขึ้น เ้าหน้าที่ที่ตามมาก็กระจายกันไปล้อมรอบกลุ่มคนไว้
“ทุกท่านได้โปรดแยกย้ายเถิด หากสร้างความวุ่นวายอีกข้าจะให้เ้าหน้าที่ลงมือนะขอรับ” เขาพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ถุย ขุนนางสุนัข ถึงจะฆ่าข้าให้ตายวันนี้ ข้าก็ไม่กลับไป”
“ใช่ อย่างไรเสียหากติดโรคระบาดเราก็ต้องตายอยู่ดี หากท่านฆ่าเราให้ตาย เราก็ไม่ได้กลับไป เปิดประตูให้เราเร็วเข้า!”
......
แม้ในใจของประชาชนจะเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่ความหวาดกลัวต่อโรคระบาดนั้นมีมากกว่า ทำให้พวกเขาต่อต้านอย่างหนัก มีหลายคนที่ถืออาวุธไว้ในมือ และเตรียมพร้อมจะสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง
แต่เ้าหน้าที่ก็ลงมือกับประชาชนมิได้ ไม่นานนักพวกเขาจึงถูกกลุ่มคนบีบให้จนมุมอีกครา
“ท่านเ้าอำเภอ ในเมื่อพวกเขาจะออกไป เช่นนั้นเราก็ปล่อยพวกเขาไปเลยสิเ้าคะ” เวินซีเดินไปข้างๆ เขาแล้วพูดต่อหน้าทุกคนด้วยน้ำเสียงชัดเจน
เสียงของนางมิได้ดังนัก แต่ในค่ำคืนที่เงียบสงัดกลับกังวานเป็พิเศษ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่นาง
เ้าอำเภอถึงกับหยุดชะงักและหันไปมองอย่างไม่อยากเชื่อหูของตน “คุณหนูเวินซี เหตุใดเ้าเองถึงได้...เห้อ...”
น้ำเสียงของเขาต่อจากนั้นกลายเป็เสียงถอนหายใจหนักๆ
เขาคิดว่าเวินซีจะแตกต่างจากสตรีอื่น แต่เหมือนว่าตนจะคิดมากไปเอง สตรีนางหนึ่งจะจัดการเื่ที่ใหญ่โตได้เช่นไร...
“ท่านขังพวกเขาไว้ในเมือง พวกเขาก็มีแต่จะต่อต้านและสร้างความวุ่นวาย ถึงยามนั้นก็มีแต่จะสูญเสีย เราปล่อยพวกเขาไปเถิดเ้าค่ะ หันมาดูแลผู้คนที่อยู่ในเมืองก็พอ”
“แต่หากมีคนติดเชื้อ หมู่บ้านใกล้เคียงรอบๆ ก็คง... คุณหนูเวินซี เ้าอย่ามาข้องเกี่ยวกับเื่นี้จะดีกว่า” ท่านเ้าอำเภอมีสีหน้าเคร่งขรึมแล้วเอ่ยอย่างเ็า
“หมู่บ้านรอบๆ ไม่มีทางติดโรคหรอกเ้าค่ะ” เวินซีหัวเราะและพูดให้ดังขึ้น “ข่าวโรคระบาดในเมืองน่าจะแพร่ไปทั่วแล้ว ท่านคิดหรือว่าพวกเขาจะให้คนนอกเข้าเมือง?”
“หากคนเหล่านี้ออกไป คงทำได้เพียงระเห็จระเหินอยู่ในป่า หรือไม่ก็ต้องเดินไปยังเมืองที่อยู่ห่างไกลอีก แต่ในตอนที่พวกเขาไปถึงอีกเมืองหนึ่ง ข่าวก็คงแพร่ออกไปถึงแล้วเช่นกัน”
“พวกเขาจะได้เข้าเมืองหรือไม่นั้นเป็อีกเื่ จะหิวตายระหว่างทางหรือไม่ก็เป็อีกปัญหา”
คำพูดของเวินซีล้วนมีเหตุผล ดั่งค้อนที่ตอกลงในใจของกลุ่มคนที่คิดจะออกไป พวกเขามองหน้ากันด้วยความสิ้นหวัง
ท่านเ้าอำเภอเข้าใจสิ่งที่เวินซีจะสื่อในทันที ใบหน้าของเขาแสยะยิ้ม พลันเอ่ยปากให้ความร่วมมือ “ในเมื่อเป็เช่นนั้น เราก็เปิดประตูเถิด”
“ขอรับ”
เ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหน้าเปิดประตูออกเป็ช่องว่างพอให้คนผ่านไปได้
“ทุกท่าน หากคิดจะออกไป ก็ไปเถิด แต่ทุกท่านต้องคิดให้ดีนะขอรับ หากออกไปแล้วอย่าได้กลับมาอีก” ท่านเ้าอำเภอพูดพลางมองไปที่ประตู
ผู้คนกลับไม่เคลื่อนไหว สายตาเต็มไปด้วยความลังเล
หากออกไป พวกเขาก็กลัวว่าจะกลายเป็หนูข้างถนน ถูกทุบตีเมื่อมีผู้อื่นพบเจอ แต่จะให้อยู่ในเมืองนี้ต่อไปและรอความตายหรือ...
“ข้าให้เวลาพวกท่านคิดหนึ่งก้านธูป หากหมดเวลาแล้วพวกท่านยังไม่ออกไป ก็ถือว่าพวกท่าน้าจะอยู่ที่นี่นะขอรับ”
ในเวลาต่อมา ธูปก้านหนึ่งพลันมอดลงท่ามกลางความมืด
ท่านเ้าอำเภอมองดูกลุ่มคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ความกังวลใจก็ลดลง
พวกเขามิได้เคลื่อนไหว เช่นนั้นก็วางใจได้แล้ว...