ณ บ้านของจุนห่าวและหานรุ่ย ที่หมู่บ้านเหมยหลิน
ั้แ่ที่จุนห่าวจากไป จุนฟานก็เริ่มกระสับกระส่าย ไม่มีกะจิตกะใจที่จะบำเพ็ญเพียร ในทุกวันหากเขาไม่เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ก็จะเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน จุนเช่อก็เป็กังวลเช่นเดียวกัน พอเห็นจุนฟานกระสับกระส่าย เขาก็ปลอบใจจุนฟานอยู่บ้าง แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เขาจึงไม่ปลอบใจจุนฟานอีก จุนเช่อรู้ซึ้งถึงความสำคัญของความแข็งแกร่งแล้ว เขาจึงใช้เวลาทั้งหมดไปกับการบำเพ็ญเพียร หลายวันมานี้เขาได้รวบรวมพลังปราณหลังจากที่ได้เลื่อนขั้น จิตใจที่กระสับกระส่ายของเขาจึงสงบลงไม่น้อย
ในที่สุดจุนฟานก็อดรนทนไม่ไหว เขาออกจากบ้านของจุนห่าว และเปลี่ยนไปรอที่ถนนเส้นเดียวของหมู่บ้านแทน เขาได้ยินคนที่กลับมาจากตัวเมืองพูดถึงเื่หมายนำจับ เขาแอบฟังอยู่สักพัก ถึงได้รู้ว่า คำสั่งไล่ล่าเขาและพี่รองถูกเพิกถอนแล้ว เขาวิ่งกลับไปบอกเื่นี้กับจุนเช่อทันที ทั้งสองเดาว่า จุนห่าวทำสำเร็จแล้วในที่สุด ทั้งสองคนก็โล่งใจ จุนเช่อรู้สึกสบายใจขึ้น แต่จุนฟานยังไม่วางใจ เขายังไม่รู้สถานการณ์ของจางหนิงเลย แต่เขารู้ว่า อีกไม่นานพวกจุนห่าวจะต้องกลับมาแน่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไปรอคอยอยู่ที่ถนนในหมู่บ้านตลอด แต่เดิมเขาตั้งใจจะออกไปตามหาพวกเขา แต่เพราะเกรงว่าจะคลาดกัน จึงทำได้แค่เลือกวิธีโง่ ๆ เช่นนี้เท่านั้น
วันนี้จุนฟานก็ออกจากบ้านั้แ่รุ่งสางเหมือนกันกับทุกวัน มื้อเที่ยงของเขาคืออาหารแห้งที่นำมาจากบ้าน เขายืนมองไปสุดทางของถนนอยู่ตลอด ั้แ่เช้าจนพระอาทิตย์ตกดิน แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกจุนห่าวเลย ตอนที่เขากำลังมองดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า จุนฟานก็ทอดถอนใจพลางคิดในใจว่า เฮ้อ ก็ยังคงไม่กลับมา
ในขณะที่จุนฟานกำลังเตรียมตัวกลับบ้านอย่างผิดหวังนั้น ก็มีรถม้าที่กำลังวิ่งควบมาอย่างเร่งรีบคันหนึ่งบนถนน จากนั้นไม่นานก็มาถึงที่เบื้องหน้าของเขา จุนเช่อยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาใด ๆ จู่ ๆ รถม้าก็พลันมาหยุดอยู่ข้างเขา
จุนห่าวนั่งอยู่ด้านนอกข้างคนขับมาตลอด จึงเห็นจุนฟานมาแต่ไกล เลยสั่งให้รถม้าหยุดตรงหน้าจุนฟาน จุนห่าวกล่าวกับจุนฟานว่า “ข้าเห็นท่านมาแต่ไกลแล้ว ขึ้นรถมาเถอะ เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน”
เมื่อจุนฟานได้ฟังคำของจุนห่าวก็ขึ้นรถม้าโดยไม่เอ่ยถามอะไร เพียงครู่เดียวรถม้าก็เข้ามาถึงข้างในหมู่บ้าน หลังจากที่เข้ามาในหมู่บ้านแล้ว รถม้าก็ค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง รถม้าที่จุนห่าวจ้างมาคราวนี้ คือ ‘รถม้าจี๋เฟิง’ ที่ดีที่สุด ม้าจี๋เฟิงมีพลังปราณระดับสูงและมีความรวดเร็วมาก พอจุนห่าวถึงบ้าน ก็จ่ายเงินให้แก่คนขับรถม้า และรถม้าก็ออกไปทันทีโดยไม่จอดพัก
ครั้นจุนฟานเห็นจางหนิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เขาก็โอบกอดจางหนิงโดยไม่พูดอะไร เขากอดแน่นราวกับว่าจางหนิงกำลังจะหายไป เขาซุกลงที่ต้นคอของจางหนิง เพื่อให้แน่ใจว่า จางหนิงได้กลับมาอยู่ข้างกายเขาอีกครั้งแล้ว จางหนิงถูกจุนฟานกอดรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บ แต่อย่างไรก็ตามเขารับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นตรงต้นคอของเขา เขารู้ว่า จุนฟานกำลังร้องไห้ จึงไม่ขยับตัว และปล่อยจุนฟานกอดเช่นนี้ต่อไป
จุนห่าวเข้าใจความปีติหลังจากที่สูญเสียและได้รับสิ่งนั้นคืนมาของจุนฟาน แต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ เขาคิดในใจว่า ตอนนี้ยังคงอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ถ้าจะระบายออกมา แค่ครู่เดียวก็เพียงพอแล้ว แต่พอเขาเห็นว่า จุนฟานกับจางหนิงลืมเขาไปแล้ว และแม้จะผ่านไปสักพักก็ยังไม่เลิกกอดกัน เขาจึงกล่าวกับหานรุ่ยว่า “เสี่ยวรุ่ย เราเข้าไปกันก่อนเถอะ เดินทางมากว่าครึ่งวัน ลูก ๆ คงจะเหนื่อยแย่”
เมื่อได้ฟังคำของจุนห่าว หานรุ่ยก็อุ้มลูกคนหนึ่งเดินเข้าไปในบ้าน พลางมองทั้งสองคนที่พึ่งได้พบกัน หลังจากที่ไม่ได้พบกันมานาน พอเห็นหานรุ่ยเดินเข้าไป จุนห่าวก็อุ้มลูกอีกคนตามไป ด้านนอกจึงเหลือเพียงคู่เป็ดแมนดารินน้อยที่ในที่สุดก็ได้พบกัน หลังจากที่ไม่ได้พบกันมาเนิ่นนานเสียที
