หนีเจียเอ๋อร์ถอยกลับไปยืนอยู่ข้างๆ โจงชิงหวา ที่กำลังนำภาพวาดพู่กันออกมามอบให้ “เว่ยอี๋เหนียง ข้าหวังว่าท่านจะแข็งแรง และสวยงามเช่นนี้ตลอดไป”
นายท่านสกุลหนีลูบเคราตัวเอง ดูชอบอกชอบใจกับประโยคอวยพรนี้ ขณะที่สวีซื่อแค่นเสียงอย่างฮึดฮัดไม่พอใจ
แต่เว่ยอี๋เหนียงแสร้งทำเป็ไม่ได้ยิน แล้วพูดยิ้มๆ “ปากหวานนัก”
หนีเจียเฮ่อหยิบทองคำและเงิน ที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้เมื่อสองสามวันก่อนออกมา “อี๋เหนียง ข้าไม่รู้ว่าจะมอบอะไรให้ดี เลยขอมอบเงินให้ท่านไว้ใช้จ่ายในฤดูร้อนตามใจชอบนะขอรับ”
ลวี่ซย่าบ่าวรับใช้ส่วนตัวของเว่ยอี๋เหนียง ก้าวออกมาข้างหน้า และรับเงินไปด้วยท่าทีนอบน้อม
เมื่อเห็นว่าครอบครัวสกุลหนีผลาญเงินไปครึ่งปีอย่างง่ายดาย สวีซื่อก็ตาแดงก่ำ เพราะนางไม่มีบุตรชาย ทั้งชีวิตจึงเต็มไปด้วยความขมขื่นเช่นนี้
เมื่อผู้เยาว์ในครอบครัวมอบของขวัญเสร็จแล้ว สวีเพ่ยหรานก็ลุกขึ้น ยื่นม้วนภาพวาดให้เ้าของวันเกิด “เว่ยอี๋เหนียง นี่เป็ภาพนกกระเรียนที่ข้าวาดเอง ไม่รู้จะถูกใจอี๋เหนียงหรือไม่”
เขาลงมือโจมตีอย่างเด็ดขาด หากไม่โง่ ย่อมฟังคำพูดเป็นัยๆ นี้ออก สวีเพ่ยหรานกำลังเหยียดหยามภาพวาดที่โจวชิงหวาคัดลอกมา
“คุณชายสวีช่างถ่อมตนนัก ความสามารถของท่านนั้น เลื่องลือไปทั่วทั้งเมือง แม้แต่ฮ่องเต้ก็ทรงยอมรับ จะไม่ถูกใจข้าได้อย่างไร” เว่ยอี๋เหนียงกล่าว แล้วหันไปสั่งสาวใช้ “ลวี่ซย่า เอามาให้ข้าดูหน่อย”
ลวี่ซย่าหยิบม้วนภาพวาดอย่างระมัดระวัง ก่อนคลี่ออก ส่งให้นายหญิง
เว่ยอี๋เหนียงมองภาพนกกระเรียนที่โผบินอย่างสง่างาม ทั้งูเาและดอกไม้ ล้วนตวัดฝีแปรงอย่างแช่มช้อย งดงามกลมกลืนดูเพลินตา จนอดมิได้ที่จะชื่นชม “คุณชายสวีมีพร์เป็อันดับหนึ่ง ทั้งยังฉลาดหลักแหลมยิ่ง...”
แต่แล้วจู่ๆ นางก็ต้องยกมือกุมท้องด้วยความเ็ป ทำภาพหล่นลงบนพื้น ใบหน้าค่อยๆ ซีดเผือด
“อี๋เหนียง เป็อะไรไปเ้าคะ?” หนีเจียเอ๋อร์รีบลุกขึ้นมาประคอง
ใบหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างเ็ปของอีกฝ่าย ยิ่งทำให้หญิงสาวหวาดวิตก เว่ยอี๋เหนียงกัดปากด้วยความเจ็บจนพูดไม่ออก
หนีเจียเอ๋อร์ะโใส่บ่าวรับใช้ “เร็วเข้า ไปตามหมอมา!”
พ่อบ้านจึงรีบวิ่งออกไปโดยเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้
สัญชาตญาณของนางร้องเตือนว่ามีบางอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะภาพวาด หญิงสาวจึงหยิบม้วนภาพมาไล่ดูอย่างระมัดระวัง ไม่นานก็รู้สึกเหมือนจะปวดเสียดท้องอย่างรุนแรง ไม่ต่างจากเว่ยอี๋เหนียง จึงเงยหน้าขึ้นจับจ้องชายหนุ่ม ผู้เป็เ้าของภาพวาด
นางเห็นใบหน้าใสซื่อของสวีเพ่ยหราน ที่ลงมือทำร้ายคนอย่างไม่รู้สึกรู้สา แม้กระทั่งชาติที่แล้ว ตอนที่เขาลงมือบีบคอนาง ก็เป็เช่นนี้
เขาต้องใส่อะไรสักอย่าง ลงไปในภาพวาดแน่ๆ
หนีเจียเอ๋อร์โยนภาพวาดทิ้ง โทสะลุกวาบในดวงตา พร้อมพูดอย่างโกรธแค้น “สวีเพ่ยหราน หากเกิดอะไรขึ้นกับอี๋เหนียง ข้าจะไม่ปล่อยเ้าไว้แน่!”
ชายหนุ่มเบิกตากว้าง สายตาจงเกลียดจงชังของนาง กรีดลึกเข้าไปในจิตใจ เพราะมัวแต่ตระหนก จึงไม่ทันได้เอ่ยแก้ตัว เพียงยืนอึ้งเช่นนั้นอยู่นาน
โจวชิงหวารีบก้าวออกไป พยุงร่างอันอ่อนแรงของหนีเจียเอ๋อร์เอาไว้ “บอกข้าสิ ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
หนีเจียเอ๋อร์ผ่อนร่างลงในอ้อมกอดเขา พยายามอดทนต่ออาการปวดในช่องท้อง แล้วพูดอย่างดื้อดึง “เป็ฝีมือของสวีเพ่ยหราน เขา้าสังหารอี๋เหนียง ข้าจะไม่... ไม่ปล่อยเขาไว้แน่!”
นางแสดงความเกลียดชังอย่างรุนแรง จนตัวสั่นระริก
ชายหนุ่มไม่รู้จะทำเช่นไร จึงกระซิบข้างหูเบาๆ “ถ้าสวีเพ่ยหรานเป็คนทำจริงๆ ข้าจะจัดการเขาเอง”
นายท่านสกุลหนีเป็คนแรกที่ได้สติ เมื่อเห็นว่าเว่ยอี๋เหนียงกำลังจะแย่ ความวิตกกังวลพลันถาโถมเข้าใส่จนทำอะไรไม่ถูก แทบอยากจะเ็ปแทนนาง
สวีซื่อปิดปากซ่อนรอยยิ้ม จากนั้นก็ก้าวไปถามเสียงเสแสร้ง “นายท่าน เกิดอะไรขึ้นหรือเ้าคะ?”
จู่ๆ นายท่านหนีก็คล้ายจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงจับจ้องนางอย่างกดดัน แล้วเอ่ยถามเสียงแข็ง “บอกมาสิ ว่าใช่ฝีมือของเ้าหรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์ร่วมมือกับโจวชิงหวา เพื่อถอดหน้ากากฆาตกร ไม่แน่ว่าสวีซื่ออาจจะร่วมมือกับสวีเพ่ยหราน มาทำร้ายนางกับมารดา
สวีซื่อหน้าถอดสี “มิใช่ข้า!”
นางชี้ไปที่เว่ยอี๋เหนียงด้วยสายตาอัดอั้นตันใจ “นายท่าน ลืมไปแล้วหรือ? ว่าข้าก็เป็ภรรยาท่านเช่นกัน หากมิใช่เพราะสกุลสวีของข้า ท่านจะได้ดิบได้ดีในหน้าที่การงาน ทำอะไรราบรื่นเช่นนี้หรือ! แต่ท่านกลับไร้จิตสำนึก มากล่าวโทษข้าเพราะอนุชั้นต่ำนี่”
นายท่านหนีที่รักหน้าตาและชื่อเสียง เกลียดคนทวงบุญคุณนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับผู้ที่กล่าวหาว่าเขาติดหนี้สกุลสวี “สวีซื่อ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเว่ยอี๋เหนียงและเสี่ยวเอ๋อร์ ข้าจะทำทุกอย่าง เพื่อทวงความเป็ธรรมให้พวกนาง”
สวีซื่อไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้มาก่อน นางเบิกตากว้าง ก่อนหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง จนผู้คนขนลุกชัน
หนีจวิ้นหว่านเกรงว่าผู้เป็มารดาจะโมโหจนไม่สนอันใดอีก จึงกัดฟัน ลุกขึ้นไปหยิบภาพวาดนกกระเรียน
แต่หนีเจียเอ๋อร์ ชิงคว้าภาพออกจากมือนางมาโยนทิ้ง “อยากตายหรืออย่างไร?”
ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่หนีจวิ้นหว่านชั่วคราว แต่นางไม่สนใจใคร นอกจากพุ่งตัวไปอ้อนวอนบิดา “ท่านพ่อ ท่านกำลังเข้าใจท่านแม่ผิด...”
ยังไม่ทันจบประโยค บ่าวรับใช้ก็วิ่งมาเข้ารายงาน พร้อมกล่องยาในมือ “นายท่าน หมอมาแล้วเ้าค่ะ”
ผู้เป็หมอที่วิ่งตามมา ทำความเคารพอย่างรีบร้อน แต่ถูกนายท่านหนีห้ามเอาไว้
ทุกคนได้แต่รอให้หมอตรวจดูอาการผู้ป่วยทีละคน มีเพียงหนีจวิ้นหว่านที่รู้สึกร้อนรน เพราะเกรงกลัวคำวินิจฉัยของเขา
หมอผู้นั้นลุกขึ้นยืน สีหน้าผ่อนคลายลง “นายท่าน ไม่ต้องห่วง พิษยังมิได้ลุกลามไปทั่วร่าง ตอนนี้จึงไม่มีอันตรายอันใด นอกจากปวดท้องเท่านั้น”
หนีเจียเฮ่อใ “พิษหรือ? เ้าวินิจฉัยผิดแล้ว...”
หมอจึงเอ่ยว่า “นายน้อย พวกนางถูกพิษจริงๆ ขอรับ เดี๋ยวข้าจะเขียนเทียบยาให้ เพื่อบรรเทาอาการปวดท้องก่อน แล้วจะรีบกลับไปค้นหาวิธีถอนพิษ...”
ทันใดนั้น โจวชิงหวาก็ตวาดออกมาด้วยความโมโห
“หยุดพูดพล่ามไร้สาระ แล้วไปเอายามาเสีย!”
หมอสะดุ้งเฮือก ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีก
โจวชิงหวาอุ้มหนีเจียเอ๋อร์ไปส่งให้หนีเจียเฮ่อ พร้อมพูดเสียงเยือกเย็น “พานางไปพักและดูแลอย่างใกล้ชิด ข้าจะไปเอายามาเอง”
ว่าแล้ว ก็ทะยานออกไปโดยไม่เหลียวหลัง
ผู้ต้องพิษทั้งสาม ถูกพยุงกลับไปยังเรือนของแต่ละคน ส่วนสวีซื่อ ก็มีบ่าวรับใช้พาตัวไปเช่นกัน
ยามนี้ ในห้องโถงใหญ่ จึงเหลือเพียงนายท่านสกุลหนีและสวีเพ่ยหราน
ชายหนุ่มยังคงใกับแววตาของหนีเจียเอ๋อร์ ด้วยมองเห็นความเกลียดชังมากมายในดวงตานาง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใด รูปที่ตัวเองอุตส่าห์วาดมาครึ่งเดือน จึงกลายเป็ชนวนเหตุ ที่ก่อให้เกิดความบาดหมางระหว่างตนกับหนีเจียเอ๋อร์ไปได้?
ชายหนุ่มก้มลงเก็บภาพวาดขึ้นมา แต่ก็ถูกนายท่านหนีปัดทิ้ง
ดวงตาของเขาฉายแววเกรี้ยวกราด เส้นเืบนหน้าผากปูดโปนจนเห็นได้ชัด “เ้าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมทำลายหลักฐานหรือ? หากบอกว่าสกุลสวีของเ้าไม่มีส่วนรู้เห็น คงยากที่จะเชื่อ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้